LOGINเมื่อผู้เป็นนายว่าอย่างนั้น บ่าวไหนเลยจะกล่าวคำใดได้อีก ลู่ซีจึงค้อมกายเดินตามหลังโจวอวี่ไปอย่างเชื่อฟัง
บาดแผลของโจวอวี่แท้จริงมิได้หนักหนาอันใด เพียงเป็นรอยหมัดรอยเล็บขีดข่วนบนใบหน้าเท่านั้น แต่ปกติแล้วชายหนุ่มมีผิวพรรณที่ดีมากเหมือนมารดา ทั้งเนียนและขาวกระจ่างสะอาดตา การมีริ้วรอยเช่นนี้แม้เพียงเล็กน้อยทว่าย่อมโดดเด่นสะดุดตา กระนั้นบิดากลับไม่ถาม ทำเอาคนเป็นลูกให้รู้สึกยากจะบรรยาย
“น้องรอง ช้าก่อน”
เสียงทุ้มต่ำนั้นทำโจวอวี่หยุดเดินก่อนเอียงหน้าปรายตามองเงียบๆ
ผู้เรียกคือโจวจือหยวน เขาเดินตามโจวอวี่ออกมาจากโถง “เจ้ากลับไปขอโทษท่านพ่อเถิด เรื่องราวจะได้ไม่บานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องแม่นางน้อยซุนเว่ยลี่ค่อยๆ พูดจากันดีๆ ย่อมแก้ไขได้ เจ้ากับท่านพ่ออย่าได้มีเรื่องหมางใจกันเลย”
สีหน้าและแววตาของโจวจือหยวนสุภาพอ่อนโยน น้ำเสียงยังสัตย์ซื่อจริงใจปานนั้น ไม่ว่าจะมองจากมุมใดล้วนสมควรได้รับความไว้วางใจ ใครที่คิดคลางแคลงย่อมมีจิตใจที่ดำมืดไม่บริสุทธิ์
โจวอวี่มองพี่ชายนิ่งนาน ไร้ซึ่งวาจา แววตาเย็นชาลึกล้ำประหนึ่งก้นบึงน้ำแข็งที่ลึกลับยากหยั่งถึง
“น้องรอง...” โจวจือหยวนครางชื่อน้องชายอย่างอ่อนใจ เขามองแววตาเย็นเยียบเยี่ยงนี้ไม่ไหวจึงเบี่ยงหน้าออกไม่มองอีก
โจวอวี่ถอนหายใจ หันหลังเดินต่อพลางเอ่ยเสียงเรียบ
“พี่ใหญ่กลับไปดูแลท่านพ่อเถิด ไม่ต้องมาสนใจคนเช่นข้า สกุลโจวที่ยิ่งใหญ่นี้ข้าฝากท่านใส่ใจให้มากหน่อยแล้วกัน วันทั้งวันอย่าเอาแต่ทำตัวเป็นเต่าหดหัวจึงจะดี”
วาจาสบประมาทรุนแรงยิ่งกว่าคำว่าขลาดเขลาเสียอีก
ทว่าคนกลับไม่โกรธ โจวจือหยวนเพียงเบิกตาถามยามเดินตาม “เจ้าจะไปไหนหรือ?”โจวอวี่ตอบโดยไม่หันมา “ข้าจะไปไหนก็เรื่องของข้า พี่กับฮูหยินอยู่กับท่านพ่ออย่างที่ควรเป็นเถอะ”
“น้องรอง” น้ำเสียงของพี่ชายแฝงความเว้าวอนปานนั้น ทว่าคนฟังกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง เพียงเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
เรื่องของโจวเจ๋อผู่
เดิมทีจูเข่อเหรินที่คนในจวนสกุลโจวต่างพากันครหาว่าเป็นสตรีไร้ยางอายทำตัวแพศยาเข้ามาแทรกกลางระหว่างโจวเจ๋อผู่กับอดีตฮูหยินเฉินรุ่ยฟางนั้น แท้จริงจูเข่อเหรินพบพานกับโจวเจ๋อผู่และรักกันอย่างยาวนานมาก่อน
เพียงแต่อำนาจและบารมีของสกุลจูมิอาจสู้สกุลเฉิน
เฉินรุ่ยฟางผู้เกิดมีรักปักใจกับโจวเจ๋อผู่อย่างไม่สนใจดินฟ้า เพียรเข้าหาเขาอย่างเช่นสตรีหน้าหนา ถึงขั้นแย่งชิงอย่างไร้ยางอาย
นางทำทุกทางจนได้แต่งงานกับโจวเจ๋อผู่
เมื่อได้เป็นฮูหยินของเขาสมใจ นางกลับไม่หยุดอยู่แค่นี้ นอกจากไม่ยอมรับจูเข่อเหรินเป็นอนุยังพยายามทำร้ายอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยมไร้ไมตรี ด้วยหวังว่าจะหมดสิ้นเสี้ยนหนามตำใจ มิให้รักแรกมีโอกาสสานสัมพันธ์กับสามีตนอีก
บุรุษผู้หนึ่งแม้ไม่รักแต่ก็เลือกใช้วิธีประนีประนอมรอมชอมเพื่อความผาสุก สตรีอีกผู้หนึ่งที่มาก่อนยังถึงขั้นลดทอนศักดิ์ศรียอมเป็นเพียงอนุต่ำต้อยด้อยค่า ทว่าสตรีผู้มาทีกลังกลับไม่เคยยอมหรืออ่อนข้อเลยสักเสี้ยว นางไม่เคยรามือ ยังคงโหดเหี้ยมเลือดเย็น
จูเข่อเหรินจึงจำต้องหลีกเร้นเภทภัยจากเฉินรุ่ยฟางมิว่างเว้น
เฉินรุ่ยฟางลอบส่งคนไปใส่ร้ายป้ายสีจูเข่อเหรินให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปถึงต้นตระกูล
เมื่อบุตรีด่างพร้อยนำพาให้บุตรหลานถูกติฉินนินทาทั้งหมด โอกาสหาคู่ครองดีๆ ของชายหญิงคนอื่นๆ ในสกุลได้รับผลกระทบ นายท่านจูจึงทำโทษจูเข่อเหรินโดยการขับไล่นางให้ไปอยู่ชนบทห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร ระยะทางนับหมื่นลี้ ไม่มีโอกาสได้กลับมาเจอคนในเมืองหลวงอีก
เฉินรุ่ยฟางกระทำอย่างแนบเนียนไร้ร่องรอย และคิดว่าตนทำสำเร็จ เพราะโจวเจ๋อผู่อยู่กับนางตลอดเวลา ไม่เคยออกตามหาจูเข่อเหรินแม้แต่สักวัน กระทั่งข่าวคราวยังไม่อาจล่วงรู้ด้วยซ้ำ กระนั้นสิ่งที่นางไม่รู้คือคนของโจวเจ๋อผู่แอบช่วยจูเข่อเหรินเอาไว้ คนผู้นั้นช่วยนางได้ขณะถูกลอบฆ่ากลางทางรกชัฏเปลี่ยวร้าง และพาจูเข่อเหรินมาซ่อนที่เรือนเร้นแล้วแอบส่งข่าวมาให้เขา
ต่อหน้าเฉินรุ่ยฟาง โจวเจ๋อผู่ไร้พิรุธ แสร้งรักให้นางตายใจ กักเก็บความเกลียดชังไว้มิเคยเผย แต่ลับหลังเขากลับส่งคนไปดูแลจูเข่อเหรินอย่างไม่ย่อท้อ
ช่วงนั้นคู่รักคู่หนึ่งเรียกว่าลำบากยากเข็ญถึงขีดสุด
นับว่าโชคดีที่หลายครั้งเมื่อสบโอกาสออกทำงานตามหน้าที่ยังต่างเมือง เขาได้พาจูเข่อเหรินปลอมตัวไปด้วยกันโดยสะดวก เรียกว่าความรักความสัมพันธ์ไม่เคยห่างหาย ยามต้องเดินทางไกลร่วมทุกข์ร่วมสุขยิ่งรักมั่นแน่นแฟ้นโจวเจ๋อผู่ทำเช่นนี้มาเนิ่นนาน ยามอยู่กับจูเข่อเหรินเขาคือหนุ่มน้อยแรกรัก อบอุ่นอ่อนหวาน ยิ้มเก่ง เป็นตัวของตัวเอง แต่ยามกลับเข้าบ้านก็เป็นอีกคนที่สุขุมเคร่งขรึมและซื่อสัตย์จริงใจ รักใคร่เพียงฮูหยินของตนการรับอนุเข้ามาล้วนทำไปด้วยเหตุผลเชื่อมสัมพันธ์ทางการเมืองเสริมอำนาจให้สกุลซึ่งแน่นอนว่าล้วนเป็นคนของเฉินรุ่ยฟางเพื่อง่ายต่อการควบคุมหลังเรือนนางควบคุมอนุอยู่หมัด หากอนุคนใดคลอดบุตรชาย มิทันครบขวบเป็นอันต้องสิ้นชีพทุกรายโดยไร้หลักฐานเอาผิดใครและยังควบคุมสามีโดยอนุอย่างมีชั้นเชิงไร้ที่ติ บุรุษผู้หนึ่งจึงถูกควบคุมขนาบข้างซ้ายขวาและด้านหน้าด้านหลังตลอดเวลาอีกทั้งการแต่งอนุคนแล้วคนเล่ากลับทำให้สตรีอันเป็นที่รักต้องชอกช้ำแสนสาหัสมิเว้นวันครั้งหนึ่งจูเข่อเหรินถึงขั้นหอบลูกในครรภ์หนีโจวเจ๋อผู่ไปเพื่อตัดปัญหา เป็นเขาที่ออกตามหานางแทบพลิกแผ่นดินแคว้นฉิน เบื้องหน้ากระทำการใดล้วน
เมื่อผู้เป็นนายว่าอย่างนั้น บ่าวไหนเลยจะกล่าวคำใดได้อีก ลู่ซีจึงค้อมกายเดินตามหลังโจวอวี่ไปอย่างเชื่อฟังบาดแผลของโจวอวี่แท้จริงมิได้หนักหนาอันใด เพียงเป็นรอยหมัดรอยเล็บขีดข่วนบนใบหน้าเท่านั้น แต่ปกติแล้วชายหนุ่มมีผิวพรรณที่ดีมากเหมือนมารดา ทั้งเนียนและขาวกระจ่างสะอาดตา การมีริ้วรอยเช่นนี้แม้เพียงเล็กน้อยทว่าย่อมโดดเด่นสะดุดตา กระนั้นบิดากลับไม่ถาม ทำเอาคนเป็นลูกให้รู้สึกยากจะบรรยาย“น้องรอง ช้าก่อน”เสียงทุ้มต่ำนั้นทำโจวอวี่หยุดเดินก่อนเอียงหน้าปรายตามองเงียบๆผู้เรียกคือโจวจือหยวน เขาเดินตามโจวอวี่ออกมาจากโถง “เจ้ากลับไปขอโทษท่านพ่อเถิด เรื่องราวจะได้ไม่บานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องแม่นางน้อยซุนเว่ยลี่ค่อยๆ พูดจากันดีๆ ย่อมแก้ไขได้ เจ้ากับท่านพ่ออย่าได้มีเรื่องหมางใจกันเลย”สีหน้าและแววตาของโจวจือหยวนสุภาพอ่อนโยน น้ำเสียงยังสัตย์ซื่อจริงใจปานนั้น ไม่ว่าจะมองจากมุมใดล้วนสมควรได้รับความไว้วางใจ ใครที่คิดคลางแคลงย่อมมีจิตใจที่ดำมืดไม่บริสุทธิ์โจวอวี่มองพี่ชายนิ่งนาน ไร้ซึ่งวาจา แววตาเย็นชาลึกล้ำประหนึ่งก้นบึงน้ำแข็งที่ลึกลับยากหยั่งถึง“น้องรอง...” โจวจือหยวนครางชื่อน้องชายอย่
ชั่วขณะคิดการณ์อย่างละเอียดรอบคอบและถ้วนถี่ในเรื่องการเดินทางออกจากจวนสกุลโจว เสียงบ่าวชายพลันดังอยู่หน้าประตูห้องอย่างตื่นลน“เรียนคุณชายรอง ท่านเสนาบดีเรียกพบขอรับ”ลู่ซีรีบเก็บตลับยาใส่กล่องไม้หันมากล่าวกับผู้เป็นนายอย่างตื่นเต้น “ย่อมเป็นเรื่องคุณหนูซุนแน่นอนขอรับ”โจวอวี่ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย “ต้องใช่อยู่แล้วน่ะสิ”ถึงขนาดกลับจากสำนักพระราชวังเร็วกว่าที่คิดเชียวหรือ บิดาใจร้อนใช่ย่อย เขายังไม่ทันเก็บสัมภาระเลยชายหนุ่มลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้คนสนิทจัดเสื้อผ้าให้ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินสง่าออกจากเรือนไปอย่างผ่าเผยครั้นมาถึงโถงหลัก ถ้วยชาพลันลอยวูบเข้าหาในพริบตา โจวอวี่เบี่ยงใบหน้าหลบในเสี้ยวเวลา เขายกมือสกัดเอาไว้ได้ทัน กุมไว้ในมือมั่น พลางเดินเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย กวาดตามองนิ่งๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่สะเทือนต่อความพิโรธใดๆเบื้องหน้าของเขาคือโจวเจ๋อผู่ผู้เป็นบิดา ด้านข้างฝั่งซ้ายมือคือฮูหยินเอกคนปัจจุบันที่ขึ้นมาแทนที่มารดาผู้ล่วงลับของเขา นางมีนามว่า จูเข่อเหริน ส่วนฝั่งด้านขวาคือพี่ชายที่เพิ่งเข้าสกุลมาด้วยฐานะบุตรชายคนโตในฮูหยินเอก โจวจือหยวนภาพสามคนพ่อแม
หลังจากสะบั้นเยื่อใยกับคู่หมั้นของตนเป็นผลสำเร็จ แต่คนผู้หนึ่งแทนที่จะรู้สึกได้รับอิสรภาพคืนมา กลับรู้สึกเสมือนพลั้งมือทำสิ่งสำคัญหล่นหายไปโจวอวี่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงรู้สึกเช่นนี้ อาจเป็นเพราะหมัดน้อยๆ นั่นกระมังที่ทำให้สตรีจืดชืดเริ่มน่าสนใจขึ้นมา ใบหน้าจิ้มลิ้มที่มักประดับรอยยิ้มอันเหมาะสมตลอดเวลาจนน่าเบื่อนั้น ยามมีโทสะจนตาโตแก้มพองเหตุใดถึงน่ามองกันเล่า?หรือธาตุแท้ยามหลุดกิริยาเสแสร้งจะเป็นอีกคนที่น่าค้นหาบ้าไปแล้ว...เสแสร้งก็คือแกล้งมารยาสาไถย นางไม่จริงใจมิใช่หรือไร?ภาพของสตรีที่มีรูปลักษณ์งดงามและเย้ายวนรวมถึงบุคลิกที่อ่อนโยนและมีเสน่ห์ถูกแทนที่ด้วยสตรีสีหน้าบูดบึ้งจนตาโตน่าขันไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองแบบที่แตกต่างสุดขั้วคือสตรีคนเดียวกันชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองอยู่เช่นนั้น กระทั่งบ่าวชายบรรจงลงน้ำหนักมือตรงบาดแผลนั่นล่ะเขาจึงได้สติกลับมา“โอ๊ะ! เจ้า เบาๆ หน่อย”“ขอรับๆ”โจวรั่วหวาที่นั่งมองคนมีสภาพไม่ต่างจากไปกัดกับหมาป่ามาอยู่เป็นนานก่อนถอนหายใจกล่าวอย่างอดมิได้“พี่รองทำเกินไปจริงๆ เป็นใครจะทนได้กัน”หากเป็นนาง ได้เห็นคู่หมั้นของตนพาหญิงอื่นไปเดินเที่ยวย่ำราตรีแบบน
ชื่อเสียงดีเลิศที่สั่งสมก็เพื่อตอบแทนพวกเขาสองคนพ่อลูกที่ดูแลนางอย่างดีตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา“เว่ยลี่...เจ้ากำลังจะไปที่ใดหรือ?” แม้แววตาจะแตกตื่นตกใจเพียงใด แต่ซุนซืออี้ก็ถามด้วยความสุขุมเคร่งขรึมตามวิสัยซุนซูเย่ก็เช่นกัน เขาถามน้องสาวด้วยสุ้มเสียงสำรวมอย่างเป็นห่วงเป็นใย “น้องเว่ยลี่หอบห่อผ้าเช่นนี้ จะไปที่ใดหรือ?”กระนั้น แม้ทั้งสองจะรักษาท่าทางสุภาพปานใด หากแต่จ้าวเล่อเสียกลับจับสังเกตปฏิกิริยาที่ผิดปกติเล็กน้อยได้“พวกท่านมีสิ่งใดทำให้ไม่สบายใจหรือไร ไยหัวคิ้วขมวด”ซุนซืออี้เอามือไพล่หลังส่ายหน้าเบาๆ พลางทอดถอนใจอย่างไม่รู้จะกล่าวอย่างไร เป็นซุนซูเย่ที่เดินเข้ามาหาจ้าวเล่อเสีย จับบ่าน้อยๆ บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ แล้วค่อยๆ เอ่ยเสียงทุ้มนุ่ม“เมื่อครู่โจวอวี่ของเจ้าเข้าพบท่านพ่อด้วยหน้าตาบวมปูด เขา...เอ่อ...” ท่าทางยามเอ่ยลำบากใจอย่างยิ่งจ้าวเล่อเสียยืนนิ่งเพื่อตั้งใจฟังอย่างสำรวมกิริยา ไร้ท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ ทว่าฝ่ายซุนซูเย่กลับยังคงมีสีหน้ามิสู้ดีเท่าใดนักด้วยไม่รู้จะถนอมน้ำใจคนฟังอย่างไรยามกล่าวประโยคต่อมาว่า “เขาบอกว่าบาดแผลที่ได้รับ ล้วนเป็นฝีมือเจ้า”จ้าวเล่อเสียยังคงสงว
ที่สำคัญ มารดาของนาง ตอนที่บิดาเกิดรักปักใจก็ล้วนแต่เป็นช่วงที่แสดงออกเพียงด้านน่ารักและเรียบร้อยอ่อนหวานดังนั้น จ้าวเล่อเสียจึงตั้งมั่นเป็นสตรีดีงามดรุณีน้อยเฝ้าฝึกฝนศาสตร์สตรีแต่เก็บงำประกายที่แท้จริง บ่มเพาะตนเพื่อว่าที่สามีนามโจวอวี่ โชคดีที่นางปราดเปรื่องหัวไว เรียนรู้สิ่งใดล้วนทำออกมาได้ดีนางอยู่ที่จวนซุนร่ำเรียนศาสตร์สตรีทุกแขนงจนแตกฉาน กลายเป็นกุลสตรีไร้ที่ติภายในเวลาไม่นานยามมีงานเลี้ยงจิบชาชมบุปผาตามฤดูในจวนขุนนางต่างๆ นางไม่เคยพลาดพลั้งทำเสียชื่อเสียง มีเพียงนามที่กระเดื่องเลื่องลือในด้านคุณธรรมจรรยา มีมารยาทสุภาพอ่อนโยนไม่ค้านสายตาผู้ใด เป็นที่ชื่นชมอย่างยิ่ง แม้แต่องค์ชายหลายคนยังหมายตานาง ถึงขั้นยามร่ำเรียนกับซุนซืออี้ยังแอบแวะเวียนมาคารวะอาจารย์บ่อยขึ้นเพื่อให้ได้เห็นนางจากที่ไกลๆนางเองก็ทำตัวเหมาะสมอย่างยิ่ง ไม่สุงสิงข้องแวะกับผู้ใด ทั้งที่พวกเขาหากนับลำดับล้วนเป็นหลานท่านตาฉินอู่ตี้เหมือนกันนางกับองค์ชายหนุ่มเหล่านั้นเป็นญาติพี่น้องกันก็จริงสมควรอย่างยิ่งกับการผูกไมตรีโดยไม่เผยสายสัมพันธ์ใดๆ หากแต่นางก็ไม่เคยพูดคุยด้วยสักคำ เพียรคงภาพลักษณ์กุลสตรีเป็นสำคัญเพื่อ





![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

