"อย่าหาว่ากูอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ อีนี่มันทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ไอ้ที่มันมีข่าวคู่จิ้นกับคุณสองเนี่ยไม่ใช่เพราะแฟนคลับเห็นเคมีของพวกมันสองคนที่เข้ากันเองหรอกนะ แต่เพราะมันกับอีเจ้นัตตี้นั่นจัดฉากทั้งนั้น พยายามทำให้คนอื่นเขาเข้าใจว่าระหว่างมันกับคุณสองมีอะไรบางอย่างที่เป็นขั้วเดียวกันเพื่อหวังจะถีบตัวเองขึ้นไปยังไงล่ะ นี่ยังไม่รวมเรื่องที่มันใช้ร่างกายยวนยั่วลูกชายเจ้าของช่องให้ส่งงานไอ้เรื่องล่าสุดที่กำลังจะถ่ายทำให้มันอีกด้วย กูรู้ กูเห็นหมดจ้าแค่กูไม่พูดเท่านั้นแหละ"
เรื่องราวที่ได้รู้จักปากของรติมาซึ่งอยู่ในแวดวงสังคมบันเทิงเดียวกันกับพิรญาทำให้เมริสาอ้าปากหวอ รู้สึกตกใจไม่ใช่น้อย แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าแฟนสาวของนายธันวาจะทำเรื่องน่าเกลียดเช่นนั้นจริง ทั้ง ๆ ที่ภายนอกก็ดูรักใคร่กันปานจะกลืนกินไม่ใช่เหรอ! ดูท่าอิตาธันวา ก็ทั้งรัก ทั้งหลง หัวปักหัวปำคงจะตามืดบอดมองไม่เห็นผิดชอบชั่วดี นี่ถ้าเกิดรู้เข้าว่าตัวเองโดนแทงข้างหลังจะรู้สึกยังไงนะ... จู่ ๆ เมริสาก็อดที่จะรู้สึกเห็นอก เห็นใจ สงสารและเป็นห่วงธนาธิปไม่ได้ ต่อให้จะหมั่นไส้มากแค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากพบเจอทั้งสิ้นไม่เว้นแม้กระทั่งเธอเอง "ทำหน้าแบบนี้นึกเป็นห่วงผัวขึ้นมาเหรอจ๊ะ..." รติมาแซวขำ ๆ แต่ดูเหมือนเมริสาจะเอาจริงเอาจังหันขวับมาถลนตาใส่ "บ้า! แต่พิญญาทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอวะ แทบไม่อยากจะเชื่อเลย" เมริสาถามย้ำอีกรอบเพื่อความมั่นใจเผื่อว่ารู้อาจจะไปรู้ข่าวที่ผิด ๆ มา จนทำให้คนบริสุทธิ์ต้องกลายเป็นแพะรับบาป "ก็จริงสิ กูไม่ได้เป็นพวกปากพล่อยใส่สีตีไข่สักหน่อยมึงก็รู้นี่ เรื่องงามไส้ของยายพิญญาคนวงในเขารู้กันทั้งนั้น แค่ไม่มีใครออกมาพูดเพราะไม่อยากจะมีปัญหากับคุณโต๋ลูกชายเจ้าของค่าย ทีแรกกูก็จะทำตัวเอาหูไปนาตาไปไร่ไม่รับรู้อะไรหรอกนะแต่เห็นว่าเป็นพวกมึงก็เลยกล้าเล่า และที่สำคัญเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับมึงด้วยอีเมริสา" แน่นอน คำพูดของรติมาเพื่อนทุกคนภายในแก๊งเชื่อ รู้จักกันมาเกือบสิบปีต่อให้รติมาจะเป็นคนปากจัดปากกล้าจนพวกผู้ใหญ่ต่างพาลไม่ชอบหน้าเพราะความแรงของหล่อน แต่ก็ไม่เคยปั้นน้ำเป็นตัวสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นมาเพื่อใส่สีตีไข่คนอื่น "ยังไงก็เตือนผัวมึงบ้างก็แล้วกันนะอีเม ระวังโดนปอกลอกจนหมดตัวล่ะ ผู้หญิงคนนี้มันร้ายกว่าที่พวกมึงคิดซะอีก" เมริสากำลังจะอ้าปากพูดว่าอีตาคุณธันนั่นไม่ใช่ผัวตัวเองสักหน่อย ทว่าเพราะรู้จักนิสัยใจคอกันมานาน รติมาจึงพอเดาทางออกก็เลยดักทางเอาไว้เสียก่อน "กูรู้ ถึงยังไงก็แต่งงานกันมาหลายเดือนละและยังต้องอยู่ต่ออีกเกือบสิบเดือนโน้นถึงจะครบสัญญา เผลอ ๆ ถ้าคุณธันรู้เสียตอนนี้อีพิญมันชั่วขนาดไหน ความสัมพันธ์ระหว่างมึงกับคุณธันวาก็อาจจะมีโอกาสพัฒนาไปมากกว่าผัวเมียตามกฎหมายก็ได้นะเว้ย" รติมาเชียร์เต็มที่ หล่อนคิดว่าผู้ชายแบบธนาธิปนี่แหละเหมาะสมกับเมริสามากที่สุด! คนหนึ่งนิ่ง ๆ ขรึม ๆ วางมาด ส่วนอีกคนแว๊ด ๆ เหวี่ยงวีน ปรับจูนนิดปรับจูนหน่อยถือว่าเป็นขั้วที่ลงตัว! "พอ!" เมริสาถึงกับยกฝ่ามือขึ้นมาห้ามปราม "หยุดความคิดแบบนั้นได้เลยจ้ะ กูกับอีตาคุณธันวาแตกต่างกันสุดขั้วไม่มีวันที่จะมาลงเอยกันได้หรอก" เพียงแค่คิดเธอก็มองเห็นภาพอนาคตที่บ้านมีแต่ไฟลุกโชนตลอดเวลา! "อีเม ไม่ลองก็ไม่รู้นะเว้ย! เอาจริงกูก็สนับสนุนนะถ้าเกิดวันหนึ่งมึงจะลงเอยกับคุณธันวา เปลี่ยนจากการแต่งงานปลอม ๆ เป็นรักกันจริง ๆ เวิร์คจะตาย คนหนึ่งทั้งหล่อ ทั้งรวย เป็นนักธุรกิจไฟแรง ส่วนอีกคนถึงแม้จะไม่ค่อยมีอะไรเป็นโล้เป็นพายแต่มึงอย่าลืมสิว่ามึงน่ะคือคุณหนูเมริสาทายาทเพียงคนเดียวของคุณเกียรตินครเลยนะเว้ย" รัญชิตาพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของรติมา "ผัวรวยสบายไปทั้งชาติ ดูอย่างกูสิงานการไม่ต้องทำแค่นั่งกิน ๆ นอน ๆ ช้อปปิ้ง ชีวิตแฮปปี้จะตาย" "อีริต้า! มึงช่วยดูอีตาคุณธันวากับผัวมึงด้วยค่ะแตกต่างกันสุดขั้วเนาะ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ชอบทำตัวน่าหมั่นไส้ฉิบหาย วางมาด เก๊ก ขรึม ๆ เข้าถึงยาก อยู่ด้วยอึดอัดตายห่า และที่สำคัญนะตอนนี้กูก็ไม่ทำงานทำการอะไรปะ นั่ง ๆ กิน ๆ นอน ๆ ช้อปปิ้งใช้เงินคุณพ่อคุณแม่เหมือนกันนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องหาผัวรวยไว้เลี้ยงตัวเองหรอก ลำพังแค่บริษัท และอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่กูก็สามารถมีกินมีใช้จนตายละ" เมริสาตอบไปตามความจริง ตอนนี้ชีวิตของเธอก็สุขสบายดีไม่จำเป็นต้องพึ่งบารมีของผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวยล้นฟ้า ไม่ต้องรวยมาก แต่ก็อย่าได้ถึงขั้นยากจนกัดก้อนเกลือกินเลยเพราะวิถีชีวิตของเรามันคงแตกต่างกันจนไม่สามารถเข้ากันได้...เน้นหลัก ๆ คืออยู่ด้วยแล้วสบายใจ มีความสุขแค่นี้! "กูหมดคำจะพูด..." มารีญากรอกตามองบน วันนี้ทั้งวันเมริสาและแก๊งเพื่อนสนิทก็ใช้เวลาพูดจาเม้ามอยนั่งจิบน้ำชานมและพวกขนมขบเคี้ยวกันที่ร้านคาเฟ่ของมายด์จนถึงพลบค่ำ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ... ระหว่างทางขับรถ เมริสาก็เปิดดูไลฟ์สดแถลงการณ์ของพิรญาไปพลาง ๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงด้วยเพียงชั่วข้ามวันก็สามารถแต่งเรื่องแต่งราวขึ้นมาหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเอาตัวรอดได้อย่างหน้าตาย สมแล้วที่เป็นนักแสดง... Live• จากค่ายต้นสังกัด "กราบสวัสดีพี่ ๆ นักข่าวทุกคนที่อุตส่าห์ให้เกียรติมาร่วมงานแถลงข่าวของน้องพิญญาในวันนี้นะคะ" เจ๊นัตตี้ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนเป็นคนเริ่ม "แล้วก็ต้องขอโทษที่ต้องโทรนัดทุกคนมาเร่งด่วนนอกเวลางานเช่นนี้ แต่เจ้ทนดูลูกสาวของเจ้ต้องนอนร้องห่มร้องไห้จนตาบวมแบบนี้จนถึงเช้าไม่ได้จริง ๆ ค่ะ" "เจ้..." พิรญาหันไปมองหน้าเจ๊นัตตี้แล้วพยักหน้าสองสามครั้งคล้ายกับเป็นการแสดงภาษาท่าทางว่าขอบคุณ "ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น น้องโดนกระแสโจมตีจากแฟนคลับและโซเชียลหนักมากอย่างที่ทุกคนเห็นกันนั่นแหละค่ะว่าตอนนี้กำลังติดเทรนทวิตเตอร์ 'แบนพิญญา' ช่องต่าง ๆ ก็พากันถอนละครออก ไหนจะงานพรีเซ็นเตอร์ งานโฆษณาอีก น้องโดนกระทำขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่น้องไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด เจ้อยากจะขอความเป็นธรรมจากทุก ๆ คนด้วยนะคะ" ดูจากสีหน้าและแววตาของเจ๊นัตตี้จะเป็นห่วงเป็นใยและกังวลกับเรื่องนี้จริง ๆ แต่สำหรับเมริสาที่มองโลกขาด (บางเรื่อง) กลับรู้ดีว่ามันโคตรปลอม!! "ตลอดระยะเวลาที่เจ้นัตตี้รู้จักน้องพิญมา เจ้ขอยืนยันได้เลยว่าน้องเป็นเด็กดี ตั้งใจทำงาน ขยันขันแข็งไม่เคยเกี่ยงงาน นิสัยดี เชื่อฟังเจ้ ไม่มีทางที่น้องจะลักลอบมีความสัมพันธ์เกินเลยกับคุณธันวาแน่นอนค่ะเจ้รับประกัน" "แล้วที่เขาลือกันมันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมภรรยาคุณธันวาถึงพูดคล้ายกับว่าเธอโดนคุณธันวาและคุณพิญญาสวมเขาให้ล่ะค่ะ" "ใช่ค่ะ ช่วยตอบด้วยค่ะ แล้วทำไมวันนั้นคุณธันวาจะต้องไปรับคุณพิญญาแล้วปล่อยให้ภรรยานั่งแท็กซี่มาร่วมงานวันเกิดคุณหญิงจรรยาล่ะคะ" "ช่วยตอบด้วยค่ะคุณพิญญา" นักข่าวเริ่มกรูกันถามไม่ขาดสาย "ค่ะ...พิญกับคุณธันวาเราสองคนรู้จักกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็ตอนที่คุณธันเธอจ้างพิญไปร่วมงานและเป็นพรีเซ็นเตอร์บ้านจัดสรร รวมถึงโครงการต่าง ๆ อีกหลายอย่างเราก็เลยสนิทสนมกันพอสมควรแต่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น แต่อย่างที่ทุกคนทราบพิญเคยมีข่าวไม่ดีกับคุณธันวามาแล้วครั้งหนึ่งเพราะความเข้าใจผิด ก็อาจส่งผลให้คุณเมริสาเธอหวาดระแวงและคิดมากไปเองตามประสาผู้หญิง"หากอยู่กันนานกว่านี้ กูว่าเมริสาต้องเล่นหัวเขาเข้าสักวันแน่! ปากเรียกกู คุณธัน คุณธันวาทุกคำ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ย้อนแย้งสัส ๆ “ทำไมเมื่อกี้กินแค่นิดเดียว อิ่มเหรอ” ถามคำถามนี้ปุ๊บ สายตาแปลก ๆ ของเมริสาก็เลื่อนขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนหัวคิ้วจะขมวดย่นติดกันเล็กน้อย “ปกติคุณไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ แต่นี่สังเกตด้วยว่าฉันกินนิดเดียว เอ๊ะ” แววตากรุ้มกริ่มพร้อมรอยยิ้มเลศนัยกระตุกขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาจนปลายจมูกแทบชนกัน “เอ๊ะ หรือได้กันครั้งเดียว คุณหลงฉันแล้วเหรอไง๊” “คงงั้นมั้ง” ธนาธิปไม่ได้หลบหลีกหรือปฏิเสธอย่างที่เมลิสาคิด ในทางกลับกันเขายื่นหน้าเข้าไปซ้ำยังทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เธออีกด้วยทำให้คนที่คิดจะกลั่นแกล้งเมื่อครูต้องรีบถอยเสียเอง “บ้า” ใบหน้าเธอแดงก่ำ หลุบความขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก บ้าชะมัดกะว่าจะเป็นเสือไล่ตะครุบเหยื่อให้กลัวเล่นแท้ ๆ แต่ดันโดนเขาหลอกกลับเสียได้!! จะว่าไปตั้งแต่ที่ธนาธิปตาสว่างจากผู้หญิงคนนั้นเขาก็ดูสดใสไม่เก๊กครึ้มหรือทำตัวเข้าถึงยากเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ธนาธิปหัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีตื่นตูมของเมริสา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนโผงผางตรงไปต
คุณผกาวรรณเข้าไปดึงหูลูกชายตัวดีของหล่อนก่อนจะลากพามันเข้าไปด้านในสะบัดตัวให้ทิ้งลงบนโซฟานุ่มพร้อมจ้องมอง ท้าวสะเอวอย่างคาดโทษ“ตาธันแกคิดอะไรอยู่ถึงได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านห๊ะ! แกควรจะให้เกียรติเมียแกบ้าง! ไม่ใช่ทำอะไรประเจิดประเจิดประเจ้อขนาดนี้ โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก ทั้งลูก ทั้งผัวไม่ได้เรื่องสักคน!!!” มาถึงยังไม่ทันจะพูดจะจา หรือดื่มน้ำสักแก้ว ผกาวรรณก็เหวใส่ลูกชายเสียงดัง ซึ่งมันเป็นภาพธนาธิปเองก็คุ้นตาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แม่เขาเป็นคนแบบนี้แหละ แรง ๆ ตรงไปตรงมา ปากกล้า คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ถึงได้เอาคุณพ่อที่เคยเป็นคาสโนวาตัวพ่อควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่หมัดมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลด้วยมั้งที่คุณแม่ของเขา ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู แม่หนูเมริสาอะไรนั่นหัวปักหัวปำ เพราะมีลักษณะนิสัย กิริยาท่าทางที่ละม้ายคล้ายกันละมั้งตอนอยู่อยู่กับเมลิสากูรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ยังไงก็ไม่รู้ อบอุ่นฉิบหาย!!! ฉิบหายแล้ว เหลือแต่อบอุ่น!“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพิญมาได้ยังไง” คราวนี้เขาพูดจริง ไม่ได้โกหกเหมือนครั้งก่อน ที่มักนัดเจอกับพิรญาแล้วบอกว่าบังเอิญเจอ แต่หนนี้เขาไม่รู้มาก่อนล
หลังจากที่พูดคุยตกลงกับธนาธิปเรื่องการสวมบทบาทการเป็นผัวเมียปลอม ๆ อีกระดับหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ปกติมันก็ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริง ๆ อยู่แล้ว ก็ได้กลับขึ้นมาบนห้องนอนแล้วนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่ารับปากไปเพื่ออะไรวะ?ตอนนี้เธอก็สุขสบายอยู่แล้วเราแค่วันที่จะได้เซ็นใบหย่าเท่านั้น เมริสาเอ้ยหาเหาใส่หัวชัด ๆ !ปิ้ง!! จู่ ๆ ข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น...เป็นแอ็กเคานต์ส่วนตัวของรติมาเพื่อนที่เป็นดาราสาวซึ่งหูตากว้างขวางอยู่ในแวดวงสังคมบันเทิงเด้งข้อความเข้ามา pv.rosese : -send photo- pv.rosese : พ่อมึงใช่ปะ หน้าคุ้น ๆ กูว่าใช่ เมริสาเองจั๊บ : มึงเจอที่ไหน pv.rosese : ภูเก็ต กูมาเที่ยวที่ภูเก็ตกับผู้แล้วบังเอิญเจอคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อมึงไม่มีผิด pv.rosese : มากับผู้หญิงว่ะ pv.rosese : พ่อกับแม่มึงมาฮันนีมูนกันที่นี่เหรอวะ โรแมนติกโคตร อีดอกกก ได้ห้องพักที่วิวดีที่สุดของโรงแรมด้วย เมริสาเองจั๊บ : กูโทรหาแม่แป๊บ ...เมริสามีลางสังหรณ์ใจแปลก เธอสันนิษฐานว่าผู้หญิงที่รติมาหมายถึงอาจจะไม่ใช่แม่ของเธอหรือเปล่าเพราะหากแม่ไปจริงๆก็คงจะโทรมาหาเธอแล้ว กริ้งง...my mom (เม ว่าไงลูก) เสี
เมื่อกลับมาจากห้องของเมริสา ชายหนุ่มเองก็สับสนไม่ต่างไปจากเธอ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มด้วยความคิดมากมายตีปนกันมั่วไปหมดภายในสมอง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนลอยเข้ามาเป็นฉาก ๆ ยังคงวนเวียนตามหลอกหลอนไม่เลิกราเน้นย้ำว่ามันคือความจริงที่ระหว่างเขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมามายไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะสำหรับชีวิตแต่งงานของพวกเขาแล้วหนทางไปต่อมันมองไม่เห็น ไม่มี รู้เพียงแค่อีกเจ็ดเดือนข้างหน้าก็จะได้หย่าขาดเป็นอิสระจากพันธะที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นมาเขาตั้งใจว่าจะคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียวันนี้ แต่เธอกลับหลบหน้าไม่พูดไม่จา ...ผ่านไปประมาณสองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นเขาก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กับเมริสาอีกเลย เพราะดูเหมือนเธอจะจงใจหลบหน้า ไม่พูดไม่จาและไม่มาให้เขาพบเจอ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็กลับมานอนบ้านทุกคืน เมริสารู้ดีว่าเขาจะกลับจากทำงานช่วงประมาณหกโมงเย็นและเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มเธอจึงเล่นกลับเอาเที่ยงคืนเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน "เม" แต่คราวนี้เขาซัด
แสงแดดสีทองสดใสยามรุ่งอรุณสาดส่องกระทบกระจกบานใหญ่ทะลุเข้ามาด้านใน ตกลงบริเวณปลายเตียงนุ่มโดนเท้าเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นผ้านวมผืนใหญ่ออกมาได้รับความร้อนระอุจนต้องรีบขดกลับขึ้นไป แล้วขยุกขยิกตัวไปมาเล็กน้อย แต่ก็พริ้มตาหลับตาเพราะอาการหนักอึ้งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหน่วงอยู่ในศีรษะบวกกับอาการเหนื่อยล้าด้วยกิจกรรมรักอันเร่าร้อนที่เพิ่งจบลงเมื่อตอนตีสามกว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มของเมริสาพาดขึ้นมาวางบนหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อลอนเรียงมัดเป็นกลม ก้อนใหญ่ราวกับขนมปัง ใบหน้านอนซบอยู่บนอกอกแกร่งกำยำ มีผ้านวมสีขาวผืนหนาปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าเอาไว้ไม่ให้ดูอนาจารจนเกินไป ถึงแม้เมื่อคืนมันจะผ่านการสัมผัสจากริมฝีปากหยักมาแล้วทุกจุดก็ตาม..."อื้อ..." ส่วนธนาธิป นอนหงาย ส่งแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบร่างบางเอาไว้อย่างรักใคร่ พริ้มตาหลับเข้าสู่ภวังค์นิทราเพราะความเหนื่อยล้าเต็มที เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กที่อีกฝ่ายทำเอาไว้มากมาย"ฮือ..." เมื่อเริ่มรู้สึกตัว หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยอัติโนมัติเพราะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดไปจากทุก ๆ วัน ทำไมวันนี้หมอนในห้องเธอถึงได้แข็งโป๊ก! ท
อ้าว! คราวนี้แม่งหลอกด่ากูจริง ๆ ไอ้สัส คือกูสามารถโกรธคนเมาได้ไหมวะ? "เอ้าา โช้นนนนนนน" เมริสาชูแก้วไวน์ขึ้นแล้วเลื่อนลงมากระดกเข้าปาก "กินดิ คออ่อนเหรองายยย ห๊า" ธนาธิปยินคำสบประมาทเช่นนั้นก็ยอมความไม่ได้ ยกแก้วไวน์ของตนขึ้นมากระดกเข้าปากแข่งกับเมริสาจนผ่านไปขวดที่เท่าไรต่อเท่าไรแล้วก็ไม่รู้...รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ศีรษะมันหนักอึ้ง ดวงตาพร่ามัว เดินโซซัดโซเซคล้ายกับบ้านหมุน ส่วนเมริสาเองก็ไม่ได้ต่างกัน เผลอ ๆ อาการหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ "เม ลุกขึ้นไปนอนบนห้องดิ้" "อื้อ! เสือกรายยยอะ" เมริสาที่กำลังนอนฟุบอยู่บนอกแกร่งกำยำของธนาธิปแหงนหน้าขึ้นไปสบถถ้อยคำหยาบโดนใส่หน้าเขา "เมมม ปายยยนอนดีดี ดิ้" ธนาธิปดึงแขนเรียวยาวของเมริสาขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะพากันเดินโซซัดโซเซขึ้นไปชั้นบนของบ้าน "อยากจะเมาห๊ายยลืมเธอ ลืมความรักที่แสนห่วย วู้วววว ความร๊ากกกกก" เมริสาแหกปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีตลอดทาง เขาก็ต้องรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงแบกร่างของเธอขึ้นไปจนถึงด้านบนให้จนได้! ภาระกูชัด ๆ ! เขาหลอกด่าอยู่ในใจโดยไม่ได้ออกเสียงออกมา ไม่เช่นนั้นเมริสาที่กำลังอยู่ในสภาพเมามายหัวราน้ำแบบนี้คงตบหัวเขาเข้าสักผ
เอาจริง ตอนนี้เขาไม่รู้จะอึ้งกับอะไรก่อนดี ระหว่างมุมมองแปลกใหม่ในตัวเมริสาที่เขาไม่เคยได้สัมผัส เช่น การสบถถ้อยคำหยาบโลนออกมา หรือ เรื่องราวในอดีตที่เธอเคยพบเจอมา… เขาเคยคิดว่าชีวิตตัวเองโคตรเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แต่พอได้มาทำความรู้สึกกับเมริสาเธอกลับเลยในสิ่งที่เขามี เขาเป็นขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งที่เขาหรือแม้กระทั่งคนอื่น ๆ ก็คงถีบตัวเองขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ยาก…เมริสาเรียนจบจากต่างประเทศด้วยปริญญาสองใบ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ทั้งรัก ทั้งเข้าใจ หวงแหวน และตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็พร้อมซัพพอร์ตหากเป็นความต้องการของลูกสาว ทรัพย์สินเงินทองไม่ต้องพูดถึง ตระกูลนั้นร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ลำพังเพียงหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ถืออยู่ของบริษัทดังระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษก็เฉลี่ยเดือนละหลายร้อยล้าน และที่สำคัญเธอไม่ต้องทำการทำการอะไรสักอย่าง ลอยชายช็อปปิ้งไปวัน ๆลูกคุณหนูสัส ๆ แต่เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าอดีตเธอโคตรแย่ เจอกับความสัมพันธ์เหี้ย ๆ เหตุผลในการบอกเลิกแบบคนเห็นแก่ตัว จนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตาย หากในวันนั้นคุณอาทั้งสองขึ้นไปไม่ทัน ก็คงไม่มีเมริสามานั่ง
ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะเจ็บแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายจะไม่เสียเวลากับผู้หญิงพรรค์นั้นอีก... ไอ้เรื่องโกหกนอกใจมันไม่ควรมีอยู่แล้วในชีวิตคู่ แต่นี่ถึงขั้นนอกกาย เขาแม่งโคตรรับไม่ได้และที่สำคัญพิรญาไม่ได้นอกกายเขาด้วยการไปนอนกับผู้ชายแค่คนเดียวแต่เป็นผู้ชายมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำราย ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในชู้รักคือเพื่อนสนิทของเขา...พอกันที! ชายหนุ่มสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แม้ในใจจะยังรู้สึกเจ็บกับความผิดหวังที่เพิ่งไปเจอมาไม่หาย เพราะบาดแผลมันยังสดและคงจะใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดี อาจเป็นเดือน เป็นปี ไม่สามารถคาดเดาได้ บางทีอาจมีใครสักคนที่เข้ามาทำให้แผลเขาสมานเร็วกว่าเดิมก็ได้ ธนาธิปนั่งกินข้าวต้มกุ้งที่เมริสาซื้อให้จนหมดเกลี้ยง ก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนเพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการเก็บพวกรูปภาพรวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิรญาเก็บใส่ในกล่องจนหมดก่อนจะเดินกลับลงด้านล่าง "เฟื่อง เอากล่องนี้ไปเผาทิ้งอย่าให้เหลือซาก" ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจจากผู้หญิงแบบนั้นก็จงตัดให้ขาดอย่าให้เหลือแม้แต่ความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน..."ค่ะคุณธัน" เฟื่องไม่ได้ละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายจนเกินหน
ส่วนภาพที่เหลือก็เป็นภาพของพิรญาที่กำลังนัวเนียกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยสักรูปเดียว วินาทีนั้นหยาดน้ำอุ่นคล่อหน่วยจนทัศนวิสัยพร่ามัวแล้วค่อย ๆ เอ่อทะลักพร่างพรูออกมาอาบสองพวงแก้มอย่างยากเกินกว่าจะกัดฟันขมกลั้นเอาไว้ไหว หมดสิ้นแล้ว...เขารู้สึกเหมือนแม่ง ไม่เหลืออะไรสักอย่างไม่มีแรงแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความถามออกไปด้วยซ้ำว่าเจ้าของแอ็กเคานต์มีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ร่างกายเขามันอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงแม้แต่หายใจยังโรยริน...ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ฝืนทนกล้ำกลืนรับเอาความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ไม่ไหวเพราะมันรุนแรงทรมานเหลือเกินราวกับถูกควักหัวใจออกมาบีบเล่นให้แหลกละเอียดคามือ เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าชีวิตรักของผู้ชายที่โคตรเพอร์เฟคทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะ ครอบครัว หน้าที่การงาน อย่างเขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์โคตรผิดหวังแบบนี้ ที่ผ่านมาเขาทั้งรัก ทั้งไว้เนื้อเชื่อใจและทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น แต่ท้ายสุดแล้วกลับต้องมารู้ความจริงว่าเธอตอบแทนเขาด้วยการโกหกหลอกลวงและหักหลังแทงข้างหลังเขาอย่างเลือดเย็น ประโยคที่ว่า 'กูคบกับมันเพราะกูต้องการให้ตัวเองสุขสบายเนาะ