@หมู่บ้านโขงเข้
“เอ้า! ไอ้แฝดออกจากป่าเป็นด้วยเหรอวะ!” เมื่อพวกเขาเริ่มเข้ามาในตัวหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็เอ่ยถามขึ้นเมื่อออกมาจากป่าบ้านหลังแรกที่เจอก็คือบ้านผู้ใหญ่ช้าง ตะเข้ที่เป็นคนขี่รถนั้นจึงจอดรถเพื่อให้ตะโขงที่หิ้วพวงอะไรสักอย่างซึ่งเก็บมาระหว่างทางลงไปยื่นให้ผู้ใหญ่
“คิดถึงพ่อคิดถึงแม่ครับเลยออกมาหาบ้าง นี่มะกอกป่าผมเก็บมาระหว่างทางเอาไปตำส้มตำกินได้”
“เออๆ ขอบใจ พ่อกับแม่เอ็งก็อยู่บ้านแหละเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพมั้งเห็นว่าไปรับสาวน้อยมาจากในกรุง”
“อ่อ ลูกสาวเพื่อนเขามั้ง ไงผมไปหาเขาก่อน”
“เออๆ ข้าก็จะไปอาบน้ำกินข้าวแล้ว” ผู้ใหญ่ช้างบอกแล้วก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนสองหนุ่มก็ขับรถตรงไปยังบ้านของเขาที่อยู่แทบจะทางเข้าหมู่บ้าน ส่วนบ้านผู้ใหญ่นั้นอยู่ท้ายหมู่บ้านติดกับป่า
ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีเขาก็มาถึงบ้านของพวกเขาที่เป็นบ้านชั้นเดียวแต่มีขนาดใหญ่ ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ เมื่อดับรถเครื่องแล้วพวกเขาก็พากันเดินเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่พบใครสักคน จึงเดินออกมาหน้าบ้านก็เห็นพ่อกับแม่เดินคุยกันเข้ามา
“อ้าว! เพิ่งมาเหรอ?”
“ครับ ไปไหนกันมา?”
“บ้านตรงข้ามลูกสาวเขาคลอดลูกเลยไปดูมา ได้ลูกสาวน่ะ”
“คลอดที่บ้านเหรอครับ?” ตะโขงถามแล้วเดินไปเปิดหาน้ำในตู้เย็นดื่มแล้วก็รินใส่แก้วมายื่นให้แฝดน้องก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น ส่วนพ่อกับแม่เขาก็เดินไปนั่งลงบนโซฟากลางบ้าน
“ใช่ๆ แม่ก็เพิ่งกลับมาเห็นเขาบอกว่าไปไม่ทันมั้งแต่โชคดีที่หมอจากอนามัยมาช่วยทำคลอด ตัดสายสะดือให้แล้ว”
“แล้วไหนสาวกรุงล่ะ ผมมารับพาเธอไปอยู่ด้วย”
“เมารถนอนหลับอยู่ในห้อง แล้วใครบอกว่าแม่จะให้เอ็งเอาไป..น้องพลอยเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อมาจากในกรุงในเมืองจะให้ไปอยู่ในป่ากับพวกลูกได้ไง” ลำพังแค่ให้มาอยู่ที่นี่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้หรือเปล่าเพราะต่างถิ่นต่างที่ แต่เพราะความจำเป็นก็คงต้องช่วยให้เธอปรับตัวอยู่ไปให้ได้แหละ
“ไม่รู้ล่ะ นี่ผมชวนไอ้โขงออกมาจากป่าเพราะจะมารับเธอไปอยู่ด้วยเลยนะ”
“ไอ้เข้เอ้ย เอ็งก็เพลาๆ ได้มั้งเรื่องผู้หญิงเนี่ย” ทรงกรดเหรือกำนันกรดเอ่ยบอกกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ขนาดเขาที่ช่วงวัยรุ่นนั้นเสือตัวพ่อยังไม่เท่าเจ้าลูกชายตอนนี้เลย ไม่รู้เพราะด้วยความที่เป็นฝาแฝดด้วยหรือเปล่าเขาถึงรู้สึกว่าสองคนนี้เอาผู้หญิงไปกินเยอะกว่าผู้ชายทั่วไปอีก
ถามว่าทำไมไม่ห้าม ห้ามจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้วไม่เห็นจะไปทำอะไรพวกมันได้ แค่เจ้าลูกชายขอผู้หญิงดีๆ ไม่ชุดกระฉากลากไปเอาเขาที่เป็นพ่อเป็นกำนันหมู่บ้านก็โล่งใจแล้ว
“เพลาลงได้ไง ผู้หญิงมีแต่น่ากินทั้งนั้น”
“ดูพี่เอ็งเป็นตัวอย่างบ้าง”
“โหพ่อ! มันนั่นแหละกินเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอย่าคิดว่ามันไม่เอาสิ!” ตะเข้หันไปแย้งผู้เป็นพ่อ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องที่คาดว่าสาวน้อยที่พ่อกับแม่พามานอนอยู่ในนั้น
“ตาเข้นี่มันยังไงนะ น้องนอนอยู่อย่าไปกวนน้อง!” คุณใบไม้รีบเดินไปดึงคอเสื้อของตะเข้ที่จะเดินเข้าไปนั้นออกมาเพราะกลัวว่าสาวน้อยที่นั่งเมารถมาตลอดการเดินทางนั้นจะตื่น แต่พอดึงมือตะเข้ออกมาให้พ้นประตูห้องยังไม่ทันได้ปิดประตูตะโขงก็พรวดพราดเข้าไปด้านในแทนจนคุณใบไม้ต้องยกมือขึ้นมากุมขมับตัวเอง
“อายุจะสามสิบกันแล้วนะ มึนกันจริง!”
“ผมขอดูหน้าเธอหน่อย” ตะโขงพูดแล้วก็นั่งยองข้างเตียงเพื่อจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่คุณแม่เขาเรียกว่าน้อยพลอย ใบหน้าที่เล็กจิ้มลิ้มนั้นกำลังหลับตาพริ้มขณะที่ริมฝีปากบางกระจับกำลังเคี้ยวเส้นผมของตัวเองอยู่ทำให้เขาต้องเอื้อมมือไปดึงมันออกมา
“ผมจะเอาเธอไปเลี้ยง” จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“น้องเขาอายุสิบเก้าไม่ใช่เก้าขวบ แม่กับพ่อเลี้ยงเองได้”
“แต่ผมอยากมีน้อง” ตะเข้ขยับเข้ามาพูดสมทบแฝดพี่ คุณใบไม้จึงต้องดึงมือของบุตรชายทั้งสองให้ออกมาจากห้องนอนนั้นก่อนที่หญิงสาวนั่นจะตื่นและปิดประตูให้
“อยากมีน้อง ลูกก็เข้าเมืองไปบ้านพักเด็กกำพร้าแล้วไปทำเรื่องขอเด็กมาเลี้ยงสิ”
“เด็กเล็กเลี้ยงยาก อายุเท่าน้องพลอยของแม่นั่นแหละพอดี”
“ใช่ครับคุณแม่ใบไม้คนสวย ว่าแต่เธอชื่อพลอยเหรอ พ่อแม่เธอล่ะ แล้วไม่ได้เรียนเหรอ ทำไมถึงถูกส่งตัวให้มาอยู่ที่นี่ล่ะ” เมื่อได้ถามแล้วตะเข้ก็ยิงคำถามรัวก่อนจะเป็นฝ่ายดึงมือของแม่กับตะโขงที่ยังยืนอยู่นั้นให้มานั่งบนโซฟา
“ทำไมถึงพูดมากถึงมึนกันแบบนี้นะ!”
“รีบตอบมาสิครับ พ่อตอบก็ได้ที่ผมถามไปน่ะ”
“เฮ้อ! น้องชื่อพลอยใส อายุสิบเก้าเพิ่งเรียนจบปีที่แล้ว ดรอปเรียนอยู่เพราะพ่อแม่เลิกและเพิ่งแยกทางกัน อืม…ส่วนเรื่องนี้อย่าพูดให้น้องพลอยได้ยินนะ ธุรกิจที่บ้านเธอล้มละลายเพราะแม่เธอน่ะ” ประโยคหลังกำนันกรดพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาอย่างกลัวว่าคนในห้องนั้นจะได้ยินมัน สองหนุ่มจึงพยักหน้ารับแล้วก็ยิ้มอ่อนให้
“ผมขอเอาเธอไปเลี้ยงนะ จะเลี้ยงให้ดีเลย!” และมิวายที่ตะโขงจะเอ่ยขอผู้เป็นพ่อเพราะตัวเขารู้สึกถูกใจใบหน้าที่จิ้มลิ้มของพลอยใส ไม่ต่างจากตะเข้เองที่ก็ชอบไม่ต่างกัน จากที่นั่งข้างคุณใบไม้ตะเข้ก็ขยับไปนั่งข้างผู้เป็นพ่ออีกฝั่ง
“น้องมันเป็นเด็กสาวชาวกรุงไปอยู่ในป่ากับพวกเอ็งไม่ได้หรอก!”
“ได้สิถ้าพ่ออนุญาต พวกผมจะพานั่งมอเตอร์ไซค์ไปนี่ไงทำไมจะไปไม่ได้”
“ไอ้เข้เอ็งจะเอาให้ได้เลยหรือไง!!”
“ก็ใช่น่ะสิ พวกผมไม่ทำอะไรเธอหรอกแค่เอาไปเลี้ยงเองเลี้ยงเหมือนลูกเหมือนน้องเลยไม่ทำให้เสียหายหรอก”
“ก่อนจะมามีเอ็งพ่อก็พูดกับยายเอ็งแบบนี้แหละสุดท้ายเป็นไง แม่เอ็งก็เป็นเมียกำนันกรดมีลูกเป็นพวกเอ็งนี่ไง” กำนันกรดบอกกับบุตรชายอย่างรู้ทันนิสัยเจ้าเล่ห์ ทำให้สองหนุ่มถึงกับส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาเพราะเหมือนว่าจะถูกห้ามไม่ให้เอาเจ้าเด็กน้อยนี่ไปจริงๆ
“กำนันครับ กำนัน! มีคนถูกยิง!!” จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้คนในบ้านรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านด้วยความเร็วก็เห็นว่าผู้ชายคนหนึ่งพยุงผู้ชายอีกคนไว้โดยที่หน้าท้องนั้นมีเลือดไหลโชกออกมา
“ใบไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาแล้วขึ้นรถ! พวกเอ็งพ่อฝากน้องพลอยด้วย!” กำนันกรดกับคุณใบไม้วิ่งเข้าไปเตรียมตัวในบ้านไม่ถึงสามนาทีก็พากันวิ่งออกไปขึ้นรถกระบะโดยที่ตะเข้กับตะโขงช่วยพยุงคนเจ็บขึ้นรถที่มีคุณใบไม้คอยเตรียมปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“พวกผมไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้นะ ขอกลับกระท่อมก่อน…เดี๋ยวเอาน้องพลอยไปเลี้ยงให้!” ตะเข้ตะโกนตามหลังรถผู้เป็นพ่อที่ถูกขับออกไปด้วยความเร็ว แล้วพวกเขาก็เดินกลับเข้าไปในบ้านก่อนที่ตะเข้นั้นจะไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของของพลอยใสใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ ส่วนตะโขงเดินไปอุ้มร่างเล็กขึ้นมาพาดบ่าแล้วพาออกไปซ้อนท้ายรถเครื่องโดยที่ตะเข้เป็นคนขับ
“ลุงขอมฝากบ้านด้วยนะครับ!” ไม่ลืมที่จะบอกกับคนสวนของบ้านซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ ส่วนสองหนุ่มก็ขับรถเครื่องคันเก่ากลับไปยังท้ายหมู่บ้านเพื่อกลับเข้าไปที่กระท่อมของตัวเอง
หลังจากวิลเลี่ยมถูกจับสองหนุ่มฝาแฝดก็ถูกจับไปพร้อมกับผู้ใหญ่ช้าง ชาวบ้านหรือครอบครัวต่างไม่มีใครคัดค้านหรืออะไรเพราะหลักฐานทั้งหมดมัดตัวพวกเขาไว้แน่นแล้ว ทุกคนจึงต้องหันไปดำเนินชีวิตของตัวเองตามปกติ เช่นเดียวกับพลอยใสที่ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพได้เดือนกว่าแล้วเรื่องที่ธุรกิจของบ้านล้มละลายไปหมดนั้นคุณพลวัฒน์ก็กอบกู้คืนมาได้ทุกอย่างและตอนนี้พลอยใสก็กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้งานเพื่อบริหารงานต่อจากผู้เป็นพ่อที่ไปมีแฟนใหม่เป็นชาวต่างชาติที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอดและตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่นั่นเลยต้องสอนงานเธอไว้ส่วนแม่ของเธออย่างคุณญานีนนั้นล่าสุดเธอได้ข่าวว่าไปมีสามีเป็นชาวต่างชาติอีกแล้ว และก็เลิกกันจากนั้นก็เงียบหายไปสองสามวันจนเมื่อวานสร้อยฟ้าไปเห็นมาว่ากำลังคบกับเจ้าของร้านอาหารและทำงานอยู่ที่นั่น เธอไม่ได้ทิ้งเพียงแต่ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับแม่ตัวเองแล้วแต่หากแม่ลำบากถ้าเธอช่วยได้ก็จะช่วยไม่ทิ้งแน่นอน“สร้อย แต่งตัวเสร็จยังจะสายแล้วนะ?”“เสร็จแล้วจ้า” เสียงหวานของเพื่อนสาวรุ่นน้องเดินออกมากห้องนอนในชุดนักศึกษา ทว่าสภาพผมนั้นชี้ฟูพันกันไปหมด ภายใต้กรอบแว่นสายตานั้นคล้ำเหมือนคนไม่ได้หลับ
“น้องพลอย พ่อโทรมาหา” หลังจากสองหนุ่มเดินออกไปแล้วคุณใบไม้ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของตนให้พลอยใสโดยที่หน้าจอนั้นแสดงการโทรระหว่างคุยแล้ว มือเล็กจึงรับมันมาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ“คุณพ่อขา…”(น้องพลอย เป็นไงบ้างใบโทรมาบอกว่าลูกเกือบโดนไทเกอร์ข่มขืน น้องพลอยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?) น้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยของพลวัฒน์เอ่ยถามบุตรสาวด้วยความกังวล“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ พี่เกอร์ตายและพี่แฝดเขา…ถูกตำรวจจับไปแล้ว”(อ่า ใบบอกพ่อแล้ว ทำไงได้ล่ะหลักฐานมัดแน่นขนาดนั้น)“อืม หนูคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลย คุณพ่อขาหนูเจอคุณแม่ที่หมู่บ้านเขาไม่ให้หนูเรียกเขาว่าแม่ด้วย หนูน้อยใจมากเลย” เสียงเจื้อยแจ้วของพลอยใสเอ่ยฟ้องผู้เป็นพ่อเหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด สร้างรอยยิ้มให้กับคุณใบไม้ขึ้นมาได้บ้าง เธอเดินไปนั่งบนโซฟาปลายเตียงแล้วมองลูกสะใภ้ด้วยสายตาที่อ่อนโยน(น้องพลอย พ่อรักน้องพลอยนะน้องไม่ต้องไปสนใจแม่หรอกเขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว รู้แค่ว่าพ่อรักน้องพลอยก็พอ)“หนูรู้ว่าพ่อรักหนู คุณพ่อขาถ้าคุณพ่ออยากมีแฟนใหม่หนูอนุญาตนะคะคุณพ่อมีได้เลย คุณพ่อจะได้ไม่เหงา”(พ่อยังไม่ได้สนใจเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะอ
@โรงพยาบาลภายในห้องพักฟื้นขนาดกลางร่างเล็กที่ลืมตาตื่นมานานนับหลายนาทีแล้วยังคงนอนมองเพดานอยู่แบบนั้น จนกระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจึงหันไปมองก็เห็นว่าเป็นคุณใบไม้ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก แต่พอเห็นคนบนเตียงฟื้นแล้วหล่อนก็ปรับสีหน้าให้เป็นยิ้มแย้มแทน“ฟื้นแล้วเหรอ นี่แม่ซื้อผลไม้มาฝากหลายอย่างเลยนะ” คุณใบไม้บอกพลางนำถุงผลไม้ที่ซื้อจากด้านล่างโรงพยาบาลวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง พลอยใสจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยิ้มหวานให้คนตรงหน้า“ขอบคุณค่ะ แล้วพี่โขงพี่เข้ล่ะคะ?”“เอ่อ สองคนนั้น…ช่วยพ่อที่หมู่บ้านน่ะ ที่หนูบอกเขาไงว่าวิลเลี่ยมจะขโมยพระพุทธรูป เขาเลยต้องช่วยพ่อจัดการ”“เขาถูกตำรวจจับตัวไปแล้วเหรอคะ?” พลอยใสไม่ได้สนใจประโยคที่ไม่จริงของแม่สามีเพียงแต่ถามหล่อนกลับ ซึ่งมันก็ทำให้คุณใบไม้ถึงกลับเม้มปากตัวเองแน่นก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ“น้องพลอยจะไปไหน?” เธอรีบเดินไปกดตัวพลอบใสที่ตั้งท่าจะลงจากเตียงไว้“ไปหาเขา…”“ตอนนี้พ่อกับชาวบ้านช่วยเคลียร์เรื่องให้อยู่ที่โรงพัก หนูเพิ่งเย็บแผลเดี๋ยวแผลจะฉีก”“แต่พวกเขา…”“แม่น่ะ เคยเตือนพวกเขาแล้วว่าหากวันใดถูกตำรวจจับก็ต้องติดคุก เคยบ่นเคยพ
เช้าวันต่อมา“พลอยครับ เช้าแล้วนะ” ตะเข้เขย่าตัวของพลอยใสเบาๆ เมื่อตอนนี้แสงแดดเริ่มส่องแสงลงมาแล้ว พวกเขาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้วก็ไปจัดการล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ส่วนตอนนี้ก็มานั่งปลุกเจ้าตัวเล็กที่ยังนอนขลุกอยู่ใต้ผ้าห่ม“ปะ ปวดหัว…”“หื้ม เข้ดูน้องดิ๊ตัวร้อนมั้ย?” ตะโขงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูถามขึ้น ตะเข้จึงดึงผ้าห่มออกจากตัวของพลอยใสแล้วเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผาก แล้วก็รีบชักกลับมาเมื่อตัวของพลอยใสร้อนจี๋“ตัวร้อน”“ไม่สบายอีกแล้ว รีบพากลับบ้านเถอะ”“ไม่มีรถด้วยนะ แล้วถ้าออกไปเจอตำรวจล่ะ?” น้ำเสียงที่กังวลของตะเข้เอ่ยถามแฝดพี่ ใจนึงก็เป็นห่วงพลอยใสอีกใจก็กลัวว่าตำรวจจะรอจับพวกเขาอยู่ด้านนอก“เจอก็แค่ถูกจับ…” มือหนาโยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันจนแหลกแล้วหันไปบอกกับแฝดน้องที่มีสีหน้าดูกังวล หนีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไงก็ต้องกลับบ้านและก็ต้องถูกจับอยู่ดี หนีต่อไปก็เท่านั้น…“มันหลายปีนะมึง”“แล้วจะทำยังไง กูกับมึงก็ช่วยกันทำกันอยู่สองคนมึงจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเหรอ?”“กูไม่รู้ ถ้าเราโดนจับแล้วน้องพลอยล่ะ น้องไม่มีใครนะมึง”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้รีบพาออกไปที่บ้านเถอะ แผลก็
“มีใครอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า?” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับไฟฉายในมือหนาที่สาดส่องไปตามลำธาร เขาก้มมองสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ที่คืบคลานสวนกระแสสายน้ำขึ้นไปแล้วหันไปมองคนข้างกายแล้วเอ่ยถามขอความเห็น“ตามไปมั้ย?”“ตามไปดิ มันคงไม่พาเราไปหาตำรวจหรอกมั้ง” ตะโขงตอบเรียบๆ แล้วเดินตามควอนไปเรื่อยๆ ไฟฉายในมือก็สาดส่องไปรอบๆ เพื่อดูว่าสิ่งที่ควอนอยากให้พวกเขาไปดูนั้นคืออะไร จนมาหยุดอยู่ที่จุดหนึ่งซึ่งตรงนั้นลึกอยู่พอสมควรและควอนก็ดูเหมือนจะหาอะไรสักอย่างด้วยความตื่นกลัว มันว่ายวนไปบริเวณนั้นจนน้ำกระเพื่อมเสียดัง“ควอนนายไม่ต้องหาแล้ว” ตะเข้ที่ใช้ไฟฉายส่องด้านข้างลำธารเอ่ยขึ้นเมื่อไฟฉายของเขาไปกระทบกับร่างเล็กที่นอนพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ พวกเขาไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กทันที ตะโขงยื่นไฟฉายในมือให้ตะเข้ส่วนตัวเขาก็ประคองตัวพลอยใสไว้“พลอย! พลอยตื่น! พลอย!”“น้องมาอยู่ที่นี่ได้ไง รีบพาไปที่พักเถอะ” แล้วตะโขงก็อุ้มพลอยใสก่อนจะพาเดินลุยน้ำกลับไปที่พักของเขาซึ่งเป็นกระท่อมขนาดเล็กที่ไว้นอนเพียงอย่างเดียว ใช้เวลากว่าห้านาทีพวกเขาก็มาถึงกระท่อม“พลอยครับ พลอย!…มึงหัวน้องแตก มือด้วย เข่ากับข้อศอกอีกนั่น!” ตะเข้
ร่างเล็กเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนวิ่งตามหลังมา เธอไม่หันหลังไปมองคนพวกนั้นเลยสักนิดเพราะหากหันไปแล้วเจอคนพวกนั้นเธอคงหมดแรงวิ่งอย่างแน่นอน และที่เธอเลือกวิ่งเข้าป่ามากว่าวิ่งไปตามทางเพราะหากวิ่งไปตามทางไทเกอร์กับลูกน้องก็คงขับรถตามเธอและจับเธอได้เร็วกว่า“แฮ่กๆ เหนื่อยจัง..” มือเล็กยกขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองขณะที่ฝีเท้ายังคงวิ่งอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งเข้ามาลึกแค่ไหนแล้วเพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ป่า” พะ พลอย ยอมมากับพี่ดีๆ แฮ่กๆ อย่าให้พี่ใช้ความรุนแรงเลยนะ!!” เสียงของไทเกอร์ตะโกนลั่นป่า น้ำเสียงที่กระท่อนกระแท่นของเขานั้นบ่งบอกถึงความเหนื่อยได้ไม่ต่างจากคนตัวเล็กเลยสักนิดซ่า! แต่แล้วฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาสู่พื้นหลังจากที่ฟ้ามืดครึ้มอยู่นาน พลอยใสหยุดวิ่งแล้วขยับไปยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ทั้งที่เมื่อครู่ฟ้ายังสว่างอยู่แต่พอฝนลงเม็ดมาเท่านั้นอยู่ๆ ฟ้าก็มืดจนทำให้ภายในป่าก็มืดตามไปด้วย“พวกมึงหาทางออกจากป่าดิ๊” ไทเกอร์บอกกับลูกน้องเมื่อมองไปรอบตัวแล้วเริ่มสับสนกับทางออกเพราะวิ่งเลี้ยวไปมาจนมันงงไปหมดแล้ว ลูกน้องของไทเกอร์ที่ได้รับคำสั่งก็แยกย้ายกันเดิน