วิภาวีต้องนอนเหงาเพียงลำพัง หลังจากสามีไปบวชพระ เธอรู้สึกเหงาและร้องไห้อย่างเศร้าโศก เพิ่งจะแต่งงานได้เพียงแค่สองอาทิตย์ กอดสามีได้ทุกคืน และมีความสุขไม่เว้นวาง มาคืนนี้เธอนอนเปล่าเปลี่ยว อ้างว้างถึงสามเดือน โดยไม่มีทักษ์ดนัย
ห้องนอนปิดประตูไม้ และเปิดหน้าต่างบานไม้รับลม กางมุ้งกันยุงมาไต่ตอม ครอบคลุมเรือนร่างของวิภาวีอยู่ภายใน หลังจากค่ำมืดคืนนี้ ทุกๆ คนเหน็ดเหนื่อยจากการไปจัดงานบวชให้ทักษ์ดนัย พวกเขาหลับใหลกันหมดทุกคน
เสียงบางอย่างดังมาเป็นระยะ และปรากฏร่างเงาดำของชายคนหนึ่ง ปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องของทักษ์ดนัย ซึ่งมีเพียงวิภาวีนอนหลับอยู่เพียงลำพัง เขาค่อยๆ แหวกมุงกันยุง และเล็ดลอดเข้าไปอย่างแผ่วเบา
อยากจะทำอย่างนี้กับวิภาวีมานานแล้ว ถึงจะมาทีหลังทักษ์ดนัย แต่ก็อยากครอบครองเรือนร่างสวยงามของเธอไว้ในอ้อมกอดสักคราก็ยังดี ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันไม่ดี แต่เขาก็มิอาจห้ามใจที่ร้อนแรง โหมกระหน่ำภายในอกร้อนรุ่มมาหลายอาทิตย์
หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง เธอนอนตะแคงขวาหลับสลึมสลือ เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเปิดผ้าห่ม และแทรกกายเข้ามา สิ่งแรกที่สัมผัสคือท่อนเนื้อแข็งยาว และขนาดของมันก็ใหญ่กว่าของทักษ์ดนัย
เพียงวิภาวีกำลังจะหันไปมอง ริมฝีปากเธอถูกปิดแน่น และปรากฏมีดปลายคมจี้อยู่ที่ท้องน้อย วิภาวีกลัวถูกทำร้าย และเกรงว่าหากเธอกำลังจะตั้งครรภ์ลูกของทักษ์ดนัย จะถูกทำร้ายไปอีกคน
“อย่าร้องนะ!” ภายใต้ความมืด และผ้าปิดหน้าของเตชิด วิภาวีไม่อาจรู้เลยว่า มีโจรบ้ากามข่มขืนอาละวาดด้วยรึ
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัวแล้ว” วิภาวีพูดเสียงแผ่ว ไม่กล้าร้องเสียงดัง เพราะกลัวจะถูกฆ่าปิดปาก กลัวจะไม่ได้พบหน้าสามีอีก
“ทำตามที่สั่ง ถอดเสื้อผ้า หันหลังไป... ทำสิ...เร็ว!!” เตชิดรู้สึกผิดเล็กๆ ที่ทำแบบนี้ แต่เพราะเขาถูกทักษ์ดนัยแย่งวิภาวีตั้งแต่งานวัดที่พระประแดง เขาอยากจะแย่งเธอคืนมาจากทักษ์ดนัยบ้าง
“จ้าๆ” วิภาวีกลัวตัวสั่น พลางค่อยๆ ถอดเสื้อคอกระเช้าสีขาว และผ้าถุงถูกปลดออก เหลือกายเปล่าเปลือย และหันหลังตามสั่งของโจรข่มขืนในความมืด
หญิงสาวไม่กล้ากรีดร้อง กลัวถูกทำร้าย กลัวถูกฆ่าปิดปาก และกลัวจะไม่ได้เจอหน้าสามี นี่เธอจะต้องมายินยอมโจรข่มขืน เพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้รอดรึ?
มีดในมือมันเป็นเพียงมีดไม้เหลาให้เหมือนของจริง ความมืดทำให้วิภาวีแยกไม่ออกว่ามันเป็นของมีคม หรือของปลอม เตชิดถือโอกาสใช้อีกมือรูดองคชาติให้ตื่นตัว และดึงมันออกมาจากกางเกงให้ตระหง่าน เพื่อประชิดกายวิภาวีในคืนนี้
******
“กางขา อย่าร้องนะ ไม่งั้นทิ่มท้องแตก!!! เงียบนะ!!!” แม้เตชิดจะดัดเสียง และหื่นกระหายในเรือนกายของวิภาวี องคชาติแทรกช่องสวาทหญิงสาว ทำให้เธออึดอัด จุกเสียดท้องน้อย ขนาดของมันแทบปิดปากเธอเงียบเอง เมื่อมุดเข้ามาภายในกายเธอ
วิภาวีอ้าปากหอบอึดอัด เพราะขนาดของมันแหวกเข้าช่องสวาทลึกมาก เมื่อมันไหลลื่นเข้ามาลึกๆ ทำให้น้ำภายในหลั่งไหลราวกับถูกเปิดก๊อกน้ำ หญิงสาวถูกร่วมรักในท่านอนตะแคงหันหลัง โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่า หน้าตาโจรข่มขืนผู้นี้เป้นใคร
เตชิดสวมกอดพี่สะใภ้อย่างใจคิด ซอยองคชาติแทงลึก ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงอย่างที่กระหายมาหลายอาทิตย์ วิภาวีไม่มีทีท่าขัดขืน หรือเกรงกลัว เธอปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาทำอย่างที่ใจต้องการ และไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว
หญิงสาวเคลิบเคลิ้มกับขนาดกำลังซอยเข้าออกภายในมดลูก แรงกระแทกหนักหน่วงชนสะเทือนภายในท้องระบม รุนแรงกว่าทักษ์ดนัย เสียวซ่านสุขสันต์ จนแอ่นสะโพกรับกับแรงกระแทกเข้ามา
เตชิดพึงพอใจเมื่อวิภาวียินยอม ร่วมเสพองคชาติของเขา มือหนาเขาโอบกอดเรือนหน้าท้องเธอไว้แน่น ดึงเข้าหากายหนุ่มเบื้องหลัง ประชิดร่างแบนมีซิกแพ็ค วิภาวีรู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิงสาวที่แย่มาก แค่สามีไปบวชคืนแรก เธอกลับร่วมรักกับโจรชิงสวาทเสียแล้ว
แต่มันทำให้ใจสาวหวั่นไหว เสียวซ่านขนลุก สั่นสะท้านเมื่อแรงกระแทกเข้าช่องสวาท กระตุกจนน้ำภายในมดลูกแตกทะลัก ร้อนผ่าวส่งเธอไปถึงสวรรค์ได้มากกว่าทักษ์ดนัย
เตชิดรู้ว่า วิภาวีเสร็จด้วยองคชาติเขาแล้ว ชายหนุ่มภายในความมืดจึงเร่งความเร็ว กระแทกหนักหน่วง ใช้อีกมือปิดปากวิภาวี เพราะจากแรงกดน้ำหนักทั้งแรงและเร็ว ทำให้เธอเผลอร้องครวญครางอย่างเป็นสุข ยิ่งส่งผลให้เขาได้อารมณ์ จนองคชาติยืดและใหญ่ยาวเพิ่มเข้าไปอีก
เรือนกายสาวสั่นไหว เมื่อถูกแทงด้วยท่อนเนื้อแรงๆ หลายครั้ง ซ้ำๆ หนักๆ มีความสุขปนสงสัย เขาต้องการอะไรจากการข่มขืนเธอครั้งนี้ เพราะเขามาในยามเธอไร้สามี ราวกับล่วงรู้อยู่แล้ว... วิภาวีอยากรู้เสียแล้วว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำให้เธอมีความสุขรู้สึกดีได้เพียงนี้...
แรงองคชาติไหลเข้าไปดันชนปากมดลูก ส่งความเสียวจนหญิงสาวอ่อนแรง คลั่งละเมอเพ้อถึงความกระสันในค่ำคืนเปล่าเปลี่ยวนี้ เริ่มมีความหมายจนลืมสามีไปบวชเป็นพระ
เตชิดเร่งความเร็วอัดกระแทกช่องสวาทพี่สะใภ้ให้หนักขึ้น เพราะมันกำลังรูดท่อนเนื้อเขาด้วยสภาพคับแคบภายใน บีบรัดเขาแนบแน่นแทบทนไม่ไหว ดันปลายทางจนปริปากดูดหัวหยักองคชาติเขาหลุดเข้าไป ชายหนุ่มเสร็จสมพวยพุ่งความร้อนจากภายในกาย หลั่งไหลสายน้ำร้อนปล่อยเข้าไปภายในกายสาว
วิภาวีอ้าปากหอบแม้จะถูกมือโจรชิงสวาทปิดเอาไว้ เธอสุขใจเหลือเกินว่าเขาทำให้เธอมีความสุข มากกว่าทำให้กลัว เขาข่มขืนเธอสำเร็จ...
“อย่าหันหลังมานะ” เตชิดข่มขู่ก่อนออกจากมุ้ง และปีนหน้าต่างเผ่น เขาไม่อยากให้เธอรู้ว่า เขาคือน้องชายสามีเธอ มาแอบลักหลับ
“อย่าทำร้ายฉันเลยนะจ๊ะ” วิภาวีตอบเสียงกระซิบ แต่น้ำเสียงที่พูด เธอพึงใจอย่างเป็นสุข ในความเหงาของค่ำคืนนี้
“ถ้าไปบอกใครเรื่องคืนนี้ พรุ่งนี้ฉันจะมาฆ่าเธอ... พูดสิ!!! ว่าจะไม่บอกใคร” เตชิดข่มด้วยเสียงกระซิบเข้ม ก่อนจะออกจากมุ้ง
“ได้จ๊ะ ฉันจะไม่บอกใคร อย่าทำร้ายฉันเลยนะจ๊ะ”
“ดีมาก! อย่าหันกลับมานะ” เตชิดข่มอีกครั้ง โดยวิภาวีทำตามคำสั่งเพราะกลัว เธอไม่กล้าหันไปมองจริงๆ
ชายหนุ่มเผ่นหนีออกจากหน้าต่างห้องนอนวิภาวี และรีบไปซ่อนตัวใต้ถุน ทำเป็นทีท่าว่า ไปเข้าห้องน้ำ เพื่อจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน เข้าห้องนอนตัวเองตามเดิม
หญิงสาวกัดฟันข่มใจ นี่เธอจะต้องถูกโจรชิงสวาททำแบบนี้ฟรีๆ แล้วจากไป ไม่รู้ว่า... มันจะไปบ้านอื่น หรือจะกลับมาทำร้ายเธออีกหรือเปล่า วิภาวีรู้สึกกลัวเหลือเกิน...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้