“ใช่ หนิงเซียวพูดถูก” หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนรีบเข้ามาสมทบกับเพื่อนทันที
“เฮอะ ทำเป็นพูดดี ฉันว่าไม่มีใครจ้างเธอมากกว่า เธอมันก็ดีแค่สวยเท่านั้นแหละ คงไม่มีความสามารถพอด้านการแสดงเหมือนฉันหรอก”
“แล้วแต่เธอจะคิดเถอะฟ่านเหลียน อย่างน้อยผลงานของฉันก็ออกมาเป็นเล่มนิตยสารมากมาย ไหนจะยอดมิวสิควิดีโอที่ยังคงมีคนเข้าชมจนกระทั่งวันนี้ แค่นี้ก็การันตีได้แล้วว่าฉันมีงานไม่น้อยไปกว่าการแสดงละครแค่เรื่องเดียวทั้งเดือนอย่างเธอ อ้อ ฉันเห็นว่าเธออยากรู้เรื่องฉันมากนักใช่ไหม เธอรอดูงานโฆษณาของฉันที่จะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ด้วยล่ะ ไม่แน่นะ โฆษณาที่ฉันเล่นอาจจะออกฉายคั่นเวลาละครของเธอก็ได้”
“จริงเหรอหนิงเซียว เธอรับถ่ายโฆษณาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” โจวเสี่ยวเซียนตื่นเต้นมากที่รู้ว่าเพื่อนสนิทรับงานอย่างอื่นเพิ่มแล้ว
“จริงสิเสี่ยวเซียน พวกเธอก็รอดูกันได้เลยนะ ฉันว่าเรารีบไปจ่ายค่าเทอมกับรับตารางเรียนกันดีกว่า แถวนี้อากาศเริ่
หานลู่หรงทนไม่ไหวไปอีกคน ซูหนิงเซียวได้แต่ถอนหายใจกับเรื่องทะเลาะที่ไร้สาระแบบนี้ ทั้งที่พวกเธอก็ต่างคนต่างอยู่มาตลอดเทอมแล้ว แต่พอเทอมใหม่นี้ ฟ่านเหลียนกลับคอยพูดจายั่วยุให้หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนต้องอารมณ์ขึ้น ถ้ารุ่นพี่เห็นเข้าคงคิดว่าพวกเราปีหนึ่งแตกแยกกันแน่ ๆ แต่ขณะที่ซูหนิงเซียวกำลังจะห้ามเพื่อนไม่ให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้ บอดี้การ์ดทั้งสี่เห็นว่าคุณหนูซูถูกกลุ่มหญิงสาวกำลังพูดจาอะไรสักอย่างอยู่นานจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ และได้ยินเสียงของหานลู่หรงเข้าพอดี พวกเขาจึงรู้ว่ากลุ่มสี่สาวตรงหน้านั้นกำลังหาเรื่องคุณหนูซูอยู่ ทั้งสี่คนจึงรีบเดินเข้าไปกั้นระหว่างทั้งสองกลุ่มทันที“คุณหนูซูรีบไปขึ้นรถกับเพื่อนเถอะครับ ปล่อยเรื่องที่นี่ให้พวกเราจัดการเองครับ”“เฮ้อ ขอบคุณพวกพี่ ๆ มากนะคะ หนูก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับใครเหมือนกัน ฝากเรื่องตรงนี้ด้วยก็แล้วกันค่ะ พวกพี่ค่อยตามหนูไปที่ห้างก่อนถึงคอนโดนะคะ หนูจะไปกินไอศกรีมกับเพื่อนที่นั่นค่ะ”“ได้รับคุณหนู เดี๋ยวพวกผ
ซูหนิงจิงที่ดูแบบกับแพทริกซึ่งกำลังนำเสนอให้เธออยู่กับกู่ซิงก็พอใจมากสำหรับแบบโครงการใหม่ของเธอในครั้งนี้ แต่ละอาคารจะมีจุดเด่นแตกต่างกัน ซึ่งน่าจะเป็นที่พอใจของผู้ซื้อที่กลุ่มเป้าหมายครั้งนี้คือกลุ่มคนวัยทำงานในบริเวณใกล้ ๆ กับโครงการที่กำลังจะก่อสร้างของเธอ“แบบไม่มีอะไรต้องแก้ไขแล้วค่ะ ขอบคุณคุณแพทริกมากนะคะที่ช่วยออกแบบงานให้ เดี๋ยวดิฉันจะโอนเงินค่าแบบงวดสุดท้ายให้คุณเลยนะคะ”“ขอบคุณที่ชอบการออกแบบของผมนะครับ ไม่ทราบว่าคุณซูมีสถาปนิกที่จะคอยคุมงานก่อสร้างของโครงการนี้หรือยัง?”“ยังเลยค่ะ ถ้าได้คุณแพทริกที่เป็นคนออกแบบมาคุมเอง ดิฉันก็จะได้เบาใจ เพียงแต่เกรงใจคุณมากกว่าค่ะ”“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมเองก็อยากเห็นสิ่งที่ผมออกแบบไว้ สร้างออกมาได้ตามแบบเหมือนกัน ราคาผมลดให้คุณซู 30% เหมือนตอนเขียนแบบเลยครับ”“ขอบพระคุณมากนะคะ เดี๋ยวดิฉันขอไปปริ้นใบเสร็จหลังโอนค่าแบบให้ก่อนก็แล
“ใช่แล้ว มันเป็นชุดเครื่องประดับเพชรสีชมพูน่ะ ตั้งสามล้านแน่ะ ฉันซื้อไหวที่ไหนกันเล่า”“โอ้โห แม่เธอนี่รักเธอมากเลยนะหนิงเซียว แถมยังกล้าให้เธอใส่มาเรียนโดยไม่กลัวหายอีกต่างหาก”“แน่นอนสิ ก็ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นี่นา ฮิ ฮิ”“ชิ เดี๋ยวฉันจะให้แม่พาไปหาซื้อบ้าง วันนี้เราก็ซื้อแค่เท่าที่เราซื้อมาใส่เล่นกันก็พอ”“ตกลง ๆ งั้นเราหาแบบที่เหมือนกันดีมั้ย จะได้ใส่เหมือนกันไง”“ก็ดีนะ เรามีชุดธีมเดียวกันแล้ว ถ้ามีเครื่องประดับเหมือนกันอีกก็คงน่ารักดีนะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปชั้นบนกันเลย”หานลู่หรง โจวเสี่ยวเซียนและซูหนิงเซียวเดินอย่างร่าเริงขึ้นไปชั้นบนซึ่งเต็มไปด้วยร้านจิวเวลรี่ พวกเธอเลือกเข้าร้านที่ใหญ่หน่อยเผื่อจะมีแบบสวย ๆ ให้พวกเธอซื้อใส่เหมือนกันพนักงานร้านเห็นส
“เด็กโง่ ยังไงแม่ก็ห่วงลูกทุกอย่างอยู่แล้ว ดีที่พวกบอดี้การ์ดช่วยทัน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไปถึงอาจารย์ลูกแน่”“นี่ขนาดหนิงเซียวยังไม่เข้าวงการแสดงเต็มตัวนะคะ เธอยังถูกเพื่อนหาเรื่องเลย หากในอนาคตต้องไปแคสติ้งงานที่ต้องสู้กันทั้งความสามารถและหน้าตา พี่ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีคนมาหาเรื่องหนิงเซียวมากขนาดไหน”“เฮ้อ ถ้าเป็นอย่างที่พี่กู่ว่า น้องก็ไม่อยากให้หนิงเซียวไปร่วมเล่นละครสักเท่าไหร่แล้วล่ะค่ะ การเป็นนักร้องก็สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้เหมือนกัน ลูกคิดยังไง”“หนูเห็นด้วยนะคะ เอาเป็นว่าหนูจะตั้งใจเรียนร้องเพลงและแต่งเพลงให้ได้ภายในเวลาก่อนเรียนจบก็แล้วกันค่ะ ถ้ามันออกมาดี หนูก็จะเอาดีทางนี้ ดีกว่าที่จะต้องไปมีปัญหาเวลาทำงาน แม่กับป้ากู่ก็รู้ว่าหนูไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย”“อืม ถ้าอย่างนั้นแม่จะสนับสนุนลูกในทุกทางที่ลูกเลือกก็แล้วกัน ส่วนเรื่องชมรมการแสดง ยังไงลูกก็เข้าไปแล้ว ก็แค่ทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุดก็
ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเดินนำหน้าแพทริกไปที่รถของเธอ หลังจากเก็บของใส่รถเสร็จแล้ว ทั้งสามจึงเดินทางไปยังใจกลางเมืองใกล้กับตึกบริษัท D คอนสตรัคชั่น เพื่อหาอะไรกินกันก่อนถึงเวลานัดในช่วงบ่ายโมงซูหนิงจิงจอดรถเอาไว้ที่อาคารจอดรถในตึก D คอนสตรัคชั่น ก่อนจะพากันเดินออกไปยังร้านอาหารที่พวกเขาเห็นก่อนถึงตึก โชคดีที่ซูหนิงจิงออกมากันเร็วไม่อย่างนั้นคงมาถึงเลยเวลานัดเป็นแน่ เพราะรถติดมากที่ถนนเส้นนี้เมื่อเดินถึงร้านอาหารแล้ว ทั้งสามคนก็รีบสั่งและทานอาหารกันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงครึ่งแล้ว พวกเขามีเวลากินอาหารและพักผ่อนกันไม่นานนัก หลังจากทานอาหารกันเสร็จ ซูหนิงจิงก็ชวนกู่ซิงกับแพทริกไปซื้อกาแฟที่อีกร้านหนึ่งไม่ไกลกันนักกับร้านอาหาร จากนั้นจึงพากันเดินไปรอที่ฟร้อนในอาคาร D คอนสตรัคชั่นเพื่อรอเวลานัดกระทั่งถึงเวลาบ่ายโมง ซูหนิงจิงเดินไปติดต่อที่ประชาสัมพันธ์ว่าเธอมีนัดกับกวานจื้อจิวเวลาบ่ายโมง พนักงานเห็นซูหนิงจิงแจ้งแบบนี้ก็รีบโทรขึ้นไปที่ห้องท่านประธานเพื่อแจ้งให้ทราบว
ส่วนซูหนิงจิงก็พากู่ซิงกับแพทริกกลับไปที่คอนโด แพทริกนั่งพักทานน้ำและพูดคุยกับซูหนิงจิงไม่นานก็ขอตัวกลับก่อน เขานัดกับเธออีกครั้งในวันพรุ่งนี้เพื่อไปพบจ้านเกาเพื่อนรัก หลังจากแพทริกกลับไปแล้ว กู่ซิงก็สอบถามซูหนิงจิงเรื่องโครงการนี้อย่างจริงจัง เพราะเท่าที่เธอเข้าร่วมประชุมในวันนี้ดูเหมือนว่าซูหนิงจิงจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการก่อสร้างอาคารแต่ละหลัง“น้องซูคิดว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่น้องซูมีอยู่จะพอเหรอคะ พี่เห็นด้วยนะที่หากคุณกวานอยากร่วมหุ้นกับน้องซู”“เรื่องนี้พี่กู่ไม่ต้องกังวลค่ะ เท่าที่น้องประเมินราคาเบื้องต้น อาคาร 30 ชั้น ที่ใช้วัสดุตามแบบของแพทริกน่าจะใช้เงินในการก่อสร้างไม่เกินอาคารละ 150 ล้านหยวนค่ะ”“โอ้โห มากขนาดนั้นเลยเหรอคะน้องซู นี่ยังไม่รวมค่าตกแต่งต่าง ๆ เลยนะคะ”“เป็นธรรมดานะคะพี่กู่สำหรับราคานี้น้องถือว่ารับได้ ส่วนค่าตกแต่งเราจะได้จากตอนที่ผู้ซื้อมาวางมัดจำยังไงล่ะคะ เราไม่ได้จ่ายเลยเ
ซูหนิงเซียวหลังจากเลิกคุยกับจ้านเกาแล้วก็ได้แต่ยิ้มกลิ้งไปกลิ้งมาคนเดียว เธอไม่คิดว่าจ้านเกาจะรู้ว่าเธออยากให้เขาช่วยลดราคาให้แม่ของเธอ พอได้ยินเขาพูดออกมาด้วยตัวเอง เธอเลยมีความสุขและอบอุ่นใจไม่น้อยที่มีจ้านเกาคอยช่วยเหลือแม่ของเธอเอง คืนนี้ซูหนิงเซียวนอนหลับฝันดีกับเรื่องของแม่ที่เธอพอจะช่วยได้เล็กน้อยหลังจากพูดคุยกับพี่จ้านหลังอาหารเช้าวันต่อมา ต่างคนต่างออกจากบ้านเพื่อไปทำเรื่องของตัวเองในวันนี้ แน่นอนว่าซูหนิงเซียวไม่ได้บอกแม่ของเธอว่าเธอขอร้องให้จ้านเกาช่วยแม่ ไม่อย่างนั้นแม่คงต่อว่าเธอเป็นแน่ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเป็นห่วงธุรกิจใหญ่ของแม่ไม่น้อยเช่นเดียวกันหนิงเซียวยังคงไปรอเพื่อนที่เดิมเพื่อเข้าเรียนในช่วงสัปดาห์แรกที่ใต้ตึกคณะ เพราะยังเป็นแค่ช่วงแรกที่อาจารย์จะแนะนำหนังสือและบทเรียนของแต่ละวิชาที่จะต้องเรียนเท่านั้นซูหนิงจิงที่เตรียมเอกสารและสิ่งของจำเป็นสำหรับการคุยงานในวันนี้ไปด้วยก็พากู่ซิงออกจากคอนโดหลังซูหนิงเซียวไม่นาน ด้วยเธอรู้ดีว่าเป็นวันทำงานและรถน่าจะติดท
หลังมื้ออาหารเที่ยง ซูหนิงเซียวโทรหาแม่ว่าการประชุมเป็นอย่างไรบ้างด้วยความเป็นห่วง จ้านเกาที่ได้ยินว่าซูหนิงเซียวโทรมาก็อยากคุยกับเธอเช่นเดียวกันแต่ก็กลัวว่าจะเสียมารยาท เขารอให้เสร็จงานเสียก่อนค่อยส่งข้อความหาเธอจะดีกว่าซูหนิงจิงคุยโทรศัพท์กับลูกสาวไม่นานนักก็วางสายไป เธอเข้าใจดีว่าลูกคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจของเธอในครั้งนี้ ซูหนิงจิงจึงไม่คิดต่อว่าที่ลูกสาวจะเป็นห่วงเธอเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะที่หนิงเซียวโทรมาป่วนแบบนี้”“ไม่เป็นไรครับคุณป้า น้องน่าจะเป็นห่วงคุณป้ามากกว่าครับ ผมคิดว่าน่ารักดี”“ขอบคุณที่เอ็นดูน้องนะจ้านเกา ตอนนี้ใกล้บ่ายโมงแล้ว ป้าว่าเราไปห้องประชุมกันดีกว่า ยังเหลืออีกอาคารที่แพทริกยังไม่ได้อธิบายคอนเซ็ปเลย”“ตกลงครับ”จ้านเกาเดินนำทุกคนออกจากห้องอาหารส่วนตัวเพื่อกลับไปยังห้องประชุม ก่อนที่จะถึงเวลาเข้าประชุม ซูหนิงจิงกับกู่ซิ
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ