“เช้านี้ผมจะทำอาหารที่ง่ายๆสักอย่างหนึ่งก่อน คราวหน้าค่อยทำอาหารที่มันหลากหลายมากกว่านี้”
“ท่าทางคุณจะทำอาหารเก่งนะคะ”
“ใช่ ผมน่ะชอบทำอาหารนะ รู้มั้ย” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ทำเอาประภาพิณชักจะรู้สึกหมั่นไส้ เธอจึงแขวะเขาไปว่า
“ไม่เข้ากับหน้าคุณเลยนะคะ”
“หมายความว่าไง” เขาหันมาถามเธอเสียงเข้ม พลางหรี่ตาลงอย่างหงุดหงิด
“จะว่าผมหน้าโหดอีกล่ะสิ”
“ปิ๊งป่อง ถูกแล้วค่ะท่านอาจารย์” เธอหัวเราะก๊ากๆ จนชายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า
“ถ้าจะทำแกงจืดวุ้นเส้น ก่อนอื่นคุณต้องโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียดเสียก่อน แล้วค่อยเอาไปผัดกับเนื้อหมู ใส่น้ำปลา ใส่น้ำซุป เห็ดหูหนู ฟองเต้าหู้ ดอกไม้จีน”
“เดี๋ยวๆๆค่ะ สมองฉันคิดตามไม่ทันคุณ” เธอยกมือข้างที่ว่างจากการอุ้มเมธากรมาโบกมือห้ามเขา
“พอเถอะ ผมไม่พูดแล้ว” เขาตัดบท ก่อนจะหันรีหันขวาแล้วตั้งท่าจะเดินไปหยิบชามอ่าง แต่ประภาพิณกลับยืนขวางอยู่
“คุณแฟน” เขาเรียกเธอเสียงระอา
“อะไรคะ” เธอทำตาโตแล้วถามเขาอย่างใสซื่อ
“คุณช่วยออกไปรอนอกห้องครัวได้ไหมครับ” เขาพูดเสียงสุภาพ ในขณะที่เธอทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะคะ ฉันอยากยืนดูคุณทำกับข้าว เผื่อจะได้ซึมซับเข้าหัวบ้าง”
“เชื่อผมเถอะ คุณช่วยออกไปได้มั้ย” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน
“ทำไมต้องไล่ฉันด้วยล่ะ” คราวนี้เสียงใสๆเริ่มส่อถึงความน้อยใจ
“ก็เพราะคุณเกะกะไงเล่า ออกไปเลย” เขาชี้นิ้วไปที่ประตูพร้อมตะคอกเสียงดัง เล่นเอาประภาพิณสะดุ้งโหยง
“หาว่าฉันเป็นตัวเกะกะเหรอ จำไว้”
“ผมสมองเสื่อม ผมไม่จำหรอก ออกไปได้แล้ว คุณมีหน้าที่แค่รอกินอย่างเดียวก็พอ” เขาพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องอุ้มเด็กโกยแน่บหนีออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะโมโหเธอมากไปกว่านี้
“เฮ้อ” ธัศไนยส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหยิบชามอ่างมาวางไว้บนโต๊ะ รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นที่มุมปากหยักสวยได้รูปจนหน้าเข้มๆของเขาคลายความโหดลงไปอีกมากโข มือใหญ่จัดแจงปรุงอาหารอย่างตั้งใจมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องใส่ใจในขั้นตอนการทำอาหารง่ายๆมากขนาดนี้ด้วย เขารู้แต่เพียงว่า…พอนึกว่ากำลังมีใครบางคนรอชิมฝีมือเขาอยู่ เขาก็มีแรงใจที่จะทำอาหารอย่างสุดฝีมือ แม้ว่ามันจะเป็นอาหารง่ายๆที่ใครๆก็ทำเป็นก็ตาม…
เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ บนโต๊ะอาหารเรียบๆแต่น่ารักก็มีอาหารร้อนๆควันลอยกรุ่นวางไว้ ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายพัดผ่านไปตามสายลม จนคนที่ได้กลิ่นต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก
“เป็นไง น่าทานใช่มั้ยครับ” เขาถามพร้อมกับเหล่ตามองประภาพิณที่อุ้มเด็กชายอยู่ ในขณะที่หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น แต่ก็อดยอมรับออกมาตรงๆไม่ได้ว่า
“ก็…น่ากินดีค่ะ”
“งั้นก็ลงมือทานกันเลยเถอะ เดี๋ยวคุณจะกลับไปที่ร้าน beautiful flower ของคุณไม่ใช่เหรอไง” ชายหนุ่มพูดก่อนจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งหนึ่ง พร้อมตักข้าวในโถใส่จานให้เธอ
“คุณเป็นคนหน้าโหด ไม่น่าเชื่อว่าจะทำกับข้าวได้น่าทานขนาดนี้” เธอพูดอย่างชื่นชมก่อนจะเลื่อนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งแล้วนั่งลงโดยอุ้มเด็กชายไว้บนตัก
“แน่ใจเหรอว่าเป็นคำชม” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ
“แน่ใจสิ ฉันชมคุณ” เธอพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะตักน้ำซุปใส่ในจานข้าวจนแฉะ
ธัศไนยส่ายหน้าไปมาช้าๆอย่างอ่อนใจ พร้อมกับใช้ช้อนจะตักชิ้นเห็ด แต่ยังไม่ทันจะได้ตัก ช้อนของใครบางคนก็จ้วงมาตักเห็ดไปทีเดียวสามชิ้นรวดตัดหน้าเขาเสียก่อน
“อร่อยดีนะคะ” ประภาพิณเคี้ยวหยับๆ ในขณะที่เมธากรที่นั่งอยู่บนตักเธอก็หัวเราะเกี๊ยวก๊าว
ธัศไนยยังคงเงียบกริบ เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอื้อมมือไปตักวุ้นเส้น
“แหม วุ้นเส้นท่าทางเส้นจะเหนียวนุ่มน่าดู” ประภาพิณพูดด้วยน้ำเสียงเบิกบานพร้อมตักวุ้นเส้นทีเดียวไปเกือบหมดถ้วย
“นี่ๆๆคุณ ตักไปทีละน้อยๆสิ ตักทีนึงเกือบหมดถ้วยเลยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยปากเตือนเสียงเรียบ ก่อนจะเอื้อมมือไปอีกครั้งตั้งใจว่าจะตักชิ้นหมู
“ฉันชอบกินหมูในแกงจืดที่สุด” ประภาพิณพูดพร้อมจ้วงตักชิ้นหมูไปหลายช้อน เล่นเอาแกงจืดทั้งถ้วยแทบจะไปอยู่ในจานข้าวของเธอหมด
“คุณแฟน…” เขาวางช้อนลง พร้อมกับเรียกเธอเสียงเรียบ
“คะ มีอะไรเหรอ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อสบสายตาดุๆของเขาเข้าอย่างจัง
“ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะคะ ทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าฉันงั้นแหละ” ประภาพิณทำตาน่าสงสาร แต่มือกลับตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“คุณเล่นกินแกงจืดหมดถ้วยแบบนี้ แล้วผมจะกินข้าวกับอะไร ห๊ะ!” เขาตวาดเสียงดังลั่น
“คุณทำกับข้าวอร่อยดีนะคะ” หญิงสาวชูนิ้วโป้งให้เขา เป็นสัญลักษณ์ว่า‘สุดยอด’
“ไม่ต้องมาชมผม” เขาตะคอกเสียงดังลั่น พร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วตบโต๊ะดังปัง เล่นเอาเมธากรที่กำลังหัวเราะเห็นฟันซี่เล็กๆเมื่อครู่เริ่มตีหน้าบิดเบี้ยวก่อนจะแหกปากร้องไห้จ้า
“แงๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“เพราะคุณนั่นแหละ ดูสิ น้องเมร้องไห้เลย” หญิงสาวหันไปเอ็ดเขา
“ก็เพราะคุณนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ ยัยคูโบต้า”
“เพราะคุณต่างหากล่ะ”
“คุณนั่นแหละ”
“เพราะคุณ”
ทั้งสองคนยังคงไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด จนเมธากรเปล่งเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิมนั่นแหละ ผู้ใหญ่ทั้งคู่ถึงได้เลิ่กลั่กช่วยกันโอ๋ช่วยกันปลอบเด็กชายสุดฤทธิ์
แล้วอาหารมื้อเช้าที่บ้านของธัศไนยก็จบลงด้วยประการล่ะฉะนี้
“เหนื่อยมั้ยคะ”เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะตอบเสียงเศร้าๆว่า“ไม่เหนื่อยหรอก ไอ้เอกมันติดยาน่ะ”“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ทำไมพี่เอกเขาถึงได้…”“เขาสารภาพออกมาหมดแล้วว่าแวววรรณกลับมาขอคืนดีกับเขาแล้วก็ทิ้งเขาไปอีกครั้ง เขาเลยทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ตอนนั้นมีคนมาเสนอยาบ้าให้เขา เขาเลยลองกินดูเพราะคิดว่าคงไม่ติด แต่ที่ไหนได้…เขาดันติดงอมแงม แล้วเรื่องที่เขามาปล้ำคุณน่ะ เพราะแววจ้างเขาด้วยยาบ้ายี่สิบเม็ดน่ะ”“ตายจริง…ไม่น่าเลยนะ เพราะยาบ้าแท้ๆ” หญิงสาวทำเสียงสลด“ตอนนี้ตำรวจเขาก็ไปจับแววแล้ว เพราะแววเป็นคนบงการ แถมยังมียาบ้าไว้ในครอบครองอีกหลายเม็ด คนรักของแววคนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างไปแล้วพอรู้ว่าแววโดนตำรวจจับน่ะ”“เฮ้อ” ประภาพิณถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ ในขณะที่มือใหญ่จับคางเธอให้แหงนหน้าขึ้น“ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมขอจูบทีหนึ่งได้มั้ย” เขาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกมา ริมฝีปากร้อนๆก็แนบประกบเข้าที่เรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและเว้าวอน“แฟนรักคุณนะคะ” เธอบอกเมื่อเขาถอนจุมพิตออก ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วรั้งต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นด้วย“พอผมไปแล้ว อย่าลืมลงกลอนให้แน่นหนานะ แล้วพ
เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสักวันพีระดาจะต้องรักภีรวัทน์ และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆว่าพีระดาคิดจะล้อล่นกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วเป็นไงล่ะ...ผลสุดท้ายก็ต้องมารักเขาเพราะความใกล้ชิด แต่เธอคิดว่าพีระดากับภีรวัทน์ก็ดูเหมาะสมกันดี ที่สำคัญ..ในวันแต่งงาน เธอดูออกว่าภีรวัทน์แคร์เพื่อนสาวของเธอมากขนาดไหน บางที...ภีรวัทน์อาจจะรู้สึกเดียวกันกับพีระดาในตอนนี้ก็ได้//ฮือๆๆ// พีระดาไม่ตอบ มีแต่เพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังแว่วมาทางสายโทรศัพท์จนประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหนักใจแทน“งั้นอีก1ปีแกก็ต้องเลิกกับเขาน่ะสิ แกควรจะบอกเขาไปตรงๆเลยนะว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆไม่งั้นแกอาจจะต้องเสียใจ”//เขาไม่ยอมทำตามสัญญา// พีระดาพูดด้วยเสียงสะอึกๆ เสียงสูดจมูกดังฟืดฟาดชวนให้นึกเวทนา“ห๋า ไม่ทำตามสัญญา”//ใช่ ไม่ทำตามสัญญา เขาฉีกสัญญาทิ้ง บอกว่าจะให้ฉันอยู่กับเขาต่อไป//“งั้นแกก็ควรจะดีใจสิที่เขาอยากอยู่กับแก แกจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่อ?”//เขาแค่หวงฉัน ไม่ใช่ว่ารักถึงได้หวงนะ แต่เป็นเพราะ...เขาเห็นฉันเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง ไม่อยากให้ฉันไปตกเป็นของคนอื่น ความสำคัญของฉันมีแค่นี้จริงๆ//“เ
โครม!บานประตูห้องนอนถูกถีบออกอย่างแรงก่อนที่คอเสื้อของอเนกจะโดนมือใครคนหนึ่งลากขึ้นมาจากร่างงามที่เขากำลังจะหาความสุขด้วยยังไม่ทันที่อเนกจะได้เห็นหน้าคนที่กล้ามาคว้าคอเสื้อเขา หมัดหนักๆก็ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างผอมบางเซแซ่ดๆไปปะทะกับผนังห้อง“คุณธัศ ช่วยแฟนด้วย” ประภาพิณพูดด้วยเสียงสั่นๆพลางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังจุกอยู่ที่ท้องน้อยตาคู่คมตวัดมามองประภาพิณชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะยกเข่ากระแทกที่ท้องของอเนกอย่างเดือดดาล พร้อมกับศอกที่กระแทกเข้าที่ศีรษะอเนกอย่างจัง“เมื่อก่อนฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง แต่มาวันนี้…นายกลับมาปล้ำแฟนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่ เอก”น้ำเสียงนี้อเนกจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร…ชายหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นในสภาพหมดหนทางต่อสู้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของอาจารย์วิทยาศาตร์ที่กำลังมองเขาอย่างบูดบึ้ง“อะ ไอ้ธัศ”“เออ ฉันเอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้วะ” ธัศไนยถามเสียงตะคอก ก่อนจะหันไปทางประภาพิณที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง“คุณแฟน โทรหาตำรวจ”“แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“ผมบอกให้โทรก็โทรไปสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดัง เล่นเอาหญิงสาวต้อง
16.42น.“แฟนจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันกี่คนดีครับ” ธัศไนยนั่งสวีตหวานอยู่กับประภาพิณในร้าน beautiful flower มือใหญ่จับกุมมือบางแล้วใช้หัวนิ้วโป้งคลึงหลังมือเธอเบาๆ ตาคมหวานเชื่อมมองหญิงสาวอย่างแสนรัก“สองคนดีมั้ยคะ”“จะดีเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เห็นด้วย“ทำไมจะไม่ดีล่ะค่ะ ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน”“แต่ผมว่ามีลูกสักโหลนึงเลยก็ดีนะครับ” เขารั้งร่างบางมาพิงอกกว้างพร้อมจูบขมับหญิงสาวเบาๆ“โห ตั้งโหลนึงเชียวเหรอคะ เยอะเกินไปหรือเปล่า แฟนไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าหวือ พูดอู้อี้“แต่ผมทำไหวนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอต้องเงยหน้าออกจากอกหนาแล้วขว้างค้อนใส่เขาอย่างมีจริต“มีโหลนึง คุณคงจนกันพอดี”“ไม่จนหรอกน่า อย่างน้อยผมก็มีเงินเลี้ยงคุณและลูกให้มีความสุขได้ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้คุณลำบากแน่ๆ” เขาพูดเสียงหนักแน่น“เซี้ยว”“เซี้ยวที่ไหน ผมพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ผมจอให้คุณสัญญากับผมสักข้อได้มั้ยครับคุณแฟน” เขาเอ่ยขอเสียงนุ่ม“ขออะไรคะ”“ถ้าแต่งงานกับผมแล้ว คุณห้ามมีสามีน้อยโดยเด็ดขาด”“อีตาบ้า ใครเขาจะมีสามีน้อยกัน” เธอหยิกหน้าอกเขาแรงๆจนชายหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่หน้าคมจะตีหน
ทันทีที่อเนกกลับถึงบ้าน เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นรถคันหรูมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมา“แวว…” อเนกเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว มองหน้าสะสวยที่มีแว่นสีดำอันใหญ่ปกปิดอยู่อย่างเจ็บปวด“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำแววได้” แวววรรณเหยียดปากอย่างเยาะหยัน กวาดตามองอเนกอย่างสมเพซ“ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ครับ จะได้ลืมอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนคุณหรอก พูดอะไรก็ลืม…”“ตายจริง นี่คุณหลอกด่าแววเหรอคะ” แวววรรณยกมือทาบอกอย่างมีจริต“แล้วแววเป็นอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าล่ะครับ” ย้อนถามอย่างเจ็บแสบแต่แวววรรณไม่อยากถือสา เพราะ…ความแค้นที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันสำคัญมากกว่าการต่อล้อต่อเถียงกับอดีตคู่นอนอย่างเขา“วันนี้แววมีเรื่องจะมาคุยกับคุณค่ะ”“นั่นสินะ ถ้าไม่มีธุระ คุณคงไม่มาหาผมหรอก”“คุณเลิกด่าแววสักทีได้มั้ยคะ” แวววรรณเริ่มขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริง”“ความจริงของคุณ แววไม่อยากฟัง”“ ถอยไป ผมจะเข้าบ้าน” อเนกผลักร่างอวบอิ่มที่เขาเคยหลงใหลในอดีตให้พ้นทางพร้อมกับไขกุญแจประตูบ้านแล้วเปิดออก“แต่แววมั่นใจว่าคุณจะต้องสนใจในสิ่งที่แววมาเสนอ” แวววรรณเดินตามเขาเข้าไปในบ้า
“ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะคุณธัศ”“ไม่เอา ผมคิดถึงคุณจะแย่ รู้มั้ย?”“ฉันจะกลับแล้วนะคะ มันมืดแล้ว คุณไม่เห็นเหรอไง”“คุณนอนที่นี่ก็ได้นี่นา” เขาทำเสียงออดอย่างเอาแต่ใจ“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนเคย จะให้มาอยู่ที่บ้านคุณได้ไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอคะ”ได้ฟังประโยคนี้เข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน“โอเคๆ ผมยอมก็ได้ แต่ว่าคุณต้อง…” เขาเริ่มมีเงื่อนไขเล่นเอาประภาพิณต้องถามกลับอย่างหวาดระแวง“แต่ว่าอะไรคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา“แต่ว่า…จูบผมก่อนสิ แล้วจะปล่อย”“ไม่เอาหรอก ตาบ้า” เธอเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดเขิน“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา แค่จูบเองนะ นะครับ” เขาอ้อนเสียงอ่อน ตาคู่คมพราวระยับจนหญิงสาวใจอ่อนยวบ“ก็ได้ค่ะ” เธอพูดพร้อมโน้มต้นคอเขาให้ก้มลงต่ำมากขึ้นแล้วยกศีรษะขึ้นจุมพิตปากเขาเบาๆแล้วรีบถอยหน้าออกห่าง“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”“เดี๋ยวสิ เรียกตัวเองว่าแฟนก่อน” เขายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ทำเอาหญิงสาวตีหน้าบูด“เอาน่า อย่าหน้างอสิครับ น่านะ เรียกตัวเองว่าแฟน ผมว่ามันฟังดูน่ารักดีออกนะ” เขาก้มหน้าลงพูดใกล้ๆเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างบางที่เข