LOGINเอกสารในมือของป้องนที ที่เขากำลังกวาดตาอ่านรายละเอียดอยู่อย่างสนใจ เป็นของ ‘ณัฐณิชา ฐานนันท์’ ว่าที่เลขานุการคนใหม่ของเขา
ยิ่งอ่านก็ยิ่งน่าสนใจ ประวัติการเรียนของเธออยู่ในขั้นดีเยี่ยม ไม่แปลกถ้าเป็นคนในตระกูลฐานนันท์ เพราะทุกคนนามสกุลนี้ที่ทำงานกับสหัสวรรษกรุ๊ปนั้น ฉลาดหลักแหลมทุกคน เรียกได้ว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวกันเลยทีเดียว ดังนั้นเขาไม่นึกหนักใจกับการเป็น ’เด็กเส้น’ ของเธอเลยสักนิด
รูปถ่ายที่แนบมาทำให้ป้องนทีมองแล้วหรี่ตา น้องสาวของวรปรัชญ์สวยมาก โดยเฉพาะนัยน์ตาคมหวานงดงามนั่น ราวกับจะดึงดูดให้หลงใหล ขนาดรูปถ่ายยังขนาดนี้ แล้วตัวจริงจะงดงามมีเสน่ห์มากขนาดไหนกันนะ
มือเขากดเครื่องโทรศัพท์บอกสั่งกับทางปลายสายที่รอคำสั่งอยู่ทันที นั่งรอสักครู่ ป้องนทีก็พบกับณัฐณิชาตัวจริง ที่งดงามและเย้ายวนกว่าในรูปถ่ายหลายเท่านัก
“สวัสดีค่ะ”
กวิสราในคราบของณัฐณิชา ยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาคมเย้ายวน ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีสดยิ้มนิดๆ มันทำเอาคนมองแทบใจละลาย กับเสน่ห์อันล้นเหลือของเธอ
“เอ่อ...เชิญนั่งก่อนครับ คุณณัฐณิชา”
ป้องนทีกระแอม พลางเชิญเธอนั่ง เมื่อละลายตาออกมาจากใบหน้าเรียวรูปไข่ เครื่องหน้าสวยคมบาดใจนั้นได้ เธอสวมชุดเดรสสีแดงสด ตัดกับผิวขาวลออตา ยิ่งทำให้ดูโดดเด่น ตัวเสื้อเป็นคอวี เผยเนินอกอวบอิ่มชวนมอง เอวคอดเล็ก และสะโพกผายรับกัน ราวกับรูปปั้นของนางอัปสร ที่ยั่วยวนใจให้หลงใหล
“คุณเป็นญาติกับพี่ปรัชญ์เหรอครับ พึ่งเรียนจบปริญญาโทมา แล้วนึกยังไงถึงอยากมาทำงานเลขานุการ”
ป้องนทีที่รวบรวมสมาธิได้แล้วเริ่ม ‘สัมภาษณ์’ ทำความรู้จักกับเธอ งานเลขานุการต้องรู้จักใจกันดี จึงจะทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และเขาก็อยากจะทำความรู้จักกับคนตรงหน้าให้มากขึ้น ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขานึกอยากจะให้ตัวเองโสด กวิสราเป็นผู้หญิงที่กระตุกใจเขาได้มากมายเลยทีเดียว ความสวยและมีเสน่ห์นั้นทำเอาเขาแทบลืมหายใจ เมื่อได้สบตาด้วยเป็นครั้งแรก
“ค่ะ พี่ปรัชญ์อยากให้ณัฐได้เรียนรู้งาน อีกอย่างหนึ่งพี่ปรัชญ์บอกว่าพวกเรา ฐานนันท์ ควรจะมาทำงานให้สหัสวรรษกรุ๊ปอย่างเต็มกำลังและความสามารถน่ะค่ะ ตำแหน่งเลขานุการของคุณว่างอยู่ พี่ปรัชญ์ก็เลยให้ณัฐมาลองสมัครงานและแนะนำตัวกับคุณป้องนทีดูน่ะค่ะ”
คำอธิบายจากริมฝีปากอิ่มสวย ทำให้ป้องนทีรู้สึกพอใจอยู่ลึกๆ และขณะเดียวกันก็ยิ่งนึกชื่นชมวรปรัชญ์มากขึ้นไปอีก บุญของพวกเขายิ่งนัก ที่ได้มีคนที่ดีมีความสามารถมาทำงานให้แบบนี้
“ไม่ต้องเรียกพี่เป็นทางการแบบนั้นก็ได้”
น้ำเสียงเป็นกันเองต่างจากประโยคแรกที่ทักทายเธอ ดังออกมาจากปากเขาทันที พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เมื่อเป็นน้องสาวของวรปรัชญ์ แน่นอนว่าเธอต้องเป็นน้องสาวของเขาด้วย
“พี่รับน้องณัฐเข้าทำงานอย่างเต็มใจเลยครับ ดีใจมากๆ ที่พี่ปรัชญ์ให้เกียรติกับบริษัทของพี่มาก ถึงได้หาคนมีความรู้ความสามารถมาทำงานให้แบบนี้”
มือหนาแข็งแรงถูกยื่นมาให้กับเธอ กวิสรายิ้มเยือนพร้อมกับส่งมือให้เขาจับ เมื่อสัมผัสมือกันเธอก็ยังไม่ลืมที่จะอ้อยอิ่งเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือเขา และช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างมีจริต วิชาว่าด้วยการมีมารยานี้ถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์อย่างผลิดา และลูกศิษย์อย่างกวิสราก็ทำได้ดีเสียยิ่งกว่าอาจารย์เสียอีก
หญิงสาวใช้เวลาช่วงเช้าและตลอดบ่าย แอบสำรวจและเรียนรู้นิสัยของนายจ้าง เพื่อจะได้นำไปวิเคราะห์ว่าเขาเป็นคนแบบไหน และเธอจะเอาชนะใจเขาได้อย่างไร ดูเหมือนว่าป้องนทีจะเป็นชายหนุ่มในแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอและมารยาที่พยายามจะยั่วยวนเขา ในแบบธรรมชาติและไม่ได้ตั้งใจ จะทำให้ป้องนทีเผลอมองเธอก็ตามที แต่เขาก็จะรีบหลบตา เมื่อเธอแสร้งปรายตามาเพื่อจะมองสบตากับเขา เขาเป็นคนสุภาพและเป็นสุภาพบุรุษค่อนข้างมาก เวลาแตะสัมผัสตัวของกวิสราอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มก็จะเอ่ยขอโทษออกมาเบาๆ
“เอ่อ...ขอโทษนะคะพี่ป้อง”
ตอนนี้เธอเรียกเขาว่าพี่ป้องได้อย่างสนิทปาก เพราะเรียกมาเกือบตลอดทั้งวัน เสียงใสหวานทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังติดตามข่าวคราวเศรษฐกิจอยู่ พร้อมกับเอ่ยตอบรับเธอ
“มีอะไรหรือครับน้องณัฐ”
“พี่ป้องพอจะมีเบอร์ติดต่อแท็กซี่ไหมคะ”
กวิสราเอ่ยเสียงหวาน แผนแรกของเธอเริ่มต้นขึ้นแล้ว วรปรัชญ์ให้เธออยู่ที่คอนโดมิเนียมชั้นหรู และให้รถราคาแพงกับเธอใช้ เพื่อจะได้สมฐานะของน้องสาวผู้เป็นญาติห่างๆ ของเขา เสื้อผ้าและทุกอย่างในการแปลงตัวกวิสราให้เป็นณัฐณิชา ฐานนันท์ วรปรัชญ์ให้บัตรเครดิตเธอไว้ใช้ได้ไม่อั้น
“น้องณัฐจะกลับแท็กซี่เหรอครับ”
“ค่ะ พอดีว่าณัฐพึ่งจะกลับมาจากลอนดอน เลยไม่ค่อยชินทางในเมืองไทยนัก ไม่กล้าขับรถน่ะค่ะ เมื่อเช้านี้พี่ปรัชญ์ไปรับมาจากคอนโดมิเนียมที่คุณพ่อท่านซื้อไว้ให้ ณัฐไม่ค่อยอยากขับรถน่ะค่ะ กลัวหลงทาง” หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้นอย่าเรียกแท็กซี่เลยครับ ให้พี่ไปส่งดีกว่า”
ป้องนทียื่นข้อเสนอทันที เพราะเขานึกเป็นห่วงเธอ ณัฐณิชาพึ่งกลับมาเมืองไทยหมาดๆ แบบนี้ คงจะไม่ดีนักถ้าปล่อยให้ไปตามลำพังกับแท็กซี่ เขาควรจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ในฐานะน้องสาวของวรปรัชญ์ ชายหนุ่มที่น่าเคารพและคนที่เขารักเหมือนพี่ชาย
“ขอบคุณพี่ป้องมากๆ เลยค่ะ ที่กรุณาณัฐมาก”
กวิสรายกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมกับช้อนสายตาหวานฉ่ำมองเขา ทำเอาคนมองหัวใจกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้สวยและยวนใจมากจริงๆ จนเขาต้องเมินสายตาไปเสีย จากใบหน้าสวยเซ็กซี่นั่น
“ณัฐไม่อยากกวนพี่ปรัชญ์น่ะค่ะ ความจริงเย็นนี้พี่ปรัชญ์บอกให้ณัฐรอกลับพร้อมกัน แต่พี่ปรัชญ์ติดประชุมกับหัวหน้าฝ่าย ณัฐเลยไม่อยากรอและเป็นภาระให้ เพราะว่าพี่ปรัชญ์ช่วยณัฐมามากแล้ว แต่ว่าจะกวนพี่ป้องหรือเปล่าคะ?”
“ไม่หรอกครับ ไม่กวนอะไรเลย ตอนนี้พี่ต่างหากต้องกวนน้องณัฐ” ป้องนทีกล่าวติดตลกพลางอมยิ้ม
“ต้องทำงานกับพี่บางทีอาจจะเหนื่อยหน่อยนะครับ ว่าแต่ว่าคอนโดของน้องณัฐอยู่แถวไหนล่ะครับ”
“อยู่แถวสาธรค่ะ”
“เอ๊ะ! อยู่ใกล้ๆ บ้านของพี่พอดีเลยครับ แบบนี้ตอนเช้าเราก็มาทำงานพร้อมๆ กันได้น่ะสิ”
นี่แหละประโยคที่เธอกำลังรอฟัง หากแต่กวิสราแสร้งทำตาโต แล้วย่นจมูก ท่าทางนั้นน่ารัก จับอกจับใจคนมองยิ่งนัก และเธอก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะประทับใจถ้าเธอทำท่าทางแบบนี้เสียด้วย
“อุ๊ย จะดีเหรอคะพี่ป้อง เกรงใจแย่เลย”
“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันหรอกครับ เป็นอันว่าพี่จะแวะรับน้องณัฐตอนเช้าด้วยก็แล้วกัน ช่วยชาติประหยัดน้ำมันยังไงล่ะครับ หมู่นี้ทางโทรทัศน์เค้ารณรงค์กันอยู่บ่อยๆ เราต้องช่วยรัฐบาลเค้าหน่อย”
“แหม...” กวิสราหัวเราะกิ๊ก ก่อนจะพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นณัฐก็ไม่เกรงใจล่ะนะคะ เอาแบบนี้ดีกว่า เย็นนี้ทานข้าวเย็นกับณัฐไหมคะพี่ป้อง อยากทานอาหารไทยอร่อยๆ พี่ป้องพอจะมีร้านไหนแนะนำไหมคะ”
“เอ่อ...”
ป้องนทีลังเลไปเล็กน้อย ถ้าเขาเป็นโสดอยู่ก็คงจะตอบรับคำชวนของเธออย่างรีบด่วน หากแต่นี่เขามีคนรอทานข้าวอยู่ที่บ้านคืออุษณิษาเสียแล้ว และความคิดบางอย่างก็จุดประกายขึ้นมาทันที จริงสินะ ถ้าเขาตอบรับคำเชิญของเธอก็ไม่เป็นไรนี่ เพราะถ้าจะพาภรรยาคนสวยของเขาไปด้วย บางทีการมีภรรยาอยู่ข้างๆ เขาจะได้เลิกไหวหวั่นกับน้องสาวผู้แสนจะเซ็กซี่ของวรปรัชญ์
“ถ้าแบบนั้นพี่ขอพาภรรยาไปด้วยได้ไหมครับ น้องณัฐ เพราะพี่ต้องไปทานข้าวเย็นกับน้องษาทุกวันน่ะครับ กลัวเค้าจะงอนเอา”
“พี่ป้องมีภรรยาแล้วเหรอคะ ว้า...น่าเสียดายจัง”
กวิสราเผลอถอนใจ ก่อนจะรีบเอามือปิดปากเหมือนพึ่งจะรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป ท่าทางของหญิงสาวทำเอาป้องนทีหน้าเริ่มเป็นสีเรื่อ
“อุ๊ยขอโทษนะคะ ณัฐก็เผลอพูดเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ ผู้ชายแสนเพอร์เฟคอย่างที่ป้อง ถ้ายังเป็นโสดอยู่ก็น่าสงสัยแย่เลยว่าจะไม่สนใจผู้หญิงหรือเปล่า แบบนี้น่ารักจังเลยค่ะ ต้องทานข้าวกับภรรยาทุกเย็น ถ้าณัฐเป็นภรรยาพี่ป้องก็คงจะดีใจมาก ที่มีสามีน่ารักๆ แบบนี้”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ป้องนทีหัวเราะ พลางเกามือลูบเสยเรือนผมดกดำของเขาแก้เขิน
“พี่ขอตัวโทรศัพท์ชวนน้องษาก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่จะพาน้องณัฐไปทานอาหารไทยอร่อยๆ รับรองไม่ผิดหวังทั้งรสชาติและบรรยากาศ”
“ค่ะ”
กวิสรายิ้มให้เขา แล้วก็แอบเบ้ปากเมื่อคล้อยหลังป้องนที ที่เดินเลี่ยงไปโทรศัพท์ที่ในห้องส่วนตัวของเขา ที่มีอยู่ในห้องทำงานของผู้บริหาร เผื่อไว้เวลาที่จะพักผ่อน
“ดูท่าทางจะรักเมียน่าดู เราจะทำสำเร็จไหมเนี่ย ยายเตยเอ๊ย! แต่สองล้าน ท่องเอาไว้เตยสองล้าน”
หญิงสาวแอบพึมพำกับตนเอง พลางล้วงเอากระเป๋าเครื่องสำอางใบเล็กออกมาจากกระเป๋าหนังใบใหญ่ของเธอ ที่เป็นของทำเลียนแบบของมียี่ห้อที่ปลอมได้อย่างแนบเนียน จนเจ้าของผลิตภัณฑ์มาเจอคงแทบจะอยากร้องไห้ เธอต้องทำตัวให้หรูหรา สมกับเป็นคุณหนูของฐานนันท์ ที่พึ่งกลับมาจากอังกฤษหมาดๆ เรื่องวางท่าน่ะไม่ค่อยจะยากนักหรอก แต่เธอกลัวว่าจะตายสนิทเอาถ้าเกิดเจอะเจอเข้ากับลูกค้าชาวต่างชาติ ภาษาอังกฤษของกวิสราแย่มากเพราะร้างราไปค่อนข้างนาน อีกอย่างเธอเรียนในสายการคำนวณไม่ใช่ภาษา จึงหนักใจอยู่ไม่ใช่น้อย และอยากให้งานนี้สำเร็จลงโดยไว
เอาน่า...กวิสราบอกกับตัวเอง เมื่อวาดลิปสติกสีแดงกำมะหยี่ที่ริมฝีปาก และดูแลซับใบหน้าด้วยแป้งรองพื้นเนื้อเนียน ปัดแก้มเพิ่มอีกนิดให้พวงแก้มเป็นสีระเรื่อ หญิงสาวสวยจัดที่มองจ้องกลับมาจากเงาสะท้อนของกระจก ทำให้ต้องยิ้มกว้าง งานนี้ไม่อยากเกินความสามารถของเธอไปได้หรอก เธอจะใช้เวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ชนะใจผู้ชายที่ชื่อป้องนที สหัสวรรษให้ได้
มือใหญ่ที่กำลังจะเปิดประตูรถคันหรูชะงัก เมื่อมีเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลังมากดรับ หลังจากดูว่าเป็นใครโทรศัพท์มา พร้อมกับกรอกเสียงลงไปอย่างเป็นการเป็นงาน“ว่าไง ชวัล”“เรื่องที่นายให้ไปสืบข่าว เกี่ยวกับเรื่องของคุณณัฐณิชา ฐานนันท์ เอ่อ...เธอใช้ชื่อปลอมครับ”เสียงรายงานจากปลายสาย ทำให้เปลวตะวันย่นคิ้ว“อะไรนะ?”“ชื่อจริงของเธอคือกวิสรา ปองทิวาครับ เป็นสาวไซน์ไลน์ แล้วก็รับจ้างในการแบล็กเมล์ ค่อนข้างจะแสบมากเลยครับ คุณเปลวตะวัน ผู้หญิงคนนี้”ชวัล นักสืบมือดีที่เขาจ้างด้วยค่าเหนื่อยแพงลิบ เอ่ยรายงานฉะฉาน“หืม? คุณได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ส่งมาให้ผมทั้งหมดเลย ชวัล ถ้าข้อมูลที่ได้มาผมดูแล้วคุ้มค่ากับรางวัลที่จะให้เพิ่ม พรุ่งนี้คุณจะมีเงินโอนเข้าธนาคารไม่ต่ำกว่าสามแสนบาท”“โอ้ว เป็นพระคุณอย่างสูงเลยครับ ผมมีอีกเรื่องที่คุณเปลวตะวันอาจจะต้องตกใจ เพราะบังเอิญได้ภาพเด็ดๆ มา น่าขอบใจลูกค้าของผมที่ให้สืบเกี่ยวกับเรื่องนอกใจ เด็กของผมที่ไปสอดแนมเลยได้ข่าวของคนที่คุณกำลังให้ตามสืบมาโดยบังเอิญ ผมว่าเรื่องนี้ก็น่าสนใจมากนะครับ คุณเปลวตะวัน”“เรื่องอะ
“ขอบคุณมาก เดวิด ฝากน้องชายของผมด้วย เจสสิก้าเป็นจิตแพทย์ชั้นเยี่ยม เธอคงจะช่วยน้องชายของผมได้”เปลวตะวันเอ่ยเป็นภาษาเยอรมันกับปลายสาย เขากำลังเจรจากับเพื่อนสนิทต่างรุ่น เพื่อจัดการส่งตัวป้องนทีให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตรักษาอาการให้กับน้องชาย นับวันป้องนทียิ่งน่าเป็นห่วง เขาซึมเศร้า และจมอยู่กับตัวเอง ตอนนี้ป้องนทีผ่ายผอมมากเพราะแทบจะไม่แตะต้องอาหาร เปลวตะวันต้องให้พวกคนทำงานบ้านผลัดเปลี่ยนกันมาคอยดูแลน้องชายไม่ยอมให้อยู่คนเดียว เขากลัวว่าป้องนทีจะคิดสั้น ตอนนี้เขานอนห้องเดียวกับป้องนทียามกลางคืน คอยชวนพูดคุย ทำกิจกรรมกันแบบพี่น้องบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ป้องนทีดีขึ้นเลย“ไม่มีปัญหา ทางเราจะเตรียมต้อนรับอย่างดี”“เรื่องเงินไม่ต้องห่วงนะเดวิด ผมจัดการให้ไม่อั้น ขอเพียงให้นายป้องเลิกเป็นแบบนี้เสียที”“อาการป่วยทางจิตไม่เหมือนกับป่วยทางกายหรอกนะเพื่อนรัก” ปลายสายเอ่ยเสียงทุ้ม“มันต้องใช้เวลา แล้วก็อยู่ที่ตัวของน้องชายของนายด้วย ว่าเขาจะเปิดใจรับการรักษามากแค่ไหน แต่รับรองไว้ว่าเจสสิก้าจะช่วยให้ป้องนทีผ่านพ้นและเปิดใจยอมรับความเป็นจริงได้”“ขอบคุณมากครับเดวิด”เปลวตะวันเอนหลังกับโซ
“เสียใจด้วยนะครับ คุณป้อง คุณเปลว”เปลวตะวันยกมือไหว้ลาคนทัก พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและฉาบทับด้วยประกายแห่งความแค้น ขณะที่ป้องนทีเหม่อลอยราวกับคนไม่มีชีวิตจิตใจ ทำทุกอย่างเหมือนกับหุ่นยนต์หลังจากที่ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากปากของน้องชายแล้ว เปลวตะวันก็รู้สึกราวกับว่าโลกแทบจะพังทลายลงไปตรงหน้าเขา หากแล้วด้วยความที่เป็นคนที่ตั้งสติได้ดี ใช้สมองมากกว่าอารมณ์ ทำให้เปลวตะวันนิ่งเงียบ น้ำตาเขาไม่ไหลสักหยด มือกำแน่นด้วยความแค้น สมองเริ่มคิดหาทาง ทวงทุกอย่างคืน!งานศพของจิตรมณี จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย หากแต่สมฐานะ แขกมีเกียรติมากันอย่างคับคั่ง ทำให้พวกเขาต้องวุ่นวายต้อนรับ ซึ่งมันก็เป็นการดีเหมือนกัน ที่ป้องนทีจะได้มีอะไรทำบ้าง น้องชายเขาสูญเสียมากเหลือเกินเปลวตะวันเป็นห่วงน้องชาย ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลือของเขามาก ป้องนทีเหม่อลอย ราวกับว่าไม่มีวิญญาณ ทำทุกอย่างตามที่เขาบอกราวกับหุ่นยนต์ ความสูญเสียที่ถาโถมเข้ามา และการที่น้องชายเขาพร่ำขอโทษเรื่องของบริษัท ตอนนี้สหัสวรรษ กรุ๊ป ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น มันทำให้เปลวตะวันนึกกลัวว่าป้องนทีจะคิดสั้นขึ้นมาอีกครั้ง
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ที่หน้าคฤหาสน์ สหัสวรรษ“ไม่ต้องทอนครับ”คนขับแท็กซี่ที่กำลังควานหาเงินทอนอยู่อย่างจ้าละหวั่น เพราะลูกค้ารายแรกของวัน ที่เขาไปรับมาจากสนามบิน สุวรรณภูมิ จ่ายค่าโดยสารเป็นธนบัตรใบละหนึ่งพันบาท“ขอบคุณมากพ่อหนุ่ม”ลาภลอยแต่เช้าแบบนี้ ทำให้ชายขับแท็กซี่ยิ้มกว้าง ชายร่างสูง ในชุดเสื้อเจ็กเก็ตหนังสีดำ กางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าผ้าใบง่ายๆ เดินลากกระเป๋าเดินทางที่คนขับกุลีกุจอ ช่วยเขาเอาลงมาจากรถพร้อมกับจะอาสาลากมาให้ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ที่ล้อมรั้วด้วยรั้วอัลย์ลอยลายงดงาม เพราะได้ทิปจำนวนมากกว่าค่าแท็กซี่เสียอีก หากแต่เขาปฏิเสธ และเดินมาหยุดตรงหน้าบ้าน พร้อมกับยิ้มที่ริมฝีปากน้อยๆ มือหนากดกริ่งหน้าบ้าน“มาหาใครคะ”สาวใช้นางหนึ่งวิ่งออกมาต้อนรับ เครื่องแต่งกายที่เป็นชุดดำล้วนสะกิดตาของแขกผู้มาเยือนยามเช้าอย่างประหลาด เขาถอดแว่นกันแดดสีดำออก พลางยิ้มให้อย่างล้อเลียน และสาวใช้นางนั้นก็อุทานออกมาเสียงดังลั่น พลางลนลานรีบเปิดประตูรั้วบ้านให้เขาอย่างรวดเร็ว“คุณเปลว คุณเปลวกลับมาแล้ว โอย...คุณเปลวขา คุณท่าน ฮือๆ ๆ ๆ”“อะไรกันพี่แจ่ม ใจเย็นๆ ก่อนครับ คุณแม่เป็นอะไร”แจ่มใสร้องไห้พลา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วเปิดผัวะเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้สองร่างที่อิงแอบกันอยู่บนเตียงกว้าง ในห้องสูทหรู ถึงกับสะดุ้ง ฝ่ายหญิงหันขวับมาทันที พร้อมกับหน้าซีดเผือด ริมฝีปากบางสั่นระริก เธออุทานออกมาเสียงสั่น“พี่ปรัชญ์”“เลวจริงๆ ณัฐณิชา เธอทำแบบนี้กับน้องษาได้ยังไง”วรปรัชญ์เอ่ยเสียงห้าวห้วน สตรีร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา กำลังหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม นัยน์ตากลมโตมองภาพบนเตียงอย่างตกใจ วรปรัชญ์หันมามองหน้าอุษณิษาพร้อมกับดึงมือเธอให้พ้นไปเสียจากภาพบาดตาตรงหน้า“ไปกันเถอะน้องษา เราอย่าอยู่ดูหญิงร้ายชายเลวคู่นี้อีกเลย”“พี่ปรัชญ์ ฟังณัฐก่อน พี่ปรัชญ์”เสียงใสตะโกนตามหลังหากแต่มีเสียงปิดประตูดังปัง! แทนคำตอบ กวิสราถอนใจเฮือก แล้วหันมองชายหนุ่มข้างๆ ที่นอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอพูดเสียงแผ่ว“ขอโทษนะคะพี่ป้อง”กวิสราลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม ที่เธอจัดฉากไว้สำหรับมหกรรมการตบตาครั้งใหญ่ ซึ่งมันก็ได้ผลมาก เธอพันผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว เพื่อความสมจริงกับบทบาทชู้รัก ดีเหมือนกันที่วรปรัชญ์ดึงภรรยาของป้องนทีไปแบบนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะเห็นว่าฝ่ายชายกำลังหลับแบบไม่รู้สติเลยสักนิด ความคงจะแตกว่าท
กวิสรามองซองพลาสติกขนาดเล็ก บรรจุผงสีขาวอย่างลังเล แผนการของเธอและเงินอีกล้านหนึ่งที่เหลือ กำลังมีโอกาสมาถึงแล้ว เธออยากจะจบงานนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แผนยั่วยวนสารพัดไม่ได้ผลสำหรับป้องนทีเลยจริงๆ จนอดกลุ้มใจไม่ได้ วรปรัชญ์ก็เร่งรัดมาเหลือเกิน และปรมาจารย์ด้านการเผด็จศึกผู้ชายอย่างผลิดาก็ส่งซองนี้มาให้กับเธอพร้อมกับบอกเสียงใส‘เสน่ห์ไม่ได้ผล ก็ต้องใช้คาถากันล่ะเตย คาถาของแม่มดเจ้าเสน่ห์อย่างพวกเราก็ต้องยานอนหลับ’‘จะดีเหรอไอซ์’ ’ กวิสราขมวดคิ้ว ขณะที่ผลิดารีบพยักหน้าทันที แล้วยัดเยียดซองยาลงในมือเพื่อนรัก‘ดีสิ งานจะได้จบเร็วๆ ไง เห็นเตยบอกว่าอึดอัด แค่หาโอกาสชวนหมอนั่นไปทานข้าว หยอดยานี่ใส่ปุ๊บ พาเข้าโรงแรม เรียบร้อยโรงเรียนเตย’หญิงสาวกัดริมฝีปาก ก่อนจะมองซ้ายขวา ว่ามีใครกำลังสังเกตมองเธออยู่บ้างหรือเปล่า ผงสีขาวถูกเทลงในแก้วน้ำผลไม้ปั่นของป้องนทีอย่างรวดเร็ว กวิสราเอาหลอดคนๆ ให้ละลายนิดหน่อย ก่อนจะรีบทำท่าให้เป็นปรกติ“ร้านนี้อาหารอร่อยมากเลยนะคะพี่ป้อง”หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน เมื่อป้องนทีที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำมา เดินกลับมายังโต๊ะ ชายหนุ่มยิ้มพลางพยักหน้า ตอนนี้เขาเอ็นดูณัฐณิชา







