Share

บทที่ 12 ถ้อยคำอันคุ้นเคย

last update Last Updated: 2025-07-01 13:00:54

ในคืนที่เงียบสงัด กลางฤดูใบไม้ร่วงอันเยือกเย็น แสงจันทร์สีเงินส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีที่เรียงรายอยู่ตามทางเดินของคฤหาสน์ซินดิเคท สะท้อนแสงเป็นเงารูปทรงแปลกตาบนพื้นหินอ่อน ความเงียบไม่ได้ให้ความรู้สึกสงบ แต่กลับแฝงไปด้วยความอึดอัด

กลิ่นไม้เก่าผสมกับกลิ่นเทียนที่กำลังมอดไหม้ในโคมระย้าด้านบนกระจายตัวในอากาศ เสียงหวีดหวิวของลมหนาวพัดลอดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ เพิ่มความเย็นเยียบที่สัมผัสผิวไอเดนอย่างแผ่วเบา ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ ไอเดนเดินเท้าเปล่าอย่างระมัดระวัง เสียงฝีเท้าของเขาแทบไม่ดังไปกว่าเสียงเข็มนาฬิกาในความเงียบ

ก่อนจะออกมาเดินในเวลานี้ ไอเดนไม่สามารถหลับลงได้ แม้จะอยู่ในห้องส่วนตัวที่เงียบสงบแต่ความคิดในหัวของเขายังคงตีกันวุ่นวาย ความทรงจำราง ๆ ที่แฝงความเจ็บปวดทำให้เขาต้องหาที่หลบหนี ความมืดรอบตัวไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัย และจะมีสิ่งหนึ่งที่เขามักทำยามค่ำคืนที่เขาไม่อาจข่มตานอนได้คือ การวาดรูป

โต๊ะในห้องของไอเดนเต็มไปด้วยแผ่นกระดาษขาวสะอาด บางแผ่นมีลายเส้นสีสดใสของดอกไม้ที่แบ่งบาน บ้างมีภาพทิวทัศน์ของสวนที่เขาไม่เคยเห็น แต่กลับรู้สึกคุ้นเคย ความสดใสของสีน้ำที่เลือกใช้ตัดกับบรรยากาศมืดมนในชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง มันเหมือนเป็นโลกที่เขาสร้างขึ้นเอง โลกที่เต็มไปด้วยความสุขที่เขาโหยหา

แต่คืนนี้ไอเดนรู้สึกขาดแรงบันดาลใจ เขาวางพู่กันลงก่อนจะลุกออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ตั้งใจจะไปยังห้องสมุดเล็ก ๆ เพื่อหยิบหนังสือที่ชอบใช้เป็นแรงบันดาลใจ หนังสือที่มีภาพวาดเกี่ยวกับธรรมชาติและเรื่องเล่าของดินแดนที่ห่างไกล

ระหว่างที่ไอเดนเดินกลับจากห้องสมุด เสียงสนทนาอันเคร่งเครียดดังลอดออกมาจากห้องทำงานของวิกเตอร์ เสียงทุ้มต่ำที่แฝงด้วยอำนาจของวิกเตอร์ทำให้ไอเดนหยุดชะงัก หัวใจเต้นแรงด้วยความสงสัย เขาขยับเข้าไปใกล้ประตูที่แง้มไว้เล็กน้อย แสงจากในห้องลอดออกมา ขับให้เงาของไอเดนสะท้อนอยู่บนผนัง

ไอเดนหยุดหายใจครู่หนึ่ง กลิ่นควันซิการ์จากในห้องผสมกับกลิ่นหนังเก่าของเฟอร์นิเจอร์ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ดวงตาของเขาจับจ้องที่ช่องว่างเล็ก ๆ ตรงประตู และเอียงตัวเพื่อฟัง

ผู้นำระดับสูงของซินดิเคทนั่งเรียงรายรอบโต๊ะไม้โอ๊กยาวที่ขัดเงาอย่างดี แสงจากโคมไฟระย้าเปล่งประกายสลัว ให้บรรยากาศที่เยือกเย็นและน่ากดดัน

วิกเตอร์นั่งอยู่หัวโต๊ะ เอนหลังพิงพนักด้วยท่าทางทรงอำนาจ ดวงตาที่เฉียบคมจ้องมองรอบห้อง ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา ไม่มีใครกล้าหายใจแรง

“แม้จะผ่านมาเป็นสิบปี แต่พลังของสวนรัตติกาลยังคงอยู่ และฉันยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะครอบครองมัน” วิกเตอร์กล่าวเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความทะเยอทะยานและความกร้าวแกร่ง “พลังของมันคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ซินดิเคทอยู่เหนือทุกคนในอาราเลีย”

รองหัวหน้าคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น กลืนน้ำลายก่อนจะพูด “แต่ท่านวิกเตอร์ เราลองมาแล้วหลายครั้ง การบุกสวนครั้งนั้นกลับทำให้เราสูญเสียกำลังคนจำนวนมาก และที่สำคัญ...เราไม่เคยเจอตัวเจ้าชายที่หายไปเลย”

วิกเตอร์ตวัดสายตาเย็นเยียบไปที่ผู้พูด จนเขาแทบตัวแข็งอยู่กับที่

“และนั่นคือความล้มเหลวที่ฉันจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก” วิกเตอร์กระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดัง “ฉันรู้ว่าเจ้าชายยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเราหาเขาเจอ...ฉันจะใช้เขาเปิดเผยความลับของสวนให้ได้”

ผู้นำคนอื่นๆ เริ่มกระซิบกระซาบกันเบาๆ ราวกับจะปลดปล่อยความกลัวในใจ หนึ่งในนั้นกล้าหาญพอที่จะถาม “แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้าชายยังอยู่? เขาหายไปตั้งแต่คืนที่ราชินีสิ้นพระชนม์...เด็กคนหนึ่งจะเอาตัวรอดได้นานถึงขนาดนี้หรือ?”

วิกเตอร์หัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้า “เขาไม่ใช่เด็กธรรมดา สายเลือดของราชินีไหลเวียนในตัวเขา นั่นคือพลังที่ปกป้องเขาจากอันตราย เจ้าชายของสวนจะไม่ตายง่ายๆ และยิ่งเขามีชีวิตนานเท่าไร พลังของเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น”

คำว่า “ราชินี” “เจ้าชาย” และ “สวนรัตติกาล” ราวกับระเบิดความทรงจำที่ถูกเก็บกดอยู่ในจิตใจของไอเดนมาเนิ่นนาน มันไม่ได้มาเป็นภาพที่ชัดเจน แต่เหมือนพายุที่บ้าคลั่งปั่นป่วนในหัวใจ จู่ๆ ความรู้สึกเหมือนลมหายใจถูกพรากไปก็เข้าครอบงำ กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาแข็งเกร็ง ร่างกายสั่นสะท้านราวกับถูกบีบอัดด้วยแรงกดดันจากอดีตที่เขาไม่เคยรู้

ทันใดนั้น ภาพความทรงจำที่กระจัดกระจายก็วิ่งเข้ามาในหัวเหมือนเศษกระจกที่แตกละเอียด ภาพที่เขาวิ่งหนีสุดชีวิตกลางสายฝน เสียงฝีเท้าที่ดังสะท้อนพื้นถนนเปียก เสียงหอบหายใจของตัวเองดังสนั่นในหู และความกลัวที่กัดกินทุกส่วนในใจ

เขาหนีอะไร?

ใครกำลังตามเขา?

และทำไมเขาถึงต้องหนี?

คำถามเหล่านี้พุ่งขึ้นมาเหมือนมีดคมที่ปาดผ่านจิตใจ เขาไม่สามารถจำอะไรได้เลย แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในอกกลับไม่เคยจางหาย

กลิ่นฝนที่เคยปะทะจมูกในคืนนั้น กลิ่นดินเปียกชื้นและเหล็กที่อบอวลในอากาศยังคงชัดเจนในความทรงจำ ไอเดนจำได้ว่าเขาเหนื่อยล้าและอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทาน เขาจำได้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างไร้เสียง ไม่มีใครได้ยินความสิ้นหวังของเด็กชายคนนั้น

เขาเห็นภาพตัวเองในตรอกมืด สายตาที่มืดมนมองไปยังความว่างเปล่า ร่างกายที่ชุ่มด้วยน้ำฝนและเลือดกลายเป็นสิ่งที่เขาจำได้ราง ๆ

“ฉันชื่ออะไร?” ไอเดนกระซิบในความเงียบ

ทว่าไม่มีคำตอบ เขาพยายามจะขยับริมฝีปาก พยายามพูดคำที่ควรจะเป็นชื่อตัวเอง แต่กลับไม่มีเสียงหลุดออกมา มีเพียงความเงียบที่กดดัน ดวงตาที่เคยส่องประกายสดใสในวัยเด็กกลับมืดมน

ภาพในหัวของเขายังคงเล่นวนซ้ำ ทั้งวิกเตอร์ เสียงคำว่า “เจ้าชาย” และความรู้สึกเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีความหมายมากกว่าที่เขาเข้าใจ

แต่กำแพงในจิตใจของเขายังคงตั้งมั่น มันหนาแน่นเกินกว่าความทรงจำเหล่านี้จะทะลุผ่าน สิ่งเดียวที่ชัดเจนในตอนนี้คือความรู้สึกที่กำลังพยายามบอกอะไรบางอย่าง และรู้สึกเหมือนบางอย่างที่เคยรู้จักและรักกำลังพยายามดึงเขากลับไป

หัวใจของไอเดนเต้นแรงเหมือนจะระเบิดออกมา ความสับสนและความกลัวปะทะกันในใจจนแทบยืนไม่อยู่ เขาหอบหายใจหนัก ราวกับต้องดิ้นรนเพื่อเอาอากาศเข้าปอด

“ทำไม...ถึงมาอยู่ที่นี่? ทำไม...ถึงจำอะไรไม่ได้เลย?” ไอเดนพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและเจ็บปวด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 12 ถ้อยคำอันคุ้นเคย

    ในคืนที่เงียบสงัด กลางฤดูใบไม้ร่วงอันเยือกเย็น แสงจันทร์สีเงินส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีที่เรียงรายอยู่ตามทางเดินของคฤหาสน์ซินดิเคท สะท้อนแสงเป็นเงารูปทรงแปลกตาบนพื้นหินอ่อน ความเงียบไม่ได้ให้ความรู้สึกสงบ แต่กลับแฝงไปด้วยความอึดอัดกลิ่นไม้เก่าผสมกับกลิ่นเทียนที่กำลังมอดไหม้ในโคมระย้าด้านบนกระจายตัวในอากาศ เสียงหวีดหวิวของลมหนาวพัดลอดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ เพิ่มความเย็นเยียบที่สัมผัสผิวไอเดนอย่างแผ่วเบา ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ ไอเดนเดินเท้าเปล่าอย่างระมัดระวัง เสียงฝีเท้าของเขาแทบไม่ดังไปกว่าเสียงเข็มนาฬิกาในความเงียบก่อนจะออกมาเดินในเวลานี้ ไอเดนไม่สามารถหลับลงได้ แม้จะอยู่ในห้องส่วนตัวที่เงียบสงบแต่ความคิดในหัวของเขายังคงตีกันวุ่นวาย ความทรงจำราง ๆ ที่แฝงความเจ็บปวดทำให้เขาต้องหาที่หลบหนี ความมืดรอบตัวไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัย และจะมีสิ่งหนึ่งที่เขามักทำยามค่ำคืนที่เขาไม่อาจข่มตานอนได้คือ การวาดรูปโต๊ะในห้องของไอเดนเต็มไปด้วยแผ่นกระดาษขาวสะอาด บางแผ่นมีลายเส้นสีสดใสของดอกไม้ที่แบ่

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 11 รินเติบโตขึ้นเป็นไอเดนผู้ทรงอำนาจ

    ในช่วงวัยรุ่น ไอเดนเริ่มแสดงศักยภาพที่โดดเด่นออกมา แม้จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายของซินดิเคท แต่เขากลับแสดงคุณสมบัติของผู้นำที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นความสง่างามตามธรรมชาติ ความฉลาดเฉลียว หรือความสามารถในการสื่อสารที่ดึงดูดผู้คนวันหนึ่ง ในการประชุมของกลุ่มซินดิเคทระดับกลางที่เกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากร มีข้อพิพาทรุนแรงเกิดขึ้นระหว่างสองฝ่าย ผู้แทนของแต่ละกลุ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด เสียงดังจนบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด สมาชิกในที่ประชุมหลายคนได้แต่นั่งเงียบ ไม่มีใครกล้าออกปากห้าม เพราะกลัวจะถูกดึงเข้าไปในความขัดแย้งนี้ไอเดน ซึ่งนั่งอยู่ในที่ประชุมเฝ้าสังเกตด้วยความนิ่งสงบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ดวงตาสีเข้มของเขาฉายแววสง่างาม ทันทีที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ทุกคนในห้องก็เงียบลง“พวกคุณเคยคิดหรือไม่ว่า การทะเลาะกันแบบนี้ไม่ใช่แค่ทำลายความสามัคคีในองค์กร แต่ยังทำให้โอกาสในการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดสูญเสียไป?” ไอเดนเริ่มพูด น้ำเสียงมั่นคงแต่ไม่แข็งกร้าว

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 10 คู่แค้นชั่วชีวิต

    ทันทีที่ได้ยินข่าวว่ามีเด็กถูกนำเข้ามาในฐานะ “คุณชายคนใหม่” มาร์คัสก็แทบคลั่ง เสียงตะโกนของเขาดังก้องไปทั่วโถงใหญ่ของสำนักงานใหญ่ ดวงตาแดงก่ำราวกับสัตว์ป่าที่ถูกต้อนจนมุม“พ่อ! ไอ้ลูกหมานั่นเป็นใคร! พ่อเอามันเข้ามาทำไม!?” มาร์คัสคำรามลั่น เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบ ๆ เขากระชากแจกันข้างตัวแล้วปาอัดผนังจนแตกกระจาย เศษกระเบื้องกระเด็นไปทุกทิศทาง“มันไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่! ผมคือผู้สืบทอด! ไม่มีใครมาแทนที่ผมได้!” มาร์คัสยังคงตะโกนต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล ท่าทางของเขาราวกับเด็กที่ถูกแย่งของรักวิกเตอร์นั่งอยู่เงียบ ๆ หลังโต๊ะทำงาน เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยอำนาจมืดเพ่งมองลูกชายตัวเอง มันเป็นดวงตาที่ไม่เคยแสดงความรักหรือความอบอุ่น แต่กลับทรงพลังจนทุกคนต้องหยุดนิ่งมาร์คัสที่กำลังโวยวายถึงกับชะงัก ร่างที่เดือดดาลเมื่อครู่เหมือนถูกหยุดโดยสายตาคู่นั้น ร่างกายของเขาแข็งค้าง หายใจไม่ทั่วท้อง เขาไม่เคยกลัวใครมากเท่ากับพ่อข

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 9 มิตรภาพในโลกที่โหดร้าย

    ข่าวลือเกี่ยวกับ “คุณชายคนใหม่” ที่ถูกวิกเตอร์นำเข้ามาแพร่กระจายไปทั่วซินดิเคทในเวลาไม่นาน และแน่นอนว่ามันไปถึงหูของเคียแรน เด็กหนุ่มวัย 14 ปีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเดียวในซินดิเคทที่ยังคงร่าเริงสดใสเหมือนแสงแดดในวันฝนตก“คุณชายคนใหม่? แถมยังเป็นเด็กเสียด้วย?” เคียแรนพึมพำกับตัวเอง ดวงตาสีฟ้าของเขาเป็นประกายด้วยความอยากรู้ “แบบนี้จะปล่อยให้ผ่านไปได้ยังไงกัน!”โดยไม่คิดอะไรมาก เคียแรนก็วิ่งไปยังปีกตะวันออกของอาคารใหญ่ ซึ่งได้ยินมาว่าเด็กคนนั้นพักอยู่ที่นั่น เขาหาที่ซ่อนตัวอยู่หลังมุมเสา แอบสอดส่องดูเด็กชายที่กำลังหลบมุมในเงามืดของโถงทางเดินเด็กชายคนนั้นดูสับสนและตื่นตระหนก ราวกับพยายามวิ่งหนีอะไรบางอย่างแล้วมาซ่อนตัวในมุมอับ ดวงตาของเขาหลุบต่ำ ใบหน้าเปื้อนความกังวล เคียแรนมองดูด้วยความสงสัยและความเห็นใจ“เฮ้! นายน่ะ แอบอะไรอยู่ตรงนั้น?” เคียแรนพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกับยิ้มกว้าง เขากระโดดพรวดออกมาจากมุมที่ตัวเองซ่อนอยู่ ทำเอาไอเดนสะดุ้งสุดตัว

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 8 ชีวิตใหม่ในซินดิเคท

    เมื่อรินหรือที่ตอนนี้ถูกเรียกว่าไอเดน ถูกพามายังสำนักงานใหญ่ของซินดิเคท โลกของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อาคารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอาราเลียคือทั้งสำนักงานใหญ่และที่พักของวิกเตอร์ สถานที่นี้มีความโอ่อ่าและหรูหราด้วยการตกแต่งอันไร้ที่ติ แต่กลับแฝงไปด้วยบรรยากาศเยือกเย็นและกดดันจนแทบหายใจไม่ออก“เธอควรรู้ว่า เธอติดหนี้ฉัน” วิกเตอร์บอกไอเดนในคืนแรก น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง แฝงไปด้วยเจตนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ “ชีวิตใหม่ของเธอเริ่มต้นที่นี่ และเธอต้องทำให้ฉันเห็นว่าเธอมีค่าพอ”ไอเดนที่ยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แม้หัวใจจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่เขารู้ดีว่าการต่อต้านนั้นไม่มีประโยชน์หลังจากพูดคุยกับไอเดนเสร็จ วิกเตอร์หันไปทางพ่อบ้านคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล ชายชราในชุดสูทสีดำเรียบง่าย ดูสะอาดสะอ้านและเต็มไปด้วยความภูมิฐาน ขยับเข้าใกล้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง“ดูแลเขาอย่างดี ให้เหมือนคุณชายคนหนึ่ง” วิกเตอร์กล่าวเสียงนิ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 7 จุดเริ่มต้นของจุดสิ้นสุด

    สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับจะล้างทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองอาราเลีย แต่ไม่อาจลบล้างความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ หลังการจลาจล เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลับเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ถนนที่เคยคึกคักบัดนี้เงียบงัน เต็มไปด้วยเศษซากและคราบเลือด บ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้ยังคงส่งกลิ่นควันฉุน ผู้คนที่รอดชีวิตเดินโซเซผ่านตรอกเล็ก ๆ ด้วยแววตาว่างเปล่าและสิ้นหวังรินที่เปลือยเท้าเปื้อนโคลนและเลือด วิ่งฝ่าสายฝนอันเย็นเฉียบ เสียงฟ้าร้องดังก้องทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นรัว แต่เขาไม่คิดจะหันหลังกลับ เขาวิ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นที่ใด น้ำตาไหลอาบแก้มรวมกับสายฝน จนแยกไม่ออกว่าความชื้นที่ไหลลงมานั้นเกิดจากอะไร“แม่…ผมขอโทษ…” รินพูดซ้ำ ๆ ในใจ ขณะที่ภาพใบหน้าอันอบอุ่นของโรซาลีแทรกเข้ามาในความคิด เขาจำเสียงสุดท้ายของแม่ได้ เสียงที่สั่งให้เขาซ่อนตัว เสียงที่เต็มไปด้วยความรักและความหวาดกลัว เสียงนั้นยังคงดังก้องในใจราวกับคำสาปเขาวิ่งโดยไม่มองทาง ไม่สนใจเศษซากที่กรีดเท้าจนเลือดไหลเป็นทาง จนกระทั่ง…โครม!

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status