บทที่ 6. ไม่ฟัง
มาร์ตินเอ่ยขึ้นก่อนจะมองตามร่างหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกไป ตั้งแต่วันนั้นมิรินก็ไม่เคยพูดจากับเขาอีกเลย เขาต้องการคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่เหมือนเฌอเบลล์จะคอยขัดจังหวะอยู่ตลอด เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงค่ำ มิรินได้รับข้อความจากมาร์ตินว่าให้มาในช่วงห้าโมงเย็น เธอกดออดหน้าห้องชายหนุ่ม ก่อนที่มาร์ตินจะเดินออกมาเปิดประตู มิรินค่อย ๆ เดินย่างกรายเข้าไปในห้อง ก่อนจะเห็นขวดเหล้าจำนวนมากวางอยู่ "เพื่อนล่ะ" มิรินแสร้งถามออกไปเมื่อเห็นว่าไม่มีเพื่อนคนไหนมาเลยสักคน "ยังไม่ถึง" มาร์ตินตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเตรียมทุกอย่างรอเพื่อน "เบลล์ต้องดีใจมาก แน่ ๆ ที่นายเตรียมทุกอย่างเพื่อรอเธอแบบนี้" "เธอคิดงั้นเหรอ" "อื้ม.." มิรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและซ่อนน้ำตาไว้ภายใต้รอยยิ้ม "ช่วงนี้เธอเป็นอะไร หลบหน้าฉันทำไม" "มาร์ติน..." มิรินเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทขึ้น เมื่ออยู่ ๆ ชายหนุ่มก็พุ่งเข้ามาหาเธอ ทำให้แผ่นหลังเธอชนกับผนังห้อง "ถอยไปนะ" มิรินยังคงเอ่ยห้ามเอ่ยชายหนุ่มเริ่มเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้พวงแก้มของเธอ "ไม่ได้เป็นอะไร แค่เห็นว่านายคุยกับเบลล์อยู่ ฉันเลยไม่อยากแทรก" "เธอเป็นอะไร เธอมีอะไรเธอก็พูดออกมาดิวะ" "แล้วจะให้ฉันพูดอะไร ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว" "ชัดเจนยังไงวะ! ฉันไม่เห็นเธอจะทำอะไรจะพูดอะไรเลย" ชัดเจนว่าหัวใจของนายมีแต่เบลล์ไงมาร์ติน มิรินเอ่ยขึ้นในใจ ก่อนจะหลบสายตาชายหนุ่ม "ตินอย่าทำแบบนี้ ฉันกลัว ตั้งแต่วันนั้นนายก็เอาแต่ตวาดฉัน มันทำให้ฉันคิดว่านายอาจจะไม่อยากคุยกับฉัน" ออด!...ออด! เสียงออดดังขึ้น ก่อนที่มิรินจะผลักร่างชายหนุ่มออกห่าง "เรายังคุยกันไม่จบมิริน" มาร์ตินดันเรียวแขนหญิงสาวเข้าหาผนัง เมื่อเธอจะขืนตัวออกจากการเกาะกุม "ติน ปล่อยนะ ฉันเจ็บ" มิรินพยายามเอ่ยห้ามเมื่อมาร์ตินบีบเรียวแขนของเธอแรงขึ้น เขามั่นใจว่าไม่ใช่เพื่อน ๆ ของเขาแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้ไลน์บอกใครนอกจากเธอ "โอ๊ย! มาร์ติน มันเจ็บนะ" มิรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงหยดลงบนแก้มใสของเธอ ความน้อยใจแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ "ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือเบลล์ แค่บอกว่า เจ็บ นายก็จะเป่าให้ใช่ไหม เราจะต้องคุยอะไรกันอีกติน แค่ฉันบอกว่าเจ็บนายยังไม่ฟังเลย หรือเพราะว่าฉันไม่ใช่คนที่นายรัก นายถึงเอาแต่ทำร้าย" "พูดอะไรของเธอ" มือแกร่งค่อย ๆ คลายออกจากข้อมือหญิงสาว ด้วยความที่มิรินเป็นคนที่มีผิวขาวมาก ๆ ทำให้เรียวแขนของเธอ เกิดรอยนิ้วเขียวเป็นจ้ำ ๆ อย่างเห็นได้ชัด มาร์ตินผละออกจากลำตัวหญิงสาว ก่อนจะปาดน้ำตาออกจากพวงแก้ม และทำราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปึง! มาร์ตินเปิดประตูทันที ก่อนจะพบกับร่างเพื่อนสนิทอย่างเจเลอร์ยืนอยู่หน้าประตู "กูกลัวมึงทำอะไรขาดสติ เลยแวะมาดูหน่อย" เจเลอร์เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเห็นมิรินนั่งก้มหน้า ดูก็รู้ว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา เจเลอร์เหลือบมองไปที่ข้อมือของมิริน ก่อนจะส่งสายตาไปที่มาร์ติน ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่มาร์ตินจะไม่ตอบคำถาม และเดินเข้าไปในห้อง "เจ วันนี้มีรายงานอะไรเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย" "จริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรหรอก เพื่อน ๆ แค่อยากให้แกมาสนุกด้วยกัน" " จริง ๆ ไม่มีฉันทุกคนก็กินกันได้นะ" "คำพูดของเธอ ฟังดูแปลก ๆ นะ" "เปล่าหนิ" "แขนเธอไปโดนอะไรมาเหรอ" เจเลอร์เอ่ยถามขึ้น ในจังหวะที่มาร์ตินเดินออกมาจากห้องพอดี "ไม่ใช่เรื่องของมึง" "มิริน มาดูตรงนี้ให้ฉันหน่อยสิ เสียงมาร์ตินเอ่ยขึ้นดังจากในห้องทำให้มิรินนะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ หญิงสาวตัวสั่นราวกับลูกนก ก่อนจะจ้องใบหน้าเจเลอร์เพื่อขอความช่วยเหลือ "ริน!" มาร์ตินเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง ก่อนจะตอบกลับชายหนุ่มออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ดูอะไรเหรอ" "รายงาน" มิรินรับรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มโกหก เพราะเจเลอร์เพิ่งบอกกับเธอไปว่าวันนี้ไม่มีรายงาน "เอาออกมาได้ไหม" "มิริน!" มาร์ตินกดน้ำเสียงต่ำลง เมื่อเริ่มไม่สบอารมณ์กับคำตอบของเธอ "เจเข้าไปกับฉันหน่อยนะ ถ้าฉันไม่เข้าไปตินอาละวาดแน่" "อืม" เจเลอร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ดูจากข้อมือของเธอก็รับรู้ได้ทันทีว่าทำไม เธอถึงได้หวาดกลัวมาร์ติน "ดูอะไรเหรอ" มาร์ตินจ้องมองเจเลอร์ด้วยสายตาดุดัน เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของเขานั้น เดินตามหญิงสาวมาติด ๆ "นะ...ไหนรายงานเหรอติน" พึ่บ! "อ๊ะ! เจ" มิรินเอ่ยเรียกเจเลอร์เพื่อขอความช่วยเหลือทันที เพราะกลัวว่ามาร์ตินจะทำอะไรเธอ มาร์ตินกระชากร่างหญิงสาวเข้ามาในห้องอย่างแรง ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าเจเลอร์เต็มแรง "ตะ...ติน เป็นอะไรไปเหรอ นายโกรธอะไรฉันเหรอ เราออกไปคุยกันดี ๆ ข้างนอกนะ" มาร์ตินยังคงจ้องใบหน้าหญิงสาวด้วยแววตาดุดันไม่ต่างจากเดิม ออด!...ออด!... และเสียงออดก็ดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนของเขา "สงสัยเพื่อนมาแล้ว เราออกไปหาเพื่อนกันนะ" มิรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโล่งอก ก่อนจะเดินออกไปนอกประตู มาร์ตินดึงเรียวแขนของเธอเอาไว้อย่างไม่แรงนัก ทว่าหญิงสาวรีบชักมือออก และถอยหลังกรูดด้วยความหวาดระแวง "ขอโทษ แค่จะขอดู ไม่คิดว่าเธอจะระแวง" มาร์ตินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ทว่ามิรินกลับมองเขากลับมาด้วยแววตาผิดหวัง และเปิดประตูออกไปทันที "เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง" มิรินรีบวิ่งออกไปเปิดประตูห้องทันที และการที่เฌอเบลล์มาที่นี่ ไม่ใช่เพราะเธอมาเอง แต่เป็นฝีมือเจเลอร์ ซึ่งมาร์ตินรู้ดี "ต่อไปอย่ามาเสือกเรื่องของกู" "เลิกบ้าสักที มึงไม่เห็นเหรอมิรินกลัวมึงแค่ไหน!" "มึงรู้ไหมว่า นานะ บอกอะไรกับมิรินบ้าง" เจเลอร์เอ่ยขึ้น ก่อนที่เฌอเบลล์จะเดินเข้ามาพอดี " คุยอะไรกันอยู่เหรอหนุ่ม ๆ" เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะจ้องมองไปที่มาร์ตินด้วยความมึนงงมาร์ตินเดินย่างกรายออกไปจากห้องทันที ก่อนจะเห็นเฌอเบลล์และนานะนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นานะรู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที ที่ไม่เห็นมิรินเดินออกมาพร้อมกัน แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป"มีอะไร"มาร์ตินเอ่ยถามทั้งสองคนขึ้น เมื่อเห็นว่าพวกเธอมาหาเขาถึงที่นี่ เฌอเบลล์คิดหาข้ออ้างไม่ทัน จึงแกล้งชวนมาร์ตินคุยสัพเพเหระมิรินที่นั่งรอมาร์ตินนานพอสมควรจึงเดินสำรวจภายในห้อง ก่อนจะเหลือบไปเห็นเอกสารสัญญาจ้าง และภาพถ่ายงานของเธอ ต่าง ๆ นานา ที่เธอตั้งใจทำมัน มิรินกำรูปภาพเหล่านั้นด้วยความโกรธเคือง แปลว่าที่ผ่านมา มันไม่เคยมีสินค้าตัวไหนจ้างเธอจริง ๆ แต่มันจากมาร์ตินที่คอยจ้างเธอ ความโกรธเคืองและผิดหวังประเดประดังเข้ามาภายในใจ มิรินโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่ทำได้เพียงให้ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามา เอกสารการจ้างนักสืบพร้อมรูปถ่ายของเธอต่าง ๆ ถูกวางไว้บนโต๊ะ อย่างเป็นระเบียบเพื่อคำอธิบายจากเขา"ตินเราออกไปกินข้าวกลางวันกันร้านเดิมไหม เบลล์หิวแล้ว"เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีออดอ้อน ก่อนจะเดินเข้าไปกอดแขนชายหนุ่ม แต่กลับได้กลิ่นน้ำหอมของอีกคน ซึ่งเธอจำได้ดีว่ามันเป็นน้ำหอมของมิริน เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม หญิงสาวชะงักไปค
ใช้เวลาเพียงไม่นานเควินมาถึง สิ่งแรกที่เขามองหาก็คือเธอ แต่ก็ต้องแปลกใจที่มิราไม่ได้อยู่รอเขา"คิดว่าเมียจะวิ่งมากอดซะอีก"เควินสบถขึ้นในใจ ก่อนจะเดินไปหาเธอแม่มิรารีบเข้าไปกอดเมลลี่ทันที ก่อนที่ย่าก็ถามด้วยความเป็นห่วง" ปลอดภัยแล้วนะลูก""ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ"ปู่เรียกเควินไปคุยอะไรนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน ก่อนจะบอกว่า"พรุ่งนี้ค่อยจัดการพวกมัน"" เควินไปหามิราเถอะ ไม่ต้องห่วงลูก มิราเขาปั๊มนมและฝากลูกกับแม่หนึ่งคืน"" ฝากด้วยนะครับ"เควินรีบขึ้นไปบนห้องด้วยความเร่งรีและตื่นเต้น เป็นในรอบหลายเดือนตั้งแต่เธอท้อง เขาก็ไม่เคยได้สอดแทรกเข้าไปในกายของเธอเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอจัดคืนนี้ให้หนำใจเลยแล้วกันเควินค่อย ๆ เปิดเข้ามาก่อนมองหาหญิงสาว แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อมิรานั้น ใส่ชุดนอนคอสเพลย์สุดเซ็กซี่ นั่งรออยู่ มิราจ้องมองเควินด้วยสายตายั่วยวน" มาแล้วเหรอคะ ทำไมถึงปล่อยให้รอนานจัง"มิราเอ่ยขึ้นก่อนจะย่างกรายเข้าไปชายหนุ่มพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อผ้าให้ช้า ๆ เควินที่รู้สึกอยากจะขย้ำเธอจึงลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอ ทว่ามิรากลับห้ามเอาไว้"ใจเย็นๆสิคะ เรามีเวลาด้วยกันทั้งคืน ไปอาบน้ำก
วันเวลาผ่านไปไวเกือบสามเดือนแล้วที่มิรานั้นออกมาอยู่บ้านกับปู่และย่าของมาเฟียหนุ่ม เธอโดนบังคับมาโดยให้เหตุผลว่า อยู่ใกล้พวกเขาจะปลอดภัยกว่า มิราไม่มีทางเลือก ถึงยอมมาในขณะที่เธอกำลังให้นมลูกอยู่ในสวน อยู่ ๆ ก็มีย่ากับแม่และเมลลี่ผู้จัดการช่วยเลี้ยงลูกของเธอ ทุกๆ คนเห่อหลานมาก" อะมาร์เวลล์ค่าบ กินนมอยู่เหรอค่าบ"ทุกคนต่างหยอกล้อเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษ ก่อนจะฝังจมูกลงแก้มเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษตอนนี้น้ำนมของเธอเยอะมากๆ ทว่าลูกของเธอก็กินเก่งมากเหมือนกัน น้ำนมเอ่อไหลจนต้องปั๊มนมใส่ตู้เก็บไว้จำนวนมาก อยู่ๆ เธอก็คิดถึงตอนที่น้ำนมยังไม่มา ตอนนั้นเธอรู้สึกเครียดมาก แต่ก็ยังดีที่ได้กินน้ำขิงของนัทเชลล์ ทำให้เธอมีน้ำนมสต๊อกไว้ถึงสามตู้ฟรีชหลังจากที่มิราให้นมลูกของเธอเสร็จ เมลลี่ก็มาอุ้มมาร์เวลล์ออกไปทันที"มิไปพักเถอะ""มิแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย จะต้องพักด้วยเหรอ"มิราเอ่ยขึ้นทว่าเมลลี่ไม่สนใจเธอ เอาแต่หยอกล้อหลาน"วันนี้แด๊ดดี้ไปไหน ทำไมห่างลูกนานจังเลย ปกติมาทุกสิบนาที"ว่าจบเควินก็เดินเข้ามากอดมิราจากทางด้านหลัง ก่อนจะประกบริมฝีปากแนบชิด ทั้งสองสวีทหวานอย่างไม่อายใคร และทุกคนก็เริ่มชินแล้ว
ครอบครัวเควินและมิราย้ายมาอยู่บนเกาะด้วยกันแทบตลอดเวลา เควินเลือกที่จะเอางานมาทำที่เกาะและดูแลเธอแบบใกล้ชิดเพิ่มความปลอดภัยแบบเต็มกำลังเควินแทบไม่ให้หญิงสาวออกห่างจากตัว และยังสั่งให้เธอนอนดูซีรีส์ฟังเพลงอยู่โซฟาในห้องทำงาน แล้วถ้าเบื่อเขาก็พาออกไปเดินเล่น และไปหาแม่ที่อยู่อีกฟากของเกาะแม่เธอกับผู้จัดการก็มาอยู่ด้วยแต่ว่าขอให้สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของเกาะ พวกเขาอยากใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย จริง ๆ ทั้งสองอยากอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่มิราเป็นห่วงจึงขอร้องให้มาด้วยกัน แม่ก็ไม่อยากทำให้ลูกสาวกับเควินต้องเป็นห่วงเลยอยู่ใกล้ ๆ กันจะได้สบายใจ และเชื่อว่าเควินจะดูแลทุกคนได้ปู่และย่าเอ่ยถามถึงข่าวเควินหลานชายจากลูกน้อง เพราะเควินไม่มาหาเขาเลย ด้วยความคิดถึงหลานชายคนเดียวจึงให้คนเป็นย่าแกล้งป่วย"คิดถึงมันมากก็แกล้งป่วยสิ""แกล้งหรือไม่แกล้ง ฉันก็เหมือนคนป่วยอยู่แล้ว"คนแก่ทั้งสองเริ่มปลงและทำใจยอมรับมิราและยิ่งได้รู้ว่านางใจเด็ดและไม่ยอมแพ้ที่จะรักเควินก็ยิ่งรู้สึกชอบ เธอเหมือนย่าของเควินในตอนนั้น ตอนแรกย่าก็อยากได้เมติน่าคู่หมั้นเควินมากเพราะคิดว่าจะทำทุกอย่างได้เพื่อเควิน แต่จริง ๆ แล้วเธอ
. ลูกเควินนั่งดูหมอตรวจหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น มิราเองก็พยายามส่งสายตาให้ชายหนุ่มออกไป ทว่าชายหนุ่มกลับไม่สนใจเธอเอาแต่จ้องมองบนจอ แต่พอเห็นภาพลูกหน้าจอทั้งสองคนก็เงียบไป เควินเอ่ยถามหมอขึ้นว่าเสียงหัวใจเป็นของใคร คุณหมอก็เอ่ยตอบว่า"เสียงของตัวเล็กครับ"เควินนั่งฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นครั้งแรกที่ดีใจจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เควินฟังหมออธิบายวิธีดูแลเมียกับลูกอย่างตั้งใจ สงสัยอะไรก็ถามทำเอาคนเป็นแม่อย่างมิรารู้สึกใจเต้นแรงและไม่คิดว่ามาเฟียอย่างเขาจะสนใจลูกขนาดนี้ และนึกภาพไม่ออกเลยว่าเควินจะโกรธมากแค่ไหนถ้าเธอทำแท้งจริงๆเควินเอ่ยถามเพศลูกขึ้น"เพศอะไรครับ""น้องเป็นผู้ชายครับ"เควินพอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังคงเก็บอาการพออัลตราซาวด์เสร็จหมอก็เอ่ยถามมิราขึ้นทันที"ยังแพ้ท้องอยู่มั้ย""ก็มีบ้างค่ะ""แล้วมีวิธีที่ทำให้หายแพ้ไหม"เสียงมาเฟียหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทันที สร้างความมึนงงให้คนเป็นหมอเป็นอย่างมากมิรามองหน้าชายหนุ่มแบบงง ๆ"นี่โง่หรือแกล้งโง่ กันแน่ใครจะรักษาอาการแพ้ท้องได้"มิราเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงอย่างหนักที
36.มิราค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นก่อนจะนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับอาการของตัวเอง เพราะเธอมักจะเป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆมิรารู้สึกเครียดมาก ๆ และไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ ทำได้เพียงคิดว่าเธอนั้นไปทำชั่วอะไรไว้ตั้งแต่ชาติปางไหนทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้"จะมีผัวทั้งทีก็เป็นผัวคนอื่นซะงั้น"มิราสบถขึ้นแต่พอพูดถึงผัวเธอก็มองหามาเฟียหนุ่ม ทว่ากลับไม่เจอแล้วก็มีเสียงใครบางคนมาเคาะประตูปู่กับย่าของมาเฟียหนุ่มตั้งใจแอบมาคุยกับเธอตอนที่เควินไม่อยู่ พร้อมกับบังคับเธอให้ทำตามข้อตกลง"เควินควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เธอไม่เหมาะที่จะยืนข้างเควิน เธอมันอ่อนแอเกินไปที่สู้เพื่อเควิน ออกไปจากชีวิตหลานฉันซะ!""ทำไมฉันต้องทำตามที่พวกคุณต้องการนี่มันชีวิตของฉัน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันไปจากเควิน" "ความปลอดภัยของครอบครัวเธอมั้ง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะคนที่จะเป็นเมียมาเฟียอย่างเควินจะต้องเป็นคนที่คู่ควร ดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่เป็นภาระให้เควินเหมือนเธอ" "ยังไงเธอเองก็ไม่ได้รักหลานชายฉันอยู่แล้ว สู้เอาเงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องมาเสี่ยงอันตราย ฉันจะให้เงิน