สองกายเด้งสะโพกตอบรับกันเป็นจังหวะ หนิงเซียนเองก็ไม่ได้น้อยหน้าสามี บัดนี้กายงามขึ้นนั่งทับคนตัวโต พร้อมกับขยับเด้งเอวบางเข้าสู้ไม่ถอย มือหนาก็ไม่ใช่จะว่างงาน ทั้งขย้ำบีบนวดอกอวบอย่างมันมือ สะโพกสอบหรือก็มิได้ปล่อยให้ภรรยาทำงานคนเดียว เขาตอกอัดสวนความเป็นชายอย่างเมามัน
“อ่าส์... ภรรยารักพอก่อน ครั้งนี้พี่ขอ” แม้จะอยากให้ภรรยาเป็นผู้สำเร็จความใคร่ก่อนตน ทว่าด้วยเขากักเก็บความต้องการไว้นานเกินไป ทำให้ไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้อย่างใจนึก
ชายหนุ่มพลิกตัวภรรยาลงด้านล่าง ให้หญิงสาวอยู่ในท่าคลานเข่า พร้อมกันนั้นได้ดึงสะโพกงามขึ้นสูง ก่อนจะเสียบเสยท่อนเนื้อเข้าอีกครั้ง
ปึก
“อ้าส์...” เสียงหวานครวญครางออกมาเสียงดัง
แรงตอกอัดในตอนที่นางยังไม่ทันตั้งตัว ก็ทำให้เสร็จสมอารมณ์ไปก่อนสามีเสียแล้ว นางถูกสามีตัวร้ายรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มีหรือจะยอมแพ้โดยง่าย บั้นท้ายส่ายเข้ายั่วยวนอีกฝ่าย ยิ่งนางทำเช่นนั้นก็ยิ่งได้ยินเสียงแห่งความพึงพอใจจากคนด้านบนดังมากขึ้นตามจังหวะ
สะโพกหนาเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นไม่ผ่อนแรง เต้าอวบถูกมือร้ายบีบขย้ำเต็มสองมือ ในที่สุดเขาก็นำพาคนตัวเล็กไปถึงจุดหมายจนได้ แท่งเนื้อภายในกายสาวได้ปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในตัวภรรยา ความหฤหรรษ์ที่ได้พานพบทำให้คู่สามีภรรยาถึงกับอ่อนแรง บัดนี้สองกายฟุบลงนอนราบกับที่นอน หายใจหอบกระเส่า กระนั้นคนตัวโตก็เอาแต่จูบซับยุ่มย่ามกับเนื้อตัวภรรยาไม่ยอมห่าง
“เรายังพอมีเวลา ต่อกันอีกสักรอบเถอะ”
หนิงเซียนยังไม่ทันหายเหนื่อย ก็ถูกสามีผู้อดอยากกลืนกินอีกครั้งเสียแล้ว นางไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงจะทัดทาน ก็ได้แต่ปล่อยให้สามีทำต่อไปจนกว่าเขาจะพอใจก็เท่านั้น
ลานฝึกตระกูลหยาง
“ย้า”
เสียงร้องเรียกพลังจากการฝึกดาบของเด็ก ๆ ดังทั่วทั้งลานฝึก โดยมีอาจารย์ผู้สอนคือมู่หลางเป็นหลัก ในบางครั้งหยางจวินที่บัดนี้ได้ขึ้นตำแหน่งแม่ทัพแทนผู้เป็นบิดา หากมีเวลาเขาก็จะแวะเวียนมาช่วยฝึกสอนวิชาดาบ วิชาการต่อสู้แขนงต่าง ๆ ให้กับเด็ก ๆ ทั้งสามด้วยเช่นกัน
“ท่านหญิงมือต้องสูงขึ้นกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ” มู่หลางเดินตรวจการฝึก พร้อมกับแนะนำท่วงท่าที่ถูกต้อง
“ฉูงเท่านี้พอไหม” เด็กน้อยถักเปียสองข้างยกแขนขึ้นตามท่านอาจารย์ชี้แนะ นางอยากจะเก่งกาจเหมือนเสด็จพ่อ จึงต้องตั้งใจฝึกฝนให้มาก ๆ
“ดีมากพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อท่านหญิงน้อยทำตามคำแนะนำเขาได้เป็นอย่างดี มู่หลางจึงหันไปทางอ๋องน้อย พร้อมกับแนะนำอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน “ท่านอ๋องน้อยย่อเข่าลงอีกพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้เยย เท่านี้พอไหม” เด็กชายวัยสามหนาว พูดยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก ย่อเข่าลงให้ได้ตามอาจารย์ผู้สอนต้องการ กระนั้นก็ยังไม่มั่นใจว่าตนเองทำถูกหรือไม่
“พอพ่ะย่ะค่ะ” มู่หลางเดินไพล่หลังรอบ ๆ เด็กทั้งสามด้วยสีหน้าพึงพอใจ ทางด้านหลี่หยุนเติบโตขึ้นมาก ตัวสูงขึ้นเป็นเท่าตัว เขานั้นหัวไวสอนเพียงครั้งเดียวก็สามารถจดจำและทำตามได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หวังเฟยช่างสายตาหลักแหลมนัก เห็นแววความเฉลียวฉลาดในตัวเด็กคนนี้ แม้แต่ท่านแม่ทัพได้มาเห็นฝีมือเขากับตา ก็ยังเสียดายที่รู้จักหลี่หยุนช้าไป “เอาล่ะ วันนี้เราฝึกเพียงเท่านี้ก็พอ ทุกคนพักได้”
“เย่ พี่หยุง เราไปกิงขนมกังเถอะ” เจี้ยนหมิง มี่ฮวา ต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปจับมือหลี่หยุนกันคนละข้าง พร้อมกับดึงให้อีกฝ่ายไปนั่งกินขนมด้วยกัน พวกเขาถูกสอนให้เคารพผู้อื่น แต่ก็สอนให้ไม่ลืมความทะนงตนในศักดิ์ศรี หากผู้ใดทำดีด้วยก็สมควรได้รับการทำดีตอบ แต่หากผู้ใดมาร้ายรังแกพวกเขาหรือคนในครอบครัว เด็กทั้งสองก็พร้อมร้ายใส่ไม่แพ้ผู้เป็นบิดา
“พ่ะย่ะค่ะท่านหญิง ท่านอ๋องน้อย” หลี่หยุนบัดนี้เสียงใหญ่และทุ้มราวกับชายหนุ่มน้อย มิใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาตอบรับเจ้านายด้วยความยินดี แม้ตนจะเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาจากข้างทาง ผู้มีพระคุณ ท่านอาจารย์ รวมไปถึงเจ้านายตัวน้อยทั้งสอง ต่างก็ให้ความรักความเอาใจใส่เขาอย่างเต็มเปี่ยม ในตอนนี้เขามิได้รู้สึกขาดสิ่งใดแล้ว
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน