Masukในขณะที่ขุนนางน้อยใหญ่ต่างพากันเลือกสรรสาวงามอย่างหิวกระหาย และบรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการแข่งขันแม่ทัพฉินเย่เหวินเดินไปข้างหน้าโดยไม่ต้องคิดมาก เขาหยุดอยู่ตรงหน้าซูเหม่ยฉิง อดีตภรรยาคนรักที่เคยทอดทิ้งเขาไปและตอนนี้กลายเป็นนางสนมของฮ่องเต้
ซูเหม่ยฉิงยืนอยู่ตรงหน้าแม่ทัพด้วยท่าทางสง่างาม แต่นัยน์ตาของนางมีแววของความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา ในขณะที่แม่ทัพฉินเย่เหวินมองไปที่นางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกหลากหลาย
ฮ่องเต้หวังเจียเหอ มองเห็นสถานการณ์นี้และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความภาคภูมิใจและความชื่นชม
“ปกติสตรีนางนี้ข้าห่วงมากเลยนะ ฮ่า ฮ่า ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าเป็นอดีตคนรักของนาง ดังนั้นวันนี้ตัวข้านั้นจะให้เจ้าสนุกกับนางอย่างเต็มที่”
คำพูดของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความหมายที่ซับซ้อน ทั้งแสดงถึงความภูมิใจและการแสดงออกถึงความสุขในการให้เกียรติแก่แม่ทัพฉินเย่เหวิน โดยไม่มีการแย่งชิง แต่เป็นการมอบโอกาสให้แม่ทัพหนุ่มได้มีสิทธิ์ในการเลือกและสนุกสนานกับซูเหม่ยฉิง
แม่ทัพฉินเย่เหวินยิ้มเล็กน้อยและมองไปที่ซูเหม่ยฉิงด้วยสายตาที่บอกเล่าความรู้สึกของเขาเอง เขารู้ดีว่าการที่เขามาถึงจุดนี้ต้องผ่านการต่อสู้และความเจ็บปวดมากมาย การได้เห็นอดีตคนรักในสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเขาซับซ้อนยิ่งขึ้น
ซูเหม่ยฉิงเองก็รู้สึกถึงความตึงเครียดและความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ เมื่อเห็นแม่ทัพฉินเย่เหวินยืนอยู่ตรงหน้า เธอไม่สามารถปิดบังความรู้สึกที่ปะทุขึ้นในใจของเธอได้ แต่เธอพยายามที่จะรักษาความสง่างาม
“ฉินเย่เหวิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าสบายดีไหม? เดียวนี้เจ้าดูผอมลงนะ”
นางพูดอย่างเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกที่ยังคงมีอยู่แม้หลังจากเวลาผ่านไป และการที่พวกเขาห่างกันมานาน
แม่ทัพฉินเย่เหวินไม่สามารถปิดบังความรู้สึกที่หลากหลายที่เกิดขึ้นในใจของเขา เขาจ้องมองอดีตคนรักด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน ก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากเข้าไปใกล้นางอย่างเร่าร้อน มือของเขาเลื่อนไปบีบจับเรือนร่างของนางอย่างเต็มที่ ความตึงเครียดและความรู้สึกหลงใหลในใจของเขาถูกปลดปล่อยออกมาในชั่วขณะนั้น
ฮ่องเต้หวังเจียเหอ ยืนมองฉากนี้ด้วยดวงตาที่แสดงถึงความหื่นกระหายและความพอใจในสถานการณ์ เขามองไปที่การกระทำของแม่ทัพฉินเย่เหวินและซูเหม่ยฉิงอย่างเต็มตา
ในตำหนักผีเสื้อซึ่งเต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ที่เข้ามาเยือนประมาณสิบชีวิต, ฮ่องเต้หวังเจียเหอได้ออกคำสั่งให้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางสนมที่เหลืออยู่ทั้งหมด เผยให้เห็นเรือนร่างที่สุดแสนจะงดงามของพวกนางอย่างเต็มตา
การกระทำนี้ทำให้บรรยากาศภายในตำหนักกลายเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความงดงามและความเย้ายวนใจ ภาพของนางสนมแต่ละคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้และทะเลสาบ แสดงออกถึงความงามที่ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำพูด เรือนร่างที่เปลือยเปล่าของพวกนางสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามอันเหนือระดับ ความสุขสมและความลุ่มหลงที่พวกนางสร้างขึ้น
ในขณะเดียวกัน เสียงร้องครวญครางของนางสนมที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกก็ดังก้องอยู่ในอากาศ เสียงเหล่านี้สร้างบรรยากาศที่เชิญชวนให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มองเห็นและสัมผัสกับความสุขที่เกิดจากเรือนร่างของพวกนาง
บรรยากาศภายในตำหนักผีเสื้อเต็มไปด้วยความตึงเครียดและการยั่วยวนใจ, โดยที่เสียงร้องของนางสนมและภาพความงามที่เผยออกมาเป็นการแสดงออกถึงความเย้ายวนใจที่คุกรุ่นอยู่ในทุกมุมของสถานที่นี้. ความงดงามและเสียงร้องครวญครางผสมผสานกันอย่างกลมกลืน, ทำให้การเยือนของขุนนางและแม่ทัพกลายเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนและความปรารถนา
เมื่อฉินเย่เหวินปลดเปลื้องเสื้อผ้าของซูเหม่ยฉิงออก เรือนร่างของนางที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขานั้นแสดงออกถึงความงดงามและความสง่างามอย่างชัดเจน. ผิวพรรณของนางลื่นไหลและกระจ่างใส เป็นประกายเหมือนเพชรที่ส่องแสงในแสงไฟของตำหนักผีเสื้อ ความงามของซูเหม่ยฉิงนั้นเป็นสิ่งที่สะกดสายตา แต่ละมุมของเรือนร่างนั้นดูเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์ ทำให้ทุกท่วงท่าที่นางทำดูเหมือนเป็นการแสดงออกถึงความงามที่บริสุทธิ์และรอบด้าน.
ฉินเย่เหวินมองไปที่ซูเหม่ยฉิงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เขาค่อย ๆ เข้ามาใกล้และมือของเขาค่อย ๆ สัมผัสที่หน้าอกของนางอย่างระมัดระวัง การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความหลงใหลและความรู้สึกที่ยังคงระลึกถึงอดีต
ริมฝีปากของเขาเบา ๆ แตะลงบนผิวเนียนละเอียดของนาง ด้วยความรู้สึกอ่อนโยน แต่ก็มีความร้อนแรงในลักษณะเดียวกัน มือของเขาค่อย ๆ เคลื่อนไหวไปตามเส้นโค้งของร่างกายนางอย่างระมัดระวัง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างการสัมผัสนี้เป็นการแสดงออกถึงความตึงเครียดและความรู้สึกที่ซับซ้อนซึ่งมีมาแต่เดิม
ฉวบ ลิ้นของเขานั้นเริ่มที่จะรุนแรงและมีความหนักหน่วงยิ่งขึ้นหน้าอกคู่ใจของนางนั้นพลิ้วไหวไปมาตามจังหวะในการบีบนวดครึงของเขานางส่งเสียงร้องออกมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจเมื่อกำลังถูกชายคนรักเก่าเสพสุขกับเรือนร่างของนาง ชายหนุ่มงัดท่อนเนื้อของตนออกมาพร้อมทั้งยัดเข้าไปภายในริมฝีปากของนางอย่างดิบเถื่อน สาวน้อยถึงกับเบิกตากว้างพร้อมกับท่อนเนื้อที่เต็มปากเต็มคำชายหนุ่มจับหัวของนางแล้วจับกดจมลึกส่วนตัวของนางเองก็ดูดรับด้วยความยินดี ฮ่องเต้ดูฉากร่วมรักของคนทั้งสองทำให้ตัวเองเริ่มที่จะมีอารมณ์เขาบีบจับท่อนเนื้อของตนเล็กน้อยเพื่อที่จะปลุกเร้าอารมณ์ที่อยู่ภายใน เขาตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะต้องปลดปล่อยอารมณ์นี้กับนางในภายหลัง
ฉวบ!!! ฉินเย่เหวิน ใช้ท่อนเนื้อของตนสอดใส่เข้าไปภายในเรือนร่างของนาง สัมผัสแรกที่ตัวของเขาได้รับนั้นมันเปียกแฉะไปหมดมันเป็นความรู้สึกที่ตัวของเขานั้นไม่เคยพบมาก่อนดูเหมือนว่าความร่านของนางและความร้อนแรงของนางนั้นมันจะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิมหลังจากสตรีนางนี้กลายมาเป็นนางสนม
ฉวบ ฉวบ ฉวบ เสียงน้ำที่เปียกแฉะและเสียงที่กระทบกันของท่อนเนื้อทำให้ผู้คนที่อยู่ทั่วทุกบริเวณต่างพากันรู้สึกอิจฉาชายหนุ่มประกบริมฝีปากกับนางไปกระแทรกเรือนร่างของนางไปความเร่าร้อนของคนทั้งสองนั้นราวกับไร้ที่สิ้นสุด ถึงแม้ว่าสงครามของการร่วมรักจะดุเดือดมากมายสักเพียงไหนแต่มันก็ต้องมีจุดสิ้นสุดฉินเย่เหวินปลดปล่อยน้ำกามของตนเข้ามาภายในเรือนร่างของนางอย่างเต็มที่ด้วยความแค้นและความคิดถึงร่างกายของนางสั่นสะท้านตามจังหว่ะการปลดปล่อยน้ำของเขา ชายหนุ่มหญิงสาวนอนกอดไปสักพักหลังจากนั้นฉินเย่เหวินก็ออกจากเรือนร่างของนางเขาหันไปให้ความสนใจต่อความงดงามของนางสนมนางอื่นต่อ ถึงแม้ว่าตัวของเขานั้นพึ่งที่จะปลดปล่อยน้ำกามออกไปและมันกำลังอยู่ในการหดตัวเขาได้ใช้บริการปากของนางสนมเพื่อให้นางดูดเลียและมันเกิดการแข็งตัวอีกครั้ง ความดุเดือดและความหิวกระหายของแม่ทัพหนุ่มทำให้ตัวของฮ่องเต้และเหล่าขุนนางต้องตื่นตะลึงค่ำคืนในวันนี้ตัวของเขาเพียงผู้เดียวสามารถร่วมรักกับสาวงามได้นับสิบคน แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน คือชายที่มาด้วยความแค้นและความหื่นกระหาย
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ ประสบความเจ็บป่วยอย่างหนัก องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินได้ตัดสินใจทุบกำแพงที่แยกตำหนักส่วนตัวของนางกับจวนของแม่ทัพฉินเย่เหวิน และสร้างพื้นที่ร่วมกันใหม่ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย นางได้แปลงตำหนักของนางให้กลายเป็นสถานที่ที่คล้ายหลุดออกจากโลกภายนอกพื้นที่ในตำหนักของนางถูกปกคลุมด้วยความลับและความเย้ายวนใจ ไม่มีข้อบังคับทางศีลธรรมมาขวางกั้น ความหลงใหลและความปรารถนาของนางกับแม่ทัพหนุ่มจึงถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ทุกวัน แม่ทัพฉินเย่เหวินจะมอบความเร่าร้อนและความพึงพอใจให้แก่องค์ฮองเฮาอย่างดุเดือด นางร้องครวญครางด้วยความสุขจนเต็มอิ่มเสียงครางจากองค์ฮองเฮาดังขึ้น "ท่านแม่ทัพ แรงอีก แรงอีก ข้าเสียวจนข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว" นางร้องออกมาด้วยความรู้สึกอันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความพอใจในขณะที่ภาพความรักอันร้อนแรงเผยออกมา ภายในตำหนักที่เปล่าเปลือยแห่งนี้ นางสนมจากตำหนักผีเสื้อยืนอยู่ด้วยความหลงใหลและชื่นชม การมองดูฉากนี้ราวกับเป็นการแสดงถึงความงดงามและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนางสนมราวกับถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันล้ำลึกของฉากที่พวกนางเฝ้าดู ร่างกายของพวกนางทั้งหมดรวม 100 ชีวิต นุ่งน้อยห่
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ล้มป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตำหนักผีเสื้อซึ่งเคยเป็นสวนสวรรค์ของพระองค์ก็ขาดคนดูแล สถานที่นี้เต็มไปด้วยนางสนมร้อยกว่าคนที่มีลีลาในการร่วมรักที่สุดแสนจะร้อนแรงพวกนางถูกรวบรวมมาจากทั่วทั้งแผ่นดินไม่ว่าจะผิวพรรณหน้าตารวมไปถึงความหื่นกระหายของพวกนางนั้นนับว่าเป็นหนึ่งแม่ทัพฉินเย่เหวินได้เชิญนางสนมทั้งหมดให้ย้ายมาอยู่กับตนชายหนุ่มผู้มีพลังอำนาจมากที่สุดภายในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นเป็นเขามีหรือที่พวกนางนั้นจะตอบปฏิเสธจวนของท่านแม่ทัพในยามนี้นั้นเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็อยากที่จะมาเยือนสักครั้งในกลุ่มนางสนมมีซูเหม่ยฉิงซึ่งเป็นอดีตภรรยาคนรักของแม่ทัพ ฉินเย่เหวิน นางได้กลับมาด้วยความเต็มใจเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลแม่ทัพและรับผิดชอบในการให้ความสุขทางกายแก่เขา ซูเหม่ยฉิงมีลีลาที่เร่าร้อนและประสบการณ์อันลึกซึ้งจากอดีตที่ผ่านมา ความรักและราคะที่เคยมีต่อกันทำให้เธอเต็มใจและพร้อมที่จะรับภาระหนักในการรองรับความต้องการของชายผู้เป็นอดีตสามีของเธอคืนนี้ ซูเหม่ยฉิงได้เตรียมตัวอย่างดีด้วยการสวมใส่ชุดนอนบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างอันเย้ายวนใจของเธออย่า
แม่ทัพฉินเย่เหวินได้สร้างผลงานที่น่าจดจำอีกครั้งด้วยการปราบจอมโจรที่มีชื่อเสียง จึงได้รับการเลื่อนขั้นจากตำแหน่งแม่ทัพเป็น "แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง" การเลื่อนขั้นนี้เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนจากองฮองเฮาหลี่หวงซิน ซึ่งไม่เพียงแค่ให้การสนับสนุนด้านตำแหน่ง แต่ยังมอบจวนแม่ทัพหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตและกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวินตั้งอยู่ใกล้กับตำหนักขององฮองเฮาหลี่หวงซิน นางให้เหตุผลว่าการมีเขาใกล้ชิดจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเขาสามารถคอยปกป้องเธอและลูกได้ตลอดเวลา ความใกล้ชิดนี้ยังแสดงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งฮ่องเต้เองก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อการเลื่อนขั้นและการมอบจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน เนื่องจากเขาตระหนักถึงความสำคัญและความสามารถของแม่ทัพหนุ่มในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของราชสำนักในช่วงกลางดึกของคืนหนึ่ง องฮองเฮาหลี่หวงซินได้แอบลอบเข้ามาภายในจวนหลังใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน ความรู้สึกของนางที่ไม่อาจต้านทานความต้องการในใจ ทำให้นางตัดสินใจเดินทางจากตำหนักของตนไปยังจวนใหม่ของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักของนางเพียงไม่กี่ก้าวค่ำคืนนี้ช
แม่ทัพฉินเย่เหวินจ้องมองเรือนร่างของนางโจรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ท่อนเนื้อแข็งผงาดขึ้นมาด้วยความปรารถนา เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความคิดในใจเต็มไปด้วยภาพของนางที่ชัดเจนทุกอณู เนื้อหนังของนางที่อ่อนนุ่มและโค้งเว้าอย่างน่าหลงใหลทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้บรรยากาศรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายแห่งราคะค่อยๆ ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ ความต้องการในใจของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ทวีความรุนแรงขึ้น เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คือความพึงพอใจอย่างสุดขีดในเรือนร่างของนาง และไม่อาจหลบหนีจากเสน่ห์ที่นางมีต่อเขาได้เลยร่างกายของจอมโจรสาวเริ่มสั่นเทาด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ เปลวไฟแห่งราคะกำลังลุกไหม้ไปทั่วร่างของเธอ หลังจากที่ดื่มชาที่มีส่วนผสมปลุกอารมณ์เข้าไป ความร้อนรุ่มก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย สายตาของเธอพร่ามัวด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความคิดที่เคยเข้มแข็งและมุ่งมั่นของเธอถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่รุนแรง เธอรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตั
ในช่วงนี้ ทางตอนใต้ของเมืองหลวงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากจอมโจรภูเขาที่กำลังระบาดหนัก พวกมันปล้นฆ่าไม่เลือกหน้า สร้างความหวาดกลัวและความเดือดร้อนไปทั่วทั้งแถบ ชาวบ้านต่างต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาและไม่มีความสงบสุข แม่ทัพฉินเย่เหวิน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักรบผู้เก่งกาจและกล้าหาญ จึงขออาสาออกไปปราบปรามโจรร้ายเหล่านี้ เพื่อสร้างผลงานและคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมืองจอมโจรภูเขาเลือกตั้งฐานที่มั่นในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร เป็นดินแดนที่เข้าถึงได้ยากและเต็มไปด้วยภูมิประเทศที่ท้าทาย การเดินทางไปยังถิ่นของพวกมันจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งเส้นทางที่คดเคี้ยวและอันตราย รวมถึงการต้องระมัดระวังการซุ่มโจมตีจากพวกโจรที่ชำนาญพื้นที่แม่ทัพฉินเย่เหวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขานำกำลังพลติดตามไปเพียง 100 คน เป็นทหารที่เชี่ยวชาญและไว้วางใจได้ ความมุ่งมั่นในสายตาของแม่ทัพหนุ่มฉายชัด เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่จะสร้างผลงานและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาอีกครั้งเมื่อออกเดินทางเข้าสู่พื้นที่อันทุรกันดาร กองกำลังของแม่ทัพฉินเย่เหวินต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบาก ฝ่าดงพงไพรและข้ามภูเขาที่สูงชัน แม้ความเหน็ดเหนื่อยจ
ในวังหลวงที่ถูกปิดบังด้วยกำแพงสูงตระหง่านและเงาของราชบัลลังก์ ความลับที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ความสง่างามขององฮองเฮาหลี่หวงซินนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ แม่ทัพฉินเย่เหวิน ผู้เป็นดั่งยอดฝีมือในสนามรบ กลับพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของนางผู้เลอโฉม ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ลับอันเร่าร้อนซึ่งถูกปิดซ่อนไว้ในม่านความลับในช่วงที่แม่ทัพฉินเย่เหวินทำหน้าที่สอนวิชาเชิงดาบให้กับองค์ชายหวังอี้เฟิง เขาไม่อาจหักห้ามใจจากการพบปะกับนางได้ ทุกครั้งที่หยุดพัก ทั้งสองจะพากันหายลับไปยังมุมอันเงียบสงบของพระราชวัง ดวงตาของพวกเขามักเต็มไปด้วยความปรารถนา มันแผดเผาใจทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาจากกันได้นับวันผิวพรรณของหลี่หวงซินยิ่งงดงามขึ้น ดวงตาเป็นประกายสดใส ผิวเนียนนุ่มดั่งผลท้ออ่อน นางดูเปล่งปลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความลับของความงามนี้อยู่ที่ไฟราคะอันร้อนแรงของแม่ทัพหนุ่มผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อศึกใด ไม่เว้นแม้แต่ศึกรักก็เช่นกันเขามักจะอัดฉีดน้ำกามของตนเข้าไปภายในเรือนร่างของนางทุกครั้งเพื่อที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ“อ๊า...ข้าเสียวเหรอเกิน” องฮองเฮาหลี่หวงซิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความพึงพอใจยามที่น้ำกามของชู้รั







