แต่แล้วในระหว่างที่แพมกำลังพินิจพิจารณากำไลอยู่นั้น ได้มีแสงหนึ่งเปล่งประกายวูบไหว ทำให้วิญญาณเบลที่ล่องลอยอยู่ไม่ไกล ถูกแสงนั้นดูดหายเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
‘ว๊ายยยย’ เบลร้องขึ้นอย่างตกใจ แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือ บัดนี้ตนเองได้มาอยู่หน้ากระท่อมน้อยหลังเดิมในหมู่บ้านหนานชุนได้อย่างไร บ้านเดิมที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวของพระสนมที่ทิ้งไว้ให้ท่านอ๋องได้ดูต่างหน้า
“เป็นไปไม่ได้” หนิงเซียนเองก็ตกใจไม่ต่างกัน ตัวนางกลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร โลกใบเดิมที่ไม่อยากย่างก้าวเข้ามาอีก อีกทั้งยังอยู่กับสตรีแปลกหน้าและสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
“หนิงเซียน” เบลกลับมาอยู่ในรูปร่างเดิมของตนเอง เธอนั้นมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับหนิงเซียนมาก ราวกับพี่น้องคู่แฝดคลานตามกันมา ต่างกันก็ตรงที่คนหนึ่งมีไฝเม็ดเล็กใต้ตาด้านซ้าย ส่วนหนิงเซียนนั้นมีอยู่ใต้ตาด้านขวา ร่างบางไม่รอช้าวิ่งเข้าไปกอดอีกคนพร้อมกับร้องไห้โฮ เพราะส่วนลึกของจิตใจเธอยังคงรู้สึกผิด รู้สึกผิดที่ยึดเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของหนิงเซียนมาเป็นของตนเอง
“เจ้าเป็นใคร แล้วรู้จักชื่อข้าได้อย่างไร” หนิงเซียนเองงงเป็นไก่ตาแตก นางมิเคยมีพี่น้อง อีกทั้งมั่นใจว่าไม่รู้จักสตรีตรงหน้าอย่างแน่นอน
“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าอีกเยอะเลย เราเข้าไปคุยกันในเรือนเถอะ” เบลลากอีกคนเข้าเรือนหลังน้อยอย่างคุ้นเคย บรรยากาศเก่า ๆ พานทำให้นางคิดถึงพ่อของลูกยิ่งนัก
“ทีนี้เจ้าจะตอบข้าได้หรือยัง เจ้าเป็นใครกันแน่” หนิงเซียนยอมเดินตามสตรีแปลกหน้าเข้าไปในเรือนแต่โดยดี เมื่อได้ที่เหมาะสมจะพูดคุยกันแล้ว นางจึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน เพราะไม่คิดว่าการที่นางทั้งสองได้พบกันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
“ข้าชื่อเบล เป็นคนโลกโน้น โลกเดียวกับที่เจ้าเข้าไปอยู่นั่นแหละ ก่อนจะทะลุมิติมาอยู่โลกนิยาย ข้าอ่านนิยายที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสร้างขึ้น เรื่องบุปผาซ่อนใจ หลังจากนั้นก็ประสบอุบัติเหตุ จิตวิญญาณของข้าจึงเข้ามาสวมร่างเจ้าแทนตั้งแต่ตอนนั้น” นางจะบอกให้รู้เพียงเท่านี้ จะไม่บอกหนิงเซียนเป็นอันขาดว่าตนเดินตกท่อตายก่อนจะมาสวมร่าง เรื่องน่าอับอายเช่นนี้สมควรเก็บไว้ให้ลึกสุดใจ รู้เพียงคนเดียวก็พอ
“เจ้าว่าอะไรนะ อย่าบอกนะว่าข้าเป็น...” หนิงเซียนฉุกคิดขึ้นมาได้ เรื่องที่นางเข้าใจว่าชีวิตของตนเองช่างเหมือนกับนิยายเรื่องนั้นราวกับจับวาง อย่าบอกนะว่าตัวนางเองก็เป็นหนึ่งในตัวละครในเรื่อง แม้มันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป แล้วอย่างไร ในเมื่อตอนนี้นางเองก็พบเจอแล้วกับตัว
“ใช่ เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นตัวละครในนิยาย ที่ถูกคนผู้หนึ่งสร้างมันขึ้นมา และคนคนนั้นก็คือสตรีที่เจ้าเข้าไปสวมร่างแทนอย่างไรล่ะ” เบลไขข้อข้องใจทั้งหมด เพื่อให้หนิงเซียนเข้าใจได้ง่าย
“แต่ว่านิยายเรื่องนั้น เวลานี้ตัวข้าตายไปแล้วมิใช่หรือ” ใช่แล้วนิยายเรื่องบุปผาซ่อนใจ สร้างขึ้นมาเพื่อให้นางตายในไม่กี่บรรทัดเท่านั้น
“แต่ตอนนี้เจ้ายังไม่ตาย เจ้าได้รักกันกับท่านอ๋องและมีลูก ๆ ที่น่ารักด้วยนะ ได้บุตรแฝดชายหญิงด้วย” น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นอาบแก้ม เบลคิดว่าตัวเธอเองเมื่อต้องคืนร่างให้หนิงเซียนแล้ว นางก็จะไปอย่างหมดห่วง ทว่าตอนนี้มันกลับไม่ใช่เลย ถึงยินดีจะคืนร่างให้จริงหรือ ในเมื่อความรู้สึกมันเด่นชัดออกปานนี้ นางรักพวกเขาสามคนพ่อลูกไปแล้วอย่างหมดใจ เขาทั้งสามคือครอบครัวที่มีอยู่ แล้วจะให้จากไปโดยไม่คิดอะไรได้หรือ
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน