“มีเสื้อผ้าขายด้วยใช่ไหม ฉันอยากได้ชุดสวย ๆ สักสามสี่ชุด”
หญิงสาวแต่งตัวดีคล้ายกับคนมีเงินถามขึ้นมา พร้อมกับเหยียดสายตามองตานเต๋อคงอย่างรังเกียจ เพราะคิดว่าเขาเป็นเพียงคนงาน
“สักครู่ครับ” ตานเต๋อคงตอบกลับก่อนส่งสายตาให้ลูกน้อง
เหว่ยซ่านพยักหน้ารับ ก่อนจะไปหยิบสมุดภาพแบบชุดผู้หญิงออกมาให้
“สวย ๆ ทั้งนั้นเลย พี่ซื้อให้ฉันได้ไหม”
“ได้สิ ซินหงอยากได้ชุดไหนก็เลือกเอาเลย พี่ซื้อให้”
ภาพคลอเคลียของทั้งสองคน ทำให้โจวเพ่ยชิงที่แอบมองอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว ใช่แล้ว! ซินหงคนนี้ก็คือสะใภ้สามบ้านโจว หรือน้องสะใภ้สามีเธอนั่นเอง ไม่คิดว่าสะใภ้สามจะกล้าคบชู้ ทั้งที่ลูกสาวอายุเพียงสามขวบเท่านั้น แต่ผู้ชายคนนี้รู้หรือเปล่า ว่าหญิงสาวที่ตนคบหาด้วยนั้นมีครอบครัวอยู่แล้ว
“ฉันเอาสี่ชุดนี้ ราคาชุดเท่าไร”
“ชุดละสามสิบหยวนครับ รอสักครู่ ผมขอไปดูว่าขนาดที่ลูกค้าต้องการนั้นมีหรือไม่” เหว่ยซ่านตอบกลับ ก่อนจะเดินหลบเข้าหลังร้านเพื่อไปเอาชุดทั้งสี่มาให้ลูกค้า
โจวเพ่ยชิงที่แอบมองอยู่เมื่อเห็นลูกน้องเดินเข้ามาหยิบชุด จึงเอ่ยห้ามไว้ และสั่งงานบางอย่าง
“พี่เหว่ยซ่าน พี่พอจะรู้จักใครไหม ช่วยตามสืบหญิงชายคู่นี้ให้หน่อยว่าพักที่ไหน ส่วนชุดที่จะเอาไปให้ลูกค้า พี่หยิบไปเพียงแค่สองชุดก็พอ บอกว่าส่วนที่เหลืออีกสองชุด รอสามวันค่อยมาเอา ตอนนี้ของขาดตลาด”
“ครับนายหญิง”
เหว่ยซ่านไม่มีแม้แต่คำถามว่านายหญิงของตนนั้นจะให้สืบเรื่องของลูกค้าทำไม และเดินออกมาพร้อมกับชุดทั้งสอง เมื่อมาถึงชายหนุ่มจึงเอ่ยขอโทษลูกค้าทันที
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีทางร้านเหลือขนาดที่ลูกค้าต้องการเพียงสองชุดเท่านั้น หากลูกค้ายังต้องการอยู่อีก รบกวนอีกสามวันค่อยมาเอาได้ไหมครับ”
“เอ๊ะ!” ซินหงทำท่าจะตอบกลับด้วยความไม่พอใจ ทว่าชายหนุ่มที่มาด้วยกลับคว้าแขนไว้ก่อน
“อืม อีกสามวันฉันจะมารับชุดที่เหลือ ตอนนี้เอาสองชุดนี้ใส่ถุงเถอะ”
“ครับ รอสักครู่ครับ” เหว่ยซ่านรับเงินเต็มจำนวนและรีบนำชุดทั้งสองไปใส่ถุง ก่อนจะเดินเอากลับมายื่นให้ลูกค้าทั้งสอง
เมื่อทั้งสองเดินออกจากร้านไปแล้ว โจวเพ่ยชิงจึงเดินกลับมาหน้าร้าน เรื่องนี้เธอไม่สามารถตัดสินความผิดของน้องสะใภ้ด้วยสายตาตนเองได้ เพราะถ้าเกิดไม่ใช่จะกลายเป็นเธอพูดจาใส่ร้าย และจะทำให้มองหน้ากับบ้านหลี่ไม่สนิทใจ
ดังนั้นเธอจึงคิดว่าจะให้คนไปสืบเรื่องนี้มาดีกว่า จะได้ไม่เป็นการปรักปรำ
“นายหญิงต้องการสืบเรื่องอะไรบ้างครับ ผมพอจะมีคนรู้จักที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้”
“พี่ชื่ออะไรกันบ้าง ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ฉันชื่อเพ่ยชิง แต่ในสถานที่แห่งนี้เรียกฉันแบบเดียวกับที่พี่เต๋อคงเถอะ”
“ครับนายหญิงเพ่ยเพ่ย ผมชื่อเหว่ยซ่าน เจ้านี่เหวินเทา ส่วนเจ้านี่ชื่อซีหลายครับ เราทั้งสามคนขอบคุณนายหญิงมาก ที่ให้โอกาสพวกเรา”
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกนะที่ให้โอกาสพี่ทั้งสามคน แต่เป็น พี่เต๋อคงต่างหากล่ะที่แนะนำพวกพี่ทั้งสามคนให้ฉัน และขอบคุณ
ที่ยอมมาทำงาน และเดินหน้าสู่ความสำเร็จไปพร้อมกับร้านเพ่ยเพ่ย”
หญิงสาวยิ้มให้ และไม่ยอมรับคำขอบคุณเพียงคนเดียวแต่กลับโยนไปให้ตานเต๋อคงรับความดีความชอบในครั้งนี้ด้วย
“จริงสิครับ นายหญิงต้องการสืบเรื่องของชายหญิงเมื่อครู่นี้ เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่”
“ใช่ เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน และฉันต้องการความชัดเจนที่สุดเท่าที่คนของพี่จะทำได้ ฉันพูดอย่างไม่ปิดบัง หญิงสาวเมื่อครู่นี้คือน้องสะใภ้จากบ้านสามีของฉันเอง”
โจวเพ่ยชิงไม่คิดจะปิดบังว่าซินหงนั้นเป็นใคร ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเธอจึงมองว่าควรจะพูดความจริงกับคนของตนเองดีกว่า เพื่อจะได้หลักฐานรัดกุม
แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเดินกลับเข้าหลังร้านและหยิบบางอย่างออกมา ก่อนจะก่นด่าตัวเองว่าทำไมถึงคิดช้าขนาดนี้
“เอานี่ไปด้วย นี่คือกล้องถ่ายรูป กดถ่ายแล้วจะมีภาพเล็ก ๆ ออกมาได้เลย พวกพี่ยืนชิดกันหน่อย ฉันจะทำให้ดู”
โจวเพ่ยชิงหยิบกล้องโพลารอยด์ออกมาจากมิติ ก่อนจะบอกให้ทั้งสี่คนยืนใกล้กันเพื่อถ่ายภาพ
“เห็นไหม ภาพออกมาแล้ว” โจวเพ่ยชิงส่งภาพถ่ายให้ดู
เวลานี้ทั้งสี่ได้แต่งุนงง เพราะไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เห็นเพียงแต่กระดาษเคลือบเงาใบเล็ก ๆ เท่านั้น ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก กลับมีภาพของทั้งสี่คนโผล่ขึ้นมา
“เอ๊ะ! มีภาพออกมาจริง ๆ ด้วย กล้องถ่ายรูปรุ่นนี้รวดเร็วทันใจ หากเอามาวางขาย ผมเชื่อว่าขายดีมากแน่ ๆ นายหญิง”
เอาแล้วไง หัวการค้ามาอีกแล้ว คราวนี้เป็นซีหลายที่เอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“เอาเถอะ ฉันจะสั่งมาไว้ให้ขายก็แล้วกัน พี่เหว่ยซ่านอย่าลืมให้คนจัดการเรื่องชายหญิงคู่นั้นด้วยล่ะ ส่วนนี่เอาไว้ใช้งาน นี่คือฟิล์มของกล้องรุ่นนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายคุยกับพี่เต๋อคง เสียเท่าไรฉันไม่ว่า แต่ขอหลักฐานแน่นหนาก็พอ”
“ครับนายหญิง”
ทันทีที่ตอบรับ เหว่ยซ่านรีบวิ่งออกจากร้านและไปตามสหายที่ทำงานตลาดมืด ก่อนจะสอบถามถึงชายหญิงคู่หนึ่ง ดีที่มีคนจำได้และบอกทางให้ เมื่อเห็นเป้าหมาย เหว่ยซ่านจึงชี้เป้าให้สหายรู้จัก พร้อมสอนวิธีการใช้กล้องและกำชับว่าต้องการสิ่งใดบ้าง เสร็จงานแล้วให้กลับไปรับเงินที่ร้านเพ่ยเพ่ย
หลังจากจัดการเรื่องราวที่เจ้านายสั่งแล้ว จึงรีบกลับมายังร้านเพ่ยเพ่ยเพื่อส่งข่าวให้กับเจ้านายได้รู้
“พรุ่งนี้พี่อย่าลืมจัดการเรื่องผ้าสำเร็จนะพี่เต๋อคง ลองคุยเรื่องวัตถุดิบอาหารในโรงงานด้วยล่ะ อาจจะได้ลูกค้ารายใหญ่”
“ครับนายหญิง” ตานเต๋อคงรับคำสั่งอย่างแข็งขัน
วันต่อมา...
โจวเพ่ยชิงยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะบอกเรื่องน้องสะใภ้กับน้องชายสามีดีหรือไม่ เนื่องจากเธอยังไม่มีหลักฐานในมือ อีกทั้งเธอยังไม่อยากปรักปรำใคร จึงปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน
หลังจากส่งโจวเม่ยเม่ยที่โรงเรียนแล้ว จึงเตรียมของเพื่อจะนำไปส่งบ้านป้าซือตามนัดหมายการส่งของ ทันทีที่มาถึง โจวเพ่ยชิงยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า เธอแปลกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าป้าซือจะเป็นแม่บ้านคนมีเงินขนาดนี้
“สวัสดีค่ะ ฉันมาส่งวัตถุดิบให้กับป้าซือค่ะ” หญิงสาวแจ้งความประสงค์กับยามหน้าประตู
ไม่นานป้าซือจึงเดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม เนื่องจากรอการมาของโจวเพ่ยชิงอยู่นั่นเอง
“มาแล้วเหรอเพ่ยชิง ป้านึกว่าเราลืมนัดป้าเสียแล้ว”
“จะลืมได้อย่างไรกันคะลูกค้ารายใหญ่ขนาดนี้ นี่สินค้าทั้งหมดค่ะ ลองตรวจดูนะคะว่ามีสิ่งไหนขาดอีกหรือไม่”
“ไม่เข้ามาก่อนเหรอเพ่ยชิง”
“ไว้วันหลังดีกว่าค่ะ วันนี้ฉันต้องรีบเข้าไปขายของ ฉันบอกทางบ้านว่าเข้าเมืองไม่กี่ชั่วโมง ป้าซือต้องการอะไรเพิ่มไหม”
“อย่างนั้นเหรอ วันหลังก็ได้ ส่วนครั้งหน้าป้าขอเนื้อเพิ่มเป็นสองเท่านะ คุณนายมีงานเลี้ยงสังสรรค์กับเหล่าสหายบ่อยๆนี่จ้ะเงิน” ป้าซือส่งเงินรอบนี้ให้ ก่อนจะแจ้งสั่งของเพิ่ม
โจวเพ่ยชิงรับเงินนับก่อนจะแอบเก็บเข้ามิติ แต่ป้าซือคิดว่าเธอเก็บเข้ากระเป๋า
“อาหารทะเลแห้งก็มีนะคะ ฉันเพิ่งได้มารอบนี้ หากป้าต้องการแจ้งได้เลยนะ” หญิงสาวเลือกที่จะเสนออาหารทะเลแห้งให้ ส่วนอาหารทะเลสดนั้นค่อยว่ากันอีกทีครั้งหลัง เพราะหากเอามาตอนนี้คงน่าสงสัย
“อย่างนั้นเหรอ รอบหน้าเอาติดมาด้วยนะ ป้าจะถามเจ้านายดูก่อน อาหารทะเลแห้งนั้นหายาก ไม่คิดว่าเพ่ยชิงจะหามาได้ด้วย”
ป้าซือขอถามเจ้านายก่อนว่ามีท่านใดต้องการกินอาหารทะเลหรือไม่ แล้วบอกให้โจวเพ่ยชิงเตรียมมาในครั้งหน้า
“ได้ค่ะป้า ครั้งนี้ฉันขอตัวก่อนนะ ถ้าหากป้ามีสหายต้องการซื้อวัตถุดิบ ให้ฝากรายการที่ป้าได้นะคะ ฉันมีส่วนแบ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้” ก่อนจะลาโจวเพ่ยชิงยิ้มอย่างทะเล้นให้กับป้าซือ
“ได้เลย ป้าจะสอบถามให้” ป้าซือยิ้มรับ หากได้ส่วนแบ่ง เธอเองก็จะมีรายได้เพิ่มเช่นกัน
จากนั้นโจวเพ่ยชิงจึงขอตัวลา
ส่วนทางด้านตานเต๋อคง เวลานี้เขามาอยู่ที่หน้าบ้านของเจียหมิ่น ตามคำนัดหมายเรื่องค้าขายผ้าสำเร็จ
“มาแล้วเหรอคุณตาน เข้ามาก่อนสิคะ สามีฉันกำลังรออยู่เลย” เจียหมิ่นเองก็รออย่างกระวนกระวายใจ เลยมารอหน้าบ้าน พอเห็นตานเต๋อคงรีบเปิดประตูให้ทันที
“ครับ” ตานเต๋อคงตอบรับก่อนเดินตามเข้ามาในบ้านพร้อมกับกระเป๋าใบหนึ่ง
วันนี้ชายหนุ่มมาด้วยรูปลักษณ์ดูแปลกตา แม้ใบหน้าจะมีหน้ากากปิดบังรอยแผลเป็นครึ่งซีก แต่ด้วยเสื้อผ้าที่นายหญิง
เพ่ยเพ่ยจัดหาให้เวลาไปพบและคุยงานกับลูกค้า ทำให้เขาดูสง่าและดูดีไม่น้อย การที่เขามีหน้ากากปิดบังครึ่งซีก ยิ่งทำให้เขาดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
ในความคิดของเจียหมิ่นแวบแรกคือเจ้านายและลูกน้องเหมือนกัน คนหนึ่งมีผ้าปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกคนมีหน้ากากปิดบังครึ่งซีก ‘เจ้านายลูกน้องคู่นี้ คงมีความลับบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงสินะ’
เมื่อเข้ามาด้านในบ้าน มีชายวัยประมาณสามสิบห้าถึงสี่สิบนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอได้ยินเสียงภรรยาบอกว่าคนที่นัดหมายมาถึงแล้ว ใบหน้าของชายคนนั้นเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“มาแล้วค่ะคุณ คุณตานเต๋อคงจากร้านเพ่ยเพ่ยมาถึงแล้ว”
คุณส่ง
“มาแล้วเหรอ สวัสดีครับ ผมแซ่หวู ชื่ออานเผิง ผมรอคอยการมาถึงของคุณด้วยใจจดใจจ่อเลยครับ” หวูอานเผิงทักทายพร้อมกับบอกว่าตนเองนั้นรอการมาของตอนเต๋อคงตลอดเวลา
“สวัสดีครับคุณหวู ผมเต๋อคงครับ วันนี้นายหญิงให้ผมเข้ามาเจรจาเรื่องซื้อขายผ้าดิบ ผ้าสำเร็จครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ตานเต๋อคงแนะนำตัว เรื่องชื่อแซ่เขาไม่จำเป็นต้องปิดบัง จากนั้นจึงนั่งลงตามคำเชิญของเจ้าของบ้าน และหยิบตัวอย่างผ้าที่มีมากมายส่งให้หวูอานเผิงดู
เพียงแค่เห็นตัวอย่าง แววตาของผู้จัดการหวูเป็นประกายอย่างห้ามไม่อยู่ พร้อมกับในใจคิดว่าเขารอดตายแล้ว
ตัวอย่างผ้าที่นำมามีทุกอย่าง ทั้งผ้าดิบ ผ้าสีพื้นและผ้าลวดลาย รวมถึงผ้าป่าน ผ้าไหม ล้วนมีหมด นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาดีใจมาก นอกจากจะรอดตายแล้ว โรงงานก็จะเร่งผลิตสินค้าทันตามกำหนด เพื่อส่งเข้าร้านค้ารัฐและจำหน่ายตามพื้นที่ต่าง ๆ
“แล้วราคาล่ะครับคุณตาน”
“นี่ครับราคา ทางนายหญิงเพ่ยเพ่ยคำนวณมาแล้ว ผ้าแต่ละชนิดราคาอาจจะไม่เท่ากัน แต่ลักษณะและคุณภาพของผ้าไม่ต่างหรือผิดเพี้ยนไปจากตัวอย่างครับ เรื่องนี้ทางร้านรับประกันเรื่องคุณภาพ หากได้ไปไม่ตรงกับที่สั่งไว้ นอกจากทางร้านจะคืนเงินให้เต็มจำนวนและยังจ่ายค่าปรับให้อีกด้วย แต่ขึ้นอยู่กับสัญญา
ซื้อขายฉบับนั้น ๆ ครับ”
ผู้จัดการหวูดูราคา เขาแทบไม่เชื่อสายตาว่าราคาแต่ละหลานั้นจะถูกเพียงนี้ เขาเคยซื้อขายกับพ่อค้าหลายเจ้า แต่ราคาที่ได้คือเกือบเท่าตัวของร้านเพ่ยเพ่ย จึงเอ่ยถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“แน่ใจเหรอว่าขายในราคานี้ แถมยังรับรองคุณภาพอีกด้วย”
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส