공유

บทที่ 1341

작가: อี้ซัวเยียนอวี่
ทางตอนเหนือของแคว้นหนานฉี หิมะยิ่งตกยิ่งหนัก

ปลายเดือนสิบสอง ชาวบ้านต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวฉลองปีใหม่ โรงพักแรมจำนวนไม่น้อยได้ปิดให้บริการ

เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสหายมากมาย ระหว่างทางจึงแวะพักที่บ้านของสหาย

สหายผู้นั้นชื่อ “สวีไท่ฉาง” ไว้เครารกรุงรัง รูปร่างกำยำ ผิวดำคล้ำ

เขาเปิดกิจการสำนักคุ้มภัย

หลังจากแคว้นรอบด้านรุมโจมตีแคว้นหนานฉีแล้วพ่ายแพ้ ทำให้ต้องเปิดเส้นทางการค้าใหม่หลายสาย นั่นก็ทำให้สำนักคุ้มภัยของสกุลสวีมีงานเพิ่มขึ้นมาก

สวีไท่ฉางรู้สถานะของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่าทั้งสองคนเป็นสหายในยุทธภพ อีกทั้งฮ่องเต้ฮองเฮาออกตรวจตราเป็นการส่วนตัว เขาจึงไม่เรียกขานด้วยคำยกย่อง

เฟิ่งจิ่วเหยียนแนะนำให้เซียวอวี้รู้จัก

“พี่สวีออกเดินทางคุ้มภัยสินค้าตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ เขากับเจียงหลินเป็นสหายสนิทกันมาหลายชั่วคน มักช่วยเหลือคุ้มภัยสินค้าตระกูลเจียง”

สวีไท่ฉางยกมือคำนับเซียวอวี้โดยอัตโนมัติ

เซียวอวี้กลับเป็นฝ่ายคำนับแบบชาวยุทธเสียก่อน “พี่สวี”

เมื่อเดินทางอยู่ด้านนอก ต้องลืมฐานะของตัวเองไปเสีย

สวีไท่ฉางไม่กล้ารับคำนับนี้ รีบเบี่ยงตัวหลบ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างแนบเนียน

“อย่ายืนอยู่หน
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

최신 챕터

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1350

    “ดูเหมือนว่า ในใจฝ่าบาททรงมีแนวทางแล้ว” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแน่ชัดขณะที่เซียวอวี้กำลังจะเอ่ย องครักษ์ผู้หนึ่งก็เข้ามารายงานองครักษ์ผู้นี้ได้รับคำสั่งให้เฝ้าสังเกตการณ์ ทุกการกระทำของเซียวม่อ หลังจากพวกเขากลับไปหลังจากรู้เรื่องที่เซียวม่อทุบตีประชาชน เซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็มองตากันอย่างรู้ใจ ต่างฝ่ายต่างรับรู้ความคิดของกันและกันณ จวนฉู่อ๋องเซียวม่อกลับมาถึงจวน ถึงกล้าหัวเราะออกมาเขาตบเข่าฉาดใหญ่ พูดกับคนที่ใส่หน้ากากที่อยู่ด้านล่าง“ฮ่า ๆ! วันนี้เจ้าซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงคน เห็นหรือไม่? สายตาที่ประชาชนไร้มารยาทเหล่านั้นมองเซียวอวี้ แทบอยากจะฉีกกระชากเขาให้ตายคาที่“คราวนี้ ประชาชนเมืองฝานหลูไม่มีทางเชื่อฟังเขาเป็นแน่!”ชายใส่หน้ากากประสานมือคารวะ“ท่านอ๋องฉลาดยิ่งนัก”เซียวม่อมองมาที่เขา หนังตากระตุกอย่างรุนแรง แม้แต่แววตาของเขาก็ยังเปลี่ยนเป็นอึมครึม“ข้าโชคดีที่ได้รับคำชี้แนะจากท่าน“เพียงแต่ไม่รู้ว่า ท่านยังพอมีวิธีอะไร ที่สามารถช่วยข้ากำจัดเซียวอวี้หรือไม่?”แค่ทำให้เซียวอวี้สูญเสียเมืองฝานหลูไป ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเขาพอได้ลิ้มรสความหอมหวานเข้าหน่อย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1349

    ผ่านไปครู่ใหญ่ เหล่าทหารทางการถึงควบคุมประชาชนท้องถิ่นที่อารมณ์เดือดพล่านได้คนที่ปาข้าวของ ด่าทอฝ่าบาทเมื่อครู่ ล้วนถูกจับตัวออกมา กดไว้กับพื้น รอฝ่าบาทออกคำสั่งหลังจากแน่ใจว่าไม่มีคนปาข้าวของแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้หุบร่ม ด้วยการกระทำว่องไว คนรอบข้างแทบมองไม่ทันว่านางซ่อนร่มไว้ตรงไหนเซียวอวี้จ้องเซียวโม่ด้วยแววตาเยือกเย็น“นี่น่ะหรือเมืองฝานหลูภายใต้การปกครองของเจ้า?”เซียวม่อยังไม่ลุกขึ้น หมอบอยู่บนพื้น ราวกับกำลังขอประทานอภัยแผ่นหลังอ้วนท้วมของเขาสั่นระริก ดูท่าแล้วคงหวาดกลัวอำนาจแห่งสวรรค์“ฝ่าบาท กระหม่อมปกครองไม่เข้มวงด กระหม่อมผิดไปแล้ว!“ประชาชนไร้มารยาทเหล่านี้ บังอาจดูหมิ่นท่าน สมควรตาย!”ประโยคสุดท้ายของเขาเน้นย้ำออกมาเสียงหนักในใจของเขา คนที่สมควรตายจริง ๆ คือเซียวอวี้ต่างหากทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไร อย่างมากก็แค่หนีออกจากที่ดินศักดินา ไปที่เมืองหลวงโดยพลการ เซียวอวี้กลับให้บทลงโทษที่หนักหนาแก่เขา เนรเทศเขามายังชายแดนเห็นได้ชัดว่าอยากให้เขาตาย!ทว่า เขาดวงแข็ง ไม่นานก็เริ่มสนิทกับข้าราชการท้องที่ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดลอบฆ่าเขาทว่าเซียวอวี้ไม่โชคดี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1348

    วันถัดมา เซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนมาถึงเมืองฝานหลูเดิมเคยเป็นแคว้นเป่ยเยี่ยน ต่อมาก็ยกให้แคว้นหนานฉี กลายเป็นหนึ่งในเมืองชายแดนของแคว้นหนานฉีการมาเยือนเมืองฝานหลูในครั้งนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้แปลงโฉมให้ตัวเองและเซียวอวี้ประการแรก ประชาชนในเมืองชายแดนทางตอนเหนือ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นประชาชนที่เกิดและเติบโตในเป่ยเยี่ยน ไม่มีคนเคยเห็นฮ่องเต้และฮองเฮาประการที่สอง ก่อนหน้านี้มีทางการทราบข่าวว่าจะมีขบวนเสด็จมาเยือน ในเมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จึงไม่จำเป็นต้องแปลงโฉมใด ๆนอกจากสาเหตุสองข้อนี้แล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคำนึงถึง การใส่ชุดสามัญชนออกเยี่ยม กลับมีแต่จะล่อธนูลับเข้าเมืองด้วยสถานะตัวตนที่เปิดเผย ท่ามกลางสายตาของมวลประชา นักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด กลับไม่มีโอกาสลงมือขนาดนั้นทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังระแวดระวังมากกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานางแทบจะเดินตามเซียวอวี้ไม่หางกาย ทั้งยังจัดเตรียมองครักษ์ที่อยู่ทางแจ้ง ให้พวกเขากับองครักษ์ลับ สร้างการคุ้มกันที่แน่นหนาด้วยกันเสียวอู่เชื่อฟังเป็นพิเศษ เฟิ่งจิ่วเหยียนให้เขาทำอะไร เขาก็ทำอย่างนั้นเขามีหน้าที่ปลอมตัวเป็นคนที่ผ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1347  

    หลังจากรถม้าแล่นออกไปแล้ว เซียวอวี้ถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรกับสวีไท่ฉาง ถึงทำให้เขาดูกระชุ่มกระชวยเช่นนั้น?”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเขา เขาก็เข้าใจทันทีสำนักคุ้มภัยเหล่านั้นจงใจเสนอค่าจ้างสูง เลี้ยงสิบคนยี่สิบคนไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อมีมากขึ้น ก็ยากจะเลี้ยงไหวสำนักคุ้มภัยหนึ่งแห่งมีงานจำกัด หากมีผู้คุ้มกันมากเกินไปก็ต้องเลี้ยงไว้เฉย ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะขาดทุน เท่ากับยกก้อนหินขึ้นมาทุบขาของตัวเองนี่ก็คือหลักการที่ว่าอย่ากินอิ่มเกินไปไม่น่าแปลกใจที่สีหน้าของสวีไท่ฉางกลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้งเซียวอวี้กล่าวตรง ๆ “ใจคนล้วนเกิดจากเนื้อ ท้ายที่สุดเจ้าก็ยอมใจอ่อน”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้แก้ตัว เพียงแค่ทอดสายตาออกไปยังภาพบรรยากาศของปีใหม่เบื้องนอก“ไม่รู้ว่าพวกอาหลิ่นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”พูดถึงอะไรก็เจออย่างนั้นเย็นวันนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับจดหมายจากอาจารย์หญิงในจดหมายล้วนพูดถึงแต่ลูกทั้งสอง นางดูออก อาจารย์หญิงพูดถึงแต่เรื่องดี ๆเด็กทั้งสองยังเล็กเช่นนั้น ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย จะนอนหลับสนิทได้อย่างไร?ทว่าปัญหาที่เมืองชายแดนร้ายแรง เพื่อให้เด็กอีกนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1346

    องครักษ์คุ้มกันองค์ชายทั้งสองเร่งเดินทางมาตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงตระกูลเมิ่งแห่งเมืองซางก่อนวันส่งท้ายปีเก่าหลังจากนั้นพวกเขาก็ส่งมอบองค์ชายทั้งสองให้กับฮูหยินเมิ่ง และตั้งใจคุ้มกันเรือนเดิมทีคิดว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว สามารถผ่อนคลายได้สักทีเพราะอย่างไรคืนนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแต่ใครจะรู้ว่าองค์ชายทั้งสองซุกซนไม่เลิกแค่ได้ยินเสียงร้องไห้จากภายในห้อง ก็รู้แล้วว่าสองพี่น้องทะเลาะกันอีกแล้วฝ่าบาทกับฮองเฮาไม่อยู่ข้างกาย องค์ชายทั้งสองท่านยิ่งดื้อรั้นและเอาแต่ใจภายในห้องฮูหยินเมิ่งมาปลอบคนนี้ที ไปปลอบคนนั้นทีนางวิ่งจนหัวหมุน เกือบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครและยิ่งไม่รู้ว่าเหตุใดพวกเขาชอบทะเลาะกันเช่นนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรียบร้อยมาก ไม่ค่อยซนเลยฮูหยินเมิ่งเผลอเพียงครู่เดียว น้องชายก็ยื่นมือไปข่วนหน้าพี่ชายแล้วส่วนพี่ชายก็ไหวตัวทัน ขณะที่แหงนหน้าหลบ ก็ยกเท้าจิ้มเข้าไปในปากน้องชายเต็ม ๆคราวนี้น้องชายที่เพิ่งหยุดร้องไห้ก็เริ่มอีกแล้ว“ฮือ…”ฮูหยินเมิ่งร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก รีบเอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดปากของคนเป็นน้อง“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ”“อาหลิ่นเป็นเด็กดีที่สุด เมื่อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1345

    สวีไท่ฉางให้ความสำคัญกับเรื่องของสำนักคุ้มภัยอย่างมากนี่ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของตระกูลเขา แต่ยังรวมถึงบรรดาผู้คุ้มกันกับคนงานด้วย“ถ้าพูดถึงความผิดปกติ มันก็ไม่มีอะไรเพียงแต่เสนอค่าจ้างสูงเช่นนี้ ข้าสงสัยจริง ๆ พวกเขาจ่ายเงินให้ผู้คุ้มกันสูงเช่นนั้น จะเหลือกำไรอะไรอีก?”สวีไท่กู่ก็เห็นด้วย“ข้าเคยคำนวณอย่างละเอียดแล้ว ตามค่าจ้างที่พวกเขาจ่าย แทบไม่เหลือกำไรเลย เช่นนั้นพวกเขาทำเพื่ออะไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้พูดอะไรมาก“ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของการค้านัก”สวีไท่ฉางชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่อง“ข้าเลอะเลือนแล้ว“วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ควรรักษาช่วงเวลาที่มิตรสหายได้อยู่ร่วมกัน สลัดเรื่องเก่า ๆ ต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ และมองไปสู่อนาคต”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของสำนักคุ้มภัยอีกหลังอาหารเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้กลับไปที่ห้องหลังจากนางปิดประตูก็พูดกับเซียวอวี้ “ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเลย”เซียวอวี้จับมือของนางแล้วถาม“เหตุใดเจ้าไม่ช่วยสวีไท่ฉางสักหน่อย? เขาเป็นสหายของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ถ้านางอยากช่วยเขา แค่เอ่ยปากคำเดียวก็ได้แล้ว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status