Home / รักโบราณ / โปรดอย่ารักนางร้าย / 5 คือคนในคำทำนายหรือไม่?

Share

5 คือคนในคำทำนายหรือไม่?

last update Last Updated: 2024-12-24 18:43:46

 

“นายหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยก้าวขาเข้ามาในห้อง

เขาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไปแล้ว ร่างกายก็สะอาดสะอ้าน นางอยากรู้ว่า เขาใช่ชายในคำทำนายของท่านพ่อหรือเปล่า ถ้าใช่นางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้นไปจากที่นี่

“เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า เจ้าคือใครกันแน่” หลี่จื้อฉิงผุดลุกขึ้นมานั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง ใบหน้างดงามได้รูปเวลานี้ซีดเซียวไร้สีเลือด นางต้องการพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่า เขาใช่องค์ชายตัวประกันจากเฉียนซีหรือไม่ หลี่จื้อฉิงจึงเลือกจะโยนเนื้อก้อนหนึ่งให้เขากระโดดงับ

“ข้าคือสัตว์เลี้ยงของท่าน” เขาตอบอย่างนอบน้อมมีมารยาท ไช่เสิ่งเจี๋ยมีแผนการในใจอยู่แล้ว

เจ้าของใบหน้าสวยงามยิ้มเหยียด

“ข้าถามว่าเจ้าคือใครกันแน่”

“นายหญิง ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ยังคงเป็นคำตอบเดิม

“องค์ชายท่านต้องการไปจากที่นี่หรือไม่” ในเมื่อเขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นใคร หลี่จื้อฉิงจึงเปิดเผยโฉมหน้าของเขาด้วยตนเอง

“นายหญิง ในเวลานี้ข้าน้อยคือสัตว์เลี้ยงของท่าน เป็นทาสรับใช้ของท่าน” สถานะของเขามีใครบ้างไม่รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองร่างเล็กที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงนอน “ข้าจะเป็นใครในอดีต ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานี้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ชายหนุ่มเดินมาคุกเข่าต่อหน้านาง

“องค์ชายข้าจะถามท่านอีกครั้ง ท่านอยากมีชีวิตรอดกลับไปเฉียนซีหรือไม่!!”

ครั้นพูดถึงดินแดนบ้านเกิดของอีกฝ่าย ชั่วเวลาหนึ่งนางสังเกตเห็นดวงตาสีนิลวูบไหวและเปลี่ยนเป็นสีเท่า แม้จะแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่หลี่จื้อฉิงที่จับตาดูอีกฝ่ายทุกการกระทำย่อมสังเกตเห็น

เขาไม่รู้ว่าสตรีตัวร้ายที่อยู่ตรงหน้าเขาต้องการสิ่งใด ไช่เสิ่งเจี๋ยจึงเล่นละครเป็นทาสรับใช้ที่ดีต่อนางไปก่อน ไม่แน่ว่าสิ่งที่นางกล่าวออกมาอาจจะเป็นแผนลวงที่ทดสอบความซื่อสัตย์ของเขาก็เป็นได้

“ไม่เลยนายหญิง ข้าน้อยอยากอยู่รับใช้ท่านที่นี่ อีกอย่างเราสองคนก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันไปแล้ว ตามธรรมเนียมของเฉียนซี เมื่อสาบานต่อหน้าฟ้าดินแล้วมิอาจบิดพลิ้วแยกจากกันได้” ไช่เสิ่งเจี๋ยขยับเข้าไปใกล้ชิดนาง

“เป็นเช่นนั้นสินะ องค์ชายคงไม่อยากกลับไปที่ดินแดนของตนเองเสียแล้ว น่าผิดหวังจริง ๆ”

“ไม่กลับแล้วนายหญิงข้าน้อยเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน”

แค่ชั่วเวลาพริบตาเดียว ไช่เสิ่งเจี๋ยก็ขยับเข้ามาใกล้ชิดนางจนไม่เหลือระยะห่าง เวลานี้เขาไม่ใช่ก้อนเนื้อเหม็นเน่าอีกต่อไปแล้ว หลี่จื้อฉิงจึงมิได้รังเกียจ

หลี่จื้อฉิงใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าของไช่เสิ่งเจี๋ย หมายให้เขาสบตากับนางยามสนทนากัน

“องค์ชาย เราสองคนต่างก็เป็นตั๊กแตนที่เกาะอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ในอีกหนึ่งปีช่วงเวลาเดียวกันนี้ ข้าจะส่งท่านกลับไปยังดินแดนของท่าน ขอแค่เพียงท่านจงเป็นทาสที่เชื่อฟัง” มือเรียวลูบเส้นผมนุ่มสลวยสีดำขลับที่ถูกชำระล้างเป็นอย่างดีของอีกฝ่ายอย่างเบามือ “ถึงเวลานั้นต่อให้ข้าต้องตัดแขนตัดขา ข้าก็จะหาทางปล่อยท่านไป ไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม”

“ไม่นายหญิง ข้าไม่ไป” ชายหนุ่มเอียงใบหน้าซุกกับฝ่ายมือเล็กนุ่มนิ่มของนางท่าทางออดอ้อนราวกับลูกแมว ใครอยากจะเชื่อในสิ่งที่นางพูดก็เชื่อไป แต่เขาไม่เชื่อคำพูดโป้ปดมดเท็จที่ออกมาจากปากของนาง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไร้ความน่าเชื่อถือ สตรีที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจสารเลวมิต่างอะไรจากมารดาของตน จะปล่อยเขาไปในอีกหนึ่งปีให้หลังอย่างนั้นหรือ ให้เขาเชื่อว่าพระอาทิตย์จะขึ้นในทางทิศตะวันตกยังจะดีเสียกว่า

“แต่ตอนนี้ ข้ามีสิ่งหนึ่งให้ท่านทำ” หลี่จื้อฉิงเอนตัวไปกับเสาของเตียงนอน นางหมดแรงจะสนทนากับเขาแล้ว คงเป็นเพราะบาดแผลที่บริเวณเอว หากรู้ว่ามันจะทรมานเช่นนี้นางคงใช้เลือดของเขาแทนเลือดของตนเอง “แต่เดี๋ยวก่อน...ข้าเชื่อใจท่านได้ใช่หรือไม่” น้ำเสียงของนางอ่อนระโหยโรยแรงเต็มที

"เชื่อใจข้าได้” เขาโกหก “นายหญิงโปรดออกคำสั่ง”

“ไปที่ร้านขายยาพรตเมฆา...บอกอาการของข้ากับพวกเขา จากนั้นจึงนำยากลับมาที่นี่” หลี่จื้อฉิงโยนป้ายหยกประจำตัวให้แก่เขา “จำประโยคนี้เอาไว้ สตรีสูงศักดิ์ร้ายกาจเอาแต่ใจ อยากกินขนมกุ้ยฮวา”

นางรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเขลา ถ้าเจอสถานการณ์ที่แย่ไปกว่านี้เขาจะเอาตัวรอดกลับมาได้ไม่ก็หนีไป

“นายหญิงโปรดวางใจ ข้าจะรีบไปรีบกลับ” ไช่เสิ่งเจี๋ยลอบยิ้มมุมปาก นางกำลังเปิดโอกาสให้เขาหนีเช่นนั้นหรือ

หากราชบุตรเขยซึ่งเป็นบิดาของนางอยู่ คงไม่ต้องพึ่งพาเจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า ตราหยกประจำตัวของนางสามารถใช้เป็นป้ายผ่านทางได้ทั้งแผ่นดินฉางหมิง หลี่จื้อฉิงเปิดโอกาสให้เขาหลบหนี และติดต่อกับคนของตนเอง หวังว่าเขาจะฉลาดและรู้ว่านางกำลังตั้งใจทำสิ่งใด

ตั้งแต่เล็กยันเติบใหญ่ นางเห็นทุกการกระทำของมารดา นางรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเสด็จแม่และแม่ทัพใหญ่ปั๋วจวิน ชายผู้นั้นเดินเข้าออกตำหนักองค์หญิงใหญ่ราวกับเป็นบ้านของตนเอง และตัวของเสด็จแม่เองก็มิได้คิดปิดบังในสิ่งที่ตนกระทำ หลี่จื้อฉิงเห็นใบหน้าของบิดาจากเจ็บปวดกลายเป็นเฉยชาในที่สุด

โชคดี ที่อย่างน้อยนางก็ยังมีเสด็จพ่อที่คอยสอนให้รู้ถูกรู้ผิด

“ท่านพ่อ” ยามเมื่ออยู่กันตามลำพังพ่อลูกนางและเผิงเยี่ยนปิ่นมักจะสนทนากันด้วยคำสามัญทั่วไป นั่งยิ่งทำให้นางสนิทสนมกับบิดามากยิ่งขึ้น

“นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ”

“กระดานหมากรุก” เผิงเยี่ยนปิ่นตอบคำถามขอบบุตรสาวตัวน้อย

“แล้วเหตุใดจึงมีเส้นแบ่งตรงกลางล่ะเจ้าคะ”

“เด็กน้อยเจ้าดูให้ดี ๆ” ผู้เป็นบิดาผายมือไปยังกระดาน “ฝั่งสีแดงเปรียบเสมือนฉางหมิง ฝ่ายสีดำคือเฉียนซี”

“...” เด็กหญิงกอดอกมิได้เอ่ยสิ่งใดออกไป มิเข้าใจว่าบิดากำลังหมายถึงสิ่งใด และเหตุใดจึงนำสองแคว้นมาไว้บนกระดานหมาก

“จือจือ เจ้าคิดว่าฝ่ายใดจะชนะ” เผิงเยี่ยนปิ่นขอความคิดเห็น

“ลูกคิดว่าฉางหมิงเจ้าค่ะ ท่านพ่อดูสิเจ้าคะ ตัวหมากของเฉียนซีถูกกินไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงเสนาบดี กษัตริย์ ม้า และปืนอย่างละตัวเท่านั้น เหล่าทหารในกระดานถูกฉางหมิงกินไปจนหมดแล้ว ดูยังไงในกระดานนี้เฉียนซีก็ต้องพ่ายแพ้” เด็กหญิงตอบออกไปตามความรู้สึก

เผิงเยี่ยนปิ่นยิ้ม ลูบหัวบุตรสาวที่น่ารักของตนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเริ่มเดินหมากในกระดานให้นางดู แค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ฉางหมิงที่เต็มไปด้วยขุนพล เสนาบดี ม้า เรือ และปืน ก็ถูกเฉียนซีที่เหลือกำลังเพียงน้อยนิดจัดการจนราบคาบ รู้ตัวอีกที ก็เหลือแค่กษัตริย์เพียงตัวเดียว

“ประมาทแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น จากที่ได้เปรียบกลายเป็นเสียเปรียบ ฝ่ายของเฉียนซีเมื่อถูกไล่ล่าจนจนตรอก ก็อาศัยเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายกลับมาพลิกเอาชนะแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ของฉางหมิงได้”

“...”

“เด็กน้อย ในอนาคตวันข้างหน้า” เผิงเยี่ยนปิ่นหยิบหมากกษัตริย์ที่อยู่ในฝั่งของเฉียนซีส่งให้กับบุตรสาว “เจ้าจะต้องช่วยให้หมากตัวนี้กลับบ้านเกิด”

“ลูก!!” นางไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะคิดอีกกี่ตลบก็ไม่เข้าใจ

“หากเจ้าอยากจะหยุดหายนะที่จะเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้ เจ้าจะต้องพาหมากตัวนี้กลับคืนสู่มาตุภูมิ ยุติเคราะห์ร้ายของมวลมนุษย์”

“ท่านอธิบายอีกสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ” หลี่จื้อฉิงยังไม่เข้าใจ

“ถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้ได้ด้วยตัวของเจ้าเอง”

คำทำนายของบิดา มีครั้งไหนไม่เกิดขึ้นจริงบ้าง นางจดจำสิ่งที่บิดาเคยบอกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ถึงเวลานางจะรู้ด้วยตนเองว่า ควรลงมือกระทำสิ่งใด สวรรค์จะชี้แนะแนวทางให้แก่นางเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โปรดอย่ารักนางร้าย   55 กลับคืนสู่วิถีเดิม END

    เป็นเพราะทั้งซื่อหานและหงหลางต่างก็เป็นเทพและมารที่อยู่มาในยุคฟ้าปางก่อน เป็นเทพมารบรรพกาลที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่องค์ในยุคนี้ การที่ทั้งคู่คบหากันจึงไม่มีใครคัดค้านแม้กระทั่งเทียนตี้เองก็มิกล้ามีปากมีเสียง คงเพราะหวั่นเกรงกลัวว่า มหาเทพซื่อหานจะบุกมาพังตำหนักของตนไม่ก็ถูกมหาจอมมารขโมยผลไม้เซียนที่เขาปลูกเอาไว้ จึงปล่อยเลยตามเลยทำปิดหูปิดตาไม่สนใจ แม้จะกังวลเรื่องการรวมดินแดนเพียงไหนก็ตามในอดีตนางและเขาทะเลาะกันจนทำให้ดินแดนทั้งสองแยกขาดจากกัน นางแกล้งเขาด้วยการสร้างโซ่เส้นหนึ่งขังเขาเอาไว้ในตำหนัก หงหลางโกรธจัด นับตั้งแต่นั้นมา สองดินแดนจึงถูกแยกออกจากกัน ถึงเวลาที่เขาและนางจะช่วยกันรวมดินแดนผนึกแผ่นดินเข้าหากันอีกครั้งหนึ่งกลายเป็นว่าสิ่งที่หลันเว่ยลงมือกระทำไปทั้งหมดเป็นการช่วยส่งเสริมให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะเดิมอย่างที่สามภพเคยเป็น มารและเทพกลับมาคบหากันอย่างเปิดเผย อยู่ภายใต้ขอบเขตศีลธรรมอันดีงาม“ท่านพ่อท่านแม่อยู่ไหน” คุนอวี่ถามหาบิดาและมารดา จากเกาเจี๋ยและสือโต้ว

  • โปรดอย่ารักนางร้าย   54 ต้นเหตุ

    เพราะท่านพ่อท่านแม่กำลังอยู่ในช่วงเวลาปรับความเข้าใจกัน เด็กชายเบื่อ ๆ ไม่อยากรบกวนเวลาของพวกท่าน จึงออกไปเที่ยวเล่นดังเช่นปกติ แต่วันนี้ดันเตลิดเลยออกมาห่างจากตำหนักวิเวกของมารดาเกินไปสักนิด เดิมทีก้อนแป้งเองก็สนุกสนานกับการสำรวจสิ่งต่าง ๆ อยู่แล้ว รวมถึงมีตบะกลิ่นอายเซียนและมารผสมรวมกันอยู่ ปีศาจหรือเซียนระดับล่างมิอาจทำร้ายเขาได้ และทำให้เขาสามารถเข้าออกได้ทุกหนแห่งในสามภพป่าแถบนี้ประหลาดนัก ไร้เสียงของสัตว์สวรรค์ เด็กชายเดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ สายตาเหลือบไปเห็นดอกบัวสีทองอร่ามงดงามจับใจอยู่กลางบึงน้ำสีครามสวย“เจ้าดอกบัว” หากเก็บไปให้มารดาและบิดาเป็นของขวัญคงจะดีไม่น้อย เมื่อคิดแล้วก็ลงมือ กระบี่ที่บิดาเป็นผู้หลอมให้เป็นของขวัญถูกนำออกมา ก้อนแป้งน้อยเขวี้ยงกระบี่ออกไปหมายจะตัดดอกบัวสีทองออกมาจากบึงแต่ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ดอกบัวดอกนั้นหลบหลีกกระบี่มารของบิดาได้ ผ่านไปครู่หนึ่งดอกบัวสีทองก็แปลงกายเป็นสตรีใบหน้างดงาม“คุณชาย อย่าทำร้ายข้า” นางอ้อนวอนทั้งน้ำตา&ldq

  • โปรดอย่ารักนางร้าย   53 เติมเต็มช่วงเวลาที่ผ่านมา NC

    หงหลางกางข่ายอาคมของตนเองครอบคลุมสวนดอกท้อซื่อหานตกใจ ร้องเสียงหลง“เจ้าจะทำอะไร”“ข้าไม่อยากให้ใครมาแอบดูพวกเราสองคนทำอะไรกัน” เขาไม่พูดเปล่า แต่มือไม้ยังวุ่นวายกับร่างกายของนาง“หงหลางหยุดก่อน” นางผายมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นข่ายอาคมของนางเอง“...” ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจ“ชะ...ใช้ของข้า คนอื่นจะได้ไม่งงว่า เกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักวิเวก” นางกล่าวอึกอักหงหลางยิ้ม “เจ้านี่น่ารักจริง ๆ น่ารักมาตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อน” ท่าทางเขินอายของนางทำเอาเขาอดเอ็นดูไม่ได้เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว จนร่างกายเปลือยเปล่าส่วนตัวของเขาเองก็เช่นกัน ผู้เป็นจอมมารขบเม้มร่างกายของนางจนเป็นรอยตราสีแดงไปทั่วทั้งร่าง กลืนกินทุกสัดส่วนอย่างโหยหา กลิ่นนี้ น้ำเสียงนี้ และความรู้สึกนี้ที่เขาเฝ้าตามหามาโดยตลอด ในที่สุดนางก็กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครา“ซื่อหาน ข้าคิดถึง

  • โปรดอย่ารักนางร้าย   52 ก้อนแป้งยังไม่มีชื่อ

    ทรมานอยู่บนโลกมนุษย์อยู่หนึ่งร้อยปี ไร้รัก ไร้ทายาท ปกครองแผ่นดินเฉียนซีตามปณิธานของหลี่จื้อฉิงอย่างเคร่งครัด หงหลางจึงได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของตนเอง เขาจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ความเจ็บปวด ความรัก เขาล้วนแต่ไม่สามารถลืมได้ ไม่คิดว่าการผ่านด่านเคราะห์ของเขาในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายเช่นนี้มหาจอมมารหงหลางตามหาจิตวิญญาณของสตรีผู้นั้นอยู่นานนับร้อยปี เฝ้าค้นหาทั่วทั้งสามภพมิอาจปล่อยวางได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหนก็มิอาจหานางจนพบ บุกขึ้นไปหาเทพซือมิ่งเพื่อสอบถามถึงสตรีที่มีนามว่าหลี่จื้อฉิง แต่บุรุษผู้นั้นเคร่งครัดในหน้าที่มิอาจเปิดเผยข้อมูลได้ในวันที่ดื่มสุราจนเมามาย เด็กชายหน้าตาน่ารักที่มีกลิ่นอายของมารและเซียนวิ่งเข้ามาในตำหนักศิลาจันทร์“ท่านพ่อ” เด็กชายยิ้มน่ารักเรียกเขาว่าพ่ออย่างไม่เคอะเขิน“เจ้าก้อนแป้งน้อย เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” โดยปกติทั่วไปหากเป็นเซียนที่มีตบะน้อยนิดมิอาจย่างกรายเข้ามาในตำหนักของเขาได้ แม้แต่เหยียบบนพื้นแผ่นดินมา เซียนระดับสูงก็มิ

  • โปรดอย่ารักนางร้าย   51 คืนสู่ฟ้า

    เสียงเด็กวิ่งเล่นวุ่นวายทำให้ซื่อหานจำใจต้องลืมตาตื่น ร่างเล็กผินหน้ามองออกไปนอกตำหนัก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในตำหนักเซียนของนางจะมีเด็กมาอาศัยอยู่ยังไม่ทันที่นางจะได้ลุกไปไหน เด็กที่มีกลิ่นอายมารและเซียนผสมกันก็เปิดประตูวิ่งพรวดพราดเข้ามาหาทางที่เตียง“ท่านแม่ ท่านตื่นแล้ว” เด็กชายยิ้มตาหยี ที่ด้านหลังมีเซียนก้อนหินน้อยสือโต้วเดินตามเข้ามาซื่อหานใช้นิ้วแตะศีรษะของเด็กน้อยดันเจ้าก้อนแป้งสีขาวให้ห่างออกไปจากตัวนาง“ใครเป็นแม่ของเจ้ากัน” หญิงสาวมองก้อนแป้งสีขาวหน้าตาน่ารักอย่างงุนงง พร้อมกับมองไปยังสือโต้วที่ยืนทำหน้าตาตลกอยู่ด้านหลัง “เจ้าเป็นพ่อของเด็กคนนี้เหรอ”“ไม่ใช่ขอรับ ไม่ใช่เช่นนั้น ไว้มหาเทพตื่นให้เต็มที่เสียก่อนเดี๋ยวข้าน้อยและท่านเกาเจี๋ยจะเล่าให้ฟัง”“ท่านแม่ ท่านไม่รักข้าแล้วงั้นหรือ” เด็กชายร้องไห้“จู่ ๆ มาร้องไห้ได้ยังไงกัน” ซื่อหานเห็นเด็กชายผู้นี้ร้องไห้ หัวใจของนางพลันเจ็บปวด ตลอด

  • โปรดอย่ารักนางร้าย   50 จบสิ้นต่อกัน

    ครบกำหนดเวลาที่เขาวางเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่นางจะปรากฏตัวออกมา ลานประหารที่ไช่เสิ่งเจี๋ยใช้ในการสังหารชาวบ้านในหมู่บ้านถูกสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ณ จัตุรัสกลางเมือง ประชาชนแห่งเฉียนซีไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกมาดู เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกลูกหลง การค้าทุกอย่างหยุดชะงักเพราะความบ้าระห่ำเลือดเย็นของผู้ปกครองแผ่นดิน ข้าราชบริพารขุนนางในราชสำนักเองก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ถูกปิดหน้าปิดตาถูกนำตัวขึ้นไปวางไว้บนลานประหารที่เขาสร้างเอาไว้ ส่วนตัวของไช่เสิ่งเจี๋ยเองนั่งอยู่เหนือลานประหาร สายตาและท่าทางเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ ดวงตากลายเป็นสีเทาไปนานแล้ว“จือจือ เจ้าจะไม่มาจริง ๆ หรือ เจ้าจะยอมให้เด็กน้อยที่น่าสงสารถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดงั้นหรือ” เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ท่ามกลางบ้านเรือนที่เงียบกริบราวกับป่าช้า ไร้เสียงของผู้คน มีแค่เพียงเสียงของฝูงอีกาและลมฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เศษใบไม้ปลิวว่อนทั่วทั้งทางบริเวณ หวีดหวิวน่าวังเวงใจ ครู่เงาร่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status