ตอนที่ 4
คนใจร้าย บนถนนทอดตัวยาวริมทะเล แขนเรียวสวยสวมกอดแผ่นหลังกว้างแนบแน่นขณะที่รถบิ๊กไบค์วิ่งโลดแล่นไปบนท้องถนน “เราจะไปที่ไหนกันเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามเขาเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะเอียงหางตามามองฉันแล้วยกยิ้ม “เมื่อถึงคุณก็จะรู้เอง” ผมตอบเธอเพราะอยากจะให้เธอได้ลุ้น ถึงสิ่งที่ผมจะพาไปสัมผัสหลังจากนี้ ผมบิดรถด้วยความเร็ว ก่อนจะจอดลงที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง มันคือที่ที่มีความหมายกับผม เพราะพี่ใหญ่เคยช่วยชีวิตผมจากที่นี่ “ท่าเรือ” “ที่นี่ดูเย็นสบายดีจังเลยนะคะ” ฉันยกยิ้มมองท้องทะเลที่กว้างใหญ่เบื้องหน้าอีกทั้งยังมีสายลมหนาวที่พัดเย็นยะเยือก การได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้มันดีจริงๆ “คุณชอบที่นี่หรือเปล่า” ผมเอ่ยถามเธอเมื่อเห็นใบหน้าขาวนวลยกยิ้มแววตาแลดูมีความสุข “ชอบสิคะ ไม่ว่าคุณจะพาฉันไปที่ไหนฉันก็ชอบทั้งนั้น” ฉันเอ่ยจบ เขาก็สวมกอดฉันเบาๆ จากทางเบื้องหลัง “ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไรคุณบอกผมได้ไหม” “ฉันชื่อน้ำฟ้าค่ะ” ฉันตัดสินใจบอกชื่อตนเองกับเขา เพราะรู้สึกว่าเวลาที่อยู่กับเขามันปลอดภัย ดังนั้นฉันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดชื่อและตัวตนอีก “คุณเรียกผมว่าเซ็นก็ได้นะ นั่นคือชื่อของผม” ผมเอ่ยเบาๆ แล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “เซ็นคะ คุณจะรักฉันได้ไหม” ฉันตัดสินใจเอ่ยถามคำถามที่น่ากลัวที่สุด หากแต่คำตอบมันไม่เป็นแบบที่คิด เมื่อเซ็นได้ยินเขานิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนที่สวมกอดฉันอยู่ แล้วเดินไปยืนเบื้องหน้า ในตอนนั้นฉันรู้สึกใจชาอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่เคยถามหาความรักจากใครมาก่อน “ก่อนหน้านี้ผมเคยเสียใจกับความรักมาครั้งหนึ่ง ทว่าเมื่อเจอคุณผมก็อยากที่จะลองเสี่ยงกับมันอีกครั้ง...ผมรักน้ำฟ้านะ” เสียงตะโกนของเซ็นทำให้แก้มขาวนวลแดงระเรื่อ “ฉันก็รักเซ็นและสัญญาว่าจะรักตลอดไป” ฉันเดินไปยืนข้างๆ เขาแล้วส่งเสียงตะโกนไปที่ทะเลเบื้องหน้า ก่อนจะหันมามองเซ็นแล้วสวมกอดเขาแน่นๆ ด้วยความรัก ในที่สุดสิ่งที่ฉันกลัวก็จางหายไป เขาจะเป็นรักแรกและรักเดียวของฉัน “น้ำ ผมสัญญานะ ต่อจากนี้ไปผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด หากคุณยอมเปิดใจที่จะคบหากับผม” ผมพูดในสิ่งที่ผมอยากจะทำกับเธอ เมื่อเธอได้ยินดวงตาของเธอก็หลั่งน้ำสีใสไหลออกมามันทำให้ใจของผมรู้สึกเย็นวูบอย่างบอกไม่ถูก “ผมขอโทษนะ ผมทำคุณไม่สบายใจเหรอ” “เปล่าค่ะ ฉันก็แค่ดีใจมากไปหน่อยเท่านั้นเอง” ฉันยิ้มมองเซ็น ก่อนจะจับมือเขาแล้วหันใบหน้าไปมองพระอาทิตย์ด้วยกัน บรรยากาศที่เริ่มจะบ่ายคล้อย แสงอาทิตย์จะกลายเป็นมีส้มแล้วตกลงสู่ทะเล หลังจากนั้นพวกเราทั้งคู่ก็พากันขับรถแล่นออกไป ห้างสรรพสินค้า “คุณพาฉันมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ มีอะไรที่คุณอยากจะซื้อเหรอ” ฉันยืนแหงนใบหน้ามองห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ก่อนที่เซ็นจะจับมือฉันเดินเข้าไปภายใน เราทั้งคู่เดินเลือกซื้อของมากมาย เซ็นเป็นคนเลือกส่วนฉันก็คือคนใส่ เขาพาฉันมาหาซื้อเสื้อผ้า หากบอกตั้งแต่แรกจะเตรียมตัวมาให้ดีกว่านี้ ฉันแอบขบขันมองเขา “คุณชอบไหม” ผมชูเสื้อตัวหนึ่งให้เธอดูเมื่อเธอเห็นก็ยิ้มร่า แล้วพยักหน้า การรักษาน้ำใจของน้ำฟ้ามันทำให้ผมหลงรักเธอมากขึ้นไปอีกไม่ว่าผมจะถามว่าเธอชอบอะไรที่ผมเลือกให้ไหม เธอก็จะตอบว่าชอบอยู่เสมอ “พอแล้วล่ะค่ะเซ็น ซื้อเยอะขนาดนี้น้ำใส่ไม่ไหวหรอก” ฉันเอ่ยกับเขาแล้วรีบจับมือเซ็นเดินออกมาเพื่อขึ้นรถกลับบ้านเพราะตอนนี้ก็เริ่มมืดค่ำเต็มที “...” บ้านเช่า “คุณให้น้ำช่วยถือเถอะนะคะ” ฉันเอ่ยเพราะเห็นเซ็นถือถุงมากมายคนเดียวแต่เขาก็ไม่ยอม ซ้ำยังบอกให้ฉันเดินสบายๆ ก็พอ ก่อนที่พวกเราทั้งคู่จะพากันเดินขนของเข้าไปไว้ภายในบ้าน จู่ๆ เสียงมือถือของเซ็นก็ดังขึ้น “เดี๋ยวผมมานะ” ผมบอกกับน้ำก่อนจะรีบเดินออกไปกดรับโทรศัพท์ “เซ็นมาเจอฉันหน่อยฉันมีเรื่องสำคัญ” น้ำเสียงหนาเอ่ยปลายสาย เซ็นจึงหันดวงตาไปมองน้ำฟ้าที่ยืนมองอยู่ในบ้านอย่างห่วงๆ แล้วตอบรับพี่ใหญ่ “ครับผมจะรีบไป” “ใครโทรมาเหรอคะเซ็น” น้ำฟ้าเอ่ยถามเมื่อเห็นเซ็นวางสาย “ไม่มีอะไรหรอก น้ำคุณรอผมอยู่ที่นี่นะผมจะรีบกลับมา” ผมเอ่ยบอกต่อเธอก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถแล้วขับแล่นออกไป ผมรู้สึกว่าวันนี้ผมมีความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก บ้านพี่ใหญ่ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ขับแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางขึ้น “พี่ใหญ่รออยู่ด้านในรีบเข้าไปเถอะพี่เซ็น” ลูกน้องในชุดสูทสีดำซึ่งยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเอ่ยปากเมื่อเห็นผมขับรถมาจอด จากนั้นผมก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด เมื่อผมวิ่งไปถึงก็เห็นลูกน้องของพี่ใหญ่สามคนนอนจมกองเลือด “มาแล้วเหรอวะเซ็น” ผมมองดูน้องชายที่ผมเพิ่งจะโทรตามให้มาหา ก่อนจะเดินออกมาจากห้องห้องนั้นแล้วปล่อยให้ลูกน้องเข้าไปจัดการกับศพที่นอนอยู่ “พี่มีอะไรเหรอครับ” ผมเอ่ยถามพี่ใหญ่ขณะเดินตามหลังเขาออกมาตรงไปที่ห้องทำงาน “กูมีงานสำคัญให้มึงทำว่ะ คราวนี้คงต้องพึ่งมึงแล้วไอ้น้องชาย” พี่ใหญ่เอ่ยจบก็ใช้มือหนาตบลงที่ไหล่ของผมเบาๆ ก่อนที่พวกเราสองคนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานประตูทางเข้าคือลวดลายมังกร บ่งบอกถึงกลิ่นอายของความเป็นจีน ผมทำได้เพียงเดินตามแผ่นหลังหนาของพี่ใหญ่เข้าไปแบบเงียบๆ แล้วหยุดลง ตรงหน้าโต๊ะทำงาน “กูอยากให้มึงช่วยตามหาคนคนหนึ่ง เธอคือคนที่กูอยากจะพามาไว้ข้างกาย เพราะเธอคือคนที่กูรอมา 15 ปี” พี่ใหญ่พูดจบก็ยื่นซองขนาดเล็กมาให้ผม ยังไม่ทันจะเปิดดูก็เอ่ยตอบรับเพราะสำหรับพี่ใหญ่ผมสามารถทำให้ได้ทุกอย่าง “ฝากด้วยนะไอ้น้องชาย” มือหนาจับไหล่เซ็นอย่างฝากฝัง ดวงตามองจ้อง เซ็นจึงโค้งใบหน้าลง “ครับผมจะพาตัวเธอมาให้ได้” ผมเอ่ยจบก็เดินถือซองใบนั้นออกมาจากห้อง ก่อนจะรู้สึกอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่พี่ใหญ่คลั่งไคล้นักหนา “หน้าตาเธอจะเป็นแบบไหนนะ” ผมค่อยๆ เปิดซองแล้วหยิบภาพออกมาดู เมื่อดวงตาของผมได้เห็นก็รู้สึกชะงักพลันร้อนรุ่มหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่จริงใช่ไหม ผมถามตัวเองซ้ำๆ แล้วรีบขับรถออกมา ตลอดทางผมแทบจะไร้สติ เมื่อนึกถึงภาพของผู้หญิงที่พี่ใหญ่ให้ตามหา ผมไม่คิดเลยว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ ผู้หญิงที่ผมกำลังจะเปิดใจรักกับเธอดันกลายมาเป็นหญิงสาวที่เจ้านายผมหลงรักจนถึงขั้นฆ่าลูกน้องตนเอง หากพี่ใหญ่รู้ถึงความสัมพันธ์ของผม และผู้หญิงคนนั้น จุดจบของผมก็จะไม่ต่างจากสามคนนั้นแน่ๆ “...” “เหมยในที่สุดคุณก็กลับมาหาผม” น้ำเสียงหนาเอ่ยในขณะที่ดวงตาคู่คมมองจดจ้องฉากรูปหญิงสาว ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ทุกครั้งที่เห็นใบหน้านี้ เฉินมักจะรู้สึกผิดและโทษตัวเองอยู่เสมอที่ปกป้องเหมยคนรักไว้ไม่ได้ ร่างหนากำมือแน่นดวงตาร้อนผ่าวหลั่งน้ำสีใสก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินตรงไปเปิดตู้ไม้หลังโต๊ะทำงานที่ปิดตายเอาไว้ ภายในคือชุดเจ้าสาวเปื้อนเลือดที่แขวนอยู่ ทุกครั้ง ที่คะนึงหาเธอ ชายหนุ่มก็มักจะนำมันออกมาสวมกอดแน่น และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน “ฮือๆๆๆๆ เหมยผมคิดถึงคุณ” ผมอดไม่ได้ที่จะแอบร้องไห้คนเดียวแบบนี้ ทุกครั้งที่ผมคิดถึงเธอผมเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก หากผมได้ตัวผู้หญิงคนนั้นมาใบหน้าของเธออาจจะทำให้ผมเบาใจลงได้บ้าง “มือหนาขย้ำชุดแต่งงานพลันสะอื้น ร้องไห้ ระบายความโศกเศร้าอาดูร ในจิตใจปลดปล่อยออกมาด้วยความเบื่อหน่าย หญิงสาวจึงเดินชมบรรยากาศไปจนทั่วชายหาดแล้วกลับมาที่บ้านก็ยังไร้วี่แววการมาของเซ็น เธอถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่เสียงรถจะขับเล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้า ดวงตาคู่สวยหันไปมองด้วยความอยากรู้ทันทีที่เธอเห็นร่างเล็กของลูกชายย่างลงจากรถ ใบหน้าขาวนวลก็ยกยิ้มร่าดีใจ “ม๊า” เสียงมังกรตะโกนแล้วรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดน้ำฟ้าแน่นเซ็นที่ย่างตามลงมายิ้มมองพวกเขาสองแม่ลูกก่อนจะยักไหล่แบบคนถูกเมินแล้วเดินไปยืนข้างๆ มังกร “ว้า น้อยใจจังมังกรไม่กอดป๊า” ชายหนุ่มเอ่ยจบน้ำฟ้าก็แอบขำเขาเบาๆ แล้วชวนมังกรขึ้นห้อง “ไปเถอะมังกรม๊าคิดถึงลูกจะแย่แล้ว”“อ่าวคุณเดี๋ยวสิ” เซ็นยืนเกาหัวเบาๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่รักเดินขึ้นห้องไปกับลูกชาย “นี่ผมกลายเป็นหมาหัวเน่ารึเปล่านะ” ชายหนุ่มครุ่นคิดในหัวแล้วปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ส่วนตนเองก็ยื่นของในมือให้สาวใช้ “วันนี้ผมจะเข้าครัวด้วยตัวเองนะ” เมื่อเซ็นเอ่ยจบพิงสาวใช้ก็ย่อตัวตกลงเบาๆ แล้วนำของไปจัดการให้เข้าที่ ในระหว่างที่น้ำฟ้าและมังกรอยู่บนห้องพูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเซนก็ใช้โอกาสนี้ในการทำอาหารเพื่อใช้สำหรับงานเลี้ยงเล็กๆ ในคืนนี้ เขาอยากจะให้น้ำฟ้
เซ็นโน้มตัวลงเข้าหาเรือนร่างบางของน้ำฟ้า ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบสัมผัสพวงแก้มเธอเบาๆ “อย่าโกรธผมเลยนะ อาซ้อของผม” น้ำเสียงหนาเอื้อนเอ่ยก่อนจะลงจูบสัมผัส ซอกคอของหญิงสาวเบาๆ ทว่าถูกมือเรียวสวยของน้ำฟ้าผลักอกกว้างรั้งเอาไว้ซะก่อน “อย่าคิดว่าใช้คำพูดหวานมาหว่านล้อมแล้วฉันจะเชื่อคุณอีกนะคะเซ็น” เธอเอ่ยไม่ทันจะจบ เจ้ามือหนาของเซ็นก็จับมือของเธอชูแนบเหนือศีรษะ “งั้นผมขอไถ่โทษเลยละกัน” ท่ามกลางบ้านขนาดใหญ่บนโซฟาหรูริมฝีปากอุ่นๆ ก้มลงซุกไซ้แผ่วเบาๆ มือของเขาซุกซนจนร่างบางไร้ทางหลบหนี จำยอมต้องปรนเปรอเขาตอบด้วยรสจูบที่เร่าร้อน สายลมอ่อนๆ พัดกระทบม่าน ผ้าจนพริ้วไสว ไหล่คู่งามของ หญิงสาวถูกมือเรียวลูบสัมผัสจนเธอรู้สึกอุ่น ดวงตาสีสวยมองเพดานของตัวบ้านพลันโยกย้ายลำตัวขึ้นลงเบาๆ เมื่อเจ้าของแปลกปลอมเริ่มจะทำงาน รุกล้ำกลีบสวาทเข้าไปเพียงครึ่งก็พลันหยุด แล้วค่อยๆ ขยับเขยื้อนถี่ๆ เพราะหากสอดใส่ไปมากกว่านี้้เกรงว่าเจ้าน้ำฟ้าตัวน้อยจะคับแน่นเกินไป เซ็นทำอะไรมักจะทิ้งช่องทางเอาไว้เสมอ ชายหนุ่มไม่อยากจะให้น้ำฟ้าต้องเจ็บกับเจ้าแท่งร้อนอันเบอเร่อของตนเอง ก็เพียงเพราะอยากจะเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ลงโทษเวลาที
หัวหน้าแก๊งทุกคนทันทีที่ได้เห็นข้อความในเซ็นเอกสารบ้างก็เห็นด้วยแต่มีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย มือหนากำมือก่อนจะตีลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงแล้วลุกขึ้นจนทุกคนหันไปมอง “การทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง ก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่มีประสบการณ์ คิดจะมาใช้สัญญาบังคับกับพวกเรางั้นเหรอ” หัวหน้าแก๊งมังกรดำเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเซ็นเห็นการกระทำของเขาใบหน้าหล่อๆ ก็กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ แล้วรับแฟ้มเอกสารจากโบตั๋นมาถือไว้ในมือชูขึ้นเบื้องหน้าทุกคน “ผมอยากจะบอกให้พวกคุณทราบว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญญาธรรมดา แต่มันเป็นสัญญาที่จะทำให้พวกเราทั้ง 9 แก๊งกลมเกลียวกัน “มันคือกฎข้อห้ามว่าคนในแก๊งทั้ง 9 ห้ามฆ่ากันเอง” “ฉันเห็นด้วย” ร่างสูงสง่าลุกยืนพลันตะโกน เขาก็คือหัวหน้าแก๊งมังกรเหมันต์ โดยปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับการโต้เถียงมากนัก ทว่าวันนี้กลับยอมเอ่ยปากต่อสู้เพื่อช่วยเซ็น แสดงให้เห็นว่าแก๊งมังกรเหมันต์ยอมศิโรราบต่อเขา หลังจากนั้นทุกคนก็ต่างเอ่ยซุบซิบก่อนจะลงความเห็นไปทางข้างของหัวหน้าแก๊งมังกรเหมันต์ ทุกคนเห็นด้วยกับสัญญาฉบับนี้ก่อนที่จะมีบางส่วนเริ่มลงมือเซ็นสัญญาลงนามในเอกสาร “ม๊าครับเราจะลงเลยไหมครับ”
ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ภายในโรงแรมสุดหรู ขบวนรถมากมายต่างพากันขับเล่นเข้ามาจอดพร้อมกับบอดี้การ์ดคอยติดตามบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ ดังเช่นรถคันแรกที่ขับเล่นเข้ามา บอดี้การ์ดสวมใส่ชุดสูทสีดำรีบวิ่งลงมาเปิดประตูเบาะหลังก่อนที่ชายวัยกลางคนหนวดเคราหนาใบหน้าคล้ายกับชาวลาติน ดวงตาคมเข้มสวมใส่สูทดูดีจะย่างกรายลงมาพร้อมกับภรรยาแสนสวยของเขา แล้วเดินเข้าไปในงานโดยมีบอดี้การ์ด 10 คนประกบหน้าหลังเขาก็คือเซียว หัวหน้าแก๊งมังกรคราม ชายหนุ่มผู้เยือกเย็นเขาเป็นคนนิ่งและสุขุมอย่างมากและที่สำคัญเขาเคารพประมุขแก๊ง 9 เศียรมาโดยตลอด “สวัสดีครับคุณหนูใหญ่” น้ำเสียงหนาเอ่ยทักทายโบตั๋นที่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าประตูทางเข้าก่อนจะจับมือเธอเป็นการทักทายแล้วพากันเดินเข้าไปในงานรถคันต่อมาก็คือฟางหวน เขาคือหัวหน้าแก๊งมังกรฟ้า ชายวัย 39 ปีเขาเป็นคนอัธยาศัยดีและมีนิสัยอ่อนโยนอย่างมาก ฟางหวนชื่นชอบเรื่องดนตรีแม้เขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าชื่อดัง ทว่าความอบอุ่นของเขากลับเป็นที่ต้องตาในหมู่มวลสาวๆ มากมาย เขาเป็นชายโสดที่เคยสูญเสียคนรักเมื่อหลายปีก่อน “สวัสดีครับคุณหนูใหญ่” มือหนาจับมือของโบตั๋นขณะเอ่ยทักทาย ดว
เครื่องบินแลนดิ้งลงจอด ณ สนามบินส่วนตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดกว่า 20 คนที่ยืนรอรับอยู่เบื้องล่าง “เราจะได้ไปเยี่ยมคุณพ่อกันแล้วนะเซ็น” โบตั๋นเอ่ยกับน้องชายเพราะหลายปีมานี้เซ็นแทบจะไม่ได้เจอกับหยวนเลย ทั้งคู่เดินย่างลงบันไดเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เบื้องล่างก่อนจะขับแล่นออกไปมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลชื่อดังของประเทศฮ่องกง ตลอดทางดวงตาคู่คมของเซ็นยังคงมองออกไปนอกกระจกรถแววตาของเขาครุ่นคิดเป็นห่วงน้ำฟ้าและมังกรลูกชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะทำอะไรอยู่ การมาครั้งนี้ของเซ็นเป็นความลับเพราะโบตั๋นไม่อยากจะให้เรื่องของการป่วยของหยวนถูกเปิดเผยไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการชิงอำนาจของแต่ละแก๊งได้ รถเก๋งคันสีดำขับเล่นไปบนท้องถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่หน้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ “เชิญครับ”บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเดินถือร่มมาเปิดประตูพาพวกเขาเดินเข้าไปภายใน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ช่วยปกปิดความลับอาการป่วยของหยวน เพราะทางโรงพยาบาลได้รับเงินช่วยเหลือจากหยวนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนโรงพยาบาลของหยวนเอง “ทางนี้ครับ” หมอหนุ่มยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนจะเดินพาไป
เครื่องบินแลนดิ้งลงจอด ณ สนามบินส่วนตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดกว่า 20 คนที่ยืนรอรับอยู่เบื้องล่าง “เราจะได้ไปเยี่ยมคุณพ่อกันแล้วนะเซ็น” โบตั๋นเอ่ยกับน้องชายเพราะหลายปีมานี้เซ็นแทบจะไม่ได้เจอกับหยวนเลย ทั้งคู่เดินย่างลงบันไดเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เบื้องล่างก่อนจะขับแล่นออกไปมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลชื่อดังของประเทศฮ่องกง ตลอดทางดวงตาคู่คมของเซ็นยังคงมองออกไปนอกกระจกรถแววตาของเขาครุ่นคิดเป็นห่วงน้ำฟ้าและมังกรลูกชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะทำอะไรอยู่ การมาครั้งนี้ของเซ็นเป็นความลับเพราะโบตั๋นไม่อยากจะให้เรื่องของการป่วยของหยวนถูกเปิดเผยไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการชิงอำนาจของแต่ละแก๊งได้ รถเก๋งคันสีดำขับเล่นไปบนท้องถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่หน้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ “เชิญครับ”บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเดินถือร่มมาเปิดประตูพาพวกเขาเดินเข้าไปภายใน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ช่วยปกปิดความลับอาการป่วยของหยวน เพราะทางโรงพยาบาลได้รับเงินช่วยเหลือจากหยวนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนโรงพยาบาลของหยวนเอง “ทางนี้ครับ” หมอหนุ่มยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนจะเดินพาไป