Masukแม่ทัพฉินเย่เหวินแม้จะเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นต่อหวังเจียเหอ ฮ่องเต้ แต่เขาก็ไม่ยอมให้ความรู้สึกเหล่านั้นบดบังความสามารถในการทำงานของเขา ด้วยความที่เขาตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความไว้ใจและความเคารพจากคนรอบข้าง เขาจึงมุ่งมั่นในการสร้างผลงานที่โดดเด่นและมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ในทุกภารกิจและการดำเนินการที่เขาได้รับ เขาใช้ความสามารถและความเฉลียวฉลาดของเขาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม การทำงานหนักและการทำให้ผลงานของเขาเป็นที่ประจักษ์นี้เป็นกลยุทธ์ของเขาในการสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากฮ่องเต้และขุนนางคนอื่นๆ
แม่ทัพหนุ่มรู้ดีว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานจะช่วยให้เขาได้รับการสนับสนุนและการยอมรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในการวางแผนและดำเนินการตามแผนการแก้แค้นของเขาในภายหลัง การรอคอยและการสร้างผลงานที่โดดเด่นจึงเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการชำระแค้นอย่างรอบคอบ
ในบรรยากาศของการเสวนาที่แสนซับซ้อน ฮ่องเต้หวังเจียเหอไม่เพียงแค่ชมเชยแม่ทัพฉินเย่เหวินที่มีความสามารถในการจัดการภารกิจต่างๆ อย่างยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังแสดงความสนใจและพอใจในเรื่องส่วนตัวของแม่ทัพหนุ่มอีกด้วย
“ไม่เสียแรงที่ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพ ภารกิจน้อยใหญ่ล้วนจัดการได้ดี” ฮ่องเต้กล่าวชมเชยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพอใจ ก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและแฝงไปด้วยความหื่นกระหาย “ซูเหม่ยฉิง อดีตคนรักของเจ้าลีลาในการร่วมเตียงของนางนั้นช่างเร่าร้อนนัก นางทำให้ข้าสูญเสียไปหลายน้ำ”
คำพูดของฮ่องเต้ทำให้แม่ทัพฉินเย่เหวินรู้สึกถึงความโกรธอย่างรุนแรง ถึงแม้จะพยายามรักษาสีหน้าให้ยิ้มแย้ม แต่เขาก็ไม่อาจปิดบังความรู้สึกที่สั่นสะท้านในตัวเขาได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน ยังคงช่วยแนะหวังเจียเหอ ฮ่องเต้ในการกำราบนาง “ข้าจะบอกอะไรท่านให้ หากท่านใช้ท่านี้ในการร่วมรักกับนาง นางจะต้องถึงจุดสุดยอดแน่นอน นางจะส่งเสียงน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจออกมา”
การพูดเช่นนี้ทำให้ฮ่องเต้ถึงกับหูตั้งและหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ “หึหึ หากมันเป็นจริงดังว่าข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม ฮ่า ฮ่า”
แม่ทัพฉินเย่เหวินต้องยิ้มแย้มอย่างสุดความสามารถ แม้ใจเขาจะร้อนรุ่มด้วยความโกรธและความเจ็บปวดจากคำพูดของฮ่องเต้ แต่เขาก็ต้องพยายามปกปิดความรู้สึกเหล่านั้นไว้ เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของฮ่องเต้ และเพื่อรักษาสถานะของเขาในวังหลวง
ความท้าทายและความเจ็บปวดที่เขาต้องเผชิญในตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการรักษาความสำเร็จในภารกิจและเตรียมการสำหรับการชำระแค้นในอนาคต
หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ เป็นฮ่องเต้ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความเสื่อมทรามและกลวิธีการควบคุมขุนนางด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใคร เขามักใช้ความลับและความสัมพันธ์ที่เป็นปัญหาเพื่อผูกมัดใจของขุนนางและผู้ใต้บังคับบัญชาให้ขึ้นอยู่กับเขาอย่างเหนียวแน่น
วันนี้ฮ่องเต้เดินนำหน้าผู้คนทั้งหมดเพื่อไปยังตำหนักผีเสื้อ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา สถานที่นี้เป็นที่อยู่อาศัยของนางสนมของฮ่องเต้ โดยมีเวรยามที่คอยตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทหารทุกคนได้รับคำสั่งอย่างชัดเจนไม่ให้ละเมิดหรือมีปัญหาใดๆ กับนางสนม
ตำหนักผีเสื้อเป็นสถานที่ที่มีทั้งตำหนักน้อยและใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่งดงาม สถานที่แห่งนี้มีความหรูหราและตกแต่งอย่างประณีต ออกแบบให้มีบรรยากาศที่เหมือนสวรรค์บนดิน เสียงหัวเราะและการพูดคุยของเหล่าสาวงามที่อาศัยอยู่ที่นี่เติมเต็มบรรยากาศด้วยความสนุกสนานและความงาม
แม่ทัพฉินเย่เหวิน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทำความดีความชอบในราชสำนัก จึงได้รับเกียรติให้มาเยือนภายในสถานที่นี้ เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีผลงานโดดเด่นและได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ การเยือนตำหนักผีเสื้อของเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความเคารพและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างฮ่องเต้กับแม่ทัพหนุ่ม
ขุนนางผู้หนึ่งในกลุ่มที่ติดตามฮ่องเต้หวังเจียเหอแสดงความสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยและการดูแลที่ตำหนักผีเสื้อ เขาถามด้วยความสงสัย
“ทหารพวกนี้ใช่ขันทีใช่หรือไม่?”
คำถามนี้แฝงไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับความสามารถและความน่าเชื่อถือของทหารที่ดูแลสถานที่สำคัญนี้
ฮ่องเต้หวังเจียเหอหันไปมองขุนนางด้วยแววตาที่เย็นชาและตอบกลับอย่างมั่นใจ
“เหอะ หากข้าไม่จับพวกมันตอนแล้ว ข้าจะไว้ใจให้พวกมันดูแลสาวงามของข้าได้อย่างไร”
เพราะสาวงามที่มาอยู่รวมกันภายในตำหนักผีสีเสื้อแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนสมบัติลับของเขา ความงดงามของพวกนางแต่ล่ะคนนั้นล้วนเป็นสิ่งที่มีค่า
แม่ทัพฉินเย่เหวินเดินเข้าสู่ตำหนักผีเสื้ออย่างใจเย็น แต่เมื่อสายตาของเขาได้พบกับความงดงามของนางสนมนับร้อยชีวิตที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ เขาก็ไม่สามารถปิดบังความตื่นตะลึงได้ พวกนางในตำหนักต่างสวมใส่ชุดที่บางเบาเผยให้เห็นเรือนร่างที่เย้ายวนใจอย่างเต็มที่ ความงามของพวกนางสร้างความประทับใจให้กับแม่ทัพหนุ่ม
แต่ละนางมีความงามที่โดดเด่น ซึ่งทำให้แม่ทัพฉินเย่เหวินไม่สามารถละสายตาจากพวกนางได้อย่างง่ายดาย เขาค่อยๆ มองไปรอบๆ จนกระทั่งสายตาของเขาไปสะดุดที่สาวงามนางหนึ่งที่มีชื่อว่า ซูเหม่ยฉิง อดีตภรรยาคนรักของเขา นางได้รับการดูแลที่ดีจากฮ่องเต้ทำให้ผิวพรรณของนางกระจ่างใสและมีน้ำมีนวลมากกว่าที่เคยเป็น
ซูเหม่ยฉิงยิ้มให้แม่ทัพหนุ่มด้วยความอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ประนีประนอม ขณะที่แม่ทัพฉินเย่เหวินรู้สึกถึงความดึงดูดที่แรงกล้าจากนาง ตัวของเขาในยามนี้นั้นทั้งโกรธแค้นทั้งมีความหิวกระหายในช่วงเวลาเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน ฮ่องเต้หวังเจียเหอ ยิ้มอย่างพอใจและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความภูมิใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เห็นแก่ความดีความชอบของพวกเจ้า พวกเจ้าอยากเล่นสนุกกับนางสนมนางไหนเชิญจัดการพวกนางได้เต็มที่เลย”
คำพูดของฮ่องเต้สะท้อนถึงความภูมิใจในความงามของนางสนมและความพอใจในการสร้างความสัมพันธ์กับขุนนางและแม่ทัพ ในขณะที่ขุนนางน้อยใหญ่ที่ได้รับฟังคำสั่งนี้ ราวกับเสือหิวที่เห็นเหยื่อ พวกเขาต่างพากันจับจองสาวงามที่หมายตาอย่างรวดเร็วและไม่ลังเล บรรยากาศในตำหนักผีเสื้อเริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การแข่งขันในการได้ครอบครองสาวงามกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ ประสบความเจ็บป่วยอย่างหนัก องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินได้ตัดสินใจทุบกำแพงที่แยกตำหนักส่วนตัวของนางกับจวนของแม่ทัพฉินเย่เหวิน และสร้างพื้นที่ร่วมกันใหม่ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย นางได้แปลงตำหนักของนางให้กลายเป็นสถานที่ที่คล้ายหลุดออกจากโลกภายนอกพื้นที่ในตำหนักของนางถูกปกคลุมด้วยความลับและความเย้ายวนใจ ไม่มีข้อบังคับทางศีลธรรมมาขวางกั้น ความหลงใหลและความปรารถนาของนางกับแม่ทัพหนุ่มจึงถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ทุกวัน แม่ทัพฉินเย่เหวินจะมอบความเร่าร้อนและความพึงพอใจให้แก่องค์ฮองเฮาอย่างดุเดือด นางร้องครวญครางด้วยความสุขจนเต็มอิ่มเสียงครางจากองค์ฮองเฮาดังขึ้น "ท่านแม่ทัพ แรงอีก แรงอีก ข้าเสียวจนข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว" นางร้องออกมาด้วยความรู้สึกอันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความพอใจในขณะที่ภาพความรักอันร้อนแรงเผยออกมา ภายในตำหนักที่เปล่าเปลือยแห่งนี้ นางสนมจากตำหนักผีเสื้อยืนอยู่ด้วยความหลงใหลและชื่นชม การมองดูฉากนี้ราวกับเป็นการแสดงถึงความงดงามและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนางสนมราวกับถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันล้ำลึกของฉากที่พวกนางเฝ้าดู ร่างกายของพวกนางทั้งหมดรวม 100 ชีวิต นุ่งน้อยห่
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ล้มป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตำหนักผีเสื้อซึ่งเคยเป็นสวนสวรรค์ของพระองค์ก็ขาดคนดูแล สถานที่นี้เต็มไปด้วยนางสนมร้อยกว่าคนที่มีลีลาในการร่วมรักที่สุดแสนจะร้อนแรงพวกนางถูกรวบรวมมาจากทั่วทั้งแผ่นดินไม่ว่าจะผิวพรรณหน้าตารวมไปถึงความหื่นกระหายของพวกนางนั้นนับว่าเป็นหนึ่งแม่ทัพฉินเย่เหวินได้เชิญนางสนมทั้งหมดให้ย้ายมาอยู่กับตนชายหนุ่มผู้มีพลังอำนาจมากที่สุดภายในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นเป็นเขามีหรือที่พวกนางนั้นจะตอบปฏิเสธจวนของท่านแม่ทัพในยามนี้นั้นเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็อยากที่จะมาเยือนสักครั้งในกลุ่มนางสนมมีซูเหม่ยฉิงซึ่งเป็นอดีตภรรยาคนรักของแม่ทัพ ฉินเย่เหวิน นางได้กลับมาด้วยความเต็มใจเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลแม่ทัพและรับผิดชอบในการให้ความสุขทางกายแก่เขา ซูเหม่ยฉิงมีลีลาที่เร่าร้อนและประสบการณ์อันลึกซึ้งจากอดีตที่ผ่านมา ความรักและราคะที่เคยมีต่อกันทำให้เธอเต็มใจและพร้อมที่จะรับภาระหนักในการรองรับความต้องการของชายผู้เป็นอดีตสามีของเธอคืนนี้ ซูเหม่ยฉิงได้เตรียมตัวอย่างดีด้วยการสวมใส่ชุดนอนบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างอันเย้ายวนใจของเธออย่า
แม่ทัพฉินเย่เหวินได้สร้างผลงานที่น่าจดจำอีกครั้งด้วยการปราบจอมโจรที่มีชื่อเสียง จึงได้รับการเลื่อนขั้นจากตำแหน่งแม่ทัพเป็น "แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง" การเลื่อนขั้นนี้เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนจากองฮองเฮาหลี่หวงซิน ซึ่งไม่เพียงแค่ให้การสนับสนุนด้านตำแหน่ง แต่ยังมอบจวนแม่ทัพหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตและกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวินตั้งอยู่ใกล้กับตำหนักขององฮองเฮาหลี่หวงซิน นางให้เหตุผลว่าการมีเขาใกล้ชิดจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเขาสามารถคอยปกป้องเธอและลูกได้ตลอดเวลา ความใกล้ชิดนี้ยังแสดงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งฮ่องเต้เองก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อการเลื่อนขั้นและการมอบจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน เนื่องจากเขาตระหนักถึงความสำคัญและความสามารถของแม่ทัพหนุ่มในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของราชสำนักในช่วงกลางดึกของคืนหนึ่ง องฮองเฮาหลี่หวงซินได้แอบลอบเข้ามาภายในจวนหลังใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน ความรู้สึกของนางที่ไม่อาจต้านทานความต้องการในใจ ทำให้นางตัดสินใจเดินทางจากตำหนักของตนไปยังจวนใหม่ของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักของนางเพียงไม่กี่ก้าวค่ำคืนนี้ช
แม่ทัพฉินเย่เหวินจ้องมองเรือนร่างของนางโจรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ท่อนเนื้อแข็งผงาดขึ้นมาด้วยความปรารถนา เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความคิดในใจเต็มไปด้วยภาพของนางที่ชัดเจนทุกอณู เนื้อหนังของนางที่อ่อนนุ่มและโค้งเว้าอย่างน่าหลงใหลทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้บรรยากาศรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายแห่งราคะค่อยๆ ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ ความต้องการในใจของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ทวีความรุนแรงขึ้น เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คือความพึงพอใจอย่างสุดขีดในเรือนร่างของนาง และไม่อาจหลบหนีจากเสน่ห์ที่นางมีต่อเขาได้เลยร่างกายของจอมโจรสาวเริ่มสั่นเทาด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ เปลวไฟแห่งราคะกำลังลุกไหม้ไปทั่วร่างของเธอ หลังจากที่ดื่มชาที่มีส่วนผสมปลุกอารมณ์เข้าไป ความร้อนรุ่มก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย สายตาของเธอพร่ามัวด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความคิดที่เคยเข้มแข็งและมุ่งมั่นของเธอถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่รุนแรง เธอรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตั
ในช่วงนี้ ทางตอนใต้ของเมืองหลวงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากจอมโจรภูเขาที่กำลังระบาดหนัก พวกมันปล้นฆ่าไม่เลือกหน้า สร้างความหวาดกลัวและความเดือดร้อนไปทั่วทั้งแถบ ชาวบ้านต่างต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาและไม่มีความสงบสุข แม่ทัพฉินเย่เหวิน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักรบผู้เก่งกาจและกล้าหาญ จึงขออาสาออกไปปราบปรามโจรร้ายเหล่านี้ เพื่อสร้างผลงานและคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมืองจอมโจรภูเขาเลือกตั้งฐานที่มั่นในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร เป็นดินแดนที่เข้าถึงได้ยากและเต็มไปด้วยภูมิประเทศที่ท้าทาย การเดินทางไปยังถิ่นของพวกมันจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งเส้นทางที่คดเคี้ยวและอันตราย รวมถึงการต้องระมัดระวังการซุ่มโจมตีจากพวกโจรที่ชำนาญพื้นที่แม่ทัพฉินเย่เหวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขานำกำลังพลติดตามไปเพียง 100 คน เป็นทหารที่เชี่ยวชาญและไว้วางใจได้ ความมุ่งมั่นในสายตาของแม่ทัพหนุ่มฉายชัด เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่จะสร้างผลงานและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาอีกครั้งเมื่อออกเดินทางเข้าสู่พื้นที่อันทุรกันดาร กองกำลังของแม่ทัพฉินเย่เหวินต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบาก ฝ่าดงพงไพรและข้ามภูเขาที่สูงชัน แม้ความเหน็ดเหนื่อยจ
ในวังหลวงที่ถูกปิดบังด้วยกำแพงสูงตระหง่านและเงาของราชบัลลังก์ ความลับที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ความสง่างามขององฮองเฮาหลี่หวงซินนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ แม่ทัพฉินเย่เหวิน ผู้เป็นดั่งยอดฝีมือในสนามรบ กลับพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของนางผู้เลอโฉม ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ลับอันเร่าร้อนซึ่งถูกปิดซ่อนไว้ในม่านความลับในช่วงที่แม่ทัพฉินเย่เหวินทำหน้าที่สอนวิชาเชิงดาบให้กับองค์ชายหวังอี้เฟิง เขาไม่อาจหักห้ามใจจากการพบปะกับนางได้ ทุกครั้งที่หยุดพัก ทั้งสองจะพากันหายลับไปยังมุมอันเงียบสงบของพระราชวัง ดวงตาของพวกเขามักเต็มไปด้วยความปรารถนา มันแผดเผาใจทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาจากกันได้นับวันผิวพรรณของหลี่หวงซินยิ่งงดงามขึ้น ดวงตาเป็นประกายสดใส ผิวเนียนนุ่มดั่งผลท้ออ่อน นางดูเปล่งปลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความลับของความงามนี้อยู่ที่ไฟราคะอันร้อนแรงของแม่ทัพหนุ่มผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อศึกใด ไม่เว้นแม้แต่ศึกรักก็เช่นกันเขามักจะอัดฉีดน้ำกามของตนเข้าไปภายในเรือนร่างของนางทุกครั้งเพื่อที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ“อ๊า...ข้าเสียวเหรอเกิน” องฮองเฮาหลี่หวงซิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความพึงพอใจยามที่น้ำกามของชู้รั






![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
