Share

บทที่ 8

last update Last Updated: 2025-05-15 22:39:38

"ส่วนเรื่องที่คุณธันวามารับพิญที่บ้าน คือ เรื่องจริงค่ะ แต่ตอนนั้นรถของพิญยางรั่ว เจ้นัตตี้ก็บินไปทำธุระส่วนตัวที่เชียงใหม่ พิญไม่อยากเสียคำพูดกับผู้ใหญ่เพราะคุณหญิงอุตส่าห์เชิญพิญไปร่วมงานด้วยตัวเอง ด้วยบ้านพิญเป็นทางผ่านบ้านคุณธันวาอยู่แล้ว และพิญก็คิดว่าคุณธันวากับคุณเมเองก็น่าจะต้องไปร่วมงานด้วยเช่นเดียวกันค่ะ" พิรญาถอนหายใจเฮือกใหญ่แสดงถึงความหนักอกหนักใจอยู่ในที

"พิญยอมรับว่าพิญคิดน้อยจนเกินไป พิญไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตบานปลายขนาดนี้ แต่พิญขอยืนยันนะคะว่าระหว่างพิญและคุณธันวาไม่มีอะไรเกินเลยกันจริง ๆ ส่วนตัวพิญกับคุณเมริสาเองเราก็ยังพูดคุยกันตามปกติไม่ได้มีเรื่องราวบาดหมางกัน สำหรับกรณีนี้พิญคิดว่า ตอนนั้นคุณเมริสาอาจจะพูดเพราะความน้อยอกน้อยใจบวกกับกระแสข่าวก่อนหน้า แต่คนที่มาได้ยินก็เอาไปพูดต่อใส่สีตีไข่จนทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดเพี้ยนไป" พูดพลางพิรญาสะอึกสะอื้นไปด้วย เจ๊นัตตี้จึงยื่นทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา

"สุดท้ายนี้พิญก็อยากจะฝากเรื่องของพิญไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ว่าคำพูดของพวกคุณที่เอาไปใส่สีตีไข่กันสนุกปากมันส่งผลกระทบต่อคนคนหนึ่งมากขนาดไหน กว่าพิญจะมาถึงจุดนี้ จุดที่ทุกคนต่างรู้จัก พิญร้องไห้ พิญล้มลุกคลุกคลานมาตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ฮึก..." ว่าแล้วหล่อนก็ปล่อยโฮออกมาจนน้ำตาพรั่งพรูอาบสองพวงแก้ม "วอนพี่พี่ช่วยให้ความเป็นธรรมกับพิญด้วยนะคะ ฮึก"

"โถ่...น้องพิญ น่าสงสารเสียจริง หนูเป็นคนดีจริง ๆ เลยลูก ขนาดพวกเขาเอาเรื่องของหนูไปพูดเสีย ๆ หายๆ จนทำให้หนูต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ หนูยังไม่ถือสาเอาความเลย น้องพิญของเจ้" เจ๊นัตตี้รีบโผตัวเข้าโอบกอดเรือนร่างบอบบางแล้วเลื่อนฝ่ามือเหยียดออกไปลูบแผ่นหลังเรียบเนียนเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม

"ฮึก...ไม่เป็นไรหรอกค่ะเจ้ พวกเขาคงไม่ได้ตั้งใจ พิญพึงระลึกเอาไว้เสมอว่าเวรกรรมย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ฮึก...ฮื่อ"

"ถ้าอย่างนั้นเจ้ก็ขอยุติการแถลงข่าวไว้เพียงเท่านี้นะคะ น้องพิญคงจะให้สัมภาษณ์ต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ เจ้ขอตัวก่อนค่ะ" พูดจบเจ๊นัตตี้ก็พาพิรญาเด็กในสังกัดกลับเข้าไปในห้อง ไม่ได้รีรอฟังคำถามจากนักข่าวที่ยังซักเข้ามาเพื่อไขข้อข้องใจของประชาชนในโลกโซเชียล

ก่อนที่ไลค์สดจะถูกตัดไปมีภาพของนักแสดงหนุ่มอย่าง สอง ที่มีกระแสคู่จิ้นว่าแอบคุย ๆ กันอยู่กับพิรญาโผล่เข้ามาส่งช่อดอกไม้ให้กำลังใจจนเหล่าแฟนคลับที่เคยโจมตีขึ้นเทรนทวิต แบนพิญญา ก่อนหน้าแคปลง ฟินกันรัว ๆ กลายเป็นโด่งดังขึ้นมาอีกครั้งภายในชั่วข้ามวัน

"สตอว์เบอร์รี่ม๊ากกกกกกกก" เมริสากรอกตามองบนด้วยความเอือมระอา สารภาพเลยว่าเกือบครึ่งชั่วโมงที่เธอนั่งดูดาราและผู้จัดการดาราแสดงละครน้ำเน่าตบตาผู้ชมทางบ้าน ปากของเธอเบะขึ้นตลอดเวลา

ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรขนาดนั้น แต่แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงใสซื่อแบบพิญญาที่นายธันวานั่นตกหลุมรักจะสตอว์เบอร์รี่เก่งเบอร์ไหน

...

พอกลับมาถึงบ้านก็เห็นรถสปอร์ตป้ายทะเบียนคุ้นตาของอีกฝ่ายจอดอยู่ด้านหน้า วันนี้ไม่ทราบว่าลมอะไรขอบคุณธันวาให้โผล่มาอยู่ที่นี่ได้ทั้ง ๆ ที่ควรจะปลอบใจคนรักไม่ใช่เหรอไง

เมริสาปรายตามองชายหนุ่มที่กำลังนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟานุ่มหน้าโทรทัศน์เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือแม้กระทั่งทักทายกันสักคำตามประสาคนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน

วันนี้เธอหมดพลังงานไปกับการเม้าท์มอยเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตกับแก๊งสาวเพื่อนสนิทมากพอแล้วจึงไม่มีแรงที่จะต่อปากต่อคำกับเขาให้มากความเลยเลี่ยงที่จะพูดคุยแล้วเดินขึ้นกลับไปบนห้องนอน

ส่วนธนาธิปเองก็เช่นเดียวกัน...หากไม่จำเป็นหรือไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเขาก็ไม่อยากจะสนทนากับผู้หญิงแบบเมริสาให้เปลืองน้ำลาย คนเช่นนั้นพูดไปก็เสียเวลาเปล่าไม่ได้อะไรขึ้นมาเพราะเธอลอยหน้าลอยตาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

ผ่านไปอีกเกือบสองดือน...ที่ระหว่างเมริสา กับ ธันวาไร้ซึ่งบทสนทนาใด ๆ แม้จะอยู่ร่วมใต้ชายคาเดียวกันหรือเดินสวนกัน แต่กลับทำเหมือนต่างฝ่ายต่างไร้ตัวตน ไม่มีร่างกายวิญญาณอยู่ในโลกของกันและกัน

"ระหว่างแกกับหนูเมมีความคืบหน้าอะไรบ้างตาธันวา" ผกาวรรณเอ่ยถามเพราะลูกชายตัวดีของหล่อนที่ดื้อด้านดื้อดึงยังไม่ยอมเลิกรากับผู้หญิงสำส่อนคนนั้นเสียที!

"ไม่มีครับ" เขาตอบหน้าตาย อุตส่าห์นึกว่าจะได้กลับมากินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือป้านมชื่นพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกอย่างสบายใจ แต่คุณแม่เขากลับเอาเรื่องของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาพูดบนโต๊ะอาหารให้เขารู้สึกพะอืดพะอมกินไม่ลง

"ธันวา แม่อุตส่าห์หาผู้หญิงที่ดี เพียบพร้อม เป็นเพชรเม็ดงามให้แก แต่แกกลับไม่สนใจ แล้วดันไปคว้าพลอยเกรดต่ำมาเชิดหน้าชูตาหมายจะชุบให้เป็นเพชรงั้นเหรอ เหอะ! ของคนละเกรดจะยังไงมันก็คนละเกรดอยู่ดี" ผกาวรรณวางช้อนและซ้อมลงบนจานกระเบื้อง จ้องมองลูกชายตัวดีของหล่อนด้วยความเหลืออด

ไม่รู้พ่อลูกชายคนนี้ไปติดใจอะไรแม่ดารานั่นหนักหนาถึงได้หลงหัวปักหัวปำ ตามืดบอดมองเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้! ผู้หญิงคนนั้นดูยังไง ก็ไม่ได้รักธันวาจริง หวังเพียงแค่ทรัพย์สมบัติเงินทองเท่านั้น แต่ฝันไปเถอะ! แม้แต่แดงเดียวหล่อนก็ไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ

"นั่นดีแล้วเหรอครับแม่?" ธนาธิปเลิกคิ้วถาม

ถ้าแบบเมริสา เรียกว่าเป็น ผู้หญิงที่ดี เพียบพร้อม คือเพชรเม็ดงามล่ะก็! ผู้หญิงทั้งโลกคงสามารถบวชชีตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้มั้งงง!!

แม่กูใช้อะไรคิดวะ แต่งงานกันมาห้าเดือน เขายังมองไม่เห็นข้อดีของยัยหนูเมอะไรนั่นเลยสักนิด! ย้ำอีกครั้ง แค่สักนิด สักนิด ก็ไม่มีจริง ๆ ขนาดใช้แว่นขยายยังค้นหาแทบไม่เจอเลยด้วยซ้ำ

"ตาธัน!! หนูเมไม่ดีตรงไหน" ผกาวรรณเหวใส่ลูกชายอย่างอารมณ์เสีย มีลูกสองคนใช้งานใช้การไม่ได้เลยสักคนเดียว คนหนึ่งก็หนีไปเป็นแพทย์อาสาอยู่บนดอย ไม่คิดมีเมีย มีครอบครัว ส่วนอีกคนอุตส่าห์เฟ้นหาผู้หญิงที่เหมาะสมอย่างหนูเมริสาใส่พานประเคนต่อให้ถึงปาก แต่กลับไปคว้าแม่ดารานั่น! หัวหล่อนจะปวดทุกเมื่อเชื่อวัน

"แม่พอจะมีเวลาฟังผมสักสามวันไหมล่ะครับ ว่าหนูเมของแม่ไม่ดีตรงไหนบ้าง" ทุกตรง! ไม่มีตรงไหนที่ผ่านเกณฑ์คำว่าดีสำหรับเขาเลยสักข้อเดียว "หนูเมของแม่เนี่ย งานการก็ไม่ทำ งานบ้านอย่าถามถึง กะทะ ตะหลิวในชีวิตนี้เคยจับหรือเปล่าก็ไม่รู้ นั่ง ๆ นอน ๆ แล้วก็ตะแล็ดแต็ดแต๋ออกไปช็อปปิ้ง เดินห้าง วันละไม่ต่ำกว่าล้าน!"

ผกาวรรณถึงกลับกลืนก้อนสะอึกลงคอแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินพ่อลูกชายตัวดีสาธยายถึงความในใจออกมา

"ขี้เหวี่ยง ขี้วีน เอาใจแต่ใจเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่น มองยังไง มุมไหน ผู้หญิงคนนั้นก็แทบไม่มีข้อดีเลยสักอย่าง!"

พูดถึงเมริสาทีไร เขาก็รู้สึกโมโหอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คล้ายกับไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรก็ดูรำคาญหูรำคาญตาเขาไปเสียหมด

แหงสิ คนไม่ใช่ ทำยังไง มันก็ไม่ใช่!

เมริสาไม่ใช่สเปคเขา! กลับตรงกันข้าม

เขาคิดภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากับเมริสาจะใช้ชีวิตเป็นผัวเมียกันจริง ๆ ได้อย่างไร พยายามนึกกี่ทีก็มีแต่ความมืดมนปกคลุมโดยทั่ว

เขาชอบคนพูดจาอ่อนหวาน คะ ขา เอาอกเอาใจ ไม่ใช่โผงผางเป็นขวานผ่าซาก เถรตรงแบบเมริสาที่มันดูไร้มารยาทมากกว่าน่ารักน่าเอ็นดู

...

"ฮัดชิ้ว!!!"

"ฮัดชิ้ว!!!"

"ฮัดชิ้ว!!!"

"ใครกล้านินทาคุณหนูเมริสา"

เมริสาจามติดต่อกันหลายต่อหลายครั้ง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าก็ปกติดี ไม่มีทีท่าหรืออาการใด ๆ

"ทำไมจามขนาดนี้เนี่ย" พรพรรณเดินเข้ามาหาลูกสาวที่นอนคว่ำหน้า ยกเท้าและตีไปมาอยู่บนโซฟานุ่มในห้องรับรองแขก

มือของหล่อนถือขนมคุกกี้ และนมอุ่น ๆ มาเสิร์ฟให้ลูกสาวด้วย

"อีตาธันวาคงนินทาเมแน่ ๆ เลยค่ะแม่"

"เม! ดูเรียกพี่เขาสิลูก" พรพรรณดุลูกสาวเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอาจริงเอาจัง ดูเป็นเพียงการเหย้าเล่นเท่านั้น

"แล้วนี่คุณพ่อไปไหนคะ ตั้งแต่เมมา เมยังไม่เจอคุณพ่อเลยนะคะ"

"คุณพ่อออกไปทำงานน่ะลูก"

"ดีและ! เมจะได้เกาะคุณพ่อ คุณแม่กินไปจนแก่เลย ลูกสาวคนเดียว คงไม่ใจดำปล่อยให้ลำบากใช่ไหมคะ" เมริสาดีดตัวลุกขึ้นแล้วกระเถิบเข้าไปกอดร่างแบบบางของพรพรรณเอาไว้ พร้อมถูไถใบหน้าที่แนบอยู่บนหน้าท้องราบเรียบไปมาคล้ายลูกแมวน้อยอ้อนเจ้าของ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 20

    หากอยู่กันนานกว่านี้ กูว่าเมริสาต้องเล่นหัวเขาเข้าสักวันแน่! ปากเรียกกู คุณธัน คุณธันวาทุกคำ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ย้อนแย้งสัส ๆ “ทำไมเมื่อกี้กินแค่นิดเดียว อิ่มเหรอ” ถามคำถามนี้ปุ๊บ สายตาแปลก ๆ ของเมริสาก็เลื่อนขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนหัวคิ้วจะขมวดย่นติดกันเล็กน้อย “ปกติคุณไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ แต่นี่สังเกตด้วยว่าฉันกินนิดเดียว เอ๊ะ” แววตากรุ้มกริ่มพร้อมรอยยิ้มเลศนัยกระตุกขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาจนปลายจมูกแทบชนกัน “เอ๊ะ หรือได้กันครั้งเดียว คุณหลงฉันแล้วเหรอไง๊” “คงงั้นมั้ง” ธนาธิปไม่ได้หลบหลีกหรือปฏิเสธอย่างที่เมลิสาคิด ในทางกลับกันเขายื่นหน้าเข้าไปซ้ำยังทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เธออีกด้วยทำให้คนที่คิดจะกลั่นแกล้งเมื่อครูต้องรีบถอยเสียเอง “บ้า” ใบหน้าเธอแดงก่ำ หลุบความขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก บ้าชะมัดกะว่าจะเป็นเสือไล่ตะครุบเหยื่อให้กลัวเล่นแท้ ๆ แต่ดันโดนเขาหลอกกลับเสียได้!! จะว่าไปตั้งแต่ที่ธนาธิปตาสว่างจากผู้หญิงคนนั้นเขาก็ดูสดใสไม่เก๊กครึ้มหรือทำตัวเข้าถึงยากเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ธนาธิปหัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีตื่นตูมของเมริสา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนโผงผางตรงไปต

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 19

    คุณผกาวรรณเข้าไปดึงหูลูกชายตัวดีของหล่อนก่อนจะลากพามันเข้าไปด้านในสะบัดตัวให้ทิ้งลงบนโซฟานุ่มพร้อมจ้องมอง ท้าวสะเอวอย่างคาดโทษ“ตาธันแกคิดอะไรอยู่ถึงได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านห๊ะ! แกควรจะให้เกียรติเมียแกบ้าง! ไม่ใช่ทำอะไรประเจิดประเจิดประเจ้อขนาดนี้ โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก ทั้งลูก ทั้งผัวไม่ได้เรื่องสักคน!!!” มาถึงยังไม่ทันจะพูดจะจา หรือดื่มน้ำสักแก้ว ผกาวรรณก็เหวใส่ลูกชายเสียงดัง ซึ่งมันเป็นภาพธนาธิปเองก็คุ้นตาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แม่เขาเป็นคนแบบนี้แหละ แรง ๆ ตรงไปตรงมา ปากกล้า คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ถึงได้เอาคุณพ่อที่เคยเป็นคาสโนวาตัวพ่อควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่หมัดมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลด้วยมั้งที่คุณแม่ของเขา ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู แม่หนูเมริสาอะไรนั่นหัวปักหัวปำ เพราะมีลักษณะนิสัย กิริยาท่าทางที่ละม้ายคล้ายกันละมั้งตอนอยู่อยู่กับเมลิสากูรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ยังไงก็ไม่รู้ อบอุ่นฉิบหาย!!! ฉิบหายแล้ว เหลือแต่อบอุ่น!“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพิญมาได้ยังไง” คราวนี้เขาพูดจริง ไม่ได้โกหกเหมือนครั้งก่อน ที่มักนัดเจอกับพิรญาแล้วบอกว่าบังเอิญเจอ แต่หนนี้เขาไม่รู้มาก่อนล

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 18

    หลังจากที่พูดคุยตกลงกับธนาธิปเรื่องการสวมบทบาทการเป็นผัวเมียปลอม ๆ อีกระดับหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ปกติมันก็ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริง ๆ อยู่แล้ว ก็ได้กลับขึ้นมาบนห้องนอนแล้วนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่ารับปากไปเพื่ออะไรวะ?ตอนนี้เธอก็สุขสบายอยู่แล้วเราแค่วันที่จะได้เซ็นใบหย่าเท่านั้น เมริสาเอ้ยหาเหาใส่หัวชัด ๆ !ปิ้ง!! จู่ ๆ ข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น...เป็นแอ็กเคานต์ส่วนตัวของรติมาเพื่อนที่เป็นดาราสาวซึ่งหูตากว้างขวางอยู่ในแวดวงสังคมบันเทิงเด้งข้อความเข้ามา pv.rosese : -send photo- pv.rosese : พ่อมึงใช่ปะ หน้าคุ้น ๆ กูว่าใช่ เมริสาเองจั๊บ : มึงเจอที่ไหน pv.rosese : ภูเก็ต กูมาเที่ยวที่ภูเก็ตกับผู้แล้วบังเอิญเจอคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อมึงไม่มีผิด pv.rosese : มากับผู้หญิงว่ะ pv.rosese : พ่อกับแม่มึงมาฮันนีมูนกันที่นี่เหรอวะ โรแมนติกโคตร อีดอกกก ได้ห้องพักที่วิวดีที่สุดของโรงแรมด้วย เมริสาเองจั๊บ : กูโทรหาแม่แป๊บ ...เมริสามีลางสังหรณ์ใจแปลก เธอสันนิษฐานว่าผู้หญิงที่รติมาหมายถึงอาจจะไม่ใช่แม่ของเธอหรือเปล่าเพราะหากแม่ไปจริงๆก็คงจะโทรมาหาเธอแล้ว กริ้งง...my mom (เม ว่าไงลูก) เสี

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 17

    เมื่อกลับมาจากห้องของเมริสา ชายหนุ่มเองก็สับสนไม่ต่างไปจากเธอ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มด้วยความคิดมากมายตีปนกันมั่วไปหมดภายในสมอง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนลอยเข้ามาเป็นฉาก ๆ ยังคงวนเวียนตามหลอกหลอนไม่เลิกราเน้นย้ำว่ามันคือความจริงที่ระหว่างเขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมามายไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะสำหรับชีวิตแต่งงานของพวกเขาแล้วหนทางไปต่อมันมองไม่เห็น ไม่มี รู้เพียงแค่อีกเจ็ดเดือนข้างหน้าก็จะได้หย่าขาดเป็นอิสระจากพันธะที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นมาเขาตั้งใจว่าจะคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียวันนี้ แต่เธอกลับหลบหน้าไม่พูดไม่จา ...ผ่านไปประมาณสองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นเขาก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กับเมริสาอีกเลย เพราะดูเหมือนเธอจะจงใจหลบหน้า ไม่พูดไม่จาและไม่มาให้เขาพบเจอ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็กลับมานอนบ้านทุกคืน เมริสารู้ดีว่าเขาจะกลับจากทำงานช่วงประมาณหกโมงเย็นและเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มเธอจึงเล่นกลับเอาเที่ยงคืนเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน "เม" แต่คราวนี้เขาซัด

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 16

    แสงแดดสีทองสดใสยามรุ่งอรุณสาดส่องกระทบกระจกบานใหญ่ทะลุเข้ามาด้านใน ตกลงบริเวณปลายเตียงนุ่มโดนเท้าเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นผ้านวมผืนใหญ่ออกมาได้รับความร้อนระอุจนต้องรีบขดกลับขึ้นไป แล้วขยุกขยิกตัวไปมาเล็กน้อย แต่ก็พริ้มตาหลับตาเพราะอาการหนักอึ้งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหน่วงอยู่ในศีรษะบวกกับอาการเหนื่อยล้าด้วยกิจกรรมรักอันเร่าร้อนที่เพิ่งจบลงเมื่อตอนตีสามกว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มของเมริสาพาดขึ้นมาวางบนหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อลอนเรียงมัดเป็นกลม ก้อนใหญ่ราวกับขนมปัง ใบหน้านอนซบอยู่บนอกอกแกร่งกำยำ มีผ้านวมสีขาวผืนหนาปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าเอาไว้ไม่ให้ดูอนาจารจนเกินไป ถึงแม้เมื่อคืนมันจะผ่านการสัมผัสจากริมฝีปากหยักมาแล้วทุกจุดก็ตาม..."อื้อ..." ส่วนธนาธิป นอนหงาย ส่งแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบร่างบางเอาไว้อย่างรักใคร่ พริ้มตาหลับเข้าสู่ภวังค์นิทราเพราะความเหนื่อยล้าเต็มที เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กที่อีกฝ่ายทำเอาไว้มากมาย"ฮือ..." เมื่อเริ่มรู้สึกตัว หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยอัติโนมัติเพราะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดไปจากทุก ๆ วัน ทำไมวันนี้หมอนในห้องเธอถึงได้แข็งโป๊ก! ท

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 15

    อ้าว! คราวนี้แม่งหลอกด่ากูจริง ๆ ไอ้สัส คือกูสามารถโกรธคนเมาได้ไหมวะ? "เอ้าา โช้นนนนนนน" เมริสาชูแก้วไวน์ขึ้นแล้วเลื่อนลงมากระดกเข้าปาก "กินดิ คออ่อนเหรองายยย ห๊า" ธนาธิปยินคำสบประมาทเช่นนั้นก็ยอมความไม่ได้ ยกแก้วไวน์ของตนขึ้นมากระดกเข้าปากแข่งกับเมริสาจนผ่านไปขวดที่เท่าไรต่อเท่าไรแล้วก็ไม่รู้...รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ศีรษะมันหนักอึ้ง ดวงตาพร่ามัว เดินโซซัดโซเซคล้ายกับบ้านหมุน ส่วนเมริสาเองก็ไม่ได้ต่างกัน เผลอ ๆ อาการหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ "เม ลุกขึ้นไปนอนบนห้องดิ้" "อื้อ! เสือกรายยยอะ" เมริสาที่กำลังนอนฟุบอยู่บนอกแกร่งกำยำของธนาธิปแหงนหน้าขึ้นไปสบถถ้อยคำหยาบโดนใส่หน้าเขา "เมมม ปายยยนอนดีดี ดิ้" ธนาธิปดึงแขนเรียวยาวของเมริสาขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะพากันเดินโซซัดโซเซขึ้นไปชั้นบนของบ้าน "อยากจะเมาห๊ายยลืมเธอ ลืมความรักที่แสนห่วย วู้วววว ความร๊ากกกกก" เมริสาแหกปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีตลอดทาง เขาก็ต้องรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงแบกร่างของเธอขึ้นไปจนถึงด้านบนให้จนได้! ภาระกูชัด ๆ ! เขาหลอกด่าอยู่ในใจโดยไม่ได้ออกเสียงออกมา ไม่เช่นนั้นเมริสาที่กำลังอยู่ในสภาพเมามายหัวราน้ำแบบนี้คงตบหัวเขาเข้าสักผ

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 14

    เอาจริง ตอนนี้เขาไม่รู้จะอึ้งกับอะไรก่อนดี ระหว่างมุมมองแปลกใหม่ในตัวเมริสาที่เขาไม่เคยได้สัมผัส เช่น การสบถถ้อยคำหยาบโลนออกมา หรือ เรื่องราวในอดีตที่เธอเคยพบเจอมา… เขาเคยคิดว่าชีวิตตัวเองโคตรเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แต่พอได้มาทำความรู้สึกกับเมริสาเธอกลับเลยในสิ่งที่เขามี เขาเป็นขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งที่เขาหรือแม้กระทั่งคนอื่น ๆ ก็คงถีบตัวเองขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ยาก…เมริสาเรียนจบจากต่างประเทศด้วยปริญญาสองใบ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ทั้งรัก ทั้งเข้าใจ หวงแหวน และตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็พร้อมซัพพอร์ตหากเป็นความต้องการของลูกสาว ทรัพย์สินเงินทองไม่ต้องพูดถึง ตระกูลนั้นร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ลำพังเพียงหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ถืออยู่ของบริษัทดังระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษก็เฉลี่ยเดือนละหลายร้อยล้าน และที่สำคัญเธอไม่ต้องทำการทำการอะไรสักอย่าง ลอยชายช็อปปิ้งไปวัน ๆลูกคุณหนูสัส ๆ แต่เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าอดีตเธอโคตรแย่ เจอกับความสัมพันธ์เหี้ย ๆ เหตุผลในการบอกเลิกแบบคนเห็นแก่ตัว จนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตาย หากในวันนั้นคุณอาทั้งสองขึ้นไปไม่ทัน ก็คงไม่มีเมริสามานั่ง

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 13

    ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะเจ็บแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายจะไม่เสียเวลากับผู้หญิงพรรค์นั้นอีก... ไอ้เรื่องโกหกนอกใจมันไม่ควรมีอยู่แล้วในชีวิตคู่ แต่นี่ถึงขั้นนอกกาย เขาแม่งโคตรรับไม่ได้และที่สำคัญพิรญาไม่ได้นอกกายเขาด้วยการไปนอนกับผู้ชายแค่คนเดียวแต่เป็นผู้ชายมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำราย ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในชู้รักคือเพื่อนสนิทของเขา...พอกันที! ชายหนุ่มสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แม้ในใจจะยังรู้สึกเจ็บกับความผิดหวังที่เพิ่งไปเจอมาไม่หาย เพราะบาดแผลมันยังสดและคงจะใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดี อาจเป็นเดือน เป็นปี ไม่สามารถคาดเดาได้ บางทีอาจมีใครสักคนที่เข้ามาทำให้แผลเขาสมานเร็วกว่าเดิมก็ได้ ธนาธิปนั่งกินข้าวต้มกุ้งที่เมริสาซื้อให้จนหมดเกลี้ยง ก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนเพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการเก็บพวกรูปภาพรวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิรญาเก็บใส่ในกล่องจนหมดก่อนจะเดินกลับลงด้านล่าง "เฟื่อง เอากล่องนี้ไปเผาทิ้งอย่าให้เหลือซาก" ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจจากผู้หญิงแบบนั้นก็จงตัดให้ขาดอย่าให้เหลือแม้แต่ความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน..."ค่ะคุณธัน" เฟื่องไม่ได้ละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายจนเกินหน

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 12

    ส่วนภาพที่เหลือก็เป็นภาพของพิรญาที่กำลังนัวเนียกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยสักรูปเดียว วินาทีนั้นหยาดน้ำอุ่นคล่อหน่วยจนทัศนวิสัยพร่ามัวแล้วค่อย ๆ เอ่อทะลักพร่างพรูออกมาอาบสองพวงแก้มอย่างยากเกินกว่าจะกัดฟันขมกลั้นเอาไว้ไหว หมดสิ้นแล้ว...เขารู้สึกเหมือนแม่ง ไม่เหลืออะไรสักอย่างไม่มีแรงแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความถามออกไปด้วยซ้ำว่าเจ้าของแอ็กเคานต์มีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ร่างกายเขามันอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงแม้แต่หายใจยังโรยริน...ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ฝืนทนกล้ำกลืนรับเอาความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ไม่ไหวเพราะมันรุนแรงทรมานเหลือเกินราวกับถูกควักหัวใจออกมาบีบเล่นให้แหลกละเอียดคามือ เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าชีวิตรักของผู้ชายที่โคตรเพอร์เฟคทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะ ครอบครัว หน้าที่การงาน อย่างเขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์โคตรผิดหวังแบบนี้ ที่ผ่านมาเขาทั้งรัก ทั้งไว้เนื้อเชื่อใจและทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น แต่ท้ายสุดแล้วกลับต้องมารู้ความจริงว่าเธอตอบแทนเขาด้วยการโกหกหลอกลวงและหักหลังแทงข้างหลังเขาอย่างเลือดเย็น ประโยคที่ว่า 'กูคบกับมันเพราะกูต้องการให้ตัวเองสุขสบายเนาะ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status