LOGINไม่รู้จริง ๆ ว่าเสด็จแม่ทรงคิดเช่นไรวันที่ออกเดินทาง ข้าไปรับพี่จี๋เอ๋อร์ที่จวนรุ่ยอ๋อง ก็เห็นท่านอารุ่ยอ๋องดวงตาแดงก่ำ กำชับพี่จี๋เอ๋อร์ดูแลตัวเองให้ดีส่วนท่านอาสะใภ้อาอวี้กลับจับมือของข้า ให้ข้าพาพี่จี๋เอ๋อร์ไปเที่ยวให้สนุก ให้เขาเที่ยวไปนาน ๆข้าสงสัยอย่างมากพอออกจากจวนรุ่ยอ๋อง ข้าก็ถามพี่จี๋เอ๋อร์“ท่านมีน้องชายแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องการท่านแล้วหรือ?”บนใบหน้าหล่อเหลาของพี่จี๋เอ๋อร์ปรากฏความกลัดกลุ้ม“ไม่ใช่ พวกท่านพ่ออยากได้บุตรสาว”“หา? เพราะเหตุใด?”“เพื่อจะได้แต่งกับเสด็จพี่ของเจ้า ครอบครัวพวกเราจะต้องมีคนแต่งกับเสด็จพี่ของเจ้า นี่คือความมุ่งมั่นของท่านแม่”ข้าพูดโพล่งออกมา: “ท่านก็แต่งให้เสด็จพี่ของข้าได้แล้วนี่!”พี่จี๋เอ๋อร์ตกใจจนไอไม่หยุด เกือบจะตกจากหลังม้าข้าแสดงสีหน้าภูมิใจทันที“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ท่านพ่อของท่านชอบเสด็จพ่อของข้า หากไม่ได้พบกับท่านอาสะใภ้อาอวี้ ท่านพ่อของท่านก็คงเป็นสนมของเสด็จพ่อข้าไปแล้ว“ท่านดำเนินรอยตามท่านพ่อของท่านได้นี่!”ใบหน้าของพี่จี๋เอ๋อร์ซีดขาวไปหมด“องค์หญิง ท่านไม่ควรพูดเช่นนี้”ตอนที่พวกเราจะออกจากประตูเมือง พี่สามก็ตามม
ข้าคือเซียวจื่อเหิงที่เกือบจะถูกพี่สามแย่งชื่อไป เป็นองค์หญิงน้อยที่เสด็จพ่อตั้งตารอคอยมานานหลังจากที่ข้าเกิดมา ก็ได้รับความโปรดปรานอย่างมากเสด็จพ่อยังทรงโปรดให้สร้างตำหนักมุกหลังหนึ่งสำหรับข้าโดยเฉพาะภายในตำหนักมีไข่มุกและสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ นานา ซึ่งสื่อความหมายว่าข้าคือไข่มุกล้ำค่าในมือของเสด็จพ่อแม้ว่าเสด็จพ่อจะดีกับข้าที่สุดในใต้หล้า แต่คนที่ข้ารักที่สุดกลับเป็นเสด็จแม่ตอนที่เสด็จแม่ทรงอุ้มท้องข้า ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากหมอหลวงพากันเกลี้ยกล่อมให้นางละทิ้งข้า แม้แต่เสด็จพ่อก็ไม่ต้องการข้า แต่เป็นเสด็จแม่ที่ยืนกรานจะให้กำเนิดข้าดังนั้นหากเสด็จแม่ทรงบอกให้ทำสิ่งใด ข้าจะไม่ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเด็ดขาดข้าอาจทำให้ผู้อื่นเสียใจหรือโมโหได้ แต่มีเพียงเสด็จแม่ที่ไม่สามารถทำร้ายจิตใจได้พอเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ ทรงเสียพระทัยในทันทีแน่นอนว่า ข้าก็รักเสด็จพ่ออย่างมากเช่นกันเพียงแต่ เสด็จพ่อมักจะคิดว่าตนเองทำสิ่งดี ๆ ให้ข้าเสมอ แต่ของบางอย่าง ก็หาใช่ว่าข้าจะพึงพอใจอย่างเช่นตำหนักมุกนั่นกลับเป็นพี่สามที่ชื่นชอบ และมักจะมาหาข้าที่นี่เพื่อ “ยืม” เครื่องประดับอยู่เสมอพูดถึง
ข้าคือเซียวจื่อซูข้าต่างหากคือลูกที่เชื่อฟังที่สุดพี่ใหญ่เป็นรัชทายาท ดีไปหมดทุกอย่าง แต่ไม่ยอมอยู่ใต้การควบคุมพี่รองมีนิสัยรักอิสระ ชอบฝึกวรยุทธ์ แต่ยังควบคุมยากกว่าพี่ใหญ่เสียอีกมีแต่ข้าเท่านั้น ที่ทำตัวว่านอนสอนง่ายอยู่ข้างกายเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ไม่มีทางสร้างปัญหาให้พวกเขาข้าชอบสิ่งสวย ๆ งาม ๆนี่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรกระมังเสด็จพ่อไม่เข้าใจข้าแม้แต่น้อย ถึงได้ตั้งชื่อที่น่าเกลียดเช่นนั้นให้ข้าหากจริงอย่างที่เขาพูดว่า ชื่อเซียวอู๋หมิงนี้ดีมาก แล้วตอนนั้นที่ข้าเสนอจะเปลี่ยนชื่อกับน้องหญิง เหตุใดเสด็จพ่อถึงได้คัดค้านอย่างเต็มที่ด้วยเล่า?ดูเถอะ ชื่อเซียวจื่อเหิงยังไพเราะกว่าเซียวอู๋หมิงตามที่คิดไว้จริง ๆ!ภายใต้การหว่านล้อมทุกวิถีทางของข้า ในที่สุดข้าก็มีชื่อที่ไพเราะข้าชอบวาดภาพ อาจารย์ตงฟางซื่อของข้ายอดเยี่ยม เขาสอนข้าหลายอย่างข้าขยันและตั้งใจเรียน เสด็จพ่อและเสด็จแม่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบข้าพี่รองก็เพราะอิจฉาข้า จึงมักจะรังแกข้าอยู่เสมอวันนั้นเขามาที่ห้องนอนของข้า “นี่! เซียวอู๋หมิง! ข้าวของที่นี่ของเจ้าล้วนน่าเกลียด!”ระหว่างที่พูด มือของเขาก็ยังสัมผัสไป
ข้าคือเซียวจื่อลี่ บุตรคนรองของเสด็จพ่อและเสด็จแม่แต่ข้ารู้สึกมาตลอดว่า ข้ากับพี่ชายหน้าตาเหมือนกัน ตอนที่เกิดมา หมอตำแยต้องผิดพลาดเป็นแน่ ข้าต่างหากคือคนที่เกิดก่อนก็ใครใช้ให้ข้าใจกว้างกันเล่าน้องชายก็น้องชายหลังจากเสด็จแม่ทรงคลอดน้องสาม ข้าก็มิใช่ว่าได้เป็นพี่ชายแล้วหรอกหรือจะเห็นได้ว่า การเป็นพี่ชายหรือน้องชาย ก็เป็นเพียงการเทียบเคียงเท่านั้นตั้งแต่เล็กข้าก็รู้ว่าจะเอาใจเสด็จพ่ออย่างไร อย่ามองว่าเสด็จพ่อทรงดุร้ายน่ากลัว แท้จริงแล้วกลับพระทัยอ่อนเสด็จแม่ต่างหากที่ทรงเข้มงวดแท้จริงไม่ว่าจะกับข้า หรือกับพี่ชายกระทั่งแม้แต่เสด็จพ่อก็ยังถูกเสด็จแม่บังคับให้ตื่นเช้ามาฝึกวรยุทธ์ทุกวันต่อมาข้าถูกส่งไปที่สถาบันทางการทหารอยู่ที่นั่น ข้าได้รู้จักสหายดี ๆ มากมายลูกหลานของขุนนางในราชสำนักจำนวนไม่น้อย ก็ถูกส่งไปที่สถาบันทางการทหารเช่นกันมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น อย่างเช่นบุตรคนโตของภรรยาเอกที่ถูกคาดหวังไว้สูง เหมือนกับพี่ชายข้า ก็จะถูกส่งไปที่ห้องเรียน เพื่อเป็นสหายร่วมเรียนของรัชทายาทหากเทียบกันแล้ว ข้าชอบสถาบันทางการทหารมากกว่าพวกเราสามารถเกลือกกลิ้งไปมา ทำให้เสื้อผ้
ข้าคือเซียวจื่อหลิ่น บุตรคนแรกของเสด็จพ่อและเสด็จแม่แน่นอนว่า ข้ากับน้องชายคนที่สองเซียวจื่อลี่ แค่เกิดห่างกันไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาเสด็จพ่อและเสด็จแม่ทรงพูดเสมอว่า นิสัยของพวกเราฝาแฝดนั้นแตกต่างกันอย่างมากข้าทำสิ่งต่าง ๆ อย่างจริงจัง ชอบไปห้องเรียน ชอบอ่านหนังสือ เสด็จพ่อยังทรงชอบพาข้าไปห้องทรงพระอักษรด้วยส่วนน้องชายคนที่สองชอบเล่นสนุก บางครั้งก็ขาดความสำรวมไปห้องเรียน? นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยทุกครั้งที่ให้เขานั่งฟังบรรยายที่นั่น ก็ราวกับว่ากำลังลงโทษเขาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนข้า เสด็จพ่อจึงปรึกษากับเสด็จแม่ว่า จะส่งน้องรองไปฝึกวรยุทธ์ด้วยเหตุนี้ พวกเขาสองคนยังพาน้องรองไปหาอาจารย์ปู่ที่ภูเขาหวูหยาโดยเฉพาะภูเขาหวูหยาอยู่ไกลเกินไป เสด็จแม่จึงคิดหาวิธีเจอกันครึ่งทาง โดยให้เหล่าอาจารย์ลุงและอาจารย์อาของภูเขาหวูหยาลงจากเขา มายังเมืองหลวง เพื่อรับหน้าที่สอนในสถาบันทางการทหารดังนั้น น้องรองจึงใช้ชีวิตโดยที่ทุกวันจะออกจากวังไปฝึกวรยุทธ์ในตอนเช้า และถูกส่งกลับเข้าวังในตอนเย็นหากเทียบกับไปห้องเรียน สถาบันทางการทหารมีคนเยอะกว่า และครึกครื้นกว่าเสด็จพ่อทรงกังวลว่าข้าจะมุ่งแต่ศึ
นี่แตกต่างจากสิ่งที่ข้าเคยได้รับมาก่อนหน้านี้อย่างมาก!ข้าตัดสินใจแล้ว กลางดึกจะเลื้อยขึ้นเตียงของเขา ข้าจะทำให้เขาตกใจ!พอถึงกลางคืนข้าเลื้อยอย่างคืบคลานออกมาจากห้องเล็ก ๆ นั่นเดิมทีตั้งใจจะไปหาหลิวหวา ทว่า เลื้อยไปเลื้อยมา ข้าก็กลับมาถึงจวนอ๋องแล้วข้าตามกลิ่นของเจ้านายน้อยจี๋เอ๋อร์ จนมาถึงนอกประตูห้องข้าอยากเข้าไปดูเขาสักหน่อย กลับได้ยินภายในมีเสียงคุยกัน“อาอวี้ เจ้านำงูตัวโปรดไปทิ้งให้หลิวหวาจริงหรือ? เขาเป็นคนไม่ละเอียดรอบคอบ กลัวว่าจะดูแลไม่ดี...”“นั่นก็ไม่มีทางเลือก จี๋เอ๋อร์ขี้กลัว อีกอย่าง นี่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น”“ไม่สู้ลองนำมันมาแต่งตัวดู? หากมันหน้าตาไม่น่าเกลียดนัก ก็คงไม่ทำให้จี๋เอ๋อร์ตกใจ”ข้าอยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจนหากเทียบกับบอกว่าข้าน่ากลัวจนทำให้คนตกใจ ข้ายิ่งรับไม่ได้มากกว่าที่บอกว่าข้าน่าเกลียด!!!รุ่ยอ๋องที่อยู่ด้านในยังคงเสนอแนะ“อย่างเช่น ให้มันสวมเสื้อผ้า หรือทำเขามังกรให้มัน ถอนเขี้ยวมันออก... อืม ลิ้นก็ต้องดึงออกด้วย”ข้าถึงกับสั่นไปทั้งตัวอย่าพูดว่า “อย่างเช่น” อีกเลย! รุ่ยอ๋องช่างไม่ใช่คนจริง ๆ!นี่จะต่างอะไรกับการทรมาน?!ยังโชค







