“คุณหนู!” โทนี่เรียกนายสาว สีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มเต็มไปด้วยความตระหนก
วาคิมใจหายวูบ ขนอ่อนในกายลุกเกรียวด้วยความหวาดหวั่น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีถีบโทนี่ออกห่าง ตะเกียกตะกายคลานเข้าหาร่างบางที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาระหว่างเรียวขาของหล่อน หรือว่าหล่อนจะ...
“ไม่นะ! เกล็ดมุก ลืมตามองฉันสิ มองฉัน! อย่าหลับนะ ได้โปรด.. ไม่!”
เกล็ดมุกเจ็บร้าวราวถูกเฉือนที่ขั้วหัวใจ น้ำตาไหลหลั่งพรั่งพรูอาบใบหน้า สติใกล้เลือนหายเมื่อความเจ็บปวดวิ่งเข้าแทนที่
วาคิมเข้าช้อนร่างหญิงสาวขึ้นแนบอก ก่นด่าตัวเองเป็นร้อยครั้งว่าไม่ควรมาที่นี่ ถ้าเขาไม่มาหล่อนคงไม่ต้องเจ็บตัว แล้วไหนจะลูกของหล่อนอีกเล่า โธ่เอ๋ย...ทำไมเขาทรมานอย่างนี้ อย่าให้เด็กในท้องหล่อนเป็นอะไรเลย เขาขอร้อง!
“มุก! ลืมตาสิคนดี มุกอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!”
เหมือนหนึ่งดวงใจที่ใกล้จะหลุดลอย วินาทีนี้วาคิมจมดิ่งอยู่ในห้วงเหวของความทุกข์ทรมานไปแล้ว
“คุณหนู!?” โทนี่รีบวิ่งออกไปเรียกหมอ กวินที่เพิ่งฟื้นขึ้นมารีบพยุงกายไปกดปุ่มเรียกพยาบาลที่หัวเตียง บอดี้การ์ดหนุ่มใจจะขาดตามเจ้านายไปด้วย ยิ่งเห็นโลหิตที่เจิ่งอยู่บนพื้นก็ยิ่งปวดใจ เกล็ดมุกคงจะไม่...
“คุณ...วา” เสียงขาดห้วงของเกล็ดมุกเอ่ยแผ่วเบา
“มุก! ฉันอยู่นี่...ฉันอยู่นี่แล้ว”
วาคิมตอบเสียงสั่น น้ำใสๆ เอ่อคลอที่นัยน์ตาคู่คม
“มุกเจ็บ เจ็บ...เหลือเกิน ช่วยลูกด้วย คุณ...วา ช่วย ‘ลูกของเรา’ด้วย....”
น้ำตาอุ่นๆ ไหลลงสู่อุ้งมือของวาคิม ก่อนที่สติของเกล็ดมุกจะดับวูบ วาคิมน้ำตาไหลอาบใบหน้า ความจริงที่เกล็ดมุกได้เอ่ยกำลังฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น นี่เขาทำอะไรลงไป นี่ลูกเขา ลูกเขาจะตายไหม ไม่นะ! ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย
กวินเพิ่งรู้เรื่องที่เกล็ดมุกตั้งท้อง เขาทั้งดีใจทั้งกังวลระคน ได้แต่กัดฟันข่มความเจ็บที่ศีรษะวิ่งออกไปตามหมออีกคน ให้ตายเถอะ! คุณหนูตัวน้อยอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ
“โธ่...มุก! ไม่นะ! มุก!!!”
เสียงร้องครวญประดุจสัตว์บาดเจ็บของวาคิมดังก้องไปทั้งชั้น เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย สองแขนกอดรัดร่างไร้สติไว้แนบอก หนึ่งชีวิตในท้องของหล่อนคือเด็กที่เขาเคยเกลียดชัง ใครจะไปล่วงรู้ว่านั่นคือลูกของเขาเอง ลูกที่อาจจะตาย!
ได้โปรดเถอะเกล็ดมุก อย่าเอาคืนกันด้วยวิธีนี้เลย เขายอมแล้ว ยอม...ทุกอย่าง เข้มแข็งเข้าไว้นะคนดี ทั้งคู่จะต้องปลอดภัย พวกหล่อนจะต้องปลอดภัย!
______________
เจ้าสัวเมฆินทร์พร้อมด้วยบอดี้การ์ดสองนาย เดินตรงรี่ไปขึ้นลิฟต์ทันทีที่ก้าวเข้ามาในโรงพยาบาล ใบหน้าของท่านฉายแววกังวลอย่างปิดไม่ปิด
“โธ่เอ๋ย...เกล็ดมุก หนูอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะลูก ป๋าไม่ดีเองที่ทิ้งหนูไป ป๋าขอโทษ แม้นวาด...เฮียขอโทษที่ดูแลลูกของเราไม่ดี ลื้อช่วยลูกกับหลานของเราด้วยนะเฮียขอร้อง”
ท่านพึมพำถึงดวงวิญญาณของยอดดวงใจ ไม่มีครั้งไหนที่ท่านจะรู้สึกแย่ขนาดนี้ หรือว่านี่เป็นผลกรรมที่ท่านได้ทำไว้กับแม่หนูวารินทร์ กรรมมันกำลังสนองท่านใช่ไหม ได้โปรดเถิดสวรรค์ ช่วยหลานตัวน้อยๆ ของท่านด้วยเถิด
________________
หัวใจน้ำแข็งของวาคิมอ่อนแออย่างที่สุด มันเริ่มละลายตั้งแต่วันที่เกล็ดมุกเดินเข้ามาในชีวิต เกล็ดมุกบางๆ ของหล่อนฝ่าด่านกำแพงน้ำแข็งเข้าสู่ดวงใจด้านชา ใช้ความอบอุ่นอ่อนโยนและจริงใจ ค่อยๆ ซึมแทรกสู่หัวใจเขาทีละเล็กทีละน้อย จนวันนี้หัวใจน้ำแข็งของเขากลับมามีเลือดเนื้ออีกครั้ง มันรู้สึกเจ็บเมื่อเห็นหล่อนเจ็บ มันปวดร้าวเมื่อเห็นหล่อนทรมาน เขาคงรักหล่อนเข้าให้แล้ว รักผู้หญิงที่เขาเคยตราหน้าว่าเป็นแค่นางบำเรอไร้ค่าคนนี้
ร่างสูงใหญ่ที่เคยผึ่งผายสมชาย บัดนี้ไหล่ห่ององุ้ม บ่าสองข้างอ่อนแรงและลู่ลง นัยน์ตาคู่คมหม่นแสงไม่สดใส เอาแต่เหม่อลอย ไม่นำพาต่อความเจ็บปวดใดๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทั้งที่ใบหน้าที่แตกยับมีเลือดไหลซิบๆ บางแห่งเริ่มเขียวและบวมช้ำ เขาไม่แยแสต่อความห่วงใยของกวินที่รบเร้าให้ไปทำแผล เขาไม่อยากไปไหน ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเกล็ดมุกปลอดภัย เขาชั่วนักที่ทำให้คนที่รักต้องเดือดร้อน เขามันเลวระยำ!
ร่างสูงลุกพรวดขึ้นในวินาที่นั้น มือขวากำหมัดแน่นก่อนจะกระแทกมันเข้าผนังปูน
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
“ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว! โธ่เว้ย!”
เสียงร้องของวาคิมกับเสียงหมัดที่ดังอยู่ ฉุดกวินออกจากห้วงความคิด เขากระโจนเข้าประชิดร่างเจ้านายทางด้านหลัง แล้วลากเจ้าตัวไปทำแผลอีกห้อง แน่นอนว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากคนเจ็บเลยแม้แต่น้อย วาคิมร่ำๆ เรียกหาแต่เกล็ดมุกจนพยาบาลต้องเร่งทำแผลให้ ก่อนที่เขาจะพากลับมานั่งที่เดิม ให้สมใจเจ้านาย
“ถ้าคุณหนูเล็กเป็นอะไรไปละก็ พวกนายเหลือแต่ชื่อแน่ๆ”
โทนี่ประกาศใส่หน้าวาคิม เจ้าหมียักษ์หัวทองแทบจะไม่มีส่วนใดบุบสลาย
“อย่ามาแช่งเมียฉัน!” วาคิมกัดฟันโต้กลับ แม้สังขารจะไม่อำนวยแต่พร้อมจะวางมวยกับโทนี่ได้ทุกเมื่อถ้าอีกฝ่ายต้องการ รู้ว่าตัวเองต้องเจ็บเพราะฝีมือสู้ไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ฆ่าได้หยามไม่ได้!
“โทนี่! ขอเหตุผลดีๆ ว่าทำไมไอ้เลวนี่มาอยู่ตรงนี้”
เสียงทรงอำนาจของเจ้าสัวเมฆินทร์ตวาดบอดี้การ์ดคู่กาย เมื่อสายตาของท่านปะทะเข้ากับไอ้สารเลวที่สภาพใบหน้ามีผ้าพันแผลปิดไปทั่ว แทบจำเค้าเดิมไม่ได้
โทนี่ก้มศีรษะน้อมรับความผิด วาคิมลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ‘ไอ้เลว’ ที่ถูกกล่าวถึงคือใคร ความหึงหวงแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เมื่อคำนึงถึงสถานะระหว่างเจ้าสัวใหญ่กับเกล็ดมุก
“โรงพยาบาลนี้เป็นของผม ผู้หญิงที่อยู่ในห้องก็เคยเป็น ‘เมียผม’ และกำลังจะเป็น ‘แม่ของลูกผม’ ต้องอธิบายอะไรเพิ่มไหมครับเจ้าสัว”
ดวงตาวาวโรจน์ของเจ้าสัวใหญ่จ้องว่าที่ลูกเขยอย่างเอาเรื่อง ท่าทีหยิ่งจองหองที่มันแสดงออกมาไม่ได้มีความเคารพยำเกรงท่านเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังอ้างสิทธิ์ในตัวลูกสาวของท่าน ทุเรศสิ้นดี!
“เฮอะ! อั๊วไม่สนหรอกนะว่าลื้อต้องอธิบายอะไรเพิ่มหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ไอ้ลูกหมาที่มันทำ ‘ลูกสาวอั๊ว’ ตั้งท้อง อั๊วรับรองว่ามันได้กินลูกตะกั่วแทนข้าวแน่ๆ”
เจ้าสัวใหญ่ยิ้มเยาะ เชือดคอว่าที่ลูกเขยนิ่มๆ ด้วยประโยคเด็ดอย่างสะใจ
วาคิมสมองเบลอชั่วขณะ อาการคล้ายถูกน็อกกลางอากาศ หันไปมองบอดี้การ์ดคู่ใจก็เห็นกวินนิ่งงันไปเช่นกัน แสดงว่าที่หูได้ยินเมื่อครู่คือ ความจริง! ถ้าเป็นเช่นนั้น ความหวังที่จะได้เกล็ดมุกกับลูกคืนมาคงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
ร่างบอบช้ำอยากทรุดลงเดี๋ยวนั้นหากไม่ติดว่าแพทย์สูงวัยเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเสียก่อน วาคิมตรงดิ่งเข้าหาชายในชุดกาวน์พร้อมๆ กับเจ้าสัว
“คุณหมอ! ลูกสาวผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“นี่ละครับที่หมออยากได้รับการตัดสินใจจากญาติซะก่อน คือว่าคนไข้มีภาวะเสี่ยงจากการตกเลือด หมอแนะนำว่าถ้าจะให้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เราคงต้องเอาเด็กออก”
“นี่! นายจะเอาอะไร ทำไมไม่ยอมพูดล่ะ เอ๊ะ...หรือว่านายเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ไม่ๆๆ นายห้ามอาบน้ำเด็ดขาด! อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวไข้ขึ้น หรือว่านายหิวข้าว? เดี๋ยวฉัน...เดี๋ยวฉัน ฉัน...กลับห้องดีกว่า...”วารินทร์สะดุดกึกเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเมฆา เธอรีบหยุดความห่วงใยที่ส่งผ่านคำพูดรัวเป็นชุด รีบดึงมือน้อยออกจากการเกาะกุม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเตรียมตอบคำถามว่าเพราะเหตุใด เธอถึงยังอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาไล่กลับห้องไปแล้ว“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้ามานะ พอดีฉันได้ยินเสียงนายคราง คงเพราะพิษไข้ ฉันก็เลย...” แก้ตัวไม่ทันจบก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง วารินทร์นิ่งอึ้งไม่ขัดขืน ยินยอมให้ไหล่น้อยๆ ของเธอเป็นที่พักพิงแก่นายเหมืองผู้เอาแต่ใจ เขากอดเธอแน่น เกยศีรษะได้รูปบนบ่าของเธอ“นายเหมือง...เป็นอะไร” เธอถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลยนั่งอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน กระทั่งแรงสะท้านจากคนตัวใหญ่ทำให้เธอใคร่รู้ เธอดันเขาออกห่าง และได้รู้ว่าบ่าน้อยๆ กำลังเปียกชุ่ม“นะ...นายร้องไห้ทำไม ไม่อยากจะเชื่อ! สงสัยนายคงยัง
[10]แค้นที่แสนหวานสองอาทิตย์กว่าๆ กับชีวิตในเหมืองเถื่อน ดินแดนที่มีเพียงป่าเขาลำเนาไพรและสายน้ำ ขณะที่พื้นราบด้านล่างฟุ้งตลบด้วยฝุ่นแดงๆ แต่พอขึ้นเนินเตี้ยๆ ไปไม่เท่าไร ก็จะปรากฏสรวงสวรรค์ที่แตกต่างจากด้านล่างอย่างสิ้นเชิงทุกวันวารินทร์ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานเหมือนคนงานหญิงคนอื่นๆ บ้างก็รดน้ำพรวนดินที่แปลงผัก บ้างก็ช่วยดูแลเห็ดที่โรงเรือนเพาะเลี้ยง หนักสุดเห็นจะเป็นที่เล้าไก่ แต่ก็ยังดี เพราะหากเขาให้เธอไปประจำที่เล้าหมู คงได้เป็นลมวันละสามเวลาในตอนเที่ยงของทุกๆ วัน เธอต้องมาช่วยป้าน้อมที่โรงครัวซึ่งจะทำอาหารไว้เพียงพอสำหรับทุกคนวันละสองมื้อ เช้ากับเที่ยง ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเหมือนที่เธอคาดหวัง หากว่าจะตัดเจ้าของเหมืองผู้เอาแต่ใจออกไปบางครั้งวารินทร์ก็นึกชิงชังร่างกายของตนที่ตอบสนองคนบ้าอำนาจในยามค่ำคืน บางทีเขาอ่อนโยน แต่บางทีก็เย็นชา เหมือนในทุกๆ เช้า เธอต้องตื่นมาพบกับความว่างเปล่าอยู่เสมอ ที่นอนข้างๆ เย็นเฉียบ มีเพียงรอยยับย่นบนฟูกหนาที่ยืนยันว่ายามค่ำคืนเขากกกอดเธอเอาไว้
“คุณหนู!” โทนี่เรียกนายสาว สีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มเต็มไปด้วยความตระหนกวาคิมใจหายวูบ ขนอ่อนในกายลุกเกรียวด้วยความหวาดหวั่น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีถีบโทนี่ออกห่าง ตะเกียกตะกายคลานเข้าหาร่างบางที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาระหว่างเรียวขาของหล่อน หรือว่าหล่อนจะ...“ไม่นะ! เกล็ดมุก ลืมตามองฉันสิ มองฉัน! อย่าหลับนะ ได้โปรด.. ไม่!”เกล็ดมุกเจ็บร้าวราวถูกเฉือนที่ขั้วหัวใจ น้ำตาไหลหลั่งพรั่งพรูอาบใบหน้า สติใกล้เลือนหายเมื่อความเจ็บปวดวิ่งเข้าแทนที่วาคิมเข้าช้อนร่างหญิงสาวขึ้นแนบอก ก่นด่าตัวเองเป็นร้อยครั้งว่าไม่ควรมาที่นี่ ถ้าเขาไม่มาหล่อนคงไม่ต้องเจ็บตัว แล้วไหนจะลูกของหล่อนอีกเล่า โธ่เอ๋ย...ทำไมเขาทรมานอย่างนี้ อย่าให้เด็กในท้องหล่อนเป็นอะไรเลย เขาขอร้อง!“มุก! ลืมตาสิคนดี มุกอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!”เหมือนหนึ่งดวงใจที่ใกล้จะหลุดลอย วินาทีนี้วาคิมจมดิ่งอยู่ในห้วงเหวของความทุกข์ทรมานไปแล้ว“คุณหนู!?” โทนี่รีบวิ่งออกไปเรียกหมอ กวินที่เพิ่งฟื้นขึ้นมารีบพยุงกายไปกดปุ่มเรียกพยาบาลที่หัวเต
“งั้นก็เอาสิ ฆ่าเลย! เอาเลย ฆ่าเลย! ฆ่าสามีของเธอด้วยมือของเธอเลย!”เขารุกหนัก วารินทร์สะดุ้งโหยง เผลอกดมีดลงที่เนื้ออ่อนกลางลำคอจนเกิดแผลเล็กน้อย เลือดสดๆ ไหลออกมาอย่างอ้อยอิ่ง น่าแปลกที่มันช่างบีบหัวใจจนเธอรู้สึกว่าไม่มีอากาศพอเข้าไปหล่อเลี้ยงภายในร่าง“รออะไร! ฆ่าเลยสิวารินทร์ โอกาสของเธอแล้วนี่ ฉันพร้อมแล้ว!”วารินทร์หน้าซีดเผือด มองเลือดที่ไหลหายเข้าไปภายในคอเสื้อเขา เธอตัดสินใจถอยหลัง แหวกม่านน้ำที่สูงถึงเอวเพื่อหลบเลี่ยงสิ่งที่สวนทางกับหัวใจ เธอฆ่าเขาไม่ได้ เธอไม่ใช่คนโหดร้ายขนาดนั้นเสียงฟ้าคำรามใกล้ๆ ทำให้วารินทร์ตกใจขว้างมีดทิ้ง ก่อนที่มันจะเป็นชนวนล่อฟ้า“วารินทร์!?”“มะ...ไม่ ฉะ...ฉันทำไม่ได้! ฉันกลัว นายก็เลิกบ้าซะที! ฉันกลัวเลือด เลือดนายไหลใหญ่แล้ว!” เธอร้องบอก หน้าสวยสลดวูบเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ขณะที่ตัวเองก้าวขาไม่ออก ดวงตาสีนิลปิดฉับทันทีที่เขาเข้าถึงตัว คราวนี้เธอตายแน่ๆ ได้เหลือแต่ชื่อก็คราวนี้แหละวารินทร์เปรี้ยง! เปรี้ยง!“กรี๊ดดด!!!”แสงสี
เมฆาพาหญิงสาวเดินข้ามเนินดินสองลูกก็มาถึงที่หมาย วารินทร์ตาโตอ้าปากค้างเพราะเจอเข้ากับม่านน้ำตกผืนใหญ่ตรงหน้า ให้ตายเถอะ ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดเสียอีกที่ได้ยินเสียงน้ำตกดังอยู่ไม่ไกล ไม่น่าเชื่อว่าด้านล่างหุบเขาที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ฝุ่นแดงๆ พอขึ้นมาข้างบนกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวต้นไม้ใหญ่รายล้อมผืนน้ำตกสูงชัน มีมวลดอกไม้นาๆ พรรณขึ้นรายล้อมลดหลั่นเป็นขั้นเป็นชั้น ซ้อนเรียงกันลงมาราวบันไดสวรรค์ ขนาดมองไม่ชัดเพราะยังเช้ามืดอยู่ อาศัยเพียงไฟดวงใหญ่จากเพิงใกล้ๆ ยังสามารถมองเห็นความสวยงาม แล้วถ้าตอนรุ่งเช้าที่แสงพระอาทิตย์สาดส่องเล่า ม่านน้ำตกจะงดงามเพียงไรก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยทอดตัวลดหลั่นล้อมรอบ ดั่งปราการที่ใช้ต่อต้านการรุกรานจากโลกภายนอก เวิ้งน้ำขนาดใหญ่ใสแจ๋วน่าแหวกว่ายเป็นที่สุด แม้ว่าตอนนี้น้ำจะเย็นจัดก็เถอะ น้ำตกนี่คงเป็นต้นน้ำที่ไหลเป็นลำธารลงสู่เบื้องล่าง หล่อเลี้ยงลมหายใจของคนในเหมืองกระมัง“นี่! มัวยืนเฉยอยู่ทำไม โน่นเลย ลงไปตักน้ำมารดผักในแปลง”เขาสั่งเสียงเข้ม ชี้มือไปยังเนินกว้างด้านหนึ่งวารินทร์อ้าปากหวอต่อด้วยอาการใบ
[9]พริกจิ้มพริก_________วารินทร์ยกมือไหว้ด้วยมารยาทอันพึงมี อับอายยิ่งนักเมื่อสายตาของหญิงชรากวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่องรอยที่เขาตีตราไว้บนผิวเนื้อ คงจะโผล่พ้นชุดของเธอออกมาให้คนมองแลเห็น“ไหว้พระเถอะแม่หนู ป้าชื่อน้อมเป็นแม่นมของคุณชายใหญ่ เอ่อ...นายเหมืองเมฆาน่ะ ไม่ต้องกลัวป้าหรอกนะ มาเถอะจ้ะ ขึ้นเรือนดีกว่าหนูจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ดึกดื่นมืดค่ำจะหนาวเย็นเปล่าๆ” ว่าแล้วก็จูงมือหญิงสาวคราวหลานขึ้นเรือน นางตรงไปยังห้องติดครัวที่นายหนุ่มสั่งเอาไว้ในห้องมีเพียงเตียงเล็ก โต๊ะเตี้ยหนึ่งตัวแล้วก็ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ หนึ่งหลัง วารินทร์สำรวจรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็วตามนิสัย แล้วก็ยิ้มออกเมื่อเห็นห้องน้ำ แค่นี้ก็อุ่นใจ เธอไม่ปรารถนาจะเป็นนางเอกนิยายดราม่าที่ต้องลำบากตักน้ำมาใส่โอ่ง แต่ถ้าเขาจะให้เธอทำละก็ สบายมาก ทั้งตักน้ำ ผ่าฟืน ทำสวน วารินทร์คนนี้ไม่กลัว เธอพร้อมสู้ตาย ขออย่างเดียวเท่านั้น อย่าให้เธอเป็นแม่ครัวก็พอ“หนูชื่อวารินทร์ใช่ไหม” นางน้อมถาม“ค่ะ