Home / รักโบราณ / แม่หญิงย้อนเวลา มารักกับท่านขุน / แม่หญิงสูงศักดิ์กับแม่หญิงสายแซ่บ

Share

แม่หญิงสูงศักดิ์กับแม่หญิงสายแซ่บ

last update Last Updated: 2025-11-13 23:21:42

แดดสายสะท้อนลงบนหลังคามุงจาก กระทบผิวน้ำตลาดปากคลองจนเงาวาว แม่ค้าเขียงหมูเสียงดังแข่งกับเจ้าของร้านขนมฝอยทอง เสียงตะโกนเรียกลูกค้าเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ

ท่ามกลางความวุ่นวาย เมษาเดินมาในลุคสายช้อปย้อนยุค ผ้าซิ่นลายแดงสดเกือบสะท้อนแสงแดด เสื้อแขนกระบอกพับผิดเล็กน้อย ข้างหนึ่งไหล่ตก ข้างหนึ่งตั้งสง่า มือหนึ่งหิ้วขนมต้ม อีกมือถือทองหยอดมากินเล่น

“ว้าว ตลาดนี่คือสวรรค์ของสายกิน นี่ถ้ามีชาไข่มุกให้กินด้วยละก็ ฟินสุด ๆ”

แม่พลอยที่เดินตามแทบเอามือปิดหน้าผาก “อย่าพูดอะไรเพี้ยน ๆ ออกมาอีกเลยแม่เมษา แค่นี้คนก็มองกันทั้งตลาดแล้ว”

“ก็มองคนสวยไง ไม่เห็นแปลก หรือเธอว่าฉันไม่สวยหรือไงแม่พลอย”

“เออ ไอ้สวยน่ะก็สวย แต่แปลกก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน”

เมษากรอกตามองบน “จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ”

ที่หัวตลาด เสียงวุ่นวายของพ่อค้าแม่ขายยังครึกครื้น แต่ทันทีที่แม่หญิงรำเพยปรากฏกายเดินนวยนาดอย่างงามสง่า ตลาดทั้งแถบก็เหมือนชะงักอารมณ์หนึ่ง

ผ้าไหมสีชมพูทองจับจีบประณีต เสื้อห่มสไบกลิ่นน้ำอบโชยอ่อน ๆ

เมษาที่เพิ่งหันมาเห็น พึมพำกับแม่พลอยเบา ๆ “นั่นแม่หญิงรำเพยนี่”

แม่พลอยพยักหน้า “ใช่ แม่หญิงรำเพย คู่หมายของท่านขุนเทวัญ”

“คู่หมายหรือ” เมษาชะงัก ปากหยุดเคี้ยวขนม คิ้วหล่อนย่นเล็กน้อย

ขณะกำลังจะหันหลบเดินสวนทาง จังหวะนั้นเอง เมษาเหยียบหลุมดินร่างเธอเซไปข้างหน้า ก่อนไหล่ของเธอปะทะกับแม่หญิงรำเพยอย่างจัง จนสไบแพงปลิวสะบัดเล็กน้อย

รำเพยหยุดเดินทันทีแล้วหันกลับมาช้า ๆ สายตาไม่พึงใจนักที่โดนชน

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เมษารีบพูด แต่สีหน้าคือไม่ได้รู้สึกผิดสักเท่าไหร่

รำเพยปรายตามองเมษาตั้งแต่หัวจรดซิ่น ก่อนจะเลิกคิ้วน้อย ๆ อย่างจำหน้าได้

“เธอคือคนที่อยู่เรือนพี่เทวัญนี่”

เมษายิ้มหวาน กัดขนมต้มต่อเหมือนไม่รู้สึกรู้สา “อุ๊ย ตกใจเลยค่ะ ไม่นึกว่าแม่หญิงจะจำฉันได้ว่าเคยเจอที่เรือนคุณพี่ขุน”

ดวงตารำเพยเป็นประกายวาบเล็ก ๆ ที่เมษาเรียกขุนเทวัญราวกับสนิทสนม “เรียกพี่เทวัญเสียสนิทสนมเชียวนะ ฉันอยากรู้จริงว่าเธอเป็นใคร”

เมษาจึงได้ทีปั่นประสาทต่อ “ก็ฉันอยู่บ้านเดียวกับคุณพี่ขุนนี่คะ ก็ต้องสนิทสิ”

รำเพยกัดฟันนิด ๆ “ท่านขุนมีเมตตากับทุกคนในเรือน ย่อมต้องดูแลผู้มาอาศัยอย่างเธอเช่นกัน”

เมษาทำตาปริบ “โอ๊ย คุณพี่ขุนไม่ได้แค่มีเมตตาหรอกค่ะ แต่มีเสน่ห์ด้วย เวลาเขายิ้มนะ ใจมันจะบางทุกที”

แม่พลอยกลั้นหัวเราะแทบไม่ทันให้กับคำว่าใจบางของเมษา รำเพยยังยิ้มอยู่ แต่เป็นยิ้มที่เหมือนจะจ้องฟาดฟันใครสักคนได้

“แม่เมษานี่ ช่างพูดเจรจาพาทีได้สนุกนัก ฉันเองก็สนิทกับพี่เทวัญไม่น้อย ก็ไม่แปลกหรอกนะ เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจับให้เราเป็นคู่หมายกัน”

เมษายิ้มพองาม เอียงคอ ตอบกลับอย่างจีบปากจีบคอ “ไม่เห็นคุณพี่ขุนเล่าให้ฟังเลย เหมือนไม่ได้ใส่ใจ” จริง ๆ เธอไม่รู้อะไรนักหรอกว่าขุนเทวัญว่าอย่างไร แต่ด้วยความหมั่นไส้จึงแกล้งพูดไปแบบนั้น

แม่พลอยสะดุ้ง รีบใช้มือมาดึงชายผ้าของเมษาทันที เมษาหันมายักคิ้วหนึ่งที ราวกับพูดในใจว่ายัง มันยังไม่จบ

รำเพยยังยิ้มแต่แววตานั้นนิ่งราวกับกำลังต้องการเชือดเฉือนอริ ก่อนสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยเรียบ ๆ แต่ลึก “อย่างไรเสีย คนที่ถูกผู้ใหญ่หมายตา ก็ย่อมต้องเข้าไปอยู่ในเรือนไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ผู้มาอาศัย สักวันก็ต้องไป”

เมษายิ้มบาง ยกขนมต้มขึ้นเคี้ยวอีกรอบ “อืม นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านขุนเขาอยากให้ใครอยู่ หรืออยากให้ใครไป”

ก่อนที่ทั้งสองจะปะทะคารมกันมากกว่านี้ บ่าวของรำเพยรีบหันไปบอก “คุณหนูเจ้าคะ รถรออยู่แล้วเจ้าค่ะ”

รำเพยหันมายิ้มให้อีกครั้ง “ไว้เจอกันที่เรือนอีกนะเจ้าคะแม่เมษา จะได้สนทนากันให้ยืดยาวกว่านี้อีกนิด”

“แน่นอนค่ะ” เมษายิ้มยิงฟัน

แม่หญิงรำเพยหันหลัง ขึ้นรถไปโดยไม่หันกลับ เมษายืนกอดอก “เฮอะ แม่หญิงรำเพยผู้สูงศักดิ์”

แม่พลอยตีแขนเธอเบา ๆ “เธอไม่ควรไปตีตนเสมอแม่หญิงรำเพยแบบนั้น ฉันนี่หัวจะปวด”

เมษาหันมายิ้ม “แน่ะ เธอพูดจาภาษาทันสมัยเป็นแล้วแม่พลอย”

แม่พลอยยกมือขึ้นมาทาบปาก พลางสงสัยว่าจะอยู่กับแม่เมษามากเกินไป จนกลายเป็นวิปลาศเสียอีกคนแล้วมั้ง

บ่ายแก่ ๆ อากาศอบอ้าวจนชานเรือนแทบจะระเหิดเป็นไอ เมษานั่งอยู่ตรงชานเรือน ใบหน้าฉ่ำเหงื่อ มือหนึ่งจับผ้า มือหนึ่งจับถังน้ำเพื่อถูพื้นเรือน เพราะเธอถือว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย

จังหวะนั้นเอง ขุนเทวัญเดินลงมาจากเรือนด้วยท่าทีสงบ เสื้อสีขาวสะอาดเนี้ยบเหมือนเพิ่งรีด เมษาเงยหน้าขึ้นพอดี ก่อนจะส่งเสียงเรียกแบบที่ไม่มีใครในยุคนี้กล้าเอ่ย

“คุณพี่ขุนเจ้าขา สายป่านนี้เพิ่งตื่นหรือเจ้าคะคุณพี่ขุนสุดหล่อ” เสียงแจ้ว ๆ นั่นทำให้ขุนเทวัญชะงัก เท้าเขาเพิ่งเหยียบบันไดขั้นที่สาม ยังไม่ทันตั้งหลักดี

พรืด!

ขุนเทวัญก้าวพลาดไปหนึ่งขั้น พื้นไม้ที่ยังเปียกทำให้ลื่นปรี๊ด ร่างสูงเซถลาไปข้างหน้า ก่อนจะ

โครม!

“ว้าย! คุณพี่ขุนตกบันได” เมษาร้องเสียงหลง

เธอรีบกระโจนเข้าประคองทันที ขุนเทวัญยังนั่งนิ่งอยู่กับพื้น มือเท้าขอบบันได เสื้อผ้าเขาเปียกเป็นปื้นจากน้ำที่เธอเพิ่งถูไว้ ผ้าซิ่นเมษาก็เลอะน้ำไปครึ่งแถบ

“คุณพี่ขุนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่เดินดี ๆ”

ขุนเทวัญเงยหน้าช้า ๆ ใบหน้าหล่อคมยังคงสงบนิ่ง เว้นเสียแต่ใบหูที่เริ่มแดงเหมือนโดนแดดเผา

“ฉันเดินดีแล้ว แต่เธอสิเอาน้ำมาราดบันไดทำไม”

เมษายังไม่สลดเธอคว้าผ้าข้างตัวขึ้นมาเช็ดแขนให้เขาเร็วจี๋ ขุนเทวัญมองผ้าที่เธอใช้เช็ด แล้วเอ่ยเสียงนิ่ง

“นี่มันผ้าถูเรือนมิใช่รึ แม่เมษา”

เมษาชะงัก ค้างอยู่ท่านั้น “ขอโทษค่ะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ” เธอแอบห่อไหล่น้อย ๆ มองพื้นอย่างคนรู้สึกผิดกับความเปิ่นอีกแล้ว

ขุนเทวัญชะงักจากอากัปกิริยาที่แสดงออกอย่างน่ารัก ก่อนจะหันมามองเธออย่างตั้งใจ

“ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน”

เมษายิ้มแหย ๆ แล้วกอดอกไว้กับตัวเองแน่น เหมือนกลัวคนจะหาว่าเพี้ยน “บอกไปคุณพี่ขุนก็ไม่เชื่ออยู่ดี แต่ฉันก็จะบอกก็แล้วกันว่าฉันมาจากที่ที่เขาเรียกว่ากรุงเทพ ก็เมืองบางกอกที่พวกคนสมัยนี้เรียกกันนั่นแหละ ที่นั่นมีรถไฟฟ้า มีมือถือ มีทุกสิ่งที่เป็นความเจริญ”

“ฉันไม่รู้จักทุกสิ่งที่เธอเอ่ย แต่ไม่เป็นไร ฉันจะเชื่อตามที่เธอพูดมาก็แล้วกัน เอาไว้วันใดจำความได้ค่อยเล่าใหม่”

เมษาหัวเราะเบา ๆ “เห็นมะ คุณพี่ขุนหาว่าฉันเป็นบ้าอีกแล้ว แต่เอาจริง ๆ ฉันไม่ได้ลืม ฉันแค่ หลุดมาอยู่ผิดยุคเฉย ๆ”

ขุนเทวัญมองเธออย่างพิจารณา ก่อนจะหลุบตาลง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ว่าจะมาอย่างไร ตอนนี้เธออยู่ในเรือนของฉัน ดังนั้นฉันจึงมีหน้าที่ต้องดูแลเธอจนกว่า…”

เขาหยุดไปเล็กน้อย “จนกว่าจะหาทางกลับ หรือเข้าใจสิ่งใดสักอย่างได้มากกว่านี้”

เมษายิ้มอ่อน “งั้น ถ้าอยู่ตรงนี้แล้ว ฉันขอทำงานแลกข้าวแลกที่นอนก็แล้วกัน คุณพี่ขุนมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะวันนี้” พูดจบก็เดินเข้าไปเกาะแขนแสนล่ำของท่านขุนอย่างลืมตัว ด้วยความที่เป็นสาวที่ชอบการสกินชิปกับคู่สนทนา

ขุนเทวัญกลั้นขำแทบไม่อยู่ มุมปากกระตุกน้อย ๆ ก่อนส่ายหน้าเบา ๆ อย่างหมดปัญญา

“ไม่ต้องเลยดีกว่าแม่เมษา ฉันไม่อยากเป็นแผลฟกช้ำมากกว่านี้”

“ถ้างั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมษายกมือไหว้เบา ๆ ก่อนรีบแจ้นออกไปทันที ผ้าซิ่นปลิวตามจังหวะเดินเร็ว

เสียงฝีเท้าตุ้บตั้บปนเสียงฮัมเพลงไม่เข้าจังหวะของเธอจางหายไปทางหลังเรือน ขุนเทวัญมองหล่อนที่วิ่งหายไป ใบหน้าเขายังแดงอยู่เล็กน้อย มือหนึ่งยกขึ้นแตะแขนตัวเองที่ยังอุ่นจากสัมผัสของหญิงนางหนึ่ง

“ทำตัววุ่นวายเสียจริง” เขาพึมพำ แต่ก็คิดว่าบางทีความวุ่นวายแบบนี้ ก็ทำให้เรือนที่เคยเงียบสงบของเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่หญิงย้อนเวลา มารักกับท่านขุน   เมษาเธอไปไหน คุณพี่ขุนทำไมใจจะขาด

    กลางดึกคืนนั้น ลมพัดผ่านหน้าต่างเรือน เสียงพื้นเรือนแกรกกรากเบา ๆ คล้ายเสียงบางอย่างที่กระซิบจากอดีต ขุนเทวัญนอนนิ่งอยู่บนฟูก ห่มผ้าผืนบาง แสงจากตะเกียงหัวเตียงไหวระริก เขาเข้าสู่นิทราอย่างเงียบงัน ก่อนจะเข้าสู่ความฝัน ที่เหมือนจริงจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกคนในฝันเขายืนอยู่กลางเรือนไทยไม้สักหลังหนึ่ง ท่ามกลางแสงแดดอ่อนปลายรุ่ง เสียงระฆังวัดดังแว่วจากที่ไกล กลิ่นอบเชยและน้ำอบลอยมาแตะจมูกและตรงหน้าของเขาคือหญิงสาวผู้หนึ่ง สวมสไบเฉียงสีขาวนวล ผ้านุ่งสีแดงเลือดนก จีบหน้านางละเอียด เธอยิ้มพลางใช้มือบางแตะไหล่เขาเบา ๆ แววตาคู่นั้นทั้งคุ้นเคย ทั้งเศร้าและอ่อนหวานปนกัน“ท่านมาช้าอีกแล้ว” เสียงเธอเบาดุจสายลมที่กระซิบข้างหู“แต่ข้ากลับมาแล้ว” เขาพูดเสียงแผ่วตอบกลับทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังพูดกับใคร แม้ว่าจะเจอเธอมาหลายคราในห้วงนิทรา หัวใจแน่นตื้อเหมือนเคยพูดประโยคนี้มานับพันครั้ง“เราจะไม่พรากจากกันอีกใช่ไหม” หญิงสาวเอ่ยเขาคว้ามือเธอไว้ แต่แสงอาทิตย์กลับสว่างวาบ ภาพนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป ขุนเทวัญสะดุ้งตื่นในเช้ามืด เหงื่อซึมเล็กน้อยบนหน้าผาก แม้อากาศจะเย็นเขาลุกนั่งนิ่ง สบตากับความเงียบในห้อง เสี

  • แม่หญิงย้อนเวลา มารักกับท่านขุน   ท่านขุนต้องเป็นของฉัน

    เสียงฝนยังคงพรำลงไม่หยุด ใต้ชายคาศาลาเล็ก ๆ เมษายืนใกล้ขุนเทวัญจนได้กลิ่นไอของผ้าที่ชื้นด้วยฝนและกลิ่นกายของท่านขุนคลุ้งจาง ๆ ขุนเทวัญยังคงถือผ้าคาดเอวผืนยาวที่ใช้บังฝนให้เมษาไว้ในมือ ปลายผ้ายังเปียกอยู่บ้าง แต่มุมหนึ่งแห้งเมษาหันมามองเขา เห็นใบหน้าของขุนเทวัญมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามขมับ แก้ม และปลายคาง“คุณพี่ขุนเปียกหมดเลย” เมษาพูดเบา ๆ ก่อนจะยื่นมือมาหยิบปลายผ้าคาดเอวจากมือเขา ขุนเทวัญชะงักมอง ยังไม่ทันเอ่ยห้าม เมษาก็ยกผ้าผืนนั้นขึ้นอย่างเบามือ แล้วค่อย ๆ เช็ดหยดน้ำที่ข้างแก้มของเขา ขยับเลื่อนไปที่ขมับ และหน้าผากที่มีหยดน้ำเกาะพราว“อยู่เฉย ๆ สิคะจะเช็ดให้” เมษาว่าพลางยิ้มละไมขุนเทวัญยืนนิ่งเหมือนถูกมนตร์สะกด ใบหน้าเขานิ่งแต่หูเริ่มแดง แล้วแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตอนที่ปลายนิ้วของเมษาแตะลงเบา ๆ ตรงข้างสันกราม“คุณพี่ขุนหน้าแดงอีกแล้ว” เมษาเอียงคอถาม ยิ้มแบบคนรู้ทันขุนเทวัญเบือนหน้าหลบ “เธอนี่ ชอบพูดจาน่าเอามืออุดปากเสียจริง”“คุณพี่ขุนเนี่ยเป็นผู้ชายที่เรียบร๊อย เรียบร้อยนะคะ โดนแซวแค่นี่ถึงกับเขิน แต่ก็น่ารักนะเนี่ย” เมษายักคิ้วขุนเทวัญถึงกับไอออกมาในลำคอ “แม่เมษา พูดจาไม่งามเลย

  • แม่หญิงย้อนเวลา มารักกับท่านขุน   งานวัดฮีลใจ

    ในเช้าของวันที่แสงแดดอ่อน เสียงนกเอี้ยงร้องแว่วจากยอดมะม่วง แม่พลอยจัดผมให้เมษาอยู่หน้าห้องเรือนในด้วยสีหน้าเคร่งครัด เพราะว่าพระยาภูบดินทร์ บิดาของขุนเทวัญกลับมาจากราชการที่หัวเมืองเหนือ และทราบว่าที่เรือนมีหญิงหลงทางมาอยู่อาศัย จึงอยากพบกับเมษา“ฟังให้ดีนะ เธออย่าเผลอพูดอะไรแปลกหูเหมือนที่ชอบพูดกับฉันต่อหน้าคุณท่านนะ”“จ้า จะเรียบร้อยแบบกุลสตรีศรีรัตนโกสินทร์เลยแม่พลอย” เมษาเบะปากใส่กระจกบนเรือนใหญ่ พระยาภูบดินทร์นั่งอยู่ที่ตั่งกลางเรือน เสื้อแพรสีเทาเงินตัดกับผ้าพับอย่างเรียบ เส้นผมขาวแซมข้างหู แต่ดวงตายังคมและนิ่ง ข้าง ๆ กันคือคุณหญิงจันทร์วาด ที่กำลังจิบชาด้วยท่าทางของหญิงชั้นสูงเมษาเดินเข้ามาด้วยอาการกึ่งประหม่า แต่พยายามทำใจดีสู้เสือ“กราบสวัสดีค่ะ คุณท่าน คุณหญิง แล้วก็คุณพี่ขุน เอ๊ย ท่านขุนเทวัญค่ะ” มือยกพนมแสนเรียบร้อย แต่เสียงสั่นปลายประโยคคุณหญิงหรี่ตามองตั้งแต่หัวจรดปลายซิ่น “ขอให้ความเรียบร้อยนั้นอย่าได้หมดอายุภายในห้านาทีเถอะ”พระยาภูบดินทร์หัวเราะเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบ เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินบ่อยในเรือนนี้“เธอคือแม่เมษาหรือ ดูท่าทางแปลกจากคนบ้านนี้เมืองนี้ยิ่งนัก

  • แม่หญิงย้อนเวลา มารักกับท่านขุน   คำอธิษฐานที่ตรงกัน

    เสียงเครื่องยนต์รถยนต์ฝรั่งดังกระหึ่มขณะแล่นไปตามถนนลูกรังในพระนคร เมษานั่งเบียดแม่พลอยอยู่เบาะหลัง ดวงตาโตเท่าไข่ห่าน มองซ้ายขวาไม่หยุดส่วนขุนเทวัญนั่งอยู่เบาะด้านหน้าโดยมีเฟื่องเป็นคนขับรถ รถยนต์สีดำสนิทเงางาม ประทุนเปิดรับลมเย็นบาง ๆ ของช่วงสายวันนั้น“เพิ่งเคยนั่งรถโบราณย้อนยุคครั้งแรก” เมษาตะโกนฝ่าลม“รถโบราณอะไรกันแม่เมษา คันนี้เพิ่งนำเข้ามาจากอังกฤษเลยนะ” ขุนเทวัญพูดโดยไม่หันกลับมามอง“จริงด้วย นี่เรามาอยู่ในยุครัตนโกสินทร์นี่” เมษาบอกกับตัวเองก่อนที่จะหันไปมองทิวทัศน์รอบข้างของพระนครยุครัตนโกสินทร์รถยนต์แล่นมาหยุดที่หน้ากรมพระคลังสินค้า ซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมผสมไทย-ตะวันตก ตัวอาคารสองชั้นทาสีขาวครีม มีบานหน้าต่างโค้งประดับไม้ฉลุลายทอง เสาเรียงรายรับชายคายาว หน้ากรมมีธงชาติสยามปลิวไสว เมษานั่งอ้าปากค้างอยู่เบาะหลัง“โอ้โห นี่หรือคือกรมพระคลังสินค้าของจริง มันทั้งสวยและดูขลังมาก”ขุนเทวัญหันมามองด้วยสีหน้าขรึมแต่แววตาขำ “ดูเธอจะไม่เคยเข้ามากลางพระนครสินะ”เขาก้าวลงจากรถแล้วหันมาทางแม่เมษาและแม่พลอย“ฉันต้องเข้าไปสะสางราชการภายในไม่นานนัก พวกเธอรออยู่แถวนี้ก่อน”“เจ้าค่ะ” แม่

  • แม่หญิงย้อนเวลา มารักกับท่านขุน   ภาพในฝันที่เริ่มชัด

    ในคืนนั้น สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านเรือนไม้ เสียงจั๊กจั่นยังดังเป็นจังหวะ กล่อมให้บรรยากาศยามค่ำในพระนครเงียบสงัดยิ่งขึ้นเมษานอนอยู่บนฟูกบาง ๆ ใต้แสงตะเกียงน้ำมันที่ไหวระริก เสียงลมหายใจเธอสม่ำเสมอก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป และเข้าสู่ห้วงนิทราเธอฝัน แต่มันทั้งชัดเจนและพร่าเบลอในเวลาเดียวกัน ในฝันนั้นเมษายืนอยู่กลางลานกว้าง รอบตัวเป็นสวนไม้สูงเรียงรายเหมือนเขาวงกต กลิ่นกำยานหอมจาง ๆ ลอยมาแตะจมูก ผืนฟ้าเป็นสีแดงใกล้โพล้เพล้ แต่ไม่มีแดด ไม่มีเงา เหมือนเป็นโลกอีกมิติหนึ่งเธอก้มมองตัวเองพบว่าตนเองไม่ได้สวมเสื้อแขนกระบอกหรือผ้าซิ่นแบบทุกวัน แต่เป็นสไบเฉียงสีขาวนวล เนื้อผ้าบางเบา และผ้านุ่งแบบจีบหน้านางสีแดงเข้ม ลวดลายละเอียดประณีตแบบหญิงในสมัยอยุธยา ซึ่งไม่เคยมีใครในยุครัตนโกสินทร์แต่งเช่นนั้นเธอก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เท้าเปล่าสัมผัสพื้นดินอ่อนนุ่มและเย็นจับใจ เมษารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับเคยเดินผ่านตรงนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างกาย เสียงที่ทุ้มนุ่ม และอบอุ่นอย่างประหลาด“เจ้ามาแล้วหรือ”เมษาหันขวับ ชายหนุ่มในชุดโจงกระเบนสีดำ สวมเสื้อห่มแพร ผ้าโพกหัวบาง ๆ ดวงตาคมคู่นั้

  • แม่หญิงย้อนเวลา มารักกับท่านขุน   แม่หญิงสูงศักดิ์กับแม่หญิงสายแซ่บ

    แดดสายสะท้อนลงบนหลังคามุงจาก กระทบผิวน้ำตลาดปากคลองจนเงาวาว แม่ค้าเขียงหมูเสียงดังแข่งกับเจ้าของร้านขนมฝอยทอง เสียงตะโกนเรียกลูกค้าเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณท่ามกลางความวุ่นวาย เมษาเดินมาในลุคสายช้อปย้อนยุค ผ้าซิ่นลายแดงสดเกือบสะท้อนแสงแดด เสื้อแขนกระบอกพับผิดเล็กน้อย ข้างหนึ่งไหล่ตก ข้างหนึ่งตั้งสง่า มือหนึ่งหิ้วขนมต้ม อีกมือถือทองหยอดมากินเล่น“ว้าว ตลาดนี่คือสวรรค์ของสายกิน นี่ถ้ามีชาไข่มุกให้กินด้วยละก็ ฟินสุด ๆ”แม่พลอยที่เดินตามแทบเอามือปิดหน้าผาก “อย่าพูดอะไรเพี้ยน ๆ ออกมาอีกเลยแม่เมษา แค่นี้คนก็มองกันทั้งตลาดแล้ว”“ก็มองคนสวยไง ไม่เห็นแปลก หรือเธอว่าฉันไม่สวยหรือไงแม่พลอย”“เออ ไอ้สวยน่ะก็สวย แต่แปลกก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน”เมษากรอกตามองบน “จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ”ที่หัวตลาด เสียงวุ่นวายของพ่อค้าแม่ขายยังครึกครื้น แต่ทันทีที่แม่หญิงรำเพยปรากฏกายเดินนวยนาดอย่างงามสง่า ตลาดทั้งแถบก็เหมือนชะงักอารมณ์หนึ่งผ้าไหมสีชมพูทองจับจีบประณีต เสื้อห่มสไบกลิ่นน้ำอบโชยอ่อน ๆเมษาที่เพิ่งหันมาเห็น พึมพำกับแม่พลอยเบา ๆ “นั่นแม่หญิงรำเพยนี่”แม่พลอยพยักหน้า “ใช่ แม่หญิงรำเพย คู่หมายของท่านขุนเทวัญ”“คู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status