Masukกริชประคองร่างของเมลานีให้เอนตัวลงนอนราบ แล้วค่อยปรับหัวเตียงไฟฟ้าให้กระดกขึ้นเล็กน้อย เขาวางแขนข้างหนึ่งไว้ข้างศีรษะ ก้มหน้าชิดจนปลายจมูกคมสันแทบจะสัมผัสกับจมูกรั้นของหญิงสาว เมลานีพยายามถลึงตาใส่แต่ครั้งนี้กริชไม่ยอมถอยห่าง ดวงตาคมกล้าของเขาทั้งท้าทายและยั่วเย้าจนเธอไม่อยากสานสบด้วย
“ออกไปห่าง ๆ นะคะพี่กริช”
“มาคุยกันก่อนค่ะ”
“เรื่องอะไรคะ ทำไมต้องใกล้ขนาดนี้ด้วย”
“อยากใกล้มากกว่านี้ แต่เมลใจร้ายกับพี่นัก”
“ใครกันแน่”
“กับคนอื่นทำไมใจดี กับพี่ทำไมไม่ใจอ่อนบ้างฮึ หนูเมล” กริชกดดันหญิงสาวด้วยลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดริมฝีปากจนเมลานีต้องเบี่ยงหลบ กลายเป็นปล่อยให้แก้มนุ่มถูกปัดป่ายด้วยริมฝีปากของเขา
“ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกับเมลคะ” หญิงสาวหลับตาปี๋ วันนี้เธอคงผ่านความตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เธอจึงไม่สามารถต้านทานแววตาอ่อนหวานแต่ร้อนแรงของเขาได้อีก
“จ๋าไม่เคยขอให้พี่พาเมลออกมาจากสถานีตำรวจ แต่เป็นตัวพี่เองที่ทนเห็นเมลติดคุกไม่ได้ ถ้ามีอะไรที่เมลได้ฟังมาจากจ๋าแล้วข้องใจ ขอให้ถามกับพี่ตรง ๆ ได้ไหมคะ”
“แต่พี่เคยบอกว่าไม่อยากทำให้คนที่รักพี่ผิดหวัง” เมลานีหันกลับมาค้อนแถมทำปากยื่นเมื่อเธอไม่พอใจ
“พี่หมายถึงย่า” นัยน์ตาสีสนิมเหล็กฉายแววเศร้า แล้วพูดต่อ “ย่าคงไม่อยากให้พี่ถลำลึกไปกับความแค้นจนทำอะไรที่เลวร้ายไปมากกว่านั้น”
“พี่คงแค้นเมลกับพี่เมฆมาก”
“พี่อาจจะเคยแค้น แต่มันไม่มีทางมากไปกว่าความรักหรอก ไม่อย่างงั้นพี่จัดการเมลไปแล้ว แต่เอาเข้าจริง พี่ทำอะไรเมลไม่ได้เลย เพราะพอเมลเจ็บพี่ก็ทนไม่ไหวซะเอง” เขาไม่ได้พยายามจะเป็นคนดีกับเมลานีเลย ตรงกันข้ามพยายามใช้ความแค้นผลักด้านร้ายที่สุดเพื่อจัดการหญิงสาวเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ เพราะเมลานีเจ็บ เขาก็ปวดหนึบในใจ พอเมลานีร้องไห้ เขาก็ทุรนทุรายเหมือนโดนน้ำกรดราด
“ไม่ใช่แก้แค้นสาแก่ใจแล้วก็ทิ้งเมลไปมาเก๊าเหรอคะ”
“พี่จำเป็นต้องไป แลกกับการที่จะให้ท่านศักดาช่วยเมลออกมา แล้วพี่ก็คิดว่ามันดีที่สุดแล้วค่ะสำหรับเราสองคน ณ ตอนนั้น คิดว่าพออยู่ห่างกัน บาดแผลของเมลกับพี่ก็จะค่อย ๆ หายไป เมลก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตที่สงบสุขเหมือนเดิม”
“คิดง่ายจังเลยนะคะ พี่ก็เลยจ่ายค่าตัวเป็นเช็คไว้ให้เมลสินะ”
“พี่อยากให้เมลมีเงินติดตัวไว้เรียนต่อ”
“เมลจำไม่ลืมเลยนะว่าพี่ทำอะไรกับเมลบ้างในคืนนั้น” เมลานีถลึงตาใส่ แต่มันดูไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนแต่ก่อน แล้วมันก็ทำให้กริชได้ใจจนเผลอเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น หยอดสายตาเจ้าชู้ตามแบบของเขาอีกต่างหาก
“ที่ว่าจำได้ มีอะไรที่จำได้บ้าง”
“จำได้ว่ากรีดมือคนบ้ากามไปไงคะ” ยิ่งเขาเข้ามาใกล้ เมลานีก็พยายามยกเหตุการณ์ครั้งนั้นขึ้นมาขู่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล กริชกลับใช้มือข้างที่ยังเหลือรอยแผลนั่นแหละยกขึ้นมาสัมผัสแก้มอย่างถือวิสาสะ ลูบไล้ไปมาราวกับรำลึกถึงเหตุการณ์วันที่เขาใช้ฝ่ามือข้างนี้ป้องกันแก้มนวลจาก
คมมีดคัตเตอร์“อะ ใช่ แล้วจำอะไรได้อีก”
“ไม่รู้ ไม่มี” เมลานีเสียงสั่นเมื่อฝ่ามือของเขายังอยู่ที่แก้ม ในขณะที่นิ้วโป้งกลับไล้มาที่ริมฝีปากของเธอโดยไม่กลัวเกรงกันเลยสักนิด
“แบบนี้จำได้ไหม”
แบบนี้ของเขาก็คือการประทับริมฝีปากของตนเองลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว เคล้าคลอหยอกเย้าอย่างคนขี้เล่นแล้วเปลี่ยนเป็นกดจูบหนักหน่วงลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ่ายทอดความรู้สึกอ่อนหวาน รัญจวนผ่านจุมพิตดูดดื่มเย้ายวน
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ นี่มันโรงพยาบาล” เมลานีหายใจหอบตอนที่ชายหนุ่มละริมฝีปาก เธอรีบตะกรุมตะกรามสูดอากาศเข้าปอด
“แล้วทำที่ไหนได้บ้างคะ” เขาอ้อนเสียงอ่อน แล้วก็จูบเธอซ้ำอย่างดูดดื่มยิ่งกว่าคราแรก
“พี่กริช เมลเจ็บแผล” เมลานีรับมือกับความเจนจัดของเขาไม่ทันจึงต้องงัดเอาไม้อ่อนดึงอาการป่วยมาใช้ และดูเหมือนมันจะได้ผล เพราะกริชยอมหยุดนิ่งและซุกหน้ากับซอกคอขาวผ่อง สูดหายใจหนัก ๆ เพื่อสงบอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ฝากไว้ก่อนเถอะหนูเมล”
มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ จากนั้นครูประจำชั้นของหนูพายก็จูงมือเด็กหญิงเข้ามาในห้องผู้ป่วย หนูน้อยเห็นแม่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ก็ร้องถาม
“คุณแม่ป่วยเหรอคะ”
ชายหนุ่มหันไปขอบคุณครูประจำชั้นที่ขอตัวกลับก่อน แล้วค่อยยกตัวลูกสาววัยสามขวบกว่าขึ้นมาอุ้มให้มองเห็นแม่ชัด ๆ
“คุณแม่ไม่ค่อยสบาย หนูพายต้องช่วยพ่อกริชดูแลแม่นะคะ”
“ง่ายมากเลยค่ะพ่อกิด” หนูพายทำปากยื่นพูดเสียงเล็กเสียงน้อยลอยหน้าลอยตา กริชหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะมันเหมือนท่าทางของเมลานีเวลาเผลอตัวแล้วทำอาการงอนเป็นเด็ก ๆ อยู่เหมือนกัน
“ถ้างั้นคืนนี้เรานอนที่โรงพยาบาลกันนะคะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับไปนอนที่บ้านสามคนพ่อแม่ลูก”
“เย่ ๆ จริงนะคะพ่อกิดขา”
“จริงค่ะ แต่หนูพายต้องบอกคุณแม่ว่าอย่าดื้อกับพ่อกริชนะคะ” กริชยิ้มกับลูกสาวที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน หนูน้อยก็ทำงานเป็นทีมรีบหันไปกำชับกับมารดาที่นอนอยู่บนเตียงโดยไร้พรรคพวก หัวเดียวกระเทียมลีบ
“อย่าดื้อกับพ่อกิดเลยนะคะคุณแม่” คนเป็นลูกพูดขึ้นมาก่อน ทำเอาคนเป็นพ่อได้ใจ ยักคิ้วใส่แล้วสำทับ
“ไม่ดื้อนะคะหนูเมลของพี่กริช”
Special Talk : พี่กริชถ้าช่วงชีวิตของคนเราจะมีเพลงประจำของมันอยู่ ชีวิตผมก็คงเริ่มด้วยเพลงบลูส์อันแสนเศร้าสร้อย...ผมจึงใช้มันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ และทุกครั้งที่ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมจะเห็นเด็กสาวแสนสวยคนหนึ่งที่นั่งมองผมอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนที่แต่งตัวมาประชันกันในบาร์ราคาแพงสายตาของผมกลับกวาดไปตกลงที่เธอเท่านั้นผมจำเธอได้ดี แม้วันนี้เธอจะไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียแต่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมรอให้เธอเข้ามาหาเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ทำร้ายผมในอดีต แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นานวันเข้าจากที่เคยชินก็กลายเป็นผมที่เฝ้ารอให้เธอมานั่งฟังเพลงที่นี่ทุกคืน...และผมก็เลือกที่จะลงมือจัดการเธอผมเริ่มเกมด้วยความแค้นในจุดเริ่มต้น และเข้าสู่เส้นชัยด้วยความว่างเปล่าสามปีในมาเก๊า ผมอยู่กับความถวิลหาที่ไม่อาจเติมเต็ม แล้วกลับเมืองไทยอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ อุทิศพลังทั้งหมดเพื่อทำงาน ซมซานกลับไปโดดเดี่ยวในคอนโดหรูที่แสนเวิ้งว้างจนกระทั่งวันที่ผมได้ยินเสียงรับโทรศัพท์ของโอเปอเรเตอร์คนใหม่ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเฝ้ามองหาเงาใครบางคนท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลาผมหันหลังไปยืมกีตาร์จากนักดนตรีในงานไมเนอร์
โซ่รักตอนพิเศษ โซ่รักวันเกิดของกริชเวียนกลับมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากไปทะเลอีกครั้งเพราะติดใจวิลลาริมทะเลที่เคยไปในอดีต ป้าละไมขออยู่เฝ้าบ้านเพราะกำลังติดซีรีส์อินเดียอย่างหนักหน่วง เจ้าของวันเกิดผู้เป็นทาสเมียและทาสลูกสาวโดยสมบูรณ์จึงไม่อิดออดที่จะเอาใจสองสาวต่างวัย เพียงแต่ระหว่างทางเขาพาทั้งเมลานี และหนูพายแวะที่วัดแห่งหนึ่งก่อน“แวะที่นี่ก่อนนะคะหนูเมล” จังหวัดเดิมที่เคยอาศัยเป็นทางผ่านก่อนไปทะเล และกริชตั้งใจพาลูกสาวกับเมลานีมาที่นี่อยู่แล้ว จึงถือโอกาสพิเศษนี้แวะเสียเลย“ไหว้พระเหรอคะ”“ค่ะ พี่เตรียมสังฆทานใส่รถมาแล้วด้วย ความจริงตั้งใจจะมาที่นี่ในวันเกิดนั่นแหละ อยากมาทำบุญ”“ทำไมไม่บอกล่ะคะ เมลจะได้ช่วยเตรียมของ” เมื่อเปิดท้ายรถก็พบว่าชายหนุ่มเตรียมเครื่องสังฆทานกล่องใหญ่มาแล้ว เขาเลือกของด้วยตัวเองแล้วนำมาใส่กล่องใส ไม่ใช่สังฆทานสำเร็จรูปที่มักจะใส่กระป๋องสีเหลืองตามแบบที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มักจะทำกัน“ครั้งหน้านะคะ เมื่อคืนวานพี่เห็นเมลเหนื่อย หมดเรี่ยวหมดแรงก็เลยสงสารไม่อยากกวน” เขาว่านัยน์ตาเยิ้ม สื่อความนัยที่เขาและเมลานีเท่านั้นถึง
ซ่อน 2“งั้นมีรางวัลให้ผัวที่น่ารักคนนี้ไหมล่ะคะ” เสียงห้าวแหบพร่าแต่แววตาของเขากลับเปิดเปลือยความต้องการอันร้อนแรงขึ้นมาทันที ฝ่ามือร้อนผ่าวอีกข้างถลกกระโปรงทรงเอสั้นแค่เข่าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วประกบมือลงไปบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่ม บีบเคล้นเบา ๆ แบบจาบจ้วงแต่ก็เร้าใจ“พี่กริช เดี๋ยว” เมลานีเสียงสั่นเมื่อเขาบีบเคล้นที่ความเป็นหญิงของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่แล้วก็ต้องซบหน้าลงกับอกและใช้มือจิกไหล่กว้างไว้เป็นหลักยึดเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกรีดลงไปในร่องเนื้ออันไวต่อสัมผัส เมื่อพบติ่งเนื้อนิ้วสากระคายก็กดคลึงหมุนวนจนเรียกน้ำชุ่มฉ่ำออกมาได้สำเร็จ“ดื้อกับพี่นัก คนดื้อต้องถูกลงโทษให้หนัก”“อ๊ะ” ความเสียวแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ เขาหงายมือและงอนิ้วขึ้นด้านบน ควงคว้านจนเจอกับจุดที่ทำหญิงสาวครางกระเส่า จากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสอดเข้าไปเพื่อจัดการกับคนดื้อ ช่องทางของเธอแม้จะชุ่มฉ่ำแต่ก็ยังคับแน่นจนอึดอัด ชวนให้อยากจะเอาตัวตนของเขาสอดใส่เข้าไปแทนที่ในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเมลานีเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย เลื่อนมือข้างหนึ่งมารั้งข้อมือที่รังแกเธอไม่หยุดหย่อนไว้ แต
ซ่อน 1ตั้งแต่ย้ายไปบ้านหลังที่เตรียมไว้ ข้าวของต่าง ๆ ของเมลานีและหนูพายรวมถึงป้าละไมเพิ่งย้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนกริชที่ข้าวของส่วนตัวของเขาน้อยมาก กลายเป็นเมลานีต้องคอยดูคอยซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ พอเธอถามเขาก็บอกว่าขี้เกียจเก็บของจากคอนโดเก่า แต่จริง ๆ หญิงสาวเคยแวะไปที่คอนโดของเขาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องใช้เหลืออยู่เท่าไรนัก และด้วยความที่มัวแต่วุ่นวายกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่ เมลานีจึงเพิ่งมีโอกาสที่จะเข้าไปเก็บของให้หมดเสียที เพราะรู้ว่ากริชเองก็มัวแต่ยุ่งกับการขยายสาขาหญิงสาวหยิบคีย์การ์ดของคอนโดจากลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมไปเก็บของให้เขา คอนโดของกริชทำเลดี และราคาแพงลิบลิ่ว เมลานีเคยเสนอให้เขาปล่อยเช่าหากไม่ต้องการอยู่ด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวคนเช่าจะทำให้คอนโดของเขาเละเทะ และกริชก็ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูกเสียมากกว่า“พี่กริชคะเมลกำลังออกไปเก็บของที่เหลือในคอนโดให้นะคะ” หลังจากสตาร์ตรถและขับมาได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็โทรแจ้งเจ้าของสินทรัพย์ให้ทราบ“ฮะ ไม่ เมลไม่ต้องไป” ปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวแปลกใจ“ทำไมคะ ก็ในเมื่อพี่กริชยุ่ง
ผมเปียตั้งแต่ฝึกฝนถักเปียกับสายไฟอยู่พักใหญ่จนมั่นใจว่าถูกต้อง กริชก็เริ่มลองถักผมยาวเหมือนแพรไหมของเมลานี ครั้งแรก ๆ เขาเกร็งมากเพราะกะน้ำหนักมือไม่ถูก กลัวจะทำให้หนังศีรษะของภรรยาหลุดติดมือมาด้วย แต่เมลานีก็คอยสอนคอยบอกจังหวะ ไม่นานเขาก็ถักเปียได้สวยและเป็นระเบียบจนอยากจะลองถักให้ลูกสาวดูบ้างพอได้ทำ ก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทุกวันมานี้กริชจะต้องถักผมเปียให้หนูพายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เวลาลูกและเมียชมว่าทำได้สวย เขาภูมิใจกับมันมากกว่าการได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่นของวงการยานยนต์เสียอีก“สวยสุด ๆ ไปเลยลูกสาวพ่อ”“พ่อกิด ไม่ใช่แบบนี้ โน โน” หนูพายเอียงศีรษะข้างซ้ายที ข้างขวาที แล้วไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อให้จัดการแก้ไข“อะไรคะ”“ไม่สวย จะเอาแบบที่คุณแม่ทำให้ค่ะ”“แต่ปกติพ่อก็ถักเปียแบบนี้ให้นี่คะลูก” กริชบอกอย่างเอาใจลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียน“หนูชอบแบบใหม่มากกว่าค่ะ” หนูพายทำปากยื่น “พ่อกิด ทำใหม่ค่ะ”“ทำ...ทำแบบไหนดี” คนเป็นพ่อเริ่มเลิ่กลั่ก กว่าเขาจะสำเร็จวิชาถักเปียก็เสียสายไฟไปหลายขด หนูพายกลับเบื่อเปียของเขาเสียง่าย ๆ กลัวเหลือเกินว่าไอ้แบบใหม่ที่ลูกสาวว่ามันจะทำให้เขาต้องกุมขมับและซื้อ
บ้านใหม่ 1กลิ่นดอกโมกหอมอ่อน ๆ โชยกรุ่นทำให้อากาศยามเช้ายิ่งสดชื่น สนามหญ้าเขียวสบายตาที่ถูกดูแลอย่างดีมีละอองน้ำจากหยาดฝนที่เพิ่งทิ้งช่วงไปตอนเช้ามืดพร่างพรมไปทั่วครั้งหนึ่งกริชไม่ชอบบ้านเพราะพื้นที่กว้างขวางทำให้คนตัวคนเดียวอย่างเขายิ่งโดดเดี่ยว แต่พอรู้ว่ามีความรักและมีลูกสาว เขาก็ซื้อบ้าน ซื้อไว้รอตั้งแต่เมลานีบอกให้เขาตัดใจใต้ต้นสนริมทะเลเขาซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างไว้ให้ลูกวิ่งเล่น และปลูกต้นโมกที่ลูกสาวเคยมอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไว้รอบรั้ว ตกแต่งบ้านตามความชอบที่เมลานีเคยเพ้อฝันให้ฟังในสมัยเธอยังเป็นนักศึกษา ถ้าหลังกลับมาจากมาเก๊า เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างไพน์กรุ๊ป หลังกลับมาจากทะเลอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสวันนั้น เขาก็อุทิศความหวังทั้งหมดลงมาที่บ้านหลังนี้ สร้างมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ เหมือนกับที่เขารอคอยเมลานีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คล้ายหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะได้มีโอกาสเปลี่ยนบ้านที่เป็นแค่โครงสร้างให้กลายเป็นบ้านที่หมายถึงครอบครัวอย่างแท้จริงและเมื่อวันนั้นมาถึง หญ้าก็เขียวขจี ดอกโมกก็ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย…กริชจรดศีรษะลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยที่ขอแยกห้องนอนไปแล้ว เมื่อ







