“พอจะมีเวลาคุยกันหน่อยไหม”
เมื่ออยู่กันแค่สองคนแล้ว โจวเพ่ยชิงก็เปิดประเด็นทันที
“เรื่องอะไรครับ คุณไม่กลัวคำนินทาที่คุยกับผมเหรอ”
ตานเต๋อคงถามอย่างแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้แปลกมาก กล้าคุยกับเขาได้ยังไงกัน ทั้ง ๆ ที่เขามีบาดแผลบนใบหน้าขนาดนี้
“เรื่องคำนินทาฉันเจอมาเยอะแล้ว แค่นี้ไม่ทำให้ฉันสะเทือนหรอก เรามาคุยกันเรื่องสำคัญดีหรือเปล่า” เธอไม่ยี่หระกับเรื่องคำนินทา ตลอดชีวิตเธอเป็นหญิงร้ายกาจในสายตาทุกคนอยู่แล้ว อีกทั้งเรื่องนี้เธอทำเพื่อปากท้องของครอบครัว หากกลัวคำนินทา คงไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้วล่ะ
เวลานี้เธอยังมีเงินเดือนที่พี่ฮั่นตงพ่อของเด็ก ๆ ส่งมาให้ แต่เมื่อไหร่ที่เธอและเขาตัดสินใจจบคำว่าสามีภรรยา นั่นหมายถึงเธอจะต้องดิ้นรนทำทุกอย่าง เพื่อให้ชีวิตทุกคนและลูกทั้งสองคนดีขึ้น การค้าจึงเป็นสิ่งแรกที่เธอนึกถึง
“ตามผมมา”
ในเมื่อหญิงสาวคนนี้ไม่กลัวคำนินทา และเรื่องที่เธอต้องการสนทนาคงสำคัญไม่น้อย เขาจึงเดินนำไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเพื่อหลบสายตาผู้คน
“คุณมีเรื่องอะไรก็ว่ามา ผมมีเวลาไม่มาก ต้องขายของ”
“ช่างไร้สัมพันธ์นัก เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ฉันมีเงินให้ก้อนหนึ่ง คุณไปจัดการปัญหาของตนเองซะ และฉันต้องการให้เปิดร้านค้าในตลาดมืดโดยคุณออกหน้า ฉันไม่สะดวกทำเอง กำไรสามส่วนคุณเอาไป เจ็ดส่วนเป็นของฉัน ตกลงไหม”
โจวเพ่ยชิงเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง ในเมื่อครั้งนั้นเขายอมเอาตัวเองไปทำงานอย่างนั้น แสดงว่าต้องมีเรื่องเดือดร้อน แต่เธอไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
ส่วนเรื่องทำการค้าในตลาดมืด ไม่ใช่ว่าจะหยุดขายในส่วนของตัวเอง เธอยังคงไปค้าขายเหมือนเดิม เพียงแต่เธอคิดว่าทำแบบนี้สะดวกกับตนเองมากกว่า
“เพราะอะไร ทำแบบนี้เพราะอะไรกัน คุณเป็นใครกันแน่”
เวลานี้ตานเต๋อคงทั้งสับสนและตกใจ หญิงสาวตรงหน้า เป็นใครกันแน่ ถึงรู้ว่าเขากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน
ใช่แล้ว เมื่อหลายเดือนก่อนแม่เขาป่วยหนัก จนเขาต้องไป กู้เงินบ่อนพนันมาเพื่อพาแม่ไปรักษา แต่สุดท้ายก็ยื้อชีวิตท่านไว้ไม่ได้ เวลานี้นอกจากจะหาเงินจ่ายดอกเบี้ยที่เกือบจะเท่ากับเงินต้น ที่ยืมมา ยังมีค่าเรียนที่ยังค้างของน้องชาย
แต่ทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงรู้ และยื่นข้อเสนออย่างนี้ให้เขา
“เพราะฉันเชื่อว่าคุณไว้ใจได้ และไม่เกี่ยวกันกับที่น้องชายคุณเป็นสหายกับเม่ยเม่ย ตกลงจะรับข้อเสนอไหม”
เพียงคำตอบเดียวของโจวเพ่ยชิง ตานเต๋อคงตอบรับอย่างไม่ลังเล
“ตกลง แต่ผมไม่ต้องการส่วนแบ่ง เพียงแค่คุณจ่ายเงินเดือนมาก็พอ ส่วนเรื่องเงินที่ผมนำไปใช้หนี้และจ่ายค่าเทอมให้อาโมว่ ผมขอยืมก่อน และยินดีให้หักจากเงินเดือนทุกเดือน แต่คุณจะขายอะไร” ตานเต๋อคงตอบตกลงและบอกเงื่อนไขของเขา แล้วยังถามกลับมาอีก หวังว่าของที่จะขาย คงจะไม่ใช่ของผิดกฏหมาย
“ทุกอย่าง ยกเว้นสารเสพติดและผู้หญิง” โจวเพ่ยชิงตอบกลับไปสั้นๆ
“ครับ นายหญิง”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ตานเต๋อคงเรียกหญิงสาวตรงหน้าอย่างนั้น แต่เขาเชื่อมั่นว่า หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาอย่างที่เธอให้เห็นแน่นอน
“นี่เงินห้าร้อยหยวน นายเอาไปจัดการปัญหาเสีย แล้วหากเป็นไปได้ ก็ไปลาออกจากคอมมูนและไปหาบ้านเช่าในเมืองไว้ อีกสองวัน เจอกันที่ตลาดมืด”
“เดี๋ยวก่อน ให้ผมค้าขาย นายหญิงคิดว่าจะมีลูกค้ากล้าซื้อหรือไม่ ดูรอยแผลเป็นผมเสียก่อน” ตานเต๋อคงชี้ไปที่หน้าตัวเอง
โจวเพ่ยชิงได้ยินก็หยุดฝีเท้าที่จะเดิน ก่อนจะหมุนตัวกลับมาพร้อมกับเปิดผ้าที่บังใบหน้าส่วนล่างออก เผยให้เห็นแผลเป็นที่ใบหน้า ก่อนที่เธอจะปิดไว้เหมือนเดิมแล้วพูดกับตานเต๋อคงว่า
“ฉันก็ไม่ต่างจากนาย อาจจะยิ่งกว่านายด้วยซ้ำ ไปสั่งทำหน้ากากครึ่งเสี้ยวซะ ส่วนเรื่องร้านค้าในตลาดมืด หาคนที่ไว้ใจได้ มาช่วยดูแล ฉันเชื่อว่านายมองคนออกและรู้จักผู้คนไม่น้อย เวลานี้ฉันไม่สามารถเปิดตัวเองได้”
“เพราะอะไรครับ” ตานเต๋อคงถามอย่างสงสัย
“เพราะสามีฉันเป็นทหาร เขาจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้!!”
ใช่แล้ว เวลานี้เธอและหลี่ฮั่นตงยังคงมีทะเบียนสมรสอยู่ จึงเลือกที่จะให้ตานเต๋อคงออกหน้าในเรื่องการค้า
โจวเพ่ยชิงเชื่อว่าเงินก้อนนี้ซื้อใจตานเต๋อคงได้เต็มสิบส่วน แต่ไม่ใช่เพราะเงินสามารถซื้อใจผู้ชายตรงหน้าได้เท่านั้น เธอใช้เงินก้อนนี้สร้างบุญคุณกับคนตรงหน้าก็เท่านั้นเอง
“ครับนายหญิง ผมจะรีบจัดการทุกอย่าง และอีกสองวันจะไปรอนายหญิงที่ตลาดมืดครับ” ตานเต๋อคงตอบรับคำสั่ง
“จริงสิ นี่เงินอีกหนึ่งร้อยหยวน หาเช่าโกดังขนาดกลางไว้ด้วย ฉันจะเอาสินค้าทั้งหมดไปเก็บไว้ที่นั่น อีกสองวันพบกัน ต่อไปเรียกฉันว่าเพ่ยเพ่ย”
“ครับนายหญิงเพ่ยเพ่ย” ตานเต๋อคงก้มหัวรับอีกเช่นเคย
พูดจบโจวเพ่ยชิงก็เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะเดินไปหาน้องสาวและลูกทั้งสอง
“คุยเสร็จแล้วเหรอพี่” โจวเม่ยเม่ยรีบถามพี่สาวทันที
“อืม คุยเสร็จแล้ว แล้วนี่ซื้ออะไรกันมาอาเฉิน ซานซานเต็มมือไปหมดเลย แล้วอาโมว่ซื้ออะไรบ้างไหม อยากได้อะไรหรือเปล่าพี่จะซื้อให้” หญิงสาวตอบ ก่อนจะเอ่ยถามทุกคนรวมถึงตานโมว่ด้วย
“ไม่เป็นไรครับ เม่ยเม่ยแบ่งขนมให้กินแล้ว เอ่อพี่ใหญ่เรียกแล้วครับ ขอตัวก่อนครับ” ตานโมว่ตอบกลับ
เมื่อเห็นพี่ชายกวักมือเรียกจึงรีบขอตัว แต่ก็แปลกใจเพราะพี่สาวของเม่ยเม่ยบอกจะมาซื้อของ แต่กลับไม่เอาอะไรเลย
โจวเพ่ยชิงยิ้มและชวนน้องสาวเดินซื้อของฝากครอบครัวต่อ
“เกิดอะไรขึ้นครับพี่ใหญ่ ยังขายของไม่ได้เลย”
ตานโมว่เอ่ยถามพี่ชายด้วยความสงสัย นี่ยังขายไม่ได้เลยสักเหมา ทำไมพี่ชายของตนจึงเก็บของกลับแล้วล่ะ
“รีบกลับบ้านเถอะ พี่จะเข้าเมือง เราจะย้ายบ้านกัน”
“หา! ย้ายบ้าน เราจะหนีเจ้าหนี้เหรอพี่ใหญ่ แต่ที่…”
หลายเดือนมานี้แม้จะต้องหาเงินจ่ายดอกเบี้ย แต่พี่ชายไม่เคยมีความคิดจะหนีหนี้เลยนี่นา
โป๊ก! ตานเต๋อคงใช้มือเคาะหัวน้องชายอย่างแรงเพื่อเรียกสติ ตานเต๋อคงแม้จะเป็นคนเย็นชาในสายตาคนอื่น แต่กับน้องชายเขามักจะอบอุ่นและชอบแกล้งน้องเสมอ
“โอ๊ย! เจ็บนะพี่ใหญ่ เคาะมาได้ หัวคนนะ”
“ก็เพราะนายมีความคิดเหนือธรรมชาติอย่างไรล่ะ คิดได้ยังไงว่าพี่จะพานายหนีเจ้าหนี้ ไปเถอะรีบกลับบ้าน พี่ยังต้องไปจ่ายหนี้ให้กับคนพวกนั้น แล้วยังมีงานอื่นต้องทำอีก ส่วนนายรีบไปเก็บของ หากหาบ้านในเมืองได้แล้ว พี่จะรีบกลับมา”
“ครับ ๆ”
เมื่อรู้เหตุผลของพี่ชาย เด็กหนุ่มจึงรีบเก็บของและเดิน
กลับบ้านด้วยความเร่งรีบ ส่วนของที่หามาไว้เพื่อขาย สองพี่น้องแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่คุ้นเคยกัน
“ผมถามได้ไหม พี่สาวของเม่ยเม่ยเหรอที่ช่วยพวกเรา”
“อืม เรื่องนี้นายห้ามบอกใครเด็ดขาด แม้แต่สหายของนาย เพราะฉันไม่รู้ว่านายหญิงจะบอกอะไรให้น้องสาวรับรู้บ้าง ต่อไปนี้พี่มีงานทำแล้ว นายเองก็จะได้เรียนต่อมัธยมปลาย ย้ายบ้านเสร็จพี่จะไปจัดการเรื่องค่าเล่าเรียนที่ยังค้างอยู่ ส่วนนายมีหน้าที่เรียนเท่านั้นรู้ไหม อาโมว่”
“ครับพี่ใหญ่”
จากนั้นสองพี่น้องจึงเดินทางกลับบ้าน ก่อนที่ตานเต๋อคงจะแยกตัวเข้าคอมมูนเพื่อแจ้งขอหยุดงาน โดยให้เหตุผลว่าต้องไปหางานทำในเมือง เพื่อหาเงินมาใช้หนี้และส่งน้องชายเรียน
ซึ่งเรื่องหนี้สินคนในหมู่บ้านย่อมรับรู้ เพราะยามที่แม่ของ ทั้งสองคนป่วยใช้เงินไม่น้อย
“พี่สาม พี่จะบอกฉันหรือยัง ว่าคุยอะไรกับพี่ชายอาโมว่”แม้อาโมว่จะเป็นสหายของเธอ แต่เม่ยเม่ยกลับไม่คุ้นเคยกับพี่ชายของสหายจึงอดเป็นห่วงไม่ได้“พี่ช่วยเหลือบางอย่างครอบครัวนั้น และพี่ให้ตานเต๋อคง หาร้านค้าในตลาดมืดไว้ให้ พี่จะสั่งสินค้ามาลงและให้เขาดูแลให้”“แค่นี้เหรอคะ คุยกันนานเชียว แต่พี่ทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องออกหน้า รอรับเงินอย่างเดียวจะได้ไม่อันตรายด้วย แม้พี่จะเป็นเมียนายทหารแต่มาค้าขาย ใครรู้เข้ามันไม่ดีแน่ แต่พี่ไว้ใจพี่ชายอาโมว่ขนาดนั่นเลยเหรอ” เม่ยเม่ยยังคงถามต่อเพราะเป็นห่วงพี่สาว คนนั่นจะไว้ใจได้แค่ไหน แม้จะเป็นพี่ชายของสหาย เธอก็ยังไว่ไว้ใจ“เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องมองหรือศึกษานานหรอกนะ พี่เชื่อว่าสายตาพี่คงมองไม่ผิด ว่าแต่เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกใคร พี่ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง สัญญาได้ไหม ส่วนเรื่องที่พี่ไปค้าขายในตลาดมืด หรือเรื่องที่เม่ยเม่ยจะเอาเครื่องสำอางไปขาย สองเรื่องนี้บอกได้ พี่ไม่ห้าม รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง พี่จะบอกทุกคนด้วยตัวเอง”โจวเพ่ยชิงขอคำสัญญาจากน้องสาว เรื่องนี้เธอยังไม่ต้องการบอกครอบครัวเพราะกลัวถูกห้าม รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน เ
หลังจากตรวจตราร้านค้าเสร็จแล้ว โจวเพ่ยชิงจึงเดินออกมาพร้อมกับตานเต๋อคง เพื่อไปดูโกดังที่ตานเต๋อคงเช่าไว้ไม่ไกลกับตลาดมืดมากนัก ซึ่งหากเธอมองว่าหากชายหนุ่มจะขนย้ายสินค้ามายังร้านค้า น่าจะไม่ใช่เรื่องยากหรือลำบากจนเกินไป“โกดังแห่งนี้เจ้าของเขาตั้งใจขายครับ เพียงแต่เวลานี้รัฐเข้มงวดในการซื้อขาย เขาจึงไม่อยากมีปัญหาเลยให้เราเช่าก่อนเดือนละสิบหยวน แต่ถ้าเราจะซื้อ เขาขายในราคาเจ็ดร้อยหยวน”“อืม ฉันขอดูเส้นสายอีกสักหน่อย ยังไงเช่าสักสองสามเดือนก่อนก็แล้วกัน ส่วนราคาที่ขายนั้นฉันคิดว่ามันไม่แพง จริงสิ นอกจากค้าขายในตลาดมืดแล้ว พี่คิดว่าเราควรทำการค้าอะไรอีกไหม”“ตามความคิดผม เวลานี้อาหารและวัตถุดิบนั้นขาดตลาดไม่น้อย ร้านค้าที่มีผลกระทบเลยก็คือร้านอาหาร แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารของรัฐก็ตาม แต่ส่วนมากจะเป็นกลุ่มพ่อค้าทั่วไปที่ขอทำการค้ากับภาครัฐ เท่าที่ผมดูมา มีร้านอาหารหลายร้านปิดตัวลงเนื่องจากขาดวัตถุดิบ หากเราไปติดต่อทำการค้ากับร้านต่าง ๆ ในเมืองและในบริเวณใกล้เคียง ผมคิดว่าน่าจะดีและยอดขายคงมาก แต่ปัญหาอยู่ที่นายหญิงจะหาวัตถุดิบเพียงพอต่อความต้องการได้หรือไม่”ชายหนุ่มไม่ได้ดูหมิ่นในคว
“อ้าวกลับมาแล้วเหรอเพ่ยชิง” นางซูหนานเอ่ยถามลูกเลี้ยงต่อให้จะไม่ใช่แม้ที่แท้จริงแต่เวลานี้โจวเพ่ยชิงดูแลเธอและบุตรสาวไม่ต่างจากครอบครัวเดียวกัน แม้ที่ผ่านมาต่อให้โจวเม่ยเม่ยจะเป็นน้องสาวแท้ ๆ แต่ก็ต่างแม่ โจวเพ่ยชิงจึงมักจะจิกกัดและพูดจากระทบกระทั่งอยู่ตลอดเวลา“ค่ะแม่ แล้วนี่แม่ป่วยหรือเปล่าคะถึงไม่ไปทำงาน แม่ไปโรงพยาบาลไหม”“อย่าเลยลูก วันนี้แม่ปวดหลังเลยไม่ทำงาน ให้สามคนพ่อลูกไปกันเอง”นางซูหนานไม่ได้ป่วยอะไรหรอก เพียงแค่เมื่อวานต้องก้มหน้าตลอดเพื่อดำนา อาการปวดหลังเลยถามหา วันนี้เลยขอลาหยุดก็แค่นั้น ไม่คิดว่าจะสร้างความกังวลให้กับลูกสาวคนโต“เอาอย่างนี้ไหมแม่ ต่อไปแม่ไม่ต้องทำงานแล้ว บ้านโจวมีคนทำตั้งสามคน หัวหน้าคอมมูนคงไม่ว่าอะไร แม่มาเลี้ยงเด็ก ๆ ดีกว่า หลังจากนี้ฉันก็คงไม่ค่อยว่างช่วงเช้า อีกทั้งเวลาที่พี่ใหญ่หลุนมาสอนหนังสือพวกเด็ก ๆ จะได้ไม่มีคำครหา เรื่องอาหารการกินของบ้านโจว เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”“แล้วเพ่ยชิงจะไปไหนทุกเช้าล่ะลูก แม่ว่าวันสองวันแม่ก็หายป่วยแล้ว ไม่ต้องถึงขนาดหยุดงานหรอก ส่วนเรื่องอาหาร จะให้บ้านโจวไปรบกวนลูกได้ยังไงกัน อย่าลืมว่าเวลานี้เพ่ยชิงเองก็มีครอบค
ทันทีที่ตานเต๋อคงพาสหายทั้งสามมาถึงโกดัง เขาไขกุญแจและพาทุกคนเข้ามาด้านใน“โกดังแห่งนี้แม้จะขนาดกลาง แต่ถ้าลงของเต็มโกดัง คงใช้เงินหลายหมื่นหยวน ดีไม่ดีอาจจะหลักแสนหยวนเลยนะ”เหวินเทาพูดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ หากเจ้านายคนใหม่ลงสินค้าเต็มโกดัง แสดงว่าเจ้านายคนนี้คงร่ำรวยมาก“อืม เดี๋ยวฉันจะพาไปดูด้านใน”และทันทีที่ประตูด้านในเปิดออก ตานเต๋อคงแทบล้มทั้งยืน ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าในนี้จะเต็มไปด้วยข้าวของมากมายภายในหัวคล้ายจะตบตีกันเอง เนื่องจากเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่แยกกัน สามารถจัดหาสินค้ามามากมายอย่างนี้ นายหญิงเพ่ยเพ่ยสามารถทำได้อย่างไรกันนะ“โอ้โหอาคง สินค้าเต็มไปหมด ยังมีอาหารสดอีกนะ เจ้านายของนายคงจะเส้นใหญ่ไม่น้อย ถึงสามารถหาของพวกนี้ได้มากมาย ทั้งที่สถานการณ์บ้านเมืองขาดแคลนและไม่เพียงพอต่อชาวบ้าน”“นั่นสิ แบบนี้ฉันมีที่คุ้มกะลาหัวแล้ว และขอสาบานเลยว่าจะทำงานให้เจ้านายด้วยใจที่ซื่อสัตย์ จะไม่มีวันหักหลัง วันใดที่ฉันคิดไม่ซื่อ ขอให้ตายอย่างไม่มีดินกลบหน้า”ต่อให้เงินจะสำคัญ แต่สำหรับเหว่ยซ่านนั้น เรื่องอาหารสำคัญกว่า และหวังว่าเจ้านายคนนี้จะไม่ปล่อยให้เขาต้องอดยาก
“นี่คือตัวอย่าง ลองเอาไปขายดูก่อนนะ ถ้ามีคนสนใจก็จดรายการ พี่จะไปเอาของมาให้”“ตกลงค่ะพี่สาม”โจวเม่ยเม่ยยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นมือไปรับของจากพี่สาว และรีบเก็บเข้ากระเป๋า ทว่าสายตากลับเห็นสหายอย่างตานโมว่ จึงได้กวักมือเรียก “อาโมว่ มานี่สิ ยืนทำไมตรงนั้น”ตานโมว่จึงเดินเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างไม่รีรอ เพราะเขามีจดหมายจากพี่ชายมาถึงนายหญิง เขาเลยเลือกที่จะมาดักรอหน้าโรงเรียน“สวัสดีครับนาย เอ่อ พี่เพ่ยชิง” ตานโมว่เกือบหลุดคำว่านายหญิงเพ่ยเพ่ยออกมา ดีที่ยั้งคำไว้ทัน“มีอะไรหรือเปล่า”“พี่ใหญ่ฝากจดหมายมาครับ”“อืม ขอบใจมาก ยังไงฝากดูเม่ยเม่ยด้วยนะ”พอได้ยินว่าตานเต๋อคงฝากจดหมายมาให้จึงยื่นมือมารับ ก่อนมาจึงเอ่ยฝากฝังให้ดูแลน้องสาว“ครับพี่เพ่ยชิง”“เอาละ เข้าโรงเรียนกันได้แล้ว ส่วนนี่อาหารเที่ยง แบ่งกันกินนะ” โจวเพ่ยชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แล้วปั่นจักรยานไปยังตลาดมืดพอมาถึงโจวเพ่ยชิงจึงแอบหลบเข้ามิติเพื่ออ่านจดหมายของตานเต๋อคง ในนั้นเขียนว่าเขาได้คนแล้วและพร้อมเปิดร้านวันนี้ ส่วนเรื่องหาลูกค้าเขาขอเวลาอีกสองสามวันเพื่อให้ร้านอยู่ตัวสักเล็กน้อย“ไม่มีคำถามเรื่องสินค้า ถ้าเป็นอย่างนี้นายและฉันสามารถ
“มีเสื้อผ้าขายด้วยใช่ไหม ฉันอยากได้ชุดสวย ๆ สักสามสี่ชุด” หญิงสาวแต่งตัวดีคล้ายกับคนมีเงินถามขึ้นมา พร้อมกับเหยียดสายตามองตานเต๋อคงอย่างรังเกียจ เพราะคิดว่าเขาเป็นเพียงคนงาน“สักครู่ครับ” ตานเต๋อคงตอบกลับก่อนส่งสายตาให้ลูกน้องเหว่ยซ่านพยักหน้ารับ ก่อนจะไปหยิบสมุดภาพแบบชุดผู้หญิงออกมาให้“สวย ๆ ทั้งนั้นเลย พี่ซื้อให้ฉันได้ไหม”“ได้สิ ซินหงอยากได้ชุดไหนก็เลือกเอาเลย พี่ซื้อให้”ภาพคลอเคลียของทั้งสองคน ทำให้โจวเพ่ยชิงที่แอบมองอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว ใช่แล้ว! ซินหงคนนี้ก็คือสะใภ้สามบ้านโจว หรือน้องสะใภ้สามีเธอนั่นเอง ไม่คิดว่าสะใภ้สามจะกล้าคบชู้ ทั้งที่ลูกสาวอายุเพียงสามขวบเท่านั้น แต่ผู้ชายคนนี้รู้หรือเปล่า ว่าหญิงสาวที่ตนคบหาด้วยนั้นมีครอบครัวอยู่แล้ว“ฉันเอาสี่ชุดนี้ ราคาชุดเท่าไร”“ชุดละสามสิบหยวนครับ รอสักครู่ ผมขอไปดูว่าขนาดที่ลูกค้าต้องการนั้นมีหรือไม่” เหว่ยซ่านตอบกลับ ก่อนจะเดินหลบเข้าหลังร้านเพื่อไปเอาชุดทั้งสี่มาให้ลูกค้าโจวเพ่ยชิงที่แอบมองอยู่เมื่อเห็นลูกน้องเดินเข้ามาหยิบชุด จึงเอ่ยห้ามไว้ และสั่งงานบางอย่าง“พี่เหว่ยซ่าน พี่พอจะรู้จักใครไหม ช่วยตามสืบหญิงชายคู่นี้ให้หน่อยว่าพั
“ครับ ราคานี้ และไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหา เวลานี้นายหญิงคิดเรื่องขอใบอนุญาตการค้า เพียงแค่ต้องรอเวลาอีกหน่อย ส่วนเรื่องราคาอาจจะขยับขึ้นไปเล็กน้อย เพราะต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐ หวังว่าผู้จัดการหวูคงจะเข้าใจ”นี่เป็นการเจรจาธุรกิจในแบบฉบับของตานเต๋อคงเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายทำสัญญาหลายปี ส่วนเรื่องราคาเท่าที่คุยกับนายหญิงอาจจะขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อนำไปจ่ายภาษีให้กับภาครัฐ แต่ถามว่าทุกอย่างไหมที่จะขึ้นทะเบียนการค้า ตอบเลยว่าคงไม่ เพราะมีบางส่วนที่ค้าขายในตลาดมืด และนั่นไม่ต้องจ่ายภาษีนอกจากค่าเช่าร้านและค่าจ้างคนงาน เรื่องนี้เขาได้ปรึกษานายหญิงเรียบร้อยแล้วเรื่องการต่อรองและเจรจาการค้าครั้งนี้“แล้วทางคุณตานและนายหญิงของคุณมองไว้หรือไม่ว่าสัญญาแต่ละฉบับจะทำเป็นรายเดือนหรือรายปี”“เรื่องซื้อขายผ้าจะไม่มีสัญญารายเดือนครับ นายหญิงต้องการทำสัญญารายปี รายสามปี และรายห้าปีครับ แต่นายหญิงมีข้อเสนออีกอย่างมาให้ คือการส่งวัตถุดิบเข้าโรงครัวของโรงงาน ทางร้านเพ่ยเพ่ยสามารถจัดหาวัตถุดิบให้ได้ตามที่ต้องการเช่นกัน”“รวมถึงเนื้อและธัญพืชใช่ไหม”“ครับ นี่คือรายการที่ทางร้านสามารถจัดหาได้” ตานเต๋อคง
เย็นวันนี้โจวเพ่ยชิงและนางซูหนานทำอาหารหลายอย่าง ส่วนหนึ่งแบ่งไปบ้านโจว และส่วนหนึ่งให้ลูกชายคนรองแบ่งเอาไปบ้านหลี่ เมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า โจวเพ่ยชิงจึงเอ่ยเรื่องที่คุยกับนางซูหนานเมื่อตอนบ่ายให้ทุกคนฟัง“คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวานตอนที่ฉันค้าขายในตลาดมืดกลับเจอเข้ากับซินหง เธอมากับผู้ชายคนหนึ่ง ดูสนิทสนมกันไม่น้อย ด้วยสายตาอันแหลมคมของฉัน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา นี่แหละคือปัญหาที่ฉันคิดไม่ตกตั้งแต่เมื่อวาน เพราะกลัวสิ่งที่ฉันคิดไม่ใช่เรื่องจริง” ซึ่งคำพูดนี้ไม่ผิดไปจากที่คุยกับนางซูหนานเลยสักประโยคเดียว“น้องหมายความว่ายังไง เพ่ยชิง”โจวว่านปิงเอ่ยถามน้องสาวสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่คิดมาก่อนว่าสะใภ้สามบ้านหลี่จะทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างนี้ และถ้าไม่ใช่เรื่องจริงเพ่ยชิงคงไม่กล้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น“พี่รอง ไม่ต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษแล้ว ฉันอายุแค่สิบห้ายังรู้ความหมายที่พี่สามบอกเลยว่าพี่ซินหงมีคนอื่น” เม่ยเม่ยพูดออกความเห็นขึ้นมาอย่างแก่นเซี้ยว“เดี๋ยวเถอะ เป็นเด็กเป็นเล็ก ริอ่านออกความคิดเห็นเรื่องนี้ พี่รองเขาน่าจะฉลาดคิดเองได้” นางซูหนานเอ่ยปากดุลูกสาวคนเล็ก อาย
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส
ตอนพิเศษ 1 โจวเม่ยเม่ย – ตานเต๋อคงหลังจากผ่านพ้นการปฏิวัติ มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงในบ้านโจว โดยเฉพาะการตัดสินใจสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของ‘โจวเม่ยเม่ย’ น้องสาวของบ้านนั่นเองการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านอย่างแข็งขัน ทำให้โจวเม่ยเม่ยมีกำลังใจทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือสอบจนกระทั่งหลังออกจากห้องสอบ หญิงสาวถึงได้โล่งอก ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้ทุกคนวางใจ และไม่มีใครถามถึงเพื่อไม่เป็นการกดดันน้องสาวไม่นานหลังจากนั้น บ้านโจวก็ได้รับจดหมายตอบรับ ซึ่งข่าวเรื่องนี้มาถึงหูของโจวเพ่ยชิงก่อนที่บุรุษไปรษณีย์จะมาถึงเสียด้วยซ้ำทำให้เมื่อบุรุษไปรษณีย์มาถึง ก็พบว่ามีผู้คนมากมายออกมารอรับจดหมายอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเขาจึงได้ยื่นซองเอกสารที่ลงทะเบียนให้แก่หญิงสาวเจ้าของชื่อด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยนะ คุณหนูโจว” เมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วจึงเดินหันหลังกลับไป โดยไม่ได้พูดอะไรต่อคำยินดีเป็นเพียงคำมงคลที่บุรุษไปรษณีย์มีให้เด็กนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนอยู่แล้ว แต่เสียงเฮที่ตามหลังมา ทำให้เขาอมยิ้มมากขึ้น เพราะรู้ว่าจดหมายตอบรับนั้นเป็นข่าวดี“ยินดีกับน้องด้วยนะ”
บทส่งท้าย ความสุขที่ต้องการห้าปีต่อมา...เวลานี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โจวเพ่ยชิงแนะนำนายพลข่ายและนายพลซีให้เลือกฝ่ายที่ถูกต้อง แม้ว่าทั้งสองจะสงสัยว่าโจวเพ่ยชิงรู้ได้อย่างไร ก็ไม่มีใครคิดที่จะถาม เมื่อเลือกฝ่ายที่ถูกต้อง ตำแหน่งหน้าที่ของทั้งสองจึงมั่นคงขึ้น นี่จึงทำให้ สายป่านของโจวเพ่ยชิงยิ่งยาวเข้าไปอีกห้าปีที่ผ่านมา เกิดเรื่องราวมากมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลี่หรือบ้านโจว พี่ใหญ่โจวอย่างโจวเทียนอี้ ไม่รู้ว่าไปพบรักกับคุณหนูโม่ตอนไหน ทว่าเวลานี้ทั้งสองแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วและพี่ใหญ่ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับเมืองลุยจืองานทางนั้นก็มากพอตัว อีกทั้งโรงงานที่ทำร่วมกับตระกูลโม่ก็มียอดขายเข้ามาไม่น้อย ซึ่งของขวัญวันแต่งงานสำหรับพี่ชายคนนี้โจวเพ่ยชิงมอบทรัพย์สินให้ไม่น้อย รวมถึงโรงงานที่เมืองลุยจือหากพูดถึงพี่ใหญ่แล้ว จะไม่พูดถึงพี่รองอย่างโจวว่านปิงคงไม่ได้ ไม่รู้ว่าชายที่หวงตัวเองไปหลงรักเซียงเหมยได้ยังไง มารู้ข่าวอีกทีพี่รองของเธอ ก็ให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอหญิงสาวคนนี้เสียแล้วแต่ไม่ว่าพี่ชายทั้งสองจะรักกับใคร พี่สะใภ้ของเธอจะเป็นคุณหนูหรือลูกสาวชาวบ้านธรรมดา โจ
“นายหญิงเพ่ยเพ่ย!!” หว่านซีห่าวเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว“ขอบใจนะที่ยังจำกันได้ คุณซีห่าว”แม้จะโกรธแค้นแค่ไหน ทว่าโจวเพ่ยชิงกลับเก็บอารมณ์ได้ดี ไม่วู่วาม เพราะเธอมีเรื่องบางอย่างที่จะสอบถามหว่านซีห่าว“มีใครบ้างไม่รู้จักนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มการค้าเพ่ยเพ่ย ว่าแต่นายหญิงที่เข้ามาเยือนที่นี่ มีเรื่องอะไรจะสอบถามใช่หรือไม่ เพราะการกระทำของพวกเราในวันนี้ น่าจะทำให้นายหญิงต้องการเอาชีวิตพวกเรามากกว่า”“ถูกต้องแล้ว ความแค้นที่ฉันมีต่อคุณ มันมากเกินกว่าที่จะให้อภัยด้วยซ้ำ แต่ฉันมีข้อข้องใจบางอย่างที่อยากจะถาม นอกจากคุณที่แฝงตัวเข้าในทีมของพี่ฮั่นตงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ใช่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้น พวกคุณคงไม่หนีหายและหลุดรอดออกไปได้เช่นนี้จนย้อนกลับมาทำร้ายพี่ฮั่นตงอีกครั้ง”นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ คนสนิทอย่างตานเต๋อคงได้รายงานบางอย่าง และก็ทำให้เธอคิดได้ แล้วเลือกที่จะถามก่อนที่จะจัดการเรื่องราวทั้งหมด“สิ่งที่นายหญิงกล่าวมาก็ไม่ผิด แต่ภารกิจที่พวกเราได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ไม่ใช่ฮั่นตง แต่เป็นตัวของนายหญิงเพ่ยเพ่ย เองต่างหาก”หว่านซีห่าวรู้ว่าอีกฝ่ายกำ