เอาจริง ตอนนี้เขาไม่รู้จะอึ้งกับอะไรก่อนดี ระหว่างมุมมองแปลกใหม่ในตัวเมริสาที่เขาไม่เคยได้สัมผัส เช่น การสบถถ้อยคำหยาบโลนออกมา หรือ เรื่องราวในอดีตที่เธอเคยพบเจอมา…
เขาเคยคิดว่าชีวิตตัวเองโคตรเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แต่พอได้มาทำความรู้สึกกับเมริสาเธอกลับเลยในสิ่งที่เขามี เขาเป็นขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งที่เขาหรือแม้กระทั่งคนอื่น ๆ ก็คงถีบตัวเองขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ยาก…เมริสาเรียนจบจากต่างประเทศด้วยปริญญาสองใบ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ทั้งรัก ทั้งเข้าใจ หวงแหวน และตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็พร้อมซัพพอร์ตหากเป็นความต้องการของลูกสาว ทรัพย์สินเงินทองไม่ต้องพูดถึง ตระกูลนั้นร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ลำพังเพียงหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ถืออยู่ของบริษัทดังระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษก็เฉลี่ยเดือนละหลายร้อยล้าน และที่สำคัญเธอไม่ต้องทำการทำการอะไรสักอย่าง ลอยชายช็อปปิ้งไปวัน ๆ ลูกคุณหนูสัส ๆ แต่เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าอดีตเธอโคตรแย่ เจอกับความสัมพันธ์เหี้ย ๆ เหตุผลในการบอกเลิกแบบคนเห็นแก่ตัว จนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตาย หากในวันนั้นคุณอาทั้งสองขึ้นไปไม่ทัน ก็คงไม่มีเมริสามานั่งเล่นหัวเขาอยู่ตอนนี้หรอก… “เทคแคร์นะคุณธัน ฉันเนี่ย จะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวเด็ดขาด เพราะถ้าคุณอยู่เดียว คุณก็จะคิดฟุ้งซ่าน พอคุณคิดฟุ้งซ่าน คุณก็จะฆ่าตัวตาย ไม่น๊าา” เมริสาต่างจากตอนที่ไม่เมาราวกับเป็นคนละคนเลย “อือ” เขาพยักหน้า แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นมากระดกดื่มไปพร้อม ๆ กับเธอ เผื่อว่าช่วงเวลาในตอนนี้จะช่วยให้เขาลืมเรื่องทุกข์ทรมานใจนั่นไปได้บ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแม่ง ว่าทำไมยกแก้วไวน์ขึ้นมากระดกเฉย ซ้ำยังอ้าปากรับเอ็นไก่ทอด และพวกขนมขบเคี้ยวกับแกล้มสารพัดที่เมริสาป้อนให้โดยไม่คิดปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่เขาควรลุกออกไปไม่ใช่เหรอวะ? เออแม่ง ช่างเหอะ คงเพราะหัวอกเดียวกัน คงจะเข้าใจกันมากที่สุดมั้ง… “โช้นนนนนนน!!!” เมริสาลุกขึ้น แทรกตัวเข้ามายืนกลางหว่างขาเขา วาดแขนเรียวบางขึ้นมาพาดบ่าคล้ายกับเด็กที่คอยเอ็นเตอร์เทนลูกค้าในผับในบาร์ ส่วนฝ่ามืออีกข้างที่ถือแก้วไวน์ไว้ชูลอยขึ้นเหนือศีรษะพร้อมออกแรงส่ายพลางโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลงที่เปิดคลอเบาๆ “วู้ เอ้า โยก โยก โยก เอ้า โยก โยก โยก” เมริสาหย่อนสะโพกลงนั่งบนหน้าขาแกร่งแขนยาว ฟุบคอพาดบ่ากำยำด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเต็มที ถึงแม้เมื่อก่อนเธอจะสังสรรค์กับเพื่อนกับฝูง เข้าผับเข้าบาร์บ่อยแทบจะเกือบทุกวันจนกลายเป็นลูกค้าวีวีไอพี แต่ก็ไม่รู้ทำไม๊ เธอจึงไม่คอแข็งเหมือนคนอื่นเขาสักที กินแค่แก้วสองแก้วสามแก้วไม่เกินนั้นก็เมาคอพับ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้ว ยังจำได้เมื่อสมัยที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ไปเลี้ยงสังรรค์ส่งท้ายกับเพื่อนในคณะเดียวกัน เธอซัดหนักมาก ดื่มเต็มที่ แม่ง เมาไม่รู้ห่าเหวอะไรเลย ขึ้นไปบนเวทีทั้งร้อง ทั้งเต้น จนเจ้าของร้านออกมาไล่ เธอไม่รู้ไปเอาความบ้าบิ่นมากจากไหนท้าต่อย แต่ด้วยความเมาหัวทิ่มจึงโดนจับโยนออกไปจากร้าน เท่านั้นยังไม่พอ นั่งข้างฟุตพาธคุยกับหมาข้างถนนเป็นตุเป็นตะ อีพวกเพื่อนสนิทก็รักเธอเหลือเกิน อัดคลิปเก็บเอาไว้แล้วโพสต์บนหน้าเฟซบุ๊ก เธอดังภายในชั่วข้ามคืน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่กล้ากินจนเมาแอ๋ขนาดนั้นอีกเลย “ขอเพลงมันส์ ๆ หน่อย วู้วววว” เมริสาดีดตัวลุกขึ้น แล้วขึ้นไปยืนบนโซฟานุ่มพร้อมออกลวดลายเต้นโยกย้ายชนิดที่เขาต้องยกฝ่ามือขึ้นกุมขมับ ธนาธิปเดินไปหาคนสนิททั้งสองคน “เฟื่อง บุญช่วย ไปนอนได้แล้ว” ทั้งสองคนพยักหน้าแล้วเดินออกไปตามคำสั่งเจ้านาย เขาไม่รู้ว่าเมริสาจะออกผีบ้าไปจนถึงขนาดไหน อาจเต้นรูดเสา กระเด้าพื้น จึงไม่อยากให้เฟื่องกับบุญช่วยต้องมาเจอนายหญิงของตนในสภาพแบบนี้ เขายังต้องการให้พวกเขาจดจำเมริสาในตอนปกติมากกว่าก็เลยไล่ออกไป “จะเมาให้ลืมเธอ ลืมความรักที่แสนห่วย ความรักควาย ๆ เอากลับคืนไปเลยปายยยยยยยย” “ใครอกหักกันแน่วะ” ธนาธิปขมวดคิ้ว ก่อนหน้าเธอบอกว่าจะชวนเขากินเหล้าเพื่อให้เขาลืมความทุกข์ แต่ตอนนี้แม่งไม่ใช่แล้วไอ้เหี้ย “เฮ้ย ไอ้ธันนน” เมริสากระโดดตัวลงจากโซฟา แล้วเดินโซเซมาหาเขา ตอนนี้สรรพนามเริ่มเปลี่ยนละ เมื่อกี้เพิ่งจะคุณธันทุกคำไปหยก ๆ มาไอ้ธัน กูว่าอีกแป๊บเดียวไอ้เหี้ยธันมาแน่ “นั่งอยู่ทำเชี้ยอารายยย ลุกขึ้น มาเต้น” เมริสายืนท้าวสะเอว ค้ำหัวกูอยู่นี่ ไม่เคารพกูแล้วด้วยตอนนี้ “คุณเต้นเลย ผมขอนั่งเฉย ๆ” เพี๊ยะ ไอ้ฝ่ามือเล็กๆ นั่นฟาดลงหน้าศีรษะของเขาอย่างเต็มแรง เขาหันขวับไปจ้องมองหน้าเธออย่างคาดโทษ แต่ก็เพิ่งนึกออกว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา เมริสาคงไม่รู้ตัวหรอกมั้ง… “จะเก๊กไปถึงไหน ห๊ะ ถามหน่อยเหอะไอ้ธันน ทำไมชอบวางมาดตลอดเวลา ไม่เหนื่อยเหรอไง ห๊าาาา” สองฝ่ามือเล็กคว้าหมับเข้าที่คอปกเสื้อของดเขาแล้วออกแรงเขย่าติดต่อกันห้าหกครั้ง แต่เพราะขนาดร่างกายที่แตกต่างกันลิบลับ จึงกลายเป็นตัวเธอแทนที่สั่นไหวเอง “ชอบทำตัวเป็นผู้ลากมากดี เข้าถึงยาก แม่ง รู้ปะคุณทำให้ฉัน ให้ฉันเนี่ย คุณหนูเมริสาผู้สูงส่งดูต้อยต่ำทันที อ้าว เหี้ยไร มองหน้าหาเรื่องอ๋อออออ” ธนาธิปมองเมริสาพูดพร่ำเพรื่อไปเรื่อยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง คือ กูไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง ควรจะทำสีหน้าแบบไหน ตอนนี้เขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอเมามายไม่ได้สติจนพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวจริง ๆ หรือ กำลังหลอกด่ากูกันแน่วะ “หน้าตาก็หล่อ” สองฝ่ามือเลื่อนขึ้นไปจับกรอบใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มประคองเอาไว้ “ตาเฉี่ยวน่ามอง” แล้วเลื่อนขึ้นไปใช้สองนิ้วชี้โป้งวางเป็นตัวยูให้ดวงตาอยู่ระหว่างกลางแล้วเบะฉีกออก “ปลายจมูกสันโด่ง ศัลยกรรมปะ หมดไปกี่ล้านถึงได้ทรงนี้” เมริสาพูดพร้อมกับทดสอบเพื่อหาคำตอบที่ตนเองคลางแคลงสงสัยด้วยการใช้นิ้วบีบจมูกเขาแล้วโยกไปมาแรง ๆ สองสามที “อุ้ปส์!!” เธอฝ่ามือปิดปาก เปล่งเสียงคล้ายกับตกใจมากจนต้องร้องอุทานออกมา “ของจริงงง ชาติที่แล้วทำบุญวันหนายหย๋อ” “…” เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงแบบเมริสาพอเหล้าเข้าปากแล้วจะเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ขนาดนี้ เอ๊ะ!!!! หรือนี่คือตัวตนที่แท้จริงของเธอกันแน่วะ ส่วนภาพ และลุคที่เขาเห็นมาตลอดระยะเวลาห้าเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่แต่งงานเป็นผัวเมียตามกฏหมายคือ ปลอม แสดง ใส่หน้ากาก เป็นเพียงเกราะนอกที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอีกคนหนึ่งเช่นเดียวกันกับเขาที่เก็บซ่อนความเป็นตัวตนเอาไว้เพื่อรักษาภาพลักษณ์นักธุรกิจไฟแรงผู้ที่เป็นเจ้านายให้ลูกน้องในปกครองเคารพ ปลายนิ้วหัวแม่โป้งลูบไล้กลีบปากหยักเบา ๆ ไปมา “ปากนุ่มจางงงง” ธนาธิปลอบกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ทำไมเขารู้สึกลำคอแห้งผาดขนาดนี้ ดูเหมือนเธอกับเขาจะใกล้ชิดกันเกินไปจนอยู่ในระยะที่ค่อนข้างอันตรายต่อความรู้สึก เขาพยายามเบี่ยงหน้าหลับตามองไปทางอื่น แต่เธอกลับใช้ฝ่ามือประคองแล้วดึงกลับมาอย่างแรง หัวกูแทบหลุดออกจากบ่า! เขาก็รู้อยู่แหละ ภาพมันก็ประจักษ์ให้เห็นอยู่ทุกวันว่าเมริสาน่ะเธอสวยไม่แพ้พิรญา เผลอ ๆ อาจมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเธอมีเงินที่จะสามารถซื้อเครื่องสำอางค์พวกเคาน์เตอร์แบรนด์ เข้าคลินิค ฉีดนู้นฉีดนี่ ดึงนั่นดึงนี่ แต่เพราะเขามีอคติกับเธอจึงไม่เคยสนใจในส่วนนี้ ทว่าวันนี้เพิ่งได้อยู่ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมอุ่นร้อนรินรัดใบหน้ากัน ทำให้เห็นความสวยเธอชัดเจนยิ่งขึ้น “แต่สงสัยเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว ก็เลยปากหมาไปหน่อย” ว่าจบเมริสาก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจหากอยู่กันนานกว่านี้ กูว่าเมริสาต้องเล่นหัวเขาเข้าสักวันแน่! ปากเรียกกู คุณธัน คุณธันวาทุกคำ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ย้อนแย้งสัส ๆ “ทำไมเมื่อกี้กินแค่นิดเดียว อิ่มเหรอ” ถามคำถามนี้ปุ๊บ สายตาแปลก ๆ ของเมริสาก็เลื่อนขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนหัวคิ้วจะขมวดย่นติดกันเล็กน้อย “ปกติคุณไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ แต่นี่สังเกตด้วยว่าฉันกินนิดเดียว เอ๊ะ” แววตากรุ้มกริ่มพร้อมรอยยิ้มเลศนัยกระตุกขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาจนปลายจมูกแทบชนกัน “เอ๊ะ หรือได้กันครั้งเดียว คุณหลงฉันแล้วเหรอไง๊” “คงงั้นมั้ง” ธนาธิปไม่ได้หลบหลีกหรือปฏิเสธอย่างที่เมลิสาคิด ในทางกลับกันเขายื่นหน้าเข้าไปซ้ำยังทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เธออีกด้วยทำให้คนที่คิดจะกลั่นแกล้งเมื่อครูต้องรีบถอยเสียเอง “บ้า” ใบหน้าเธอแดงก่ำ หลุบความขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก บ้าชะมัดกะว่าจะเป็นเสือไล่ตะครุบเหยื่อให้กลัวเล่นแท้ ๆ แต่ดันโดนเขาหลอกกลับเสียได้!! จะว่าไปตั้งแต่ที่ธนาธิปตาสว่างจากผู้หญิงคนนั้นเขาก็ดูสดใสไม่เก๊กครึ้มหรือทำตัวเข้าถึงยากเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ธนาธิปหัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีตื่นตูมของเมริสา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนโผงผางตรงไปต
คุณผกาวรรณเข้าไปดึงหูลูกชายตัวดีของหล่อนก่อนจะลากพามันเข้าไปด้านในสะบัดตัวให้ทิ้งลงบนโซฟานุ่มพร้อมจ้องมอง ท้าวสะเอวอย่างคาดโทษ“ตาธันแกคิดอะไรอยู่ถึงได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านห๊ะ! แกควรจะให้เกียรติเมียแกบ้าง! ไม่ใช่ทำอะไรประเจิดประเจิดประเจ้อขนาดนี้ โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก ทั้งลูก ทั้งผัวไม่ได้เรื่องสักคน!!!” มาถึงยังไม่ทันจะพูดจะจา หรือดื่มน้ำสักแก้ว ผกาวรรณก็เหวใส่ลูกชายเสียงดัง ซึ่งมันเป็นภาพธนาธิปเองก็คุ้นตาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แม่เขาเป็นคนแบบนี้แหละ แรง ๆ ตรงไปตรงมา ปากกล้า คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ถึงได้เอาคุณพ่อที่เคยเป็นคาสโนวาตัวพ่อควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่หมัดมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลด้วยมั้งที่คุณแม่ของเขา ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู แม่หนูเมริสาอะไรนั่นหัวปักหัวปำ เพราะมีลักษณะนิสัย กิริยาท่าทางที่ละม้ายคล้ายกันละมั้งตอนอยู่อยู่กับเมลิสากูรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ยังไงก็ไม่รู้ อบอุ่นฉิบหาย!!! ฉิบหายแล้ว เหลือแต่อบอุ่น!“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพิญมาได้ยังไง” คราวนี้เขาพูดจริง ไม่ได้โกหกเหมือนครั้งก่อน ที่มักนัดเจอกับพิรญาแล้วบอกว่าบังเอิญเจอ แต่หนนี้เขาไม่รู้มาก่อนล
หลังจากที่พูดคุยตกลงกับธนาธิปเรื่องการสวมบทบาทการเป็นผัวเมียปลอม ๆ อีกระดับหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ปกติมันก็ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริง ๆ อยู่แล้ว ก็ได้กลับขึ้นมาบนห้องนอนแล้วนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่ารับปากไปเพื่ออะไรวะ?ตอนนี้เธอก็สุขสบายอยู่แล้วเราแค่วันที่จะได้เซ็นใบหย่าเท่านั้น เมริสาเอ้ยหาเหาใส่หัวชัด ๆ !ปิ้ง!! จู่ ๆ ข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น...เป็นแอ็กเคานต์ส่วนตัวของรติมาเพื่อนที่เป็นดาราสาวซึ่งหูตากว้างขวางอยู่ในแวดวงสังคมบันเทิงเด้งข้อความเข้ามา pv.rosese : -send photo- pv.rosese : พ่อมึงใช่ปะ หน้าคุ้น ๆ กูว่าใช่ เมริสาเองจั๊บ : มึงเจอที่ไหน pv.rosese : ภูเก็ต กูมาเที่ยวที่ภูเก็ตกับผู้แล้วบังเอิญเจอคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อมึงไม่มีผิด pv.rosese : มากับผู้หญิงว่ะ pv.rosese : พ่อกับแม่มึงมาฮันนีมูนกันที่นี่เหรอวะ โรแมนติกโคตร อีดอกกก ได้ห้องพักที่วิวดีที่สุดของโรงแรมด้วย เมริสาเองจั๊บ : กูโทรหาแม่แป๊บ ...เมริสามีลางสังหรณ์ใจแปลก เธอสันนิษฐานว่าผู้หญิงที่รติมาหมายถึงอาจจะไม่ใช่แม่ของเธอหรือเปล่าเพราะหากแม่ไปจริงๆก็คงจะโทรมาหาเธอแล้ว กริ้งง...my mom (เม ว่าไงลูก) เสี
เมื่อกลับมาจากห้องของเมริสา ชายหนุ่มเองก็สับสนไม่ต่างไปจากเธอ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มด้วยความคิดมากมายตีปนกันมั่วไปหมดภายในสมอง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนลอยเข้ามาเป็นฉาก ๆ ยังคงวนเวียนตามหลอกหลอนไม่เลิกราเน้นย้ำว่ามันคือความจริงที่ระหว่างเขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมามายไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะสำหรับชีวิตแต่งงานของพวกเขาแล้วหนทางไปต่อมันมองไม่เห็น ไม่มี รู้เพียงแค่อีกเจ็ดเดือนข้างหน้าก็จะได้หย่าขาดเป็นอิสระจากพันธะที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นมาเขาตั้งใจว่าจะคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียวันนี้ แต่เธอกลับหลบหน้าไม่พูดไม่จา ...ผ่านไปประมาณสองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นเขาก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กับเมริสาอีกเลย เพราะดูเหมือนเธอจะจงใจหลบหน้า ไม่พูดไม่จาและไม่มาให้เขาพบเจอ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็กลับมานอนบ้านทุกคืน เมริสารู้ดีว่าเขาจะกลับจากทำงานช่วงประมาณหกโมงเย็นและเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มเธอจึงเล่นกลับเอาเที่ยงคืนเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน "เม" แต่คราวนี้เขาซัด
แสงแดดสีทองสดใสยามรุ่งอรุณสาดส่องกระทบกระจกบานใหญ่ทะลุเข้ามาด้านใน ตกลงบริเวณปลายเตียงนุ่มโดนเท้าเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นผ้านวมผืนใหญ่ออกมาได้รับความร้อนระอุจนต้องรีบขดกลับขึ้นไป แล้วขยุกขยิกตัวไปมาเล็กน้อย แต่ก็พริ้มตาหลับตาเพราะอาการหนักอึ้งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหน่วงอยู่ในศีรษะบวกกับอาการเหนื่อยล้าด้วยกิจกรรมรักอันเร่าร้อนที่เพิ่งจบลงเมื่อตอนตีสามกว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มของเมริสาพาดขึ้นมาวางบนหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อลอนเรียงมัดเป็นกลม ก้อนใหญ่ราวกับขนมปัง ใบหน้านอนซบอยู่บนอกอกแกร่งกำยำ มีผ้านวมสีขาวผืนหนาปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าเอาไว้ไม่ให้ดูอนาจารจนเกินไป ถึงแม้เมื่อคืนมันจะผ่านการสัมผัสจากริมฝีปากหยักมาแล้วทุกจุดก็ตาม..."อื้อ..." ส่วนธนาธิป นอนหงาย ส่งแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบร่างบางเอาไว้อย่างรักใคร่ พริ้มตาหลับเข้าสู่ภวังค์นิทราเพราะความเหนื่อยล้าเต็มที เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กที่อีกฝ่ายทำเอาไว้มากมาย"ฮือ..." เมื่อเริ่มรู้สึกตัว หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยอัติโนมัติเพราะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดไปจากทุก ๆ วัน ทำไมวันนี้หมอนในห้องเธอถึงได้แข็งโป๊ก! ท
อ้าว! คราวนี้แม่งหลอกด่ากูจริง ๆ ไอ้สัส คือกูสามารถโกรธคนเมาได้ไหมวะ? "เอ้าา โช้นนนนนนน" เมริสาชูแก้วไวน์ขึ้นแล้วเลื่อนลงมากระดกเข้าปาก "กินดิ คออ่อนเหรองายยย ห๊า" ธนาธิปยินคำสบประมาทเช่นนั้นก็ยอมความไม่ได้ ยกแก้วไวน์ของตนขึ้นมากระดกเข้าปากแข่งกับเมริสาจนผ่านไปขวดที่เท่าไรต่อเท่าไรแล้วก็ไม่รู้...รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ศีรษะมันหนักอึ้ง ดวงตาพร่ามัว เดินโซซัดโซเซคล้ายกับบ้านหมุน ส่วนเมริสาเองก็ไม่ได้ต่างกัน เผลอ ๆ อาการหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ "เม ลุกขึ้นไปนอนบนห้องดิ้" "อื้อ! เสือกรายยยอะ" เมริสาที่กำลังนอนฟุบอยู่บนอกแกร่งกำยำของธนาธิปแหงนหน้าขึ้นไปสบถถ้อยคำหยาบโดนใส่หน้าเขา "เมมม ปายยยนอนดีดี ดิ้" ธนาธิปดึงแขนเรียวยาวของเมริสาขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะพากันเดินโซซัดโซเซขึ้นไปชั้นบนของบ้าน "อยากจะเมาห๊ายยลืมเธอ ลืมความรักที่แสนห่วย วู้วววว ความร๊ากกกกก" เมริสาแหกปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีตลอดทาง เขาก็ต้องรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงแบกร่างของเธอขึ้นไปจนถึงด้านบนให้จนได้! ภาระกูชัด ๆ ! เขาหลอกด่าอยู่ในใจโดยไม่ได้ออกเสียงออกมา ไม่เช่นนั้นเมริสาที่กำลังอยู่ในสภาพเมามายหัวราน้ำแบบนี้คงตบหัวเขาเข้าสักผ
เอาจริง ตอนนี้เขาไม่รู้จะอึ้งกับอะไรก่อนดี ระหว่างมุมมองแปลกใหม่ในตัวเมริสาที่เขาไม่เคยได้สัมผัส เช่น การสบถถ้อยคำหยาบโลนออกมา หรือ เรื่องราวในอดีตที่เธอเคยพบเจอมา… เขาเคยคิดว่าชีวิตตัวเองโคตรเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แต่พอได้มาทำความรู้สึกกับเมริสาเธอกลับเลยในสิ่งที่เขามี เขาเป็นขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งที่เขาหรือแม้กระทั่งคนอื่น ๆ ก็คงถีบตัวเองขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ยาก…เมริสาเรียนจบจากต่างประเทศด้วยปริญญาสองใบ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ทั้งรัก ทั้งเข้าใจ หวงแหวน และตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็พร้อมซัพพอร์ตหากเป็นความต้องการของลูกสาว ทรัพย์สินเงินทองไม่ต้องพูดถึง ตระกูลนั้นร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ลำพังเพียงหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ถืออยู่ของบริษัทดังระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษก็เฉลี่ยเดือนละหลายร้อยล้าน และที่สำคัญเธอไม่ต้องทำการทำการอะไรสักอย่าง ลอยชายช็อปปิ้งไปวัน ๆลูกคุณหนูสัส ๆ แต่เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าอดีตเธอโคตรแย่ เจอกับความสัมพันธ์เหี้ย ๆ เหตุผลในการบอกเลิกแบบคนเห็นแก่ตัว จนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตาย หากในวันนั้นคุณอาทั้งสองขึ้นไปไม่ทัน ก็คงไม่มีเมริสามานั่ง
ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะเจ็บแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายจะไม่เสียเวลากับผู้หญิงพรรค์นั้นอีก... ไอ้เรื่องโกหกนอกใจมันไม่ควรมีอยู่แล้วในชีวิตคู่ แต่นี่ถึงขั้นนอกกาย เขาแม่งโคตรรับไม่ได้และที่สำคัญพิรญาไม่ได้นอกกายเขาด้วยการไปนอนกับผู้ชายแค่คนเดียวแต่เป็นผู้ชายมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำราย ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในชู้รักคือเพื่อนสนิทของเขา...พอกันที! ชายหนุ่มสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แม้ในใจจะยังรู้สึกเจ็บกับความผิดหวังที่เพิ่งไปเจอมาไม่หาย เพราะบาดแผลมันยังสดและคงจะใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดี อาจเป็นเดือน เป็นปี ไม่สามารถคาดเดาได้ บางทีอาจมีใครสักคนที่เข้ามาทำให้แผลเขาสมานเร็วกว่าเดิมก็ได้ ธนาธิปนั่งกินข้าวต้มกุ้งที่เมริสาซื้อให้จนหมดเกลี้ยง ก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนเพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการเก็บพวกรูปภาพรวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิรญาเก็บใส่ในกล่องจนหมดก่อนจะเดินกลับลงด้านล่าง "เฟื่อง เอากล่องนี้ไปเผาทิ้งอย่าให้เหลือซาก" ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจจากผู้หญิงแบบนั้นก็จงตัดให้ขาดอย่าให้เหลือแม้แต่ความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน..."ค่ะคุณธัน" เฟื่องไม่ได้ละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายจนเกินหน
ส่วนภาพที่เหลือก็เป็นภาพของพิรญาที่กำลังนัวเนียกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยสักรูปเดียว วินาทีนั้นหยาดน้ำอุ่นคล่อหน่วยจนทัศนวิสัยพร่ามัวแล้วค่อย ๆ เอ่อทะลักพร่างพรูออกมาอาบสองพวงแก้มอย่างยากเกินกว่าจะกัดฟันขมกลั้นเอาไว้ไหว หมดสิ้นแล้ว...เขารู้สึกเหมือนแม่ง ไม่เหลืออะไรสักอย่างไม่มีแรงแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความถามออกไปด้วยซ้ำว่าเจ้าของแอ็กเคานต์มีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ร่างกายเขามันอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงแม้แต่หายใจยังโรยริน...ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ฝืนทนกล้ำกลืนรับเอาความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ไม่ไหวเพราะมันรุนแรงทรมานเหลือเกินราวกับถูกควักหัวใจออกมาบีบเล่นให้แหลกละเอียดคามือ เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าชีวิตรักของผู้ชายที่โคตรเพอร์เฟคทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะ ครอบครัว หน้าที่การงาน อย่างเขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์โคตรผิดหวังแบบนี้ ที่ผ่านมาเขาทั้งรัก ทั้งไว้เนื้อเชื่อใจและทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น แต่ท้ายสุดแล้วกลับต้องมารู้ความจริงว่าเธอตอบแทนเขาด้วยการโกหกหลอกลวงและหักหลังแทงข้างหลังเขาอย่างเลือดเย็น ประโยคที่ว่า 'กูคบกับมันเพราะกูต้องการให้ตัวเองสุขสบายเนาะ