การประชุมบริหารถูกจัดขึ้นในเช้าวันนี้ เขาตื่นแต่เช้าด้วยความไม่สดชื่นเท่าไหร่นัก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เขาคิดมากจนนอนแทบไม่หลับ แต่งานก็ต้องมาก่อนเรื่องอื่นเสมอ เพราะคนอย่างเขา ไม่เคยให้เรื่องอะไรมาสำคัญและปนเปกับเรื่องงานเด็ดขาด
ในห้องประชุมใหญ่ของโรงแรมหรู บอร์ดบริหารและผู้ที่มีตำแหน่งสำคัญในโรงแรม เข้ามานั่งในห้องประชุมจนครบหมดแล้ว ขาดก็แต่หัวโต๊ะที่ยังว่างเอาไว้
ทีมงานของผู้บริหารคนเดิมตื่นเต้นมากที่จะได้เจอกับผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ ไม่รู้ว่าทางบริษัทแม่จะส่งใครมานั่งแท่นบริหาร เพราะได้ข่าวว่าทางนั้นมีลูกชายถึง 4 คน
รองประธานสาวสวยที่วันๆสนใจแต่เรื่องการบริหารงานและแก้ปัญหาของโรงแรม จนแทบไม่ได้สนใจโลกภายนอกว่ามันไปถึงไหนแล้ว จึงไม่ได้เอะใจในชื่อบริษัทแม่แม้เพียงนิดว่าทำไมถึงคุ้นเคยนัก
“ท่านประธานมาแล้วค่ะ ทางบริษัทแม่ ตัดสินใจส่งคุณปรมัถต์ อธิพัฒน์โภคิน มานั่งแท่นบริหารงานสูงสุดที่นี่ค่ะ”
ดวงตากลมโตที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีของท่านรองประธานคนสวย เบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินเลขานุการของท่านประธานคนใหม่ เอ่ยชื่อและนามสกุลของเขาออกมาให้ได้ยิน และยิ่งเบิกกว้างกว่าเดิมอีกเท่าตัวเมื่อชายหนุ่มรูปหล่อเจ้าของชื่อเดินเข้ามาในห้อง
ท่านประธานหนุ่มหล่อ ในชุดสูทสีสีเทาเข้มที่ตัดเย็บพอดีตัวดูภูมิฐาน ภายในเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทยิ่งส่งให้เขาดูเข้มขรึมสมกับบุคลิก เขาเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ประจำตัว ก่อนดวงตาคมกริบไล่มองสมาชิกในที่ประชุมทุกคนตั้งแต่ซ้ายมือ จนมาหยุดอยู่ที่เก้าอี้ขวามือข้างตัวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด ใจแกร่งเต้นกระตุกผิดจังหวะจนเขาต้องลอบถอนหายใจเบาๆ ระบายความอึดอัดในอก
ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นที่ทำลายชีวิตเขาจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี ทำไมมาอยู่ตรงนี้ เขาเหลือบตาลงมองที่ป้ายชื่อที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของเธอทันทีเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ตาฝาด หรือว่าแค่คนหน้าเหมือน
อริสา เรืองเลิศอมรกุล รองประธานบริหาร ใช่เธอจริงๆด้วย ริสา ผู้หญิงใจร้ายสารเลวคนนั้น เขาเฝ้าตามหาและรอคอยข่าวคราวของเธอมานาน ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกขนาดนี้ ดี ได้เจอเธออีกครั้งก็ดี สวรรค์คงเป็นใจเปิดโอกาสให้เขาชำระแค้นในครั้งนี้แล้วสินะ เขาจะได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ มีความสุขกับคู่นอนของเขาได้สุดๆ โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าเธอ และละเมอเพ้อพกครางเรียกชื่อเธอในเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มเสียที
คงตกใจไม่น้อยสินะ ที่เจอโจทก์เก่าอย่างเขา ก็ดวงตากลมโตคู่นั้นที่เขาเคยหลงใหล มันเบิกกว้างและสั่นระริก แถมยังมีม่านน้ำตามาเอ่อคลออยู่ ดี ตกใจ หวาดกลัว และระแวงเขาให้มากๆ ต่อไปนี้ เขาจะทำให้เธออยู่ต่อไปแบบไม่เป็นสุขอีกเลย
ชายหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยเมินหน้าหนีจากเธอ ไม่ทักทาย ไม่ด่าทอ เขาทำเหมือนกับว่าไม่เคยได้รู้จักเธอมาก่อน ก็ดีเหมือนกัน เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว หลายปีที่ผ่านมา เขาคงเริ่มต้นชีวิตใหม่และมีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างที่เขาใฝ่ฝันเอาไว้ไปนานแล้ว ในเมื่อเขาทำเป็นเหมือนไม่เคยได้รู้จักเธอ เธอก็จะทำเหมือนไม่เคยได้รู้จักเขาเหมือนกัน ให้เรื่องทุกอย่าง มันจบลงที่อังกฤษ เมื่อสี่ปีที่แล้วแบบนั้นนั่นแหละ ดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
“สวัสดีครับ ผม ปรมัตถ์ อธิพัฒน์โภคิน หรือเรียกสั้นๆว่า ปัถย์ ก็ได้ครับ ผมได้รับมอบหมายให้มาบริหารงานที่นี่ในฐานะประธานบริหาร รู้สึกยินดีมาก และจะตั้งใจปรับปรุงและฟื้นฟูที่นี่ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งให้ได้ ทีมของผมกับท่านรองคงต้องเหนื่อยกันหน่อย แต่รับรองว่า ผลที่ได้กลับมาจะทำทุกท่านหายเหนื่อยแน่นอน ยังไงขอให้ทุกท่านแนะนำตัวให้ผมรู้จักทีละคนนะครับ เริ่มจากท่านทางซ้ายมือของผมเลย เชิญครับ”
การแนะนำตัวผ่านพ้นมาจนถึงคนสุดท้าย ซึ่งก็คือผู้หญิงสาวสวยที่อยู่ข้างตัวของเขาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาด้วยความมั่นใจ ก่อนเสียงหวานๆที่แสนคุ้นเคยนั้นจะดังออกมาให้เขาตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ ดิฉัน อริสา เรืองเลิศอมรกุล หรือเรียก ริสา ก็ได้ค่ะ ขอบคุณทางอธิพัฒน์โภคินที่ให้โอกาสโรงแรมที่คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันสร้างมา ให้ยังคงอยู่ต่อไป ดิฉันสัญญาค่ะ ว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และจะทุ่มเทเวลาและความสามารถให้กับโรงแรมแห่งนี้ ท่านประธานเรียกใช้งานดิฉันได้ทุกเรื่องเลยนะคะ ดิฉันยินดี”
มันผ่านมาสี่ปีแล้ว แต่เธอคนนั้นก็ยังคงสวยงาม อ่อนหวาน และแฝงไปด้วยความมาดมั่นเหมือนเดิม รูปร่างที่บอบบางของเธอก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด แม้ว่าตอนนี้เธอจะอายุ 34 ปีแล้วก็ตาม
“ครับ คุณริสา คุณได้ทำแบบนั้นแน่”
ดวงตาคมกริบวาววับขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเป็นเฉยเมยดังเดิมโดยที่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็น
น้ำเสียงเยือกเย็น และท่าทีเฉยเมยนั้น ทำเอาเธอหัวใจแกว่ง เขาคงโกรธเกลียดเธอมากที่ทำแบบนั้นกับเขา แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอกลับไปแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ทำใจและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าการต้องทำงานอยู่กับเขา อาจจะได้เห็นเขาและครอบครัว หรือคนรัก จะทำให้เธอต้องเจ็บปวดในหัวใจก็ตาม เธอยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า ตลอดเวลาหลายปีมานี้ เธอไม่เคยลบเขาออกไปจากใจได้เลยแม้เพียงวินาทีเดียว
“วันนี้ขอบคุณทุกท่านมากครับ เลิกประชุมได้”
สมาชิกในที่ประชุมค่อยๆทยอยออกจากห้องประชุมกันจนเกือบหมด อริสาที่กำลังจะก้าวเดินตามเลขานุการของเธอที่มากุลีกุจอช่วยเก็บอุปกรณ์โน้ตบุ๊กที่ใช้สำหรับพรีเซนต์งานของเธอกลับไป ก็ต้องชะงักเท้าลงเมื่อถูกเสียงทุ้มเยือกเย็นเรียกเอาไว้
“อ่อ คุณริสา รบกวนอยู่ก่อนนะครับ พอดีผมมีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อย”
“ค่ะ ท่านประธาน”
“เรียกผมว่า ปัถย์ อย่างที่เคยเรียก ไม่ใช่สิ อย่างที่คนอื่นเรียกดีกว่านะครับ”
“ค่ะ คุณปัถย์”
เลขานุการสาวสวยทั้งสองคนของทั้งเขาและเธอหยุดชะงักค้าง ด้วยไม่มั่นใจว่าพวกเธอต้องอยู่ด้วยไหม หากทั้งคู่คุยเรื่องงาน พวกเธออาจต้องจดบันทึกและทำรายงานก็ได้
“คุณสองคนกลับห้องได้เลยนะครับ ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญ”
“ค่ะ ท่านประธาน”
พอคล้อยหลังเลขานุการสาวสวยทั้งสองไปแล้ว เมื่อประตูปิดลง เขาก็ย่างสามขุมเข้าหาเธอทันทีจนเธอต้องถอยหนีเขาไปหลายก้าว
“เอ่อ คุณมีเรื่องอะไรหรือคะ”
“ทำไมครับ เดี๋ยวนี้ผมต้องมีเรื่องอะไรด้วยหรือ ถึงจะขอคุยกับคุณตามลำพังได้ ริสา”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ ฉันไม่เข้าใจ”
“หึ ใสซื่อเหมือนเดิม แต่มารยาของคุณมันหลอกผมไม่ได้อีกแล้วริสา”
“คุณปัถย์ เรื่องในตอนนั้น ฉันขอโทษ ที่ฉันทำแบบนั้น ฉันมีเหตุผล ขอให้คุณรู้ไว้ ว่าฉันก็ไม่ได้มีความสุขที่ทำแบบนั้น ยกโทษให้ฉันได้ไหมคะ”
“ไม่ได้มีความสุข แต่คุณก็ทำ ช่างเถอะ เรื่องบ้าๆไร้สาระพวกนั้น ผมลืมไปหมดแล้ว มันไม่ได้มีค่าอะไรให้ผมจดจำ”
ใจดวงน้อยวูบโหวงเมื่อเขาบอกว่าลืมเรื่องราวเก่าๆไปหมดแล้ว เธอมันไม่มีค่าให้เขาจดจำอะไรเลยเหรอ ก็ใช่สิ เธอเป็นคนทำให้เขาเจ็บปวด เขาควรจะรู้สึกอะไรกับเธออีกนอกจากความเกลียดชัง ไม่น่าไปคาดหวังอะไรอยู่แล้ว
“ที่ผมเรียกให้คุณอยู่ก่อน เพราะผมมีเรื่องจะแจ้งให้คุณทราบ ว่าทำงานกับผม ไม่มีเวลาแน่นอนตายตัว บางทีถ้าผมมีเรื่องด่วน คุณและทีมของคุณอาจต้องมาประชุมกับผมกลางดึก หรืออาจมีการทำงานจนถึงเช้า หรือบางทีผมอาจมีเรื่องให้คุณทำดึกๆดื่นๆ หวังว่าคุณจะทำได้ และไปบอกให้คนรักของคุณเข้าใจด้วยว่าลักษณะการทำงานของผมเป็นแบบไหน อย่าให้เรื่องส่วนตัวมากระทบกับเรื่องงาน ผมไม่ชอบ คุณเข้าใจใช่ไหม ริสา”
“เข้าใจค่ะ ดิฉันไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเป็นเรื่องงาน ดิฉันสามารถทุ่มเทเวลาให้ได้เต็มที่อยู่แล้วค่ะ”
คิ้วเข้มกระตุกพร้อมขมวดเป็นปมเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเธอไม่ได้ปฏิเสธเขาในเรื่องที่เขาให้เธอไปเคลียร์กับคนรัก แปลว่าเธอยอมรับสินะ ว่าเธอมีคนรักใหม่แล้ว ก็แหงล่ะ สาวๆสวยๆอย่างเธอ จะอยู่เป็นโสดไปได้อย่างไร เผลอๆที่เธอทิ้งเขาไป ก็เพราะเธอมีคนรักใหม่นั่นแหละ ไอ้หน้าโง่เอ๋ย
“ดี จำคำพูดของคุณไว้แล้วกัน และถ้าถึงวันนั้น อย่าให้มีปัญหา ผมเรียกเมื่อไหร่ ต้องมาทันที”
“รับทราบค่ะ คุณมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ พอดีดิฉันมีนัด นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว”
มีนัดหรอ เธอมีนัดกับใคร ไอ้คนรักของเธอนะหรือ เขาอยากจะเห็นหน้ามันนัก ว่ามันแน่สักแค่ไหน ที่ครั้งหนึ่ง มาแย่งเธอไปจากเขา
“คุณไปได้”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเดินผ่านหน้าเขาไป กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่แสนคุ้นเคยลอยเข้าจมูก เขาสูดกลิ่นหอมหวานของเธอจนเต็มปอด ก่อนมองตามร่างบางที่เดินออกจากห้องไปด้วยแววตาวูบไหวอย่างที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“คุณยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมอยู่อีกหรือ ริสา”
ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบากับตัวเอง เหมือนตกอยู่ในภวังค์
“ที่รักครับ ผมซื้อของมาฝาก”
“ขอบคุณค่ะ ไม่เห็นต้องสิ้นเปลืองเลย ของที่คุณซื้อให้จะเต็มบ้านอยู่แล้วนะคะ ต่อไปถามริสาก่อนนะ ค่อยซื้อ โอเคไหมคะ”
“ครับที่รัก คุณแกะดูสิ ว่าชอบไหม”
เธอเปิดถุงแบรนด์ดังออกก็พบว่าภายในเป็นน้ำหอมขวดหรู หญิงสาวแกะออกมาแล้วดมกลิ่นของมันก็พบว่ามันหอมหวาน มีกลิ่นอ่อนๆ แต่ท่าทางจะติดทน ก็ส่งยิ้มหวานให้เขา แล้วหอมแก้มขอบคุณเขาไปหนึ่งครั้ง
ปกติแล้วเธอไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแรง เพราะฉะนั้นคอลเล็กชันน้ำหอมที่เธอมีจึงเน้นที่กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ หรือกลิ่นผลไม้นุ่มนวลมากกว่า
“กลิ่นนี้คุณชอบไหม มันหอมหวานนุ่มนวล ผมชอบมาก เลยอยากให้คุณฉีดให้ผมดมทุกวันเลย”
“ขอบคุณมากค่ะ ริสาชอบกลิ่นของมันมาก ต่อไปริสาจะฉีดทุกวันเลยนะ”
ว่าแล้วก็ฉีดมันที่จุดชีพจร และซอกคอของตัวเองทันที
“ไหน ผมดมสิ ว่าหอมหรือยัง”
จมูกโด่งแสนเจ้าเล่ห์เข้าซุกไซ้ซอกคอของเธอทันที มันถูไถจูบเม้มซ้ำๆ อยู่แบบนั้นไม่ไปไหน จนเธอหลุดเสียงครางกระเส่า
“อื้ม ปัถย์คะ คุณอย่าแกล้งริสา อื้มมม”
“แกล้งอะไรกันที่รัก ผมเอาจริงๆ”
พูดจบก็ช้อนอุ้มคนรักสาว เดินเข้าห้องนอนไปทันที ไม่นานเสียงครางแว่วหวานก็ลอยออกมาเนิ่นนานจนค่อนคืน บทเพลงรักที่ทั้งสองร่วมบรรเลงจึงจบลง
“คุณมันแม่มด อริสา อย่าหวังว่าผมจะกลับไปหลงกลคุณอีก”
“นี่เจ้าปราณต์มันยังไม่ตื่นมากินข้าวหรอเนี่ย จะเที่ยงแล้วนะ” ปรินทร์ พี่ชายคนโตเอ่ยถามถึงน้องชายคนที่สาม กับปุณณัตถ์ น้องชายคนสุดท้องที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนในช่วงเวลาอาหารมื้อเที่ยง หลังจากวันแต่งงานของปรมัตถ์กับอริสาที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวาน ซึ่งพอได้ยินดังนั้น พ่อแม่ของพวกเขาก็หันมามองเพราะต้องการคำตอบเหมือนกัน “อยู่ที่ไหนล่ะครับ กลับกรุงเทพไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ปุณณัตถ์ ดาราหนุ่มรูปหล่อได้ทีรีบฟ้อง เพราะงอนพี่ชายคนนี้หน่อยๆ มีอย่างที่ไหน สองครั้งแล้วที่นอนห้องเดียวกัน แต่ปล่อยให้เขานอนอยู่ในห้องนอนคนเดียวจนเกือบเช้า ส่วนตัวเองโน่น ไปคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น คุยสักพักก็นั่งดูอะไรผ่านกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อมาในโทรศัพท์ก็ไม่รู้ นั่งจ้องนอนจ้องอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ใส่ใจน้องชายคนเล็กอย่างเขาเลย “มันจะรีบกลับไปไหน นานๆได้มาเที่ยวกันทั้งครอบครัวทีนึง” ปรินทร์อดที่จะบ่นไม่ได้ เพราะเขากับภรรยาสาวค่อนข้างจะงานรัดตัว ไหนจะลูกที่ยังเล็กมาก กว่าจะมีโอกาสได้มารวมตั
“อ๊า ซี๊ดดดดด พอนะคะ” “ครับ” เขาใช้ฝักบัวฉีดล้างทำความสะดาดส่วนนั้นให้กับเธอจนสะอาดหมดจด แล้วฉกวูบลงมาจูบหนักๆบนติ่งเกสรสาวที่บวมเป่งเพราะความปรารถนาของเธอทันที “อ๊ะ ปัถย์คะ” ลิ้นร้อนไม่ยอมน้อยหน้า มันตวัดระรัวที่ติ่งนั่นจนกายสาวสั่นสะท้าน จนต้องจิกทึ้งเส้นผมที่กลางศีรษะของเขาเพื่อระบายอารมณ์ “ปัถย์ พอเถอะ ริสาไม่ไหว อ๊ะ อ๊ะ เสียววววว” ฟังที่ไหน เจ้าบ่าวกลัดมันยังคงเดินหน้าทรมานเธอต่อไปด้วยเรียวลิ้นอันร้ายกาจของเขา เขาเริ่มจ้วงแทงมันลงไปในร่องรักของเธอไม่ยั้งจนเกิดเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะลามก แต่ยิ่งเร้าอารมณ์ให้เธอเตลิดเปิดเปิงไปไกล อริสาเด้งส่วนนั้นเข้าใส่ลิ้นของเขาตามจังหวะการจ้วงแทง เธอเสียวเหลือเกิน จนอยากให้เขากระทำรุนแรงกับเธอมากกว่านี้ จึงได้ใจกล้าเอ่ยร้องขอออกไป “อ๊าย อ๊าย ปัถย์ขา แรงๆ ริสาเสียวววว อ๊ายยย” มือน้อยยกขึ้นมาบีบขยำหน้าอกตัวเองอย่างที่เขาเคยทำให้เป็นประจำ สะโพกก็เกร
ทางเดินที่ทอดยาว บนหาดทรายขาวละเอียด ที่ด้านข้างมีเสาไม้เตี้ยๆ เรียงราย บนหัวเสามีช่อดอกไม้ในธีมสีเขียวขาวประดับเอาไว้และพันด้วยผ้าสีขาวพลิ้วไหวทุกต้น หนุ่มสาวเดินคล้องแขนกันไปตามทางเดินนั้น สาวสวยในชุดลูกไม้ฝรั่งเศสเปิดไหล่มีระบาย กระโปรงแคบก่อนปล่อยชายบานออกเป็นหางปลา ผมหยักสีน้ำตาลอ่อน รวบขึ้นเกล้าระท้ายทอยถักเปียวนทั่วศีรษะ ก่อนประดับดอกไม้เล็กๆแซมตามผมนั้น ใบหน้าสวยตกแต่งด้วยเครื่องสำอางสีหวาน เน้นขับความงามตามธรรมชาติของเจ้าสาวคนสวย ที่เดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มในชุดสูทสากลสีดำ ทั้งคู่กำลังเดินไปยังซุ้มไม้ขนาดใหญ่ที่มีผ้าสีขาวพลิ้วบางพันเอาไว้อย่างสวยงาม และประดับด้วยช่อดอกไม้ธีมเดียวกันกับที่ประดับตามเสาเตี้ยๆนั้นโดยทุกย่างก้าวที่เดินผ่านไป ก็มีกลีบกุหลาบสีขาวโปรยปรายไปตลอดทาง งานแต่งงานริมชายหาดในฝันของปรมัตถ์กับอริสา ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงามและเรียบง่าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสวยงามและชื่นมื่นของเหล่าบรรดาญาติๆและเพื่อนสนิท รวมทั้งลูกสาวตัวน้อยในชุดแบบเดียวกันกับคนเป็นแม่ ที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นย่าตลอดเวล
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เอาเสื้อผ้าและตุ๊กตากระต่ายมาให้ลูกสาวเสร็จเรียบร้อย ก็กำลังจะกลับเข้าห้อง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือก้องภพ ผู้ชายที่เขาเคยคิดว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอ “อ้าว พี่ก้อง มาตอนไหนคะ ทำไมไม่โทรหาริสาละคะ มายืนรอนานแล้วหรอ เข้าห้องก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยทักทายและโผเข้ากอดเขาด้วยความดีใจ เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่เขามาหา ก้องภพมองข้ามไหล่ของหญิงสาวไปยังชายหนุ่มหล่อด้านหลัง ก็ต้องแปลกใจ นี่มันเจ้าของโรงแรมคนใหม่ ทำไมมาเดิมตามหลังริสาของเขาต้อยๆแบบนี้ “เพิ่งมาถึงเองครับ เอ่อ สวัสดีครับคุณปัถย์” “สวัสดีครับ” ท่าทางชักจะยังไงยังไง ผู้ชายด้วยกันมองกันออก ปรมัตถ์คนนี้มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม้ริมฝีปากจะพยายามยิ้ม แต่ดวงตานั่นไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย แต่เท่าที่รู้มา เขามีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานกันในเร็วๆนี้แล้วนี่นา ทำไมถึงมาทำท่าหวงก้างอริสาของเขาแบบนี้ “เข้าห้องก่อนนะคะ”
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงโรงแรมได้ ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของแม่เขา เพื่อที่จะไปบอกข่าวดีและไปรับลูกสาวตัวน้อยเพื่อพาไปทำงานด้วยในทันที แต่พวกเขาก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีแค่พ่อแม่และน้องชายของเขาเท่านั้น แต่มีพ่อและแม่ของจิดาภา รวมทั้งเจ้าตัวที่กำลังเป็นโจทก์ของเขาในตอนนี้ด้วย “กลับมาแล้วหรอตาปัถย์ ริสา เข้ามาก่อนสิลูก” ปรมัตถ์กับอริสายกมือไหว้ผู้ใหญ่ผู้มาใหม่สองคนในห้องอย่างนอบน้อม แต่สิ่งที่ได้มาคือการเมินเฉยและเชิดใส่ โดยเฉพาะจันทร์จิรา มารดาของจิดาภา รายนั้นเชิดหน้าเสียจนคอแทบหักอยู่แล้ว “มานั่งคุยกันก่อนลูก” ปราบเรียกลูกชายกับลูกสะใภ้ ให้มานั่งลงเพื่อที่จะพูดคุยตกลงกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงให้รู้เรื่อง “ตาปัถย์ทำอย่างนี้กับลูกสาวน้าได้ยังไง ลูกสาวน้าไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนนะ คิดจะชอบก็เข้าหา พอได้สมใจก็ถีบหัวส่ง” ปรมัตถ์หัวคิ้วย่นแทบชนกัน ทำไมผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย พยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาว่าเขาฟันจิดาภาแล้วทอดทิ้งแบ
ครืด ครืด ครืด โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นขึ้น ในขณะที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่กับลูกและเมีย ที่ห้องอาหารของโรงแรม ใจจริงเขายังไม่อยากออกไปไหน เพราะไม่อยากเจอกับคู่หมั้นสาว แต่ลูกสาวตัวน้อยดันรบเร้าอยากออกมาเดินเล่นริมสระน้ำ พ่อกับแม่จึงจำเป็นต้องตามใจลูก เพราะวันนี้ทั้งวัน ก็ขังให้เธออุดอู้อยู่แต่ในห้องแล้ว “จีด้าโทรมา ผมไม่อยากรับเลย” เขายกหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูแล้วก็แทบอยากวางคว่ำหน้าลงบนโต๊ะเหมือนเดิม “รับเถอะค่ะ จะได้รู้ว่าเธอมีเรื่องอะไร” เมื่อเมียสุดที่รักพูดแบบนั้น ก็จำเป็นต้องทำตามสินะ “ครับ จีด้า” “พี่ปัถย์อยู่ไหนคะ จีด้าขนกระเป๋าเข้าไปอยู่ในห้องพี่ตั้งแต่บ่าย จีด้าเพลียหลับไป ตื่นขึ้นมาพี่ก็ยังไม่กลับ ไปอยู่กับแม่นั่นหรอ” เธอส่งเสียงดังโวยวายมาตามสายจนคนที่นั่งข้างๆยังได้ยิน “เรียกริสาให้ดีๆหน่อยจีด้า อย่างน้อยเขาก็แก่กว่าจีด้าหลายปี”