Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 58 แม่ครัวน้อยที่มากพรสวรรค์

Share

บทที่ 58 แม่ครัวน้อยที่มากพรสวรรค์

last update Last Updated: 2025-06-21 17:20:37

บทที่ 58

แม่ครัวน้อยที่มากพรสวรรค์

            เห็นแบบบนี้ หลินซืออิงส่งแป้งทอดรูปสามเหลี่ยมเข้าปากบ้าง

            กร๊วบ!

            ทันใดนั้นเอง ดวงตาของชายหนุ่พลันเบิกโพลง

            อาหารจานนี้รสชาติแปลกใหม่ มีความเผ็ดร้อน กรอบนอกนุ่มใน เครื่องเทศที่ผสมกับถู่โต้วเข้ากันอย่างดี

            สรุปว่า…อร่อยมาก!

            กรรมการทั้งสามกัดกินแป้งทอดคำแล้วคำเล่า

            ในตอนที่ทั้งจานเหลือซาโมซ่าชิ้นสุดท้าย เว่ยจ้งกับหลินซืออิงใช้ตะเกียบแย่งชิงกัน

            ท้ายที่สุด เว่ยจ้งเป็นฝ่ายชนะ ได้ซาโมซ่าชิ้นสุดท้ายไปกิน

            รู้สึกตัวอีกที แป้งทอดในจานก็หมดเกลี้ยง

            หลังจากทั้งสามคนเช็ดปากด้วยสีหน้าเสียดาย พวกเขาก็หันหน้ามาปรึกษากัน

            สักครู่หนึ่ง หลินซืออิงหันกลับมามอง ดวงตาคมเข้มกวาดมองพ่อครัวทั้งสาม รวมทั้งเด็กสาว ก่อนประกาศเสียงดัง

            “จางตงตงเป็นฝ่ายชนะ!”

            “เย้!!”

            “ชนะแล้ว ตงตงพ้นความผิดแล้ว!!!”

            “พ้นผิดแล้ว…”

            เหล่าผู้คนที่ตามมาให้กำลังใจตงตงได้ยินคำประกาศนั้น ต่างก็กระโดดด้วยความดีใจ พร้อมกับส่งเสียงเฮลั่น

            เมื่อมีฝ่ายยินดี ก็ต้องมีฝ่ายที่ผิดหวัง

            “ไม่จริงน่า ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้”

            “ทั้งที่ใช้เครื่องเทศเหมือนกับของข้าแท้ๆ ทำไมอาหารของข้าถึงขมเล่า”

            “ต้องบังเอิญแน่ๆ ให้ทำอีกครั้ง ก็ไม่อร่อยเหมือนครั้งแรกหรอก”

            พ่อครัวทั้งสามพึมพำอย่างยอมรับไม่ได้

            คำพูดเคลือบแคลงเหล่านั้น ทำให้หลินซืออิงกับเถ้าแก่ซวีร้านเครื่องเทศหันมองมาที่ตงตงด้วยแววตาสงสัย

            ยกเว้นเพียงเว่ยจ้งที่ยังเชื่อหมดใจ ว่าฝีมือทำอาหารของตงตงไม่ใช่ความบังเอิญ

            ครั้งแรกที่เว่ยจ้งให้ตงตงใช้ข้าวฟ่างทำอาหาร เขาก็แวะเวียนไปร้านของนางอยู่เสมอ ไม่ว่าจะให้นางทำเมนูข้าวฟ่างสักกี่ครั้ง รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

            เว่ยจ้งเดินเข้ามาหาเด็กสาว แกล้งปั้นสีหน้าว่าไม่เข้าใจพร้อมกับเอ่ยถาม

            “ว่าไปแล้ว ข้าเห็นว่าแป้งทอดของเจ้ากับถู่โต้วผัดหมูจานนี้ใช้เครื่องเทศเหมือนกัน ปรุงรสแทบไม่ได้แตกต่าง แต่ทำไมรสชาติถึงได้ต่างกันคนละขั้วแบบนั้นหรือ”

            ตงตงให้เหตุผล “ต่อให้ใช้เครื่องเทศเหมือนกัน เครื่องปรุงรสเหมือนกัน ก็ใช่ว่าจะทำให้อาหารรสชาติเหมือนกัน แค่น้ำหนักมือเปลี่ยน สัดส่วนก็เปลี่ยนแล้ว อีกอย่าง หลักการปรุงอาหารไม่ได้มีแค่เครื่องปรุง ยังต้องควบคุมไฟด้วย ผัดถู่โต้วใส่หมูจานนั้นใช้ไฟแรงตอนที่คั่วเครื่องเทศ แม้เครื่องเทศไม่ได้ไหม้ แต่เครื่องเทศบางตัวไม่ชอบไฟแรง เพราะอย่างนั้น รสชาติจึงขม…พวกท่านชิมอาหารจานนั้นแล้ว มันขมใช่หรือไม่”

            ฟังแล้ว เว่ยจ้งก็พยักหน้าเข้าใจ

            หลินซืออิงกับเถ้าแก่ซวีพึมพำอย่างเห็นด้วยเบาๆ

            “จริงด้วย”

            “ขมจริงๆ นั่นละ”

            “แม่นางน้อย เจ้ายังใช้เครื่องเทศพวกนี้ทำอาหารอย่างอื่นได้อีกหรือไม่” เถ้าแก่ซวีร้านเครื่องเทศถามด้วยสีหน้ากระตือรือร้น เหมือนว่าเขาจะสนใจเครื่องเทศนี้เป็นอย่างมาก

            อันที่จริง ตงตงก็อยากตอบให้จบๆ ไปเลย แต่ถ้าทำแบบนั้นตัวตนของนางจะยิ่งน่าสงสัย

            จังหวะนั้น เว่ยจ้งกระแอมเพื่อตัดบท ทั้งยังชี้แนะให้หลินซืออิงประกาศปิดคดีก่อน

            หลินซืออิงสั่งให้เจ้าหน้าที่จับเจ้าทุกข์จอมปลอมทั้งสามไปขัง รอการไต่สวนและตัดสินอีกครั้ง

            แน่นอน พวกเขาคร่ำครวญขอความเมตตาไปตลาดทาง

            “ใต้เท้าาาาา!!!”

            หลินซืออิงอดคิดไม่ได้ว่า วันนี้ต้องฟังคนตะโกนคำว่า ‘ใต้เท้า’ กี่ครั้งแล้วนะ

            อย่างไรก็ตาม ทุกคนในที่นั้นล้วนส่ายหน้าด้วยความสมเพช

            คนต้นคิดต้องโง่เง่าขนาดไหน ถึงเอาพ่อครัวตัวปลอมและพ่อครัวไร้ความสามารถมาหาเรื่องแม่ครัวน้อยที่มากพรสวรรค์อย่างจางตงตง

            แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ

            คดีนี้ตัดสินอย่างยุติธรรม และปิดจบอย่างสมบูรณ์

            ตงตงเดินยิ้มเข้าไปหาเสนาธิการเว่ยจ้ง ประสานมือแล้วย่อกายคำนับ

            “ขอบคุณท่านเว่ยที่ช่วยเหลือเสมอมาเจ้าค่ะ”

            “เพราะความสามารถของเจ้าเป็นของจริง เจ้าก็เลยพ้นข้อกล่าวหา ข้าแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

            “ท่านเว่ยช่วยสร้างโอกาสพลิกสถานการณ์ จะบอกว่าไม่ได้ช่วยอย่างไรเจ้าคะ”

            “เอาแบบนี้ หากเจ้าอยากขอบคุณข้าจริงๆ ละก็ เลี้ยงหม้อไฟอย่างที่สัญญาไว้ก็พอ”

            คำพูดของเว่ยจ้งเรียกความสนใจของหลินซืออิงและเถ้าแก่ซวี

            พวกเขาทำท่าหูผึ่ง

            จากนั้น หลินซืออิงก็ถามขึ้นมาอย่างหน้าด้านๆ

            “ข้าขอร่วมด้วยได้หรือไม่”

            “ข้าก็ดีใจท่ีพ้นผิดอยู่หรอกนะ แต่ว่า…”

            พูดเพียงเท่านั้น ตงตงก็ท่าทำท่าบีบๆ นวดๆ ต้นคอ

            “แต่ว่าอะไรหรือ”

            “ข้าถูกจับทั้งที่ไร้ความผิด ต้องนอนในคุกตั้งหนึ่งคืน ตอนนี้ยังไม่หายตกใจเลย พูดไปแล้ว หัวหน้าศาลต้าหลี่อย่างท่านต้องชดเชยข้าที่เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ”

            “ชดเชยหรือ”

            “ร้านของข้าต้องปิดชั่วคราว เสียเวลาทำมาหากิน ขาดทุนไปไม่น้อย”

            หลินซืออิงส่งเสียงว่าเข้าใจแล้ว

            ด้านของจางไคเฮ่อ พอได้ฟังคำพูดของบุตรสาวก็แทบจะหลุดขำ

            ทุกวันนี้นางซื้อของต้นทุนต่ำเพราะมีระบบอะไรสักอย่าง ปิดร้านหนึ่งเดือนก็ไม่ทำให้ขาดทุน

            แต่ว่า เขาเองก็โกรธไม่หาย คนพวกนั้นทำให้ตงตงเดือดร้อนถึงขั้นต้องมานอนในคุก

            จางไคเฮ่ออยากตามไปไล่ฟาดคนพวกนั้นให้สลบ แต่แบบนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไม่จบไม่สิ้น

            คิดจบ จางไคเฮ่อก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า

            “ข้าก็คิดเหมือนลูกสาว อยากให้ท่านช่วยจับตัวการมาเข้าคุก อย่าให้มายุ่งกับพวกเราอีกเป็นครั้งที่สอง”

            หลินซืออิงฟังแล้วก็ครุ่นคิด สักครู่เขาก็รับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

            “ได้ ข้าจะจับตัวการมาลงโทษพร้อมกับเงินชดเชย”

            “รบกวนใต้เท้าแล้ว” จางไคเฮ่อประสานมือ ก้มศีรษะให้หลินซืออิง

            ขณะเดียวกัน ตงตงคิดว่าในเมื่อหลินซืออิงรับปาก เช่นนั้นก็คุยกันง่ายหน่อย

            “หม้อไฟต้องกินด้วยกันหลายคนถึงจะอร่อย อีกอย่าง ข้าอยากจัดเลี้ยงเพื่อตอบแทนที่ทุกท่านช่วยเหลือ ถึงตอนนั้นขอเชิญพวกท่านมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลด้วยนะเจ้าค่ะ”

            …..

            …..

            หลังจากประทับลายนิ้วมือ ตงตงก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้าน

            ทุกคนเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังตงตงอย่างยิ้มแย้มยินดี

            ระหว่างนั้น จิ่งฝางก็เอ่ยขึ้น ทั้งยังตั้งคำถามด้วยความสงสัยอีกด้วย

            “ข้ารู้อยู่แล้ว ตงตงของเรานั้นเก่งมาก แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ตงตงรู้จักเครื่องเทศพวกนั้นได้อย่างไรหรือ”

            “พี่จิ่งฝางก็ถามแปลก ข้าจะไปรู้จักเครื่องเทศพวกนั้นได้ยังไง ข้าเองก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ อาศัยเพียงการดมกลิ่น แล้วเดารสชาติเอาเท่านั้นเอง”

            ตงตงตั้งใจตอบเหมือนว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

            “แบบนี้เองหรือ” จิ่งฝางตอบกลับพลางพยักหน้าเหมือนเข้าใจ

            “ถึงตงตงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่ข้าก็คิดว่าตงตงมีพรสวรรค์ในการทำอาหาร คนทั่วไปไม่อาจเดารสชาติของเครื่องเทศได้ แต่แม่ครัวน้อยของเราทำได้ เก่งที่สุดเลยเนอะ” หยูฮูหยินชมเชยด้วยสีหน้าภูมิใจ

            เสี่ยวซิน เสี่ยวกวาง และอาฉี ก็คิดแบบเดียวกัน

            “ใช่ๆ เถ้าแก่เนี้ยน้อยของเราเก่งที่สุด!”

            ทั้งสามพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง

            จางไคเฮ่อรู้ความลับของบุตรสาว

            ส่วนหนึ่ง แม้รู้ว่าความสามารถของตงตงได้มาเพราะมีเทพธิดาแห่งการทำอาหารเป็นผู้ชี้นำ กระนั้น หากไม่ใช่ความกล้าหาญของนางเอง ก็คงไม่รอดวิกฤตอย่างตอนนี้

            สรุปแล้ว ที่ชนะการประลองวันนี้เพราะความสามารถของตงตงเอง

            “เอาละ พวกเจ้าเลิกถามเซ้าซี้นางได้แล้ว ให้นางได้กลับบ้านไปพักผ่อนให้สบาย”

            จางไคเฮ่อตัดบท ซึ่งตอนนั้น จิ่งฝางกำลังถามตงตงเป็นชุด ‘ในคุกเป็นอย่างไร ได้กินข้าวหรือไม่ แล้วมีใครรังแกเจ้าหรือเปล่า’

            แต่เมื่อจางไคเฮ่อกล่าว จิ่งฝางจึงเลิกเซ้าซี้ถาม

            ระหว่างกำลังเดินกลับโรงเตี๊ยมตระกูลจาง จู่ๆ ก็มีละอองสีขาวโปรยปรายลงจากท้องฟ้า

            ทุกคนหยุดเท้า แหงนหน้ามองฟ้าที่สว่างสดใส ก่อนจะพึมพำออกมาว่า…

            “หิมะ?”

            “เข้าฤดูหนาวแล้วหรือ”

            “ฤดูหนาวมาเยือนแล้วสินะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status