Share

บทที่ 8

last update Last Updated: 2025-05-15 22:39:38

"ส่วนเรื่องที่คุณธันวามารับพิญที่บ้าน คือ เรื่องจริงค่ะ แต่ตอนนั้นรถของพิญยางรั่ว เจ้นัตตี้ก็บินไปทำธุระส่วนตัวที่เชียงใหม่ พิญไม่อยากเสียคำพูดกับผู้ใหญ่เพราะคุณหญิงอุตส่าห์เชิญพิญไปร่วมงานด้วยตัวเอง ด้วยบ้านพิญเป็นทางผ่านบ้านคุณธันวาอยู่แล้ว และพิญก็คิดว่าคุณธันวากับคุณเมเองก็น่าจะต้องไปร่วมงานด้วยเช่นเดียวกันค่ะ" พิรญาถอนหายใจเฮือกใหญ่แสดงถึงความหนักอกหนักใจอยู่ในที

"พิญยอมรับว่าพิญคิดน้อยจนเกินไป พิญไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตบานปลายขนาดนี้ แต่พิญขอยืนยันนะคะว่าระหว่างพิญและคุณธันวาไม่มีอะไรเกินเลยกันจริง ๆ ส่วนตัวพิญกับคุณเมริสาเองเราก็ยังพูดคุยกันตามปกติไม่ได้มีเรื่องราวบาดหมางกัน สำหรับกรณีนี้พิญคิดว่า ตอนนั้นคุณเมริสาอาจจะพูดเพราะความน้อยอกน้อยใจบวกกับกระแสข่าวก่อนหน้า แต่คนที่มาได้ยินก็เอาไปพูดต่อใส่สีตีไข่จนทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดเพี้ยนไป" พูดพลางพิรญาสะอึกสะอื้นไปด้วย เจ๊นัตตี้จึงยื่นทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา

"สุดท้ายนี้พิญก็อยากจะฝากเรื่องของพิญไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ว่าคำพูดของพวกคุณที่เอาไปใส่สีตีไข่กันสนุกปากมันส่งผลกระทบต่อคนคนหนึ่งมากขนาดไหน กว่าพิญจะมาถึงจุดนี้ จุดที่ทุกคนต่างรู้จัก พิญร้องไห้ พิญล้มลุกคลุกคลานมาตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ฮึก..." ว่าแล้วหล่อนก็ปล่อยโฮออกมาจนน้ำตาพรั่งพรูอาบสองพวงแก้ม "วอนพี่พี่ช่วยให้ความเป็นธรรมกับพิญด้วยนะคะ ฮึก"

"โถ่...น้องพิญ น่าสงสารเสียจริง หนูเป็นคนดีจริง ๆ เลยลูก ขนาดพวกเขาเอาเรื่องของหนูไปพูดเสีย ๆ หายๆ จนทำให้หนูต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ หนูยังไม่ถือสาเอาความเลย น้องพิญของเจ้" เจ๊นัตตี้รีบโผตัวเข้าโอบกอดเรือนร่างบอบบางแล้วเลื่อนฝ่ามือเหยียดออกไปลูบแผ่นหลังเรียบเนียนเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม

"ฮึก...ไม่เป็นไรหรอกค่ะเจ้ พวกเขาคงไม่ได้ตั้งใจ พิญพึงระลึกเอาไว้เสมอว่าเวรกรรมย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ฮึก...ฮื่อ"

"ถ้าอย่างนั้นเจ้ก็ขอยุติการแถลงข่าวไว้เพียงเท่านี้นะคะ น้องพิญคงจะให้สัมภาษณ์ต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ เจ้ขอตัวก่อนค่ะ" พูดจบเจ๊นัตตี้ก็พาพิรญาเด็กในสังกัดกลับเข้าไปในห้อง ไม่ได้รีรอฟังคำถามจากนักข่าวที่ยังซักเข้ามาเพื่อไขข้อข้องใจของประชาชนในโลกโซเชียล

ก่อนที่ไลค์สดจะถูกตัดไปมีภาพของนักแสดงหนุ่มอย่าง สอง ที่มีกระแสคู่จิ้นว่าแอบคุย ๆ กันอยู่กับพิรญาโผล่เข้ามาส่งช่อดอกไม้ให้กำลังใจจนเหล่าแฟนคลับที่เคยโจมตีขึ้นเทรนทวิต แบนพิญญา ก่อนหน้าแคปลง ฟินกันรัว ๆ กลายเป็นโด่งดังขึ้นมาอีกครั้งภายในชั่วข้ามวัน

"สตอว์เบอร์รี่ม๊ากกกกกกกก" เมริสากรอกตามองบนด้วยความเอือมระอา สารภาพเลยว่าเกือบครึ่งชั่วโมงที่เธอนั่งดูดาราและผู้จัดการดาราแสดงละครน้ำเน่าตบตาผู้ชมทางบ้าน ปากของเธอเบะขึ้นตลอดเวลา

ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรขนาดนั้น แต่แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงใสซื่อแบบพิญญาที่นายธันวานั่นตกหลุมรักจะสตอว์เบอร์รี่เก่งเบอร์ไหน

...

พอกลับมาถึงบ้านก็เห็นรถสปอร์ตป้ายทะเบียนคุ้นตาของอีกฝ่ายจอดอยู่ด้านหน้า วันนี้ไม่ทราบว่าลมอะไรขอบคุณธันวาให้โผล่มาอยู่ที่นี่ได้ทั้ง ๆ ที่ควรจะปลอบใจคนรักไม่ใช่เหรอไง

เมริสาปรายตามองชายหนุ่มที่กำลังนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟานุ่มหน้าโทรทัศน์เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือแม้กระทั่งทักทายกันสักคำตามประสาคนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน

วันนี้เธอหมดพลังงานไปกับการเม้าท์มอยเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตกับแก๊งสาวเพื่อนสนิทมากพอแล้วจึงไม่มีแรงที่จะต่อปากต่อคำกับเขาให้มากความเลยเลี่ยงที่จะพูดคุยแล้วเดินขึ้นกลับไปบนห้องนอน

ส่วนธนาธิปเองก็เช่นเดียวกัน...หากไม่จำเป็นหรือไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเขาก็ไม่อยากจะสนทนากับผู้หญิงแบบเมริสาให้เปลืองน้ำลาย คนเช่นนั้นพูดไปก็เสียเวลาเปล่าไม่ได้อะไรขึ้นมาเพราะเธอลอยหน้าลอยตาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

ผ่านไปอีกเกือบสองดือน...ที่ระหว่างเมริสา กับ ธันวาไร้ซึ่งบทสนทนาใด ๆ แม้จะอยู่ร่วมใต้ชายคาเดียวกันหรือเดินสวนกัน แต่กลับทำเหมือนต่างฝ่ายต่างไร้ตัวตน ไม่มีร่างกายวิญญาณอยู่ในโลกของกันและกัน

"ระหว่างแกกับหนูเมมีความคืบหน้าอะไรบ้างตาธันวา" ผกาวรรณเอ่ยถามเพราะลูกชายตัวดีของหล่อนที่ดื้อด้านดื้อดึงยังไม่ยอมเลิกรากับผู้หญิงสำส่อนคนนั้นเสียที!

"ไม่มีครับ" เขาตอบหน้าตาย อุตส่าห์นึกว่าจะได้กลับมากินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือป้านมชื่นพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกอย่างสบายใจ แต่คุณแม่เขากลับเอาเรื่องของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาพูดบนโต๊ะอาหารให้เขารู้สึกพะอืดพะอมกินไม่ลง

"ธันวา แม่อุตส่าห์หาผู้หญิงที่ดี เพียบพร้อม เป็นเพชรเม็ดงามให้แก แต่แกกลับไม่สนใจ แล้วดันไปคว้าพลอยเกรดต่ำมาเชิดหน้าชูตาหมายจะชุบให้เป็นเพชรงั้นเหรอ เหอะ! ของคนละเกรดจะยังไงมันก็คนละเกรดอยู่ดี" ผกาวรรณวางช้อนและซ้อมลงบนจานกระเบื้อง จ้องมองลูกชายตัวดีของหล่อนด้วยความเหลืออด

ไม่รู้พ่อลูกชายคนนี้ไปติดใจอะไรแม่ดารานั่นหนักหนาถึงได้หลงหัวปักหัวปำ ตามืดบอดมองเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้! ผู้หญิงคนนั้นดูยังไง ก็ไม่ได้รักธันวาจริง หวังเพียงแค่ทรัพย์สมบัติเงินทองเท่านั้น แต่ฝันไปเถอะ! แม้แต่แดงเดียวหล่อนก็ไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ

"นั่นดีแล้วเหรอครับแม่?" ธนาธิปเลิกคิ้วถาม

ถ้าแบบเมริสา เรียกว่าเป็น ผู้หญิงที่ดี เพียบพร้อม คือเพชรเม็ดงามล่ะก็! ผู้หญิงทั้งโลกคงสามารถบวชชีตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้มั้งงง!!

แม่กูใช้อะไรคิดวะ แต่งงานกันมาห้าเดือน เขายังมองไม่เห็นข้อดีของยัยหนูเมอะไรนั่นเลยสักนิด! ย้ำอีกครั้ง แค่สักนิด สักนิด ก็ไม่มีจริง ๆ ขนาดใช้แว่นขยายยังค้นหาแทบไม่เจอเลยด้วยซ้ำ

"ตาธัน!! หนูเมไม่ดีตรงไหน" ผกาวรรณเหวใส่ลูกชายอย่างอารมณ์เสีย มีลูกสองคนใช้งานใช้การไม่ได้เลยสักคนเดียว คนหนึ่งก็หนีไปเป็นแพทย์อาสาอยู่บนดอย ไม่คิดมีเมีย มีครอบครัว ส่วนอีกคนอุตส่าห์เฟ้นหาผู้หญิงที่เหมาะสมอย่างหนูเมริสาใส่พานประเคนต่อให้ถึงปาก แต่กลับไปคว้าแม่ดารานั่น! หัวหล่อนจะปวดทุกเมื่อเชื่อวัน

"แม่พอจะมีเวลาฟังผมสักสามวันไหมล่ะครับ ว่าหนูเมของแม่ไม่ดีตรงไหนบ้าง" ทุกตรง! ไม่มีตรงไหนที่ผ่านเกณฑ์คำว่าดีสำหรับเขาเลยสักข้อเดียว "หนูเมของแม่เนี่ย งานการก็ไม่ทำ งานบ้านอย่าถามถึง กะทะ ตะหลิวในชีวิตนี้เคยจับหรือเปล่าก็ไม่รู้ นั่ง ๆ นอน ๆ แล้วก็ตะแล็ดแต็ดแต๋ออกไปช็อปปิ้ง เดินห้าง วันละไม่ต่ำกว่าล้าน!"

ผกาวรรณถึงกลับกลืนก้อนสะอึกลงคอแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินพ่อลูกชายตัวดีสาธยายถึงความในใจออกมา

"ขี้เหวี่ยง ขี้วีน เอาใจแต่ใจเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่น มองยังไง มุมไหน ผู้หญิงคนนั้นก็แทบไม่มีข้อดีเลยสักอย่าง!"

พูดถึงเมริสาทีไร เขาก็รู้สึกโมโหอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คล้ายกับไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรก็ดูรำคาญหูรำคาญตาเขาไปเสียหมด

แหงสิ คนไม่ใช่ ทำยังไง มันก็ไม่ใช่!

เมริสาไม่ใช่สเปคเขา! กลับตรงกันข้าม

เขาคิดภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากับเมริสาจะใช้ชีวิตเป็นผัวเมียกันจริง ๆ ได้อย่างไร พยายามนึกกี่ทีก็มีแต่ความมืดมนปกคลุมโดยทั่ว

เขาชอบคนพูดจาอ่อนหวาน คะ ขา เอาอกเอาใจ ไม่ใช่โผงผางเป็นขวานผ่าซาก เถรตรงแบบเมริสาที่มันดูไร้มารยาทมากกว่าน่ารักน่าเอ็นดู

...

"ฮัดชิ้ว!!!"

"ฮัดชิ้ว!!!"

"ฮัดชิ้ว!!!"

"ใครกล้านินทาคุณหนูเมริสา"

เมริสาจามติดต่อกันหลายต่อหลายครั้ง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าก็ปกติดี ไม่มีทีท่าหรืออาการใด ๆ

"ทำไมจามขนาดนี้เนี่ย" พรพรรณเดินเข้ามาหาลูกสาวที่นอนคว่ำหน้า ยกเท้าและตีไปมาอยู่บนโซฟานุ่มในห้องรับรองแขก

มือของหล่อนถือขนมคุกกี้ และนมอุ่น ๆ มาเสิร์ฟให้ลูกสาวด้วย

"อีตาธันวาคงนินทาเมแน่ ๆ เลยค่ะแม่"

"เม! ดูเรียกพี่เขาสิลูก" พรพรรณดุลูกสาวเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอาจริงเอาจัง ดูเป็นเพียงการเหย้าเล่นเท่านั้น

"แล้วนี่คุณพ่อไปไหนคะ ตั้งแต่เมมา เมยังไม่เจอคุณพ่อเลยนะคะ"

"คุณพ่อออกไปทำงานน่ะลูก"

"ดีและ! เมจะได้เกาะคุณพ่อ คุณแม่กินไปจนแก่เลย ลูกสาวคนเดียว คงไม่ใจดำปล่อยให้ลำบากใช่ไหมคะ" เมริสาดีดตัวลุกขึ้นแล้วกระเถิบเข้าไปกอดร่างแบบบางของพรพรรณเอาไว้ พร้อมถูไถใบหน้าที่แนบอยู่บนหน้าท้องราบเรียบไปมาคล้ายลูกแมวน้อยอ้อนเจ้าของ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 43

    งานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายมีแค่คนภายในครอบครัวไม่มีอยู่จริง...ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่โปรดปรานนักโปรดปรานหนาอย่างหนูเมริสาทั้งทีมีหรือคุณผกาวรรณจะยินยอมให้มันไม่เอิกเกริกยิ่งใหญ่...ซึ่งในช่วงเช้าเป็นพิธีทำบุญตักบาตร สวมแหวน รดน้ำสังข์ ซึ่งมีเพียงคนภายในครอบครัวที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างอบอุ่นวันนี้เมริสาสวมชุดไทยสีชมพูหวานมีสไบพาดเฉียงไปด้านหลัง ตัวเนื้อผ้าถูกตัดเย็บและปักสลักอย่างละเมียดละไม แต่งหน้าจนดูสวยผิดหูแปลกตา ทรงผมมัดเป็นหางม้าแต่ม้วนลอนเรียงลงมาคล้ายกับเกลียวคลื่น ดูอย่างไรก็เข้ากัน...ส่วนธนาธิปด้านบนเป็นเสื้อสูทสีชมพูโทนเดียวกับเจ้าสาวแสนสวย ด้านล่างสวมใส่โจงกระเบนสีเข้มกว่าเล็กน้อยกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับขันหมากโดยมีพ่อกับแม่ขบาบข้างเป็นญาติผู้ใหญ่ทาบทามสู่ขอ..."โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ โฮ โฮ๊ โฮ โฮ๊" "ฮิ้ววววว" "โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ โฮ โฮ๊ โฮ โฮ๊" "ฮิ้ววววว" "ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว ใครมีลูกสาว มาแลกลูกเขย ฮู้วววว" เสียงร้องรำทำเพลงดังครึกครื้นด้านหน้าบ้าน... ถึงแม้ว่านี่จะเป็นงานแต่งงานครั้งที่สอง แต่ก็เป็นครั้

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 42

    ธนาธิปประกบจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างละเมียดละมัยนุ่มนวลแล้วค่อย ๆ ชำแรกปลายลิ้นเข้าไปควานหาน้ำหวานในโพรงอุ่นดูดดึงหยอกเย้ากอบโกยความสุขเสพสมจากกันและกันนานสองนานจนภายในกายมันอบอวลไปด้วยไอรักอยู่เต็มเปี่ยมไม่รู้ และคงไม่พยายามคิดหาคำตอบว่าต้นรักต้นเล็ก ๆ ที่มันก่อเกิดอยู่กลางใจจนรากของมันชอนไชยึดเหนี่ยวเราทั้งสองคนเอาไว้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทราบเพียงแค่ว่าในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็จะรักษาและดูแลมันให้คงอยู่ไปตลอด ทั้งสองค่อย ๆ ผละจูบออกจากกัน ฝ่ามือของธนาธิปเลื่อนขึ้นไปจับประคองศีรษะของหญิงสาวเอาไว้แล้วให้หน้าผากชนชิดรวมถึงปลายจมูกที่แตะสัมผัสกัน ก่อนจะขยับลงมาจุมพิตพวงแก้มนุ่ม ๆ ฟอดใหญ่ ทุกการกระทำของเขาคล้ายกับขนนกที่ปลิวผ่านปุยเมฆมันทั้งนุ่มนวล อบอุ่นจนใจเธอสั่นสะท้าน เขาไม่ได้รุนแรง หรือรุกอย่างฉาบฉวยแต่กลับทำให้เธอค่อย ๆ รู้สึกโอนเอนอ่อนไหวตามต่างหาก"ขอบคุณนะเมที่ให้โอกาสคนโง่ ๆ แบบผม" "ค่ะ" "กลับมาเป็นเมริสาเหมือนคนเดิมนะ รู้หรือเปล่าตอนที่คุณเปลี่ยนไปใจผมมันหดแทบจะเหลือเท่าปลายนิ้วก้อยอยู่แล้ว" ชายหนุ่มหย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาแล้วถือวิสาสะรั้งตัวเธอเข้ามาโอบกอดเอาไว้

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 41

    เมริสาวางไอแพดลงบนที่นั่งก่อนจะลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง เธอไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกบ้าบอนี้เอาไว้จนมันหนักอกหนักใจได้อีกต่อไปแล้ว เขามากล่าวโทษว่าเธอพยายามหลบหน้า เปลี่ยนแปลงไป คิดอะไรรู้สึกอะไรทำไมไม่บอกเขาตามตรง แล้วเขาล่ะเคยรู้บ้างหรือเปล่าว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันกำลังทำร้ายใครอีกคนที่เขาเผลอคิดไปเอง! "คุณมาทำให้ฉันรู้สึกดี มาทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณรู้สึกอะไรกับฉัน จนฉันเผลอถลำตัว...และสุดท้ายคุณก็มาบอกว่าที่คุณทำไปทั้งหมดจริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลย คุณแค่ต้องการให้เราจบกันด้วยดี คุณแค่ต้องการให้วันหย่ามันเป็นไปได้อย่างราบรื่น คุณแค่ต้องการตอบแทนที่ฉันช่วยเหลือคุณ คุณไม่ได้คิดอะไรกับฉันเลย! แล้วคุณเคยรู้หรือเปล่าว่าฉันคิด คุณแม่งไม่เคยรู้ไง!!! แต่พอฉันเริ่มตีตัวออกห่าง รักษาระยะห่างเซฟความรู้สึกของตัวเอง คุณกลับพยายามเข้าหา พยายามทำให้ฉันกลับไปอยู่ที่จุดเดิม คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เป็นเหี้ยอะไรห๊ะ ถ้าไม่รักไม่คิดอะไรด้วยก็ต่างคนต่างอยู่ จอบอ จบ” ได้ยินคำพูดของเมริสาไปธนาธิปถึงกับนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว "คุณรู้หรือเปล่าคุณธันวา ก็การกระทำของคุณไง ไ

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 40

    "ก็แปลกสิ คุณลองคิดดูนะเมื่อก่อนโน้นคุณไม่แม้แต่อยากที่จะเสวนาหรือเจอหน้าฉันด้วยซ้ำ เดินผ่านแทบจะชนกันอยู่แล้วคุณก็ยังทำเหมือนฉันเป็นธาตุอากาศไม่มีตัวตน แต่เดี๋ยวนี้คุณ..." หญิงสาวไม่รู้ว่าควรใช้คำพูดแบบใดดีที่จะไม่ดูหลงตัวเองจนเกินไป...ถึงแม้ใจจริงอยากถามมากแค่ไหนที่เขาทำแบบนี้เพราะรู้สึกอะไรกับเธอหรือเปล่า แต่ก็ทำได้เพียงเงียบเอาไว้ เรื่องอะไรทำนองนี้ต้องให้ผู้ชายเป็นคนพูดก่อน...แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่เขาจะสารภาพกับเธอสักที ไหน ๆ การกระทำมันก็ชัดเจนขนาดนี้แล้วเหลือแค่รอพูดออกมาอย่างเดียวเท่านั้น "เอ่อ...ผมก็แค่คิดว่าถ้าเกิดเราสองคนผูกมิตรกันไว้คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ไหน ๆ ก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะหลุดพ้นจากพันธะใบทะเบียนสมรส ผมเองช่วงนั้นก็ขอความช่วยเหลือให้คุณมาสวมบทบาทคนรักให้อยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ผมเลยคิดว่าทำดีใส่กันเข้าไว้ ตอบแทนเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร" ธนาธิปตอบไปตามความจริง เขาเป็นนักธุรกิจไม่มีทางที่จะทำอะไรแล้วไม่หวังผลประโยชน์แน่นอน... ได้ยินแบบนั้นใจเธอมันก็แป้วแปลก ๆ รู้สึกวูบโหวงอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะเคยชินได้แ

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 39

    พอหลังจากนั้นประมาณเดือนกว่า ๆ คุณพ่อของเธอก็ล้มป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ จึงตัดสินใจยกตำแหนงให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างเมริสาเข้ามาดูแลและนั่งแท่นซีอีโอบริษัทแทน โชคดีที่เธอมีธนาธิปข้างกาย เขาจึงคอยมอบคำแนะนำและคอยซัพอร์ต ส่งผลให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้จะยังไม่คล่องแคล่วสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อนมาก ๆ เพราะพื้นฐานแล้วเมริสาเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่ง และ ฉลาด เพียงแต่เกียจคร้านจะหาเหาใส่หัวพาตัวเองไปลำบากเท่านั้น แต่พอภาระหน้าที่มันมากองรออยู่ด้านหน้าอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เธอก็ต้องจำใจรับเอามาดูแล ทางโน้นพอรู้ว่าคุณเกียรตินครป่วยหนัก อาจเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ซ้ำยังทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตนให้กับเมริสาลูกสาว และ อดีตภรรยา ซ้ำยกให้หล่อนเพียงบ้านหลังนี้กับเงินในบัญชีธนาคารยี่สิบกว่าล้านเท่านั้น จึงไม่อยากเก็บเขาไว้เป็นภาระที่จะต้องมาคอยดูแล ป้อนข้าว ป้อนน้ำ อย่างกับคนใช้ ก็เลยถีบหัวส่ง พาคุณเกียรตินครกลับไปให้เมียเก่าดูแล ส่วนหล่อนก็ใช้เงินที่ปอกลอกจากอีกฝ่ายมาได้ด้วยความสเน่หาอย่างสบายใจ หรือไม่ในอนาคตข้างหน้าก็อา

  • แค่เมียในนาม   บทที่ 38

    ซ่า!!!! น้ำเย็นยะเยือกถูกสาดใส่รดศีรษะของหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูหวานซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ แขนสองข้างไขว้หลังและถูกมัดกันไว้ด้วยเชือกที่ไม่สามารถดิ้นหลุดได้อย่างง่ายดาย"กรี๊ด!!!" พิรญาสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจก่อนจะเพ่งสายตาหันไปมองคนที่กล้ากระทำกับดาราสาวอันดับหนึ่งอย่างเธอ คอยดูเถอะเธอจะโพสต์ประจานเอาให้ไม่สามารถมีที่ยืนอยู่บนสังคมได้เลย "พวกแกเป็นใคร จับตัวฉันมาทำไม ปล่อย!!! ปล่อยนะ ปล่อย" หญิงสาวพยายามดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดออกจากเชือกที่พันธนาการมัดข้อแขนและข้อเท้าอยู่ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ตัวเธอก็เจ็บมากเท่านั้น "ก็เป็นเมียของคนที่แกเล่นชู้ด้วยไง!" จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวเข้ามา หล่อนคนนั้นสวมใส่กางเกงยีนส์และเสื้อของแบรนด์ชั้นนำพร้อมด้วยสะพายกระเป๋าราคาแพงเฉียดหลักสิบล้าน แต่มีแว่นตาปกปิดอยู่จึงมองไม่ออกว่าเป็นใคร ถึงถอดแว่นออกมา ก็ใช่จะรู้ว่าเมียของคนที่เล่นชู้ด้วยคือใคร! บ้าบอ ผู้ชายในสต็อกที่เคยคั่วด้วยก็มีตั้งหลายคนแล้วจะไปทราบได้ยังไงถ้าเกิดไม่เอ่ยชื่อบอกมา เหอะ ถึงเอ่ยก็ไม่รู้ว่าจะจำได้อีกหรือเปล่า! "ใคร?" "คงจะเล่นชู้กับผัวชาวบ้านมาหลายค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status