Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 39 การหลบหนีของเหยียนหลิ่ว (2)

Share

บทที่ 39 การหลบหนีของเหยียนหลิ่ว (2)

last update Last Updated: 2025-06-21 17:09:08

บทที่ 39

การหลบหนีของเหยียนหลิ่ว (2)

            หลังจากเข้ามาในเรือนของต้วนเซียว ชายหนุ่มก็ยกกล่องไม้ขนาด 1.5 ฉื่อ (15 นิ้ว) ใบหนึ่งให้กับเหยียนหลิ่ว

            “นี่คือกล่องฉุกเฉินของเจ้า”

            “กล่องฉุกเฉินหรือขอรับ”

            “เห็นนางเรียกเช่นนั้น ข้าก็เลยเรียกตามนาง”

            เหยียนหลิ่วได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

            คำพูดของตงตงบางครั้งก็เข้าใจยาก ถึงอย่างนั้น กลับเป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง

            พอเหยียนหลิ่วรับกล่องฉุกเฉินมา ต้วนเซียวก็ปิดปากหาววอดๆ 

            เหยียนหลิ่วไม่อยากรบกวนเวลานองของคุณชายต้วน เขาจึงขอตัวออกมา

            เมื่อเข้ามาในห้องพักของบ่าวที่ติดตามต้วนเซียว อีกฝ่ายก็ยื่นชุดกับอาหารให้

            “คุณชายให้ข้าเตรียมไว้ให้น่ะ เจ้าก็ใช้ห้องนี้ได้ตามสบายเลย” บ่าวผู้ติดตามต้วนเซียวบอก

            เหยียนหลิ่วรับของทั้งหมดมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ

            คนที่ดีกับเขา เขาย่อมดีตอบ 

            ตอนที่เหยียนหลิ่วเปลี่ยนมาสวมชุดสะอาดเสร็จ บ่าวคนนั้นก็เข้านอนแล้ว

            เขาหยิบซาลาเปากับกล่องไม้เดินไปข้างหน้าต่าง

            เด็กหนุ่มกินซาลาเปาพร้อมกับอาศัยแสงจันทร์ค่อยๆ เปิดดูของในกล่อง

            ภายในกล่องนี้มีห่อยาอยู่หลายห่อ ทั้งยาเม็ดและสมุนไพรแห้ง วิธีใช้ก็เขียนกำกับอย่างชัดเจน

            ถัดมาคือก้อนบะหมี่แห้งกับโถกระเบื้องสีขาวเล็กๆ สามใบ บนโถกระเบื้องเขียนบอกไว้ว่า ‘รสหมู รสไก่ และรสผัก’

            ด้วยความสงสัย เหยียนหลิ่วหยิบกระดาษขึ้นมาเปิดอ่าน

            ที่แท้ ในโถกระเบื้องก็คือผงปรุงรส

            ก้อนบะหมี่แห้ง นางเขียนวิธีกินเอาไว้ให้ด้วย แค่เติมน้ำร้อน รอให้เส้นนุ่ม เติมผงปรุงรสเล็กน้อยหรือจะเติมไข่กับเนื้อต้มสุกลงไปก็ได้

            ก้อนบะหมี่แห้งเก็บไว้ได้นาน เพราะฉะนั้นจึงเป็นอาหารยามฉุกเฉิน

            อ่านจบเด็กหนุ่มขำพรืด

            สมแล้วที่เป็นแม่ครัว ความอร่อยมาก่อนสินะ

            เหยียนหลิ่วก้มมองดูของในกล่องต่อ ทันทีที่เห็นถุงเงิน ดวงตาของเขาก็คลอด้วยน้ำตา

            พอลองเทเงินในถุงออกมาดู มีทั้งตำลึงเงินและตำลึงทองหลายก้อน

            เหยียนหลิ่วยิ้มอย่างขมขื่น 

            แค่อาหารกับยาที่ให้มา สำหรับเขาก็มากเกินพอแล้ว แต่นางให้กระทั่งเงิน ค่าตอบแทนนี้ เขาไม่รู้จะใช้คืนให้นางอย่างไร

            ทว่า…

            แม้ในตอนนี้เขายังเป็นคนน่าสมเพช ไม่มีอะไรสักอย่าง แต่เขาจะสร้างเนื้อสร้างตัวให้เร็วที่สุด ต้องทำให้นางภาคภูมิใจ และรู้สึกว่านางช่วยเหลือคนไม่ผิด

            เด็กหนุ่มปาดน้ำตาจนเกลี้ยง จากนั้นหยิบจดหมายของจางไคเฮ่อขึ้นมาอ่าน

            ในนี้เขียนบอกสถานที่ที่เขาต้องเดินทางไป ทั้งยังมีจดหมายแนะนำตัวที่ต้องมอบให้กับแม่ทัพเสวี่ย

            เหยียนหลิ่วเห็นจดหมายของอาจารย์ เขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง

            ทุกคนช่างดีกับเขาเหลือเกิน!

            …..

            …..

            ช่วงเช้ามืด

            2 วันถัดมา

            เหยียนหลิ่วเก็บข้าวของทั้งหมดเสร็จ ก็ตามต้วนเซียวออกมายังขบวนรถม้าของฮูหยินผู้เฒ่าต้วน

            เด็กหนุ่มล่ำลาและขอบคุณคุณชายต้วนเซียวพอเป็นพิธี 

            เมื่อแฝงตัวเป็นบ่าวรับใช้ของฮูหยินผู้เฒ่าต้วน เหยียนหลิ่วก็ผ่านจุดตรวจหน้าประตูเมืองได้อย่างฉลุย

            พอมาถึงวัดนอกเมือง เหยียนหลิ่วแบกข้าวของทั้งหมดไปยังป่าที่อยู่ท้ายวัด

            ที่แห่งนี้มีเณรน้อยคนหนึ่งกำลังรอคอยเหยียนหลิ่วอยู่จริงๆ ข้างๆ นั้นมีม้าตัวหนึ่งผูกเอาไว้กับต้นไม้

            “ท่านคงเป็นเหยียนหลิ่ว?”

            “ขอรับ”

            “นั่นม้า ท่านใช้เดินทางเถิด”

            “ขอบพระคุณมากขอรับ”

            เณรน้อยพยักหน้าตอบว่า “อืม” จากนั้นก็เดินกลับวัด

            เหยียนหลิ่วหยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ เมื่อกำหนดเส้นทางที่จะไปเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ควบม้ามุ่งหน้าออกไป

            ระหว่างกำลังบังคับบังเหียนม้า เหยียนหลิ่วรู้สึกแปลกใจอย่างมาก เป็นเพราะว่าเขาไม่เคยขี่ม้าจริงๆ มาก่อน หากกลับเข้าใจตั้งแต่วิธีขึ้นเหยียบ รวมไปถึงการควบความเร็วขณะควบคุมบังเหียน แค่เพียงฟังมาจากคำสอนของจางไคเฮ่อ

            เห็นชัดว่า ตัวเขานั้นมีพรสวรรค์

            สถานที่ที่ต้องไปก็คือเมืองซินหยาน ทางเหนือ!

            …..

            …..

            ทางด้านต้วนเซียว

            พอมองส่งขบวนรถม้าของฮูหยินผู้เฒ่าที่เคลื่อนตัวไปบนถนนอย่างช้าๆ จนลับสายตา เขาก็หมุนตัวเดินเข้าจวน

            จังหวะนั้น ลมหนาวของฤดูใบไม้ร่วงพัดมาระลอกหนึ่ง

            ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก ตัวสั่นเล็กน้อย

            “บรือ…หนาว!”

            “เสื้อคลุมขอรับ คุณชาย”

            บ่าวติดตามนำเสื้อคุลมมาห่มให้ 

            ต้วนเซียวเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางพึมพำว่า “อากาศหนาวๆ แบบนี้ ต้องหม้อไฟหมาล่าสินะ”

            บ่าวชายที่ติดตามไม่เข้าใจว่าคุณชายพูดเรื่องหม้อไฟหมาล่าขึ้นมาทำไม จึงเอ่ยถามออกไป “ให้บ่าวเตรียมรถม้าไปโรงเตี๊ยมตระกูลฉินหรือไม่ขอรับ”

            ตั้งแต่โรงเตี๊ยมตระกูลจางปิดกิจการ ทั้งเมืองอู่เฉิงในตอนนี้ ร้านที่ขายหม้อไฟหมาล่ามีก็แต่โรงเตี๊ยมฉิน

            ช่วงนี้คุณชายต้วนเซียวเหมือนจะติดใจหม้อไฟหมาล่า หลังจากได้เครื่องเทศกับน้ำซุปสำเร็จมา คุณชายก็มักจะชวนนายท่าน ฮูหยิน น้องชายและน้องสาว ตั้งโต๊ะล้อมวงกินหม้อไฟหมาล่าด้วยกัน สีหน้าของทุกคนตอนกินหม้อไฟหมาล่าดูมีความสุขกันมาก

            แต่ว่า…

            จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาเวลานี้ หรือว่าคุณชายอยากเปลี่ยนบรรยากาศ

            บ่าวผู้ติดตามคิด 

            “ถ้าหม้อไฟหมาล่าต้องโรงเตี๊ยมตระกูลจางเท่านั้น” ต้วนเซียวบอก

            “ขอรับ เช่นนั้นจะให้บ่าวไปบอกห้องครัวให้เตรียมเครื่องปรุงกับวัตถุดิบหรือไม่ขอรับ”

            “ดี ถ้าอย่างนั้น เจ้าไปบอกเสี่ยวหรงกับเสี่ยวจินจินด้วย พวกเขาก็ชอบกินม้อไฟเหมือนกัน” ต้วนเซียวบอก ทั้งยังสั่งให้ไปตามน้องชายกับน้องสาวมากินด้วยกัน

            “ขอรับ”  

            ตั้งแต่ได้ก้อนซุปสำเร็จของหม้อไฟหมาล่า ต้วนเซียวก็ไม่ได้ไปอุดหนุนโรงเตี๊ยมตระกูลฉิน

            ไม่ใช่เพราะทางนั้นทำเรื่องไร้มโนธรรม เพียงแต่ก้อนซุปสำเร็จรูปก็อร่อยไม่แพ้รสมือของจางตงตง

            ที่สำคัญ!

            การได้กินร่วมกับคนในครอบครัว ยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีก

            “ว่าไปแล้ว คงต้องหาเวลาเดินทางไปเมืองหลวงสักครั้ง…ชักอยากกินของอร่อยๆ ฝีมือนางเสียแล้วสิ”

            ท่ามกลางลมหนาวของฤดูใบไม้ร่วง ชายหนุ่มพึมพำขณะเดินเข้าบ้าน 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status