งานแห่ขันหมากถูกจัดอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ ตามพิธีสู่ขอประเพณีไทยทั่วไป เสียงดนตรีประโคมกันสนั่นหวั่นไหว สนุกสนานร่าเริง ฝ่ายชายมีญาติผู้ใหญ่ไปสู่ขอฝ่ายหญิง ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจึงตกลงยินยอมพร้อมใจเพื่อให้ ทั้งคู่แต่งงานกัน
วิภาวี และ ทักษ์ดนัย รู้จักกันได้เพราะ ไปเที่ยวงานวัดที่พระประแดง ทักษ์ดนัยเกิดชอบและเริ่มคบหา จีบวิภาวีมาตลอด ทั้งโทรศัพท์ไปหาบ่อยครั้ง ชวนไปดูหนัง กินข้าวด้วยกัน มีสัมพันธ์กันลึกซึ้ง บนเตียงในโรงแรมม่านรูด...
ทักษ์ดนัยตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสู่ขอวิภาวีเป็นภรรยา จึงคุยกับพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ให้เป็นพ่อสื่อ เพื่อไปสู่ขอวิภาวีเป็นภรรยาตามประเพณี
หลังพิธีแต่งงานครั้งนี้ วิภาวีและทักษ์ดนัย ใช้เวลาด้วยกันตลอดค่ำคืนนี้ อย่างคุ้มค่าเพื่อสร้างลูกหลาน สืบสกุลตามความตั้งใจของพ่อแม่...
หญิงสาวรับน้ำหนักจากชายเบื้องบน รับแรงกระแทกสั่นสะท้าน จากกายเบื้องล่าง ระหว่างแก่นกายถูกแหวก แทรกด้วยองคชาติอวบใหญ่ มุดทะลวงเข้ามาภายในกายหญิงสาว สั่นไหวไร้การขัดขืน
แม้จะเสียวซ่าน อิ่มเอมกับรสรักจากสามีมากเพียงใด เธอยังไม่อยากให้เขาหยุดมอบความรักเช่นนี้ ตลอดข้ามทั้งคืน หญิงสาวหลับตา นอนหงายถ่างขากว้าง รับความสุขจากองคชาติ แทงเข้าช่องสวาททั้งลึกทั้งเร็ว
ทักษ์ดนัย โด๊ปอาหารและเครื่องดื่มมากมาย เพื่อหวังจะสร้างลูกชายแข็งแรงสักคน มอบให้พ่อแม่เป็นของขวัญแต่งงานสำหรับ ภรรยาคนสวยของเขาคนนี้ เขาหลงรักเธอ ตั้งแต่คราแรกที่ได้พบในงานวัดค่ำคืนนั้น
ไม่ต่างกับนางฟ้านางสวรรค์ ตกลงมาบนดิน เพื่อให้เขาได้ชื่นอกชื่นใจ เพียงวันแรกที่ได้หอมแก้มเธอในคืนนั้นก่อนกลับบ้าน เขาแทบฝันเปียก เหนื่อยใช้มือรูดองคชาติจนเสร็จ น้ำแตกมากมาย
ทักษ์ดนัยตั้งใจว่าจะหาโอกาสดีๆ กับวิภาวีต่อไป จึงโทรคุยนัดเที่ยว ชวนไปดูหนัง แต่เมื่อหลังทานอาหารและไม่รู้จะทำอะไรต่อดี เลยพาไปม่านรูดแทน แม้ว่าวิภาวีจะพยายามหนีและปฏิเสธ แต่ด้วยความรักที่มีให้ และการกอดในครั้งแรก ทำให้เขาสมใจอยากในที่สุด หลังจากนั้นมา การสู่ขอแต่งงานจึงลุล่วงมาจนถึงค่ำคืนนี้ วิภาวีอยู่ภายใต้อ้อมกอดเขา...
******
รุ่งเช้าหลังวันแต่งงานวันแรก วิภาวีปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามตัวไปหมด เพราะเมื่อคืนเล่นท่ายากกับทักษ์ดนัย เธอมีความสุขจนปวดท้องน้อยระบม ด้านชากายบอบบาสั่นระริกอยู่บ้าง แต่จะมาขี้เกียจไมได้หรอก ต้องไปเตรียมหุงหาอาหารตอนเช้านี้ ภายในบ้านญาติผู้ใหญ่ทางทักษ์ดนัย...
วิภาวีเข้าครัวกับญาติสามี ซึ่งมีแม่และน้าสาว รวมไปถึงสะใภ้ญาติๆ ทางครอบครัวของทักษ์ดนัย วิภาวีจึงขยันขันแข็งทำงานอยู่เสมอ ต่างทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ภายในครอบครัวชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก
“วิ ไปเอาถ่านมาหุงเพิ่มหน่อยสิ ตรงนี้มันหมดแล้ว” แม่ของทักษ์ดนัยบอกกล่าวกับลูกสะใภ้น้ำเสียงปกติ เธอต้องเร่งไฟเตาถ่านให้แรงขึ้น
“ได้จ๊ะ” วิภาวีจึงออกจากครัว เพื่อลงไปใต้ถุน ไปหยิบถุงถ่านมาอีกกระสอบกลาง เพื่อทำอาหารเลี้ยงคนภายในครอบครัวเกือบยี่สิบชีวิต
“ช่วยหยิบถุงกระสอบให้หน่อยสิ วิคงเอื้อมไม่ถึงเลย” วิภาวีเดินลงมาใต้ถุนบ้านไม้ พบว่ามีชายคนหนึ่งกำลังทำงานขนถุงกระสอบ โดยไม่ใส่เสื้อผ้า กล้ามเนื้อหน้าท้องมีซิกแพ็ค เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อผุดเพราะความอบอ้าว มันทำให้เธออดเขิน และใจสั่นไม่ได้
“ได้สิครับ พี่สะใภ้” ชายหนุ่มยิ้มหวาน ไม่ต่างกับสามีเพิ่งแต่งงาน พลางทำให้หัวใจวิภาวีหล่นไปอยู่ตาตุ่ม นี่เธอแต่งงานแล้วนะ หัวจิตหัวใจไปสั่นไหวอะไรแบบนั้นได้
“ขอบใจนะ...เอ่อ...” วิภาวีจำชื่อเขาไม่ได้ รู้อย่างเดียวว่าเป็นญาติพี่น้องกับทักษ์ดนัย
“เตชิดครับ พี่วิ” เขาตอบน้ำเสียงนวลนุ่ม พลางส่งถุงกระสอบใส่ถ่าน ระหว่างส่งของถึงมือ พลางสัมผัสและมองหน้า แววตาวิภาวีมองชายเบื้องหน้าตาค้าง และรู้สึกตัวว่าคงไม่ดีแน่ รีบเผ่นดีกว่า แต่เตชิดกลับรู้สึกอิจฉาพี่ชาย ซึ่งได้วิภาวีมาเป็นภรรยา
เตชิดแอบชื่นชมเรือนร่าง และการพูดจาของวิภาวี เขาน่าจะจีบเธอได้ก่อนพี่ชาย งานวัดที่พระประแดงมีผู้คนมากมาย และเตชิดพบวิภาวีก่อนอยู่แล้ว เขาตั้งใจจะเข้าไปจีบ แต่ถูกทักษ์ดนัยเหยียบปลายรองเท้าจนขาด ทำให้เข้าไปจีบวิภาวีไม่ได้
เตชิดมองดูทักษ์ดนัยสวมรอยแทนเขา และเห็นเขาสนิทสนมกับวิภาวีจนได้เบอร์โทร แม้เขาจะพยายามขอเบอร์วิภาวีจากทักษ์ดนัย ท่าทางพี่ชายจะไม่บอกและรวบหัวรวบหางวิภาวี ด้วยการพาเธอไปเที่ยวดูหนัง และลากไปจบที่โรงแรมม่านรูด
หัวใจของเตชิดแทบแตกสลาย เมื่อรู้ว่าวิภาวีได้เสียกับพี่ชายแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ย้อท้อ คิดว่าน่าจะไปสู่ขอวิภาวีเลยดีกว่า แต่ไม่มีโอกาสสำหรับเขา เพราะวิภาวีไม่ว่างคบหาใครอื่น นอกจากหลงรักทักษ์ดนัยหัวปักหัวปำ...
สิ่งเดียวที่เตชิดยังคงแอบลอบมองวิภาวีอยู่ เพราะอีกไม่นาน... พี่ชายเขากำลังจะเข้าบวชพรรษให้พ่อแม่ และเวลาเหล่านั้น จะเป็นโอกาสสำหรับเขา...
******
ก่อนงานบวชพระจะเกิดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ทักษ์ดนัยขยันทำการบ้านกับวิภาวีอยู่บ่อยครั้ง โดยเตชิดแอบลอบฟังอยู่เสมอ ทั้งแอบดูและมีอารมณ์มากเพียงใด เมื่อแอบเห็นสีหน้าของวิภาวี มีความสุขในแต่ละท่วงท่า เขาอยากทำแบบนั้นกับเธอบ้าง...
และแล้ว... งานบวชพระก็มาถึง เมื่อทักษ์ดนัยต้องไปเป็นพระอยู่วัดพรรษาหนึ่ง สามเดือนที่ห่างหายภรรยา วิภาวีคงจะต้องรอเขาลาสิกขา เพื่อกลับมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอีกครั้ง
ระหว่างนี้เขาเองก็เป็นห่วงว่า เธอจะไปมีใครอื่นหรือเปล่า แต่ในเมื่อ ภรรยาของเขาอาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่ คงจะไม่มีโอกาสแบบนั้นกับใครอื่นแน่นอน ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอไม่ได้ออกไปไหนเพียงลำพัง ตั้งแต่อยู่ภายในบ้านแบบนี้
“พี่ดนัย... ตั้งใจศึกษาพระธรรมนะ วิจะรออยู่ที่บ้าน”
“ขอให้โยมตั้งใจดูแลพ่อแม่อาตมา ครบพรรษาแล้ว อาตมาจะกลับมากราบพ่อแม่ที่คิดถึง อาตมาอยากจะทราบข่าวของโยมวิด้วยนะ ว่าท้องหรือไม่ ฝากโยมวิดูแลด้วยนะ” ทักษ์ดนัยต้องสำรวมในผ้าเหลือง หลังจากต้องเข้าโบสถ์เพื่อทำวัตร และปฏิบัติตามกิจสงฆ์
วิภาวียกมือไหว้สามี ก่อนจะมองเขาเดินลับหายไปจากสายตา สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอร่วมหลับนอนกับทักษ์ดนัยบ่อยครั้ง ตั้งใจว่าจะรอผลการตั้งครรภ์กับสามี เธออยากมีลูกชายกับเขาสักคน...
นับว่าเป็นโอกาสดีสำหรับเตชิด จะได้สวมรอย อยู่ใกล้กับวิภาวีเสียที หลังจากทักษ์ดนัยแย่งเธอไปจากเขา ตั้งแต่งานวัดที่พระประแดง ครานี้... เขาจะขออยู่กับเธอบ้าง...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้