Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 57 เครื่องเทศจากแดนทะเลทราย

Share

บทที่ 57 เครื่องเทศจากแดนทะเลทราย

last update Last Updated: 2025-06-21 17:20:13

บทที่ 57

เครื่องเทศจากแดนทะเลทราย

            ทันทีที่ผ้าคลุมวัตถุดิบถูกเปิดออก ทุกคนก็แสดงสีหน้าตกใจปนสงสัย

            ตงตงเองก็มองวัตถุดิบพวกนั้นด้วยความแปลกใจเหมือนกัน

            เพียงแต่ความคิดของนางแตกต่างจากผู้อื่น

            ตงตงรู้จักวัตถุดิบที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมด ในขณะที่คนอื่นๆ เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

            แล้วในตอนนั้น รองหัวหน้าศาลต้าหลี่ก้าวออกมาข้างหน้า อธิบายว่า วัตถุดิบหลักที่ใช้ประลองคือถู่โต้ว (มันฝรั่ง) กับเครื่องเทศจากดินแดนทะเลทราย อันได้แก่ ขมิ้น ยี่หร่า ลูกผักชี กระวาน อบเชย กานพลู เม็ดพริกไทยดำ ดอกจันทน์เทศ…โดยจะเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

            ที่กำหนดให้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ เครื่องเทศจากดินแดนทะเลทรายเป็นของแปลกใหม่ หลายคนยังไม่รู้วิธีนำมาปรุงอาหาร ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าห้องเครื่องในราชวัง

            นอกจากนี้ ถู่โต้วไม่เป็นที่นิยมเช่นเดียวกับข้าวฟ่าง น้อยคนจะรู้วิธีทำให้อร่อย

            เพราะฉะนั้น ต้องพิสูจน์กันด้วยฝีมือ

            ถือว่ายุติธรรมต่อทุกฝ่าย

            ขณะที่ฟังคำอธิบาย เหล่าเจ้าทุกข์จอมปลอมแสดงสีหน้ากังวล โจทย์ครั้งนี้นับว่าหินสุดๆ

            หากทว่า…

            ตงตงกลับมองวัตถุดิบด้วยแววตาสนใจ

            ยุคนี้มีเครื่องเทศอินเดียด้วยหรือ

            เพราะไม่เคยเห็นเครื่องเทศเหล่านี้วางขายในร้าน ตงตงเลยคิดว่ายุคนี้ยังไม่มีสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น

            แต่ความเป็นจริง ความรู้ในการใช้วัตถุดิบของคนยุคนี้น้อยนัก พวกเขาไม่รู้ว่าจะใช้ของเหล่านี้มาปรุงอาหารอย่างไร วัตถุดิบแปลกๆ จึงไม่เป็นที่นิยม

            เมื่อไม่เป็นที่นิยม สินค้าก็ขายไม่ออก พ่อค้าเลยไม่รับมาขาย

            แบบนี้นี่เอง!

            ตงตงสรุป

            “ผู้ตัดสินคือ…เสนาธิการเว่ยจ้ง หัวหน้าศาลต้าหลี่ หลินซืออิง และเถ้าแก่ซวี เจ้าของร้านเครื่องเทศ”

            รองหัวหน้าศาลต้าหลี่ประกาศอีกครั้ง

            จากนั้นผู้ตัดสินทั้งสามก็นั่งลงที่เก้าอี้ของกรรมการ

            ตงตงเริ่มรู้สึกเหมือนว่ากำลังออกรายการทีวีแชมเปี้ยน ตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ!

            “เอาละ เช่นนั้น…”

            ในจังหวะที่รองหัวหน้าศาลต้าหลี่กำลังจะประกาศให้เริ่ม เจ้าทุกข์จอมปลอมคนหนึ่งยกมือขึ้น แล้วขอถอนตัว

            เจ้าหน้าที่ศาลพาคนผู้นั้นออกไป

            คราวนี้ การประลองค่อยดำเนินต่อ

            “เริ่มได้!”

            ทันทีที่คำนั้นหประกาศออกมา พ่อครัวที่อ้างว่าเป็นเจ้าทุกข์ทั้งสามเดินมาเลือกวัตถุดิบ พวกเขาเลือกถู่โต้วกลับไปคนละ 4-5 หัว และหยิบเครื่องเทศติดมือไปด้วย

            สีหน้าของพวกเขาหนักอกหนักใจอย่างยิ่ง

            นอกจากถู่โต้วกับเครื่องเทศอินเดีย บนโต๊ะวัตถุดิบยังมีเนื้อหมู แป้ง ข้าวสาร และเครื่องปรุงรสคุ้นหน้าคุ้นตา อย่างเช่น เกลือ ซีอิ๊ว น้ำตาลทราย และน้ำส้มสายชู

            พ่อครัวทั้งสามกลับมาที่โต๊ะวัตถุดิบอีกครั้ง หยิบเนื้อหมูกลับไปคนละชิ้น

            เนื่องจากเวลามีจำกัดจึงทำอาหารได้เพียงอย่างเดียว

            ในหัวของตงตงคิดเมนูออกมาได้หลายอย่าง แต่น่าเสียดาย ต้องทำแค่อย่างเดียวนี่สิ

            ถ้าอย่างก็ทำเจ้านั่น

            เจ้านั่นที่ว่าคือซาโมซ่า เป็นอาหารอินเดียรูปทรงสามเหลี่ยม

            สำหรับคนยุคนี้ ซาโมซ่าน่าจะกินง่ายที่สุด มันคล้ายกับเกี๊ยวซ่าและแป้งทอด

            ตงตงปอกเปลือกถู่โต้วอย่างคล่องแคล่ว ลวกถู่โต้วเสร็จ นางหันมานวดแป้ง โขกเครื่องเทศจนละเอียด

            นำถู่โต้วที่ลวกสุกแล้วมาผัดกับเครื่องเทศ ปรุงรสด้วยเกลือ จากนั้นเอามาห่อกับแป้งที่เตรียมไว้ พับเป็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนพีระมิด ห่อเสร็จก็เอาไปทอด

            เสียงทอดดังชู่ๆ ผสมกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศ เรียกความสนใจของผู้คนที่มาดูและกรรมการทั้งสาม

            ขณะที่ตงตงตักซาโมซ่าที่ทอดสุกแล้วใส่ตะกร้า รอให้สะเด็ดน้ำมันอยู่นั้น ผู้เข้าแข่งขัน…ไม่สิ เจ้าทุกข์จอมปลอมทั้งสามก็ยกอาหารของตนออกมาวางบนโต๊ะกรรมการ

            “ผัดเส้นถู่โต้วราดน้ำมันพริกเสฉวนขอรับ” ชายคนแรกอธิบายเมนู

            ชายคนนี้คือคนที่อ้างว่าตงตงลอกเลียนสูตรน้ำมันพริกเสฉวน

            ฝีมือของเขาคงเด่นไปทางอาหารเสฉวน ก็เลยเลือกผัดถู่โต้วกับน้ำมันพริกสไตล์เสฉวน

            แต่ว่า วัตถุดิบครั้งนี้ต้องมีเครื่องเทศอินเดียเป็นส่วนประกอบ ราดด้วยน้ำมันพริกเสฉวนจะเข้ากันหรือ

            คำตอบคือ…ไม่เข้ากันอย่างแน่นอน

            “แล้วเครื่องเทศที่ทางเรากำหนดเล่า?” รองหัวหน้าศาลต้าหลี่ถาม

            “เอ่อ…” ชายคนดังกล่าวปาดเหงื่อ ก่อนจะตอบว่า “ข้าน้อยเพิ่มรสเผ็ดของน้ำมันพริกด้วยการโขกเม็ดพริกไทยดำใส่ลงไป ท่านบอกว่าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ข้าเลยเลือกเม็ดพริกไทยดำขอรับ”

            “อ้อ”

            เมื่อพ่อครัวคนแรกเดินกลับไป พ่อครัวคนที่สองก็อธิบายเมนูของตน

            “เมนูนี้คือหมูตุ๋นใส่ถู่โต้วและใบหยี่หร่าขอรับ

            หมูตุ๋นใส่ถู่โต้วและใบหยี่หร่าของเขาหน้าตาจืดชืด เหมือนไม่ได้ปรุงอะไรนอกจากเกลือ

            รองหัวหน้าศาลต้าหลี่มองหมูตุ๋นในถ้วย ยิ้มอ่อนแล้วถามว่า “เจ้าเลือกใบหยี่หร่าเป็นวัตถุดิบสินะ”

            “ขอรับๆ”

            “อืม เข้าใจแล้ว”

            เมื่อชายคนที่สองเดินกลับไป ชายคนที่สามก็เข้ามา

            “อาหารจานนี้คือผัดถู่โต้วหอมเครื่องเทศเจ็ดชนิด” พ่อครัวคนที่สามบอก

            เขาเลือกผัดถู่โต้วใส่หมูเช่นเดียวกับชายคนแรก แต่ถู่โต้วของเขาไม่ได้ขูดเป็นเส้น กลับหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเหมือนลูกเต๋า เครื่องเทศที่ใช้จัดเต็มระบบเหมือนของตงตง หน้าตาอาหารจานนี้จึงมีสีสัน และหอมเครื่องเทศสไตล์อินเดีย

            ตอนที่ตงตงนำเครื่องเทศมาโขก ชายคนนี้ชะโงกมองว่าตงตงใช้อะไรบ้าง

            เขาตั้งใจผัดอาหารจานนี้ โดยใช้เครื่องปรุงเหมือนตงตงนั่นเอง

            ถึงอย่างนั้น ตงตงกลับยักไหล่ไม่สนใจ

            ความโดดเด่นของเครื่องเทศอินเดียคือความหอม ถึงใช้เครื่องเทศเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปรุงออกมารสชาติเดียวกัน

            “แล้วของเจ้า…”

            รองหัวหน้าศาลต้าหลี่หันมาถามตงตง

            “แป้งทอดไส้ถู่โต้วหอมเครื่องเทศทะเลทราย!”

            ตงตงไม่สันทัดการตั้งชื่อ นางจึงอธิบายลักษณะของอาหารแทน

            ขืนบอกชื่อเมนูว่า “ซาโมซ่า” พวกเขาจะต้องถามว่า ศัพท์นี้หมายความยังไง แล้วนางไปรู้ได้อย่างไร จากนั้นตัวตนของนางก็จะยิ่งน่าสงสัย

            อาหารทั้งสี่จานมีเพียงอาหารของตงตงที่เป็นแป้งทอด ดูแล้วไม่น่าเบื่อ

            กรรมการทั้งสามต่างพยักหน้า

            ถึงตรงนี้ ทั้งสามคนต้องชิมอาหารและตัดสิน

            หลินซืออิงคีบอาหารจานแรก

            ตอนนั้นเอง รองหัวหน้าศาลต้าหลี่เข้ามากระซิบว่า “ใต้เท้า กินไม่ได้ขอรับ”

            “ทำไมหรือ” หลินซืออิงถาม

            “พ่อครัวคนนี้ใช้ถู่โต้วที่มีรากงอกผสมลงไป”

            ฟังแบบนั้นแล้ว หลินซืออิงก็วางเส้นถู่โต้วคืนลงจาน

            เว่ยจ้งกับเจ้าของร้านเครื่องเทศก็เช่นกัน ราวกับเข้าใจความหมาย

            พวกเขาไม่แตะต้องอาหารของชายคนแรก

            เห็นแบบนั้น พ่อครัวคนแรกถามอย่างเลิ่กลั่กเพราะไม่เข้าใจปฏิกิริยาของผู้ตัดสินทั้งสามคน

            “ใต้เท้า เกิดอะไรขึ้นกับอาหารของข้าน้อยหรือขอรับ”

            “ถู่โต้วที่แตกหน่อแทงรากมีพิษ” รองหัวหน้าศาลต้าหลี่ตอบสั้นๆ แล้วสั่งให้คนพาตัวชายคนนี้ออกไป

            “แค่เลือกวัตถุดิบยังทำไม่ได้ ปรับแพ้” หลินซืออิงประกาศ

            เสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้น “ใต้เท้าาาา!!!!” แล้วเสียงนั้นก็ไกลออกไปเรื่อยๆ

            ทุกคนหันมาสนใจอาหารของชายคนที่สอง

            หมูตุ๋นใส่ถู่โต้วและใบหยี่หร่า แม้ไม่มีสีสันของเครื่องเทศ แต่รสชาติคงใช้ได้

            เพิ่งคิดแบบนั้น พอกรรมการทั้งสามชิมไปคำแรกต่างก็รีบวางช้อน

            “จืด ไม่อร่อย” หลินซืออิงติ

            เว่ยจ้งกับเจ้าของร้านเครื่องเทศก็พยักหน้าเห็นด้วย

            “นอกจากความเค็มของเกลือ ไม่มีความอร่อยสักนิด”

            “ไร้รสชาติ ไม่มีความน่าสนใจเลยขอรับ”

            “ปรับแพ้”

            กรรมการทั้งสามกล่าวด้วยสีหน้าผิดหวัง

            คำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาทำเอาชายคนที่สองไหล่ตกอย่างห่อเหี่ยว

            อาหารจานที่สามสีสันชวนรับประทาน หนำซ้ำยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศ

            “น่าจะคาดหวังได้”

            “ถู่โต้วผัดเครื่องเทศใส่หมูสินะ”

            “หน้าตาน่ากิน กลิ่นก็ใช้ได้”

            ชายคนที่สามพอได้ยินเสียงชมก็ทำหน้าดีใจ

            ทว่า…

            “พรวด!”

            หลินซืออิงพ่นอาหารที่เพิ่งส่งเข้าปากออกมา

            ในขณะที่เว่ยจ้งกับเถ้าแก่ร้านเครื่องเทศค่อยๆ คายอาหารอย่างสุภาพ

            อาหารจานนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศ แต่รสชาติไม่มีความลงตัวแม้แต่นิดเดียว ยิ่งกว่านั้น มันยังขมมาก!

            พอเห็นท่าทางของกรรมการ พ่อครัวคนที่สามทำหน้าตกใจราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางหัว

            “น่าผิดหวังทั้งสามจาน” หลินซืออิงบ่น

            ยิ่งมองมาที่แป้งทอดซึ่งเป็นจานที่สี่ หลินซืออิงพลันส่ายหัวด้วยความผิดหวังรอแล้ว

            “ท่านเว่ย ท่านจัดการประลองนี้ขึ้น เพื่อกลั่นแกล้งข้าใช่หรือไม่” หลินซืออิงถามเว่ยจ้งราวกับจะจับผิด

            “ผิดแล้ว” เว่ยจ้งตอบยิ้มๆ ขณะที่มองแป้งทอดของตงตง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

            “แต่อาหารทั้งสามจาน…”

            “จานนี้ไม่เหมือนกัน”

            เว่ยจ้งกล่าวอย่างมั่นใจ จากนั้นก็ไม่รอช้า กัดแป้งทอดเสียงดังกร๊วบ

            ความกรอบและกลิ่นหอมของแป้งกับเครื่องเทศ ทำเอาหลินซืออิงกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว

            อึก!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status