Se connecterช่วงเที่ยงคนโปรดลงไปหาซื้ออะไรมาทานที่โรงอาหารบริษัทเพราะขี้เกียจออกไปนั่งทานที่ร้านข้างนอก เลือกเป็นของกินง่าย ๆ เพื่อเอาไปทานที่ห้องทำงาน
จริง ๆ เขาไม่จำเป็นต้องลงมาซื้อเองก็ได้ ในเมื่อสามารถสั่งให้เลขาหรือพนักงานคนอื่นซื้อขึ้นมาให้ได้ ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนจำพวกรบกวนคนอื่นมากนักหากไม่จำเป็น ยิ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยของตัวเองก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง
ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีในเดินเลือกซื้อของกินในโรงอาหาร ก่อนจะกลับขึ้นมาที่ห้อง ใบหน้าเรียบนิ่งยิ่งบึ้งตึงครั้นเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมานอนไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟามุมห้อง
“มาทำไม”
“ก็แค่อยากมาเห็นสภาพแวดล้อมที่เมียตัวเองทำงาน”
“ใครเมียมึง”
“ไม่ทันแก่ความจำก็ไม่ดีเสียแล้วเหรอที่รัก แบบนี้ก็แย่นะสิ”
ทั้งคำพูดทั้งท่าทางที่แสนจะกวนประสาทของมาก่อนทำเอาอาหารมื้อเที่ยงของเขาไม่น่ากินขึ้นมาทันที
คนโปรดเบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนสติไม่ดีจึงเลือกที่จะนั่งลงเงียบ ๆ เลิกให้ความสนใจกับอีกคน ตามใจมันเถอะจะทำอะไรก็ปล่อยไปแค่ไม่ยุ่งวุ่นวายตอนเขาทำงานก็พอ
แต่มีเหรอที่จะซื้อหวยถูกแบบที่คิดไว้ ตั้งแต่ที่เขาเงียบไปอีกคนก็เริ่มเดินสำรวจในห้องจนตอนนี้ลามมาถึงโต๊ะของเขาแล้ว เอกสารบนโต๊ะถูกหยิบไปเปิดแค่ไม่กี่วิก็วางลง จับนั่นจับนี่ เดินอ้อมไปอ้อมมา
น่ารำคาญฉิบหายเลย!
เมื่อก่อนตอนเป็นแฟนกันก็ไม่เห็นว่าจะทำตัวน่าหงุดหงิดกวนใจเขาขนาดนี้ เวลาสี่ปีเปลี่ยนคนสติดี ๆ ให้กลายเป็นคนบ้าแบบนี้ได้เลยหรือไงกัน
เพิ่งจะแต่งงานและได้อยู่ด้วยกันมาแค่สามวันยังขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกสภาพที่ต้องอยู่กับมันนานกว่านี้ เขาจะไม่เป็นประสาทแดกตายก่อนวัยอันควรหรอกใช่ไหม?
“อันนี้มึงวาดเองเหรอ สวยว่ะ เมื่อก่อนกูว่ามึงวาดสวยแล้วนะ ตอนนี้สวยกว่าอีก” เอ่ยชมอย่างเผลอไผลครั้นเห็นรูปเสื้อผ้าที่คนโปรดเป็นคนออกแบบวาดด้วยตัวเอง “เก่งจัง”
สมัยเรียนคนโปรดชอบเอารูปที่วาดมาอวดเขาอยู่บ่อย ๆ และมักจะได้รับคำชมเสมอต่อให้ภาพนั้นจะเละจนไม่น่าดู ทว่าสำหรับมาก่อนก็ยังมองว่ามันสวยอยู่ดี คงเป็นเพราะความตั้งใจของคนวาดถึงทำให้เขาชอบทุกภาพของคนโปรด
“...”
“กะ กูก็แค่แกล้งชมไปงั้นแหละ ไม่ต้องดีใจไปหรอกนะ”
ครั้นนึกขึ้นมาได้ว่าเผลอชมอีกคนไปก็รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที ทว่าดูเหมือนจะไม่ทันสักเท่าไร
“ทำไมกูต้องดีใจด้วย กูได้ยินคนอื่นชมจนชินแล้ว กับแค่ที่มึงพูดไม่ได้ทำให้กูดีใจกระโดดโลดเต้นขึ้นมาหรอก”
“ก็ดีแล้ว เพราะกูก็ไม่ได้ตั้งใจจะชมจริง ๆ สักหน่อย” ชายหนุ่มรีบเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิมโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ
คนโปรดมองรูปสเก็ตช์ที่มาก่อนหยิบไปดูเมื่อครู่นี้ พลันมุมปากกระตุกยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานตัวเองต่อ
ตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงห้าโมงเย็นมาก่อนยังคงนอนเล่นนั่งเล่นอยู่ในห้องทำงานคนโปรดไม่ไปไหน ไล่ให้กลับก็ไม่ยอมกลับ
คนโปรดเก็บของบนโต๊ะทำงานเตรียมตัวกลับบ้าน พร้อมกับเอางานที่ทำค้างไว้กลับไปทำต่อ กระเป๋าหนังทรงสวยจากแบรนด์ดังถูกหยิบขึ้นมาสะพายข้าง ก่อนจะหอบเอาเอกสารขึ้นมาถือ ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องโดยไม่คิดที่จะชวนอีกคนให้กลับด้วยกัน
ทว่าไม่ต้องรอให้เอ่ยปากพูดอะไรมาก่อนก็เดินตามมาติด ๆ ตอนอยู่ในห้องทำตัวรั่ว ๆ ไม่เก็บทรงเท่าไรนัก แต่พอต้องเจอคนอื่นที่ไม่รู้จักกลับวางมาดราวกับผู้บริหารท่านหนึ่ง ที่ดูหล่อสุขุม ทำเอาพนักงานสาว ๆ แอบยิ้มกรุ้มกริ่มไปตาม ๆ กัน ไม่มีใครกล้าออกนอกหน้าเพราะต่างก็รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้คือสามีของเจ้านายตัวเอง
“รีบเดินไปไหนวะโปรด ขาก็สั้นแต่เดินเร็วฉิบหาย”
ไม่รู้ว่ามาก่อนเอาตาไหนมองว่าภรรยาตัวเองขาสั้น ทั้งที่เวลาคนโปรดยืนข้างคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้เตี้ยไปกว่าใครเลย นอกเสียจากสามีปากหมาคนนี้!
เสียงบ่นกระปอดกระแปดไล่หลังมาจนถึงรถ คนโปรดไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรก็ขึ้นรถปิดประตูทันที ทว่ารถตัวดีไม่เป็นใจให้นี่สิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
คนโปรดจำใจลดกระจกรถลงครึ่งหนึ่ง เบือนหน้าหนีสายตาและรอยยิ้มที่กำลังเยาะเย้ยเขาราวกับสะใจ
“กลับด้วยกันไหม?”
“ไม่!”
“แต่รถสตาร์ตไม่ติดแบบนี้จะกลับยังไงครับที่รัก”
ไอ้รถบ้า! วันนี้เป็นอะไรขึ้นมาล่ะถึงได้มาแผลงฤทธิ์แบบนี้
“เดี๋ยวโทรเรียกช่าง”
“แต่กว่าจะซ่อมเสร็จคงจะมืดพอดี จะรีบกลับบ้านไปทำงานต่อไม่ใช่หรือไง?”
มาก่อนหว่านล้อมจับจุดได้ทุกทาง คิ้วสวยขมวดตึงอย่างหงุดหงิดที่ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ กระฟัดกระเฟียดกับตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะลงจากรถมานิ่ง ๆ ไม่แสดงท่าทีให้อีกคนเห็น
“เปิดประตูสิ!”
“ครับคุณชาย เปิดแล้วครับ” เจ้าของรถยิ้มหัวกับคนขี้หงุดหงิดก่อนจะปลดล็อกรถปล่อยให้คนโปรดขึ้นไปนั่ง ส่วนตัวเองติดต่อช่างร้านประจำที่รู้จักกันให้มาเอารถไปซ่อม
ระหว่างทางมีเพียงเสียงเพลงที่มาก่อนเปิดช่วยทำให้บรรยากาศภายในรถไม่เงียบจนเกินไป เพราะต่างคนต่างไม่พูดอะไร มีแค่มาก่อนที่แอบเหลือบตามองอีกฝ่ายทางหางตาอยู่บ้างเป็นระยะ ส่วนคนโปรดก็เบือนหน้ามองไปนอกรถไม่ได้ให้ความสนใจกับคนขับ
ไม่ใช่ว่าคนโปรดรู้สึกโกรธเกลียดอะไรมาก่อนถึงได้ทำตัวแบบนี้ แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากยุ่งวุ่นวายด้วย ไม่อยากพาตัวเองถลำลึกเขาไปอยู่ในจุดจุดหนึ่งที่เคยเดินออกมา
ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับเราสองคนอีกแล้ว...
----- โปรดอย่าหย่าก่อน -----
Talk Talk
เจ้ากรรมนายเวรมักมาในรูปของแฟนเก่า5555555 แล้วสองคนนี้จะญาติดีกันกี่โมง? คนหนึ่งขี้หงุดหงิด อีกคนขี้แกล้ง (กวนตีน) หาเรื่องมาทำให้น้องโปรดหัวไม่หยุด เพิ่งจะอยู่ด้วยกันแค่สองวันประสาทก็จะกินแล้ว สงสารคนโปรด555555555555555
ช่วงเที่ยงคนโปรดลงไปหาซื้ออะไรมาทานที่โรงอาหารบริษัทเพราะขี้เกียจออกไปนั่งทานที่ร้านข้างนอก เลือกเป็นของกินง่าย ๆ เพื่อเอาไปทานที่ห้องทำงานจริง ๆ เขาไม่จำเป็นต้องลงมาซื้อเองก็ได้ ในเมื่อสามารถสั่งให้เลขาหรือพนักงานคนอื่นซื้อขึ้นมาให้ได้ ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนจำพวกรบกวนคนอื่นมากนักหากไม่จำเป็น ยิ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยของตัวเองก็ควรจะรับผิดชอบตัวเองใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีในเดินเลือกซื้อของกินในโรงอาหาร ก่อนจะกลับขึ้นมาที่ห้อง ใบหน้าเรียบนิ่งยิ่งบึ้งตึงครั้นเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมานอนไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟามุมห้อง“มาทำไม”“ก็แค่อยากมาเห็นสภาพแวดล้อมที่เมียตัวเองทำงาน”“ใครเมียมึง”“ไม่ทันแก่ความจำก็ไม่ดีเสียแล้วเหรอที่รัก แบบนี้ก็แย่นะสิ”ทั้งคำพูดทั้งท่าทางที่แสนจะกวนประสาทของมาก่อนทำเอาอาหารมื้อเที่ยงของเขาไม่น่ากินขึ้นมาทันทีคนโปรดเบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนสติไม่ดีจึงเลือกที่จะนั่งลงเงียบ ๆ เลิกให้ความสนใจกับอีกคน ตามใจมันเถอะจะทำอะไรก็ปล่อยไปแค่ไม่ยุ่งวุ่นวายตอนเขาทำงานก็พอแต่มีเหรอที่จะซื้อหวยถูกแบบที่คิดไว้ ตั้งแต่ที่เขาเงียบไปอีกคนก็เริ่มเดินสำรวจในห้องจนตอนนี้ลามมาถึงโต๊ะของเขาแล
02ไอ้หมาบ้าน้ำลาย“อะ..”ใบหน้าหล่อเหยเกบิดเบี้ยวครั้นรู้สึกเจ็บบริเวณเอวร้าวไปถึงสะโพก ก่อนจะสัมผัสได้ว่าแผ่นหลังของตนเองนอนอยู่บนพื้นแข็ง ๆ เย็น ๆ แทนที่จะเป็นที่นอนนุ่มอุ่นมาก่อนค่อย ๆ หยัดกายให้ลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ตายังไม่ลืม เอื้อมมือไปจับเอวตัวเองตรงส่วนที่เจ็บ ยังมึนหัวไม่หาย เมื่อคืนคงดื่นจนเพลินไปหน่อยถึงขนาดขับรถกลับมาเองไม่ไหว ลำบากเชนทร์ที่แบกมาโยนไว้หน้าบ้านก่อนที่จะกลับไป“!!!”จู่ ๆ ภาพในหัวก็เด่นชัดขึ้นมาราวกับ Full HD ไอ้อาการปวดหลังนี่เขาก็จำได้แล้วว่าเกิดจากอะไร เปลือกตาหนักลืมขึ้นก่อนที่ดวงตาคมจะมองไปรอบ ๆ ห้องไม่ผิดแน่.. ภาพในหัวเมื่อกี้คือเรื่องจริงเหตุการณ์เมื่อคืนหลังจากที่เชนทร์มาส่งมาก่อนที่หน้าบ้านแล้วกลับไป เจ้าของบ้านก็พยุงตัวเองเข้ามาถึงชั้นบน แต่แทนที่จะกลับไปนอนห้องตัวเองกลับเดินไปยังอีกห้อง ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องลืมล็อกประตูหรือเปล่าเขาถึงเข้ามาง่ายขนาดนี้ภายในห้องมืดสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงไฟจากส่วนใดของห้องเปิดสักดวง ทว่าทันทีที่ประตูเปิดออกแสงจากภายนอกสาดส่องเข้าไปทำให้เห็นร่างบางภายใต้ชุดนอนผ้าลื่นสีกรม กางเกงขาสั้นร่อนขึ้นมาเกือบถึงสะโพกอวบ แม้แสง
ทางด้านของมาก่อนก็มีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกันนั่นคือการนัดเพื่อนออกไปทำกิจกรรมยามว่าง เชนทร์กับจีซุนแทบไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเพราะเจ้าตัวไปรับถึงที่บ้านวันนี้มาก่อนเลือกที่จะพาเพื่อนไปสนามยิงปืน เพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้ไป อยากทดสอบฝีมือสักหน่อยว่ายังแม่นเหมือนเดิมหรือเปล่า โดยมีเพื่อนสนิทสองคนที่อยู่ข้างกันคนละฝั่งฝั่งซ้ายคือจีซุนหนุ่มลูกครึ่งเกาหลีที่พูดเกาหลีนับคำได้อาจจะเพราะอยู่ที่ไทยมาตั้งแต่เด็กเลยคุ้นชินกับมันมากกว่าภาษาบ้านเกิด คนนี้ไม่ค่อยถนัดเรื่องปืนเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าแม่นใช้ได้เลยทีเดียวส่วนฝั่งขวาคือเชนทร์รายนี้ที่บ้านมีสนามยิงปืนจึงเป็นเรื่องง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปากเพราะคลุกคลีอยู่กับมันมาตั้งแต่เกิดที่มาก่อนยิงปืนเป็นก็ต้องขอบคุณเชนทร์ แม้เพื่อนคนนี้จะชอบทำหน้าอมทุกข์ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะสอนแต่สุดท้ายก็ทำให้มาก่อนยิงปืนตรงเป้าได้อย่างไม่มีพลาด“ไม่ได้มายิงด้วยกันตั้งนาน มาก่อนกับเชนทร์ยังยิงแม่นเหมือนเดิมเลยนะครับ”“ของแบบนี้มันอยู่ที่ฝีมือปะวะ” มาก่อนยกไหล่อย่างไม่ยี่หระ ภูมิใจในฝีมือของตัวเอง “มึงเถอะเมื่อไรจะเลิกพูดเพราะกับพวกกูสักที”“ยังไม่ชินอีกเหรอครับ?”“ไอ
01ลิ้นกับฟันเจอกันทีไรก็เรื่องใหญ่จากที่เคยอยู่บ้านตัวเองดี ๆ กลับกลายเป็นถูกไล่ออกมาให้อยู่บ้านหลังใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากในตัวเมืองไม่มากนัก ซึ่งเป็นของขวัญหลังแต่งงานที่พ่อของคนโปรดและพ่อมาก่อนร่วมกันหุ้นซื้อให้เป็นชื่อของลูกชายทั้งสองคนแม้ว่าคนโปรดไม่ได้เต็มใจที่จะมาอยู่เท่าไรนัก แต่ก็ไม่อาจขัดใจพ่อได้จึงจำใจยอมขนข้าวขนของมาที่นี่ระหว่างที่กำลังยกกระเป๋าลงจากท้ายรถ ก็มีเสียงท่อรถดังกระหึ่มแล่นมาถึงบริเวณหน้ารั้วบ้านก่อนจะเลี้ยวเข้ามา รถสปอร์ตคันสีแดงจอดเทียบข้างรถของคนโปรด ชายหนุ่มเปิดประตูลงมาจากรถด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนที่ชายร่างสูงราว ๆ ร้อยเก้าสิบเห็นจะได้ก้าวเท้าเดินมาหยุดอยู่อีกฝั่งใกล้กับคนโปรด พอมาเทียบกันจริง ๆ คนโปรดก็เพิ่งจะสังเกตว่าตัวเองเตี้ยกว่าอีกฝ่ายเยอะพอสมควรทั้งที่เขาเองก็สูงถึงร้อยเจ็ดสิบใบหน้าคมเข้มยกยิ้มให้คล้ายทักทายกัน พลางดึงมือข้างหนึ่งที่ล้วงกระเป๋ากางเกงออกมาเพื่อถอดแว่นตาดำที่ตนเองใส่อยู่คงจะคิดว่าตัวเองเท่มากอย่างนั้นสินะ?คนโปรดยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับมาก่อน พลางยกกระเป๋าใบสุดท้ายลงจากรถก่อนจะใช้กุญแจที่พอให้มาไขประตูเข้าไปพร้อมกระเป๋าลาก
งานมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่โรงแรมห้าดาวชื่อดังติดอันดับหนึ่งในห้าของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลเธียรเมธา ภายในห้องโถงกลางกว้างขวางหรูหรา สามารถรองรับแขกได้จำนวนมาก บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยมวลของความสุขสันต์ แขกเหรื่อที่มาต่างมอบคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวครองคู่กันไปนานแสนนาน บ้างก็ว่าให้ถือไม้เฒ่ายอดทอง กระบองยอดเพชร โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่านี่คือการคลุมถุงชนดี ๆ นี่เองเสียงจอแจของเหล่าแขกที่พากันมาร่วมยินดีให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นภาพที่ดูแล้วรู้สึกปลื้มปริ่มไปตาม ๆ กัน ทว่าคนที่ไม่ยินดีกลับเป็นฝ่ายเจ้าสาว ที่เผลอทำหน้าเบื่อหน่ายและเอือมระอาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่าไม่อยากแต่ง”เจ้าบ่าวโน้มตัวลงกระซิบข้างหูภรรยา ครั้นเห็นสีหน้าไม่รับแขกหากใครเห็นเข้าก็ต้องพากันไปนินทาตามหลังอย่างแน่นอนไหนจะพวกช่างภาพนักข่าว ที่คอยเก็บบรรยากาศอยู่แทบตลอดเวลา หากใบหน้าซังกะตายของเจ้าสาวหลุดออกไปมีหวังได้ขึ้นเทรนทวิตเตอร์พอดีพลันดวงตาคู่สวยเหลือบมองกันด้วยหางตาก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น จะมีใครสักคนในงานหรือเปล่าที่รู้ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ถูกกันท







