แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: ชอบกินหมั่นโถว
มองผู้ชายสองคนตรงหน้าที่กำลังตึงเครียด เธอก็พูดอย่างสงบนิ่ง “ก็แค่รูปถ่าย เอาไว้ถ่ายใหม่ก็ได้”

“เผาจนหมดเกลี้ยงขนาดนี้แล้ว ก็ทำได้แค่ถ่ายใหม่ทีหลังเท่านั้น พวกเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวกันนานมากแล้วด้วย”

ลู่อวิ๋นเซินยอมถอยมาเสนอตัวเลือกที่ดีที่สุด ฉีซื่อรีบเสริมว่า “ตอนไปครั้งนี้ ก็พาเสี่ยวหานไปด้วย เธอบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยไปเที่ยวเลย”

ได้ยินคำพูดนี้ของฉีซื่อ ซ่งสือเวยก็หัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมาครั้งหนึ่ง

ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อคิดแค่ว่าเธอเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

พวกเขากำลังจะเดินไป ทว่ากลับเห็นกล่องหลายใบในห้องนั่งเล่น ซึ่งตอนเช้าตอนออกไปข้างนอกยังไม่มีเลย

“นี่คืออะไร?” ทั้งสองคนถามขึ้นมาพร้อมกัน

ซ่งสือเวยเหลือบมอง “อ๋อ ฉันลาออกแล้ว ก็เลยวางแผนจะเปลี่ยนงาน”

ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเธอชอบงานนี้มากหรือ?

ความสงสัยแบบเดียวกันปรากฏขึ้นในใจของทั้งสองคน

วันนี้ซ่งสือเวยแปลกมาก แม้จะอธิบายไม่ถูก แต่ในใจของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อก็รู้สึกสับสนขึ้นมาบ้าง

ฉีซื่อขยับริมฝีปาก คิดจะถามมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ

ลู่อวิ๋นเซินรับโทรศัพท์ ปลายสายมีน้ำเสียงร้อนรนและทำอะไรไม่ถูกของเซี่ยงหานดังขึ้น

“อวิ๋นเซิน ในบ้านฉันจู่ ๆ ก็ไฟดับ ฉันกลัวมากเลย...ฉันควรทำยังไงดี?”

หลังจากฉีซื่อซึ่งอยู่ด้านข้างได้ยินก็เปลี่ยนความสนใจ รีบชิงพูดออกไปก่อนลู่อวิ๋นเซิน “เสี่ยวหานไม่ต้องกลัว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

ลู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้วแน่น สีหน้าที่สงบมาโดยตลอดเผยความตึงเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ความเป็นห่วงที่มีต่อเซี่ยงหานเพิ่มมากขึ้น ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อหยิบกุญแจรถออกไปข้างนอกพร้อมกัน

ซ่งสือเวยกลับมีท่าทีสงบตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากพวกเขาออกไป ก็โทรหาคุณป้า

ตอนเด็ก เธอได้รับการเลี้ยงดูที่บ้านของคุณป้ามาตลอด คุณป้าปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี และเลี้ยงเธอเหมือนเป็นลูกสาวมานานแล้ว

ตอนนี้เธอกำลังจะจากไป ย่อมต้องบอกลาเธอให้เหมาะสม

หลังจากได้ยินว่าซ่งสือเวยต้องกลับไปแต่งงาน ในน้ำเสียงของคุณป้าก็มีความอาลัยอาวรณ์ แต่แฝงไปด้วยความแปลกใจมากกว่า “เวยเวย เรื่องที่หนูจะกลับไปแต่งงาน อวิ๋นเซินกับอาซื่อทั้งสองคนรู้หรือยัง?”

ซ่งสือเวยครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเขาไม่รู้ค่ะ ป้าคะ ป้าช่วยปิดบังไว้ให้หนูหน่อยนะคะ หนูไม่อยากถูกขัดขวางอีก”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ปลายสายก็เงียบไปโดยพลัน

คุณป้าทอดถอนใจ “โธ่ ก็ใช่ หนูเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขามาตั้งแต่เด็ก ใครก็มองออกทั้งนั้นว่าเด็กสองคนนี้ชอบหนู พวกหนูอยู่ด้วยกันทุกวัน ป้ายังคิดว่าสุดท้ายหนูจะเลือกแต่งงานกับหนึ่งในนั้นเสียอีก น่าเสียดาย...”

ซ่งสือเวยยิ้ม และพูดอย่างสงบ “ไม่มีอะไรน่าเสียดายหรอกค่ะ พวกเราไม่เหมาะสมกัน”

ได้ยินแบบนั้น คุณป้าก็ไม่ได้โน้มน้าวต่ออีก และพูดแค่ว่า “เวยเวย ป้ารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วหนูก็ต้องกลับบ้าน เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ป้าเห็นหนูมาตั้งแต่เล็กจนโต หนูมาเจอป้าก่อนกลับด้วยนะ ถ้าหนูกลับไปเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไร...”

ซ่งสือเวยยิ้ม ในน้ำเสียงแฝงความหยอกเย้าอยู่เล็กน้อย “ได้ค่ะ หนูยังมีของขวัญที่ต้องเอาไปให้ป้าด้วย หนูก็เสียดายที่ต้องบอกลาป้าเหมือนกันค่ะ”

หลังจากคุณป้าได้ยิน ก็พูดอีกสองสามประโยค จึงวางสายไป

เพิ่งวางสายนี้ไป ก็มีอีกสายหนึ่งโทรเข้ามา

เป็นผู้อำนวยการจากบริษัทของซ่งสือเวย

“เวยเวย ผลงานการออกแบบก่อนหน้านี้ของเธอได้รับรางวัลในนามของบริษัท ถ้วยรางวัลเพิ่งถูกส่งมา เธอลาออกไปแล้วเลยไม่ทันได้รับ ฉันให้เด็กฝึกงานเอาถ้วยรางวัลไปส่งที่บ้านเธอแล้วนะ”

ทันทีที่พูดจบ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น

ซ่งสือเวยวางสายและไปเปิดประตู ก็เห็นเซี่ยงหานยืนถือถ้วยรางวัลอยู่ที่หน้าประตู
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 29

    ลู่อวิ๋นเซินเห็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของซ่งสือเวยจากรายงานข่าวทุกประเภทเขาจ้องรูปของกู้ฉือหลานในโทรศัพท์ไม่ละสายตา ความโกรธในใจพลันเดือดพล่านเป็นฝีมือของกู้ฉือหลานใช่ไหม?ต้องเป็นเขาแน่ๆ!หลังลู่อวิ๋นเซินคิดถึงจุดนี้ ก็ไม่สนใจการขัดขวางของแม่ฉีกับแม่ลู่ รีบพุ่งออกจากโรงพยาบาลไปตระกูลกู้วันนี้ถือว่าเป็นวันแรกของการแต่งงานกู้ฉือหลานแทบจะไม่ค่อยได้กอดซ่งสือเวยบนเตียงอย่างอ่อนโยนเลยแสงแดดอ่อน ๆ และอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกหน้าต่าง ราวกับไม่น่าดึงดูดสักนิดเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงกดกริ่งที่หน้าประตูอย่างรีบเร่งทำลายความเงียบสงบกู้ฉือหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าใครมารบกวนพวกเขาในเวลานี้กันแน่เขาใส่ชุดนอนอย่างลวก ๆ และไปเปิดประตูประตูเพิ่งเปิดออก หมัดของลู่อวิ๋นเซินก็พุ่งผ่านสายลมเข้ามากู้ฉือหลานเอียงตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว แถมกำหมัดของเขาไว้แน่น“นายเป็นบ้าอะไร!”ลู่อวิ๋นเซินมีรอยคล้ำใต้ตา ตรงคางยังมีตอเคราสีดำเข้มอีกนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ดูแลตัวเองขนาดนี้น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาสามารถควบแน่นจนกลายเป็นน้ำแข็งได้“กู้ฉือหลาน นายแย่งเวยเวยไปยังไม่พออีกเหรอ ทำไ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 28

    ภาพฉายคำอวยพรจบลง ต่อมาก็เป็นการถ่ายถอดสดงานแต่งงานที่แท้จริงของซ่งสือเวยกับกู้ฉือหลานในขณะนี้ พวกเขาอยู่ที่ตั้งเดิมของจวนท่านอ๋องในเมืองหลวง และจัดงานแต่งงานแบบจีนเสาแกะสลักและหลังคาทาสีของจวนอ๋องล้วนแขวนผ้าไหมสีแดง เสียงซั่วน่าบรรเลงขึ้น และความสุขของการเฉลิมฉลองก็แพร่กระจายไปยังหัวใจของทุก ๆ คนภายใต้การจ้องมองของทุกคน กู้ฉือหลานสวมชุดแต่งงานแบบโบราณ ขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ ส่วนด้านหลังก็ตามมาด้วยเกี้ยวเจ้าสาวหลังหนึ่งมาพร้อมกับเสียงตีกลองตีฆ้อง ขบวนแห่รับเจ้าสาวที่อยู่ด้านหลังก็โปรยเหรียญทองคำที่ถูกตีขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ รวมทั้งขนมหวานและลูกอมงานแต่งด้วยคนจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งเข้าไปแย่งเหรียญทองคำกับขนมหวานและลูกอม ซ้ำยังกล่าวคำอวยพรอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน พวกแขกในคฤหาสน์ก็ได้รับเงินตำลึงจีนที่ตีขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ และขนมหวานกับลูกอมต่าง ๆ แล้วความหรูหราของงานแต่งในครั้งนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างแล้วลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเห็นกับตาตัวเอง ว่าคนที่อยู่บนหน้าจอหยุดลงตรงปากประตูจวนอ๋องกู้ฉือหลานลงจากม้าด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว และอุ้มซ่งสือเวยออกจาก

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 27

    หากปล่อยไปทั้งแบบนี้ อย่างนั้นความรักที่พวกเขายืนหยัดมานานหลายปีขนาดนี้ ตกลงแล้วนับเป็นอะไร?ความสัมพันธ์ที่ยาวนานยี่สิบกว่าปีนี้ ตกลงมันคืออะไร?หรือว่าความรู้สึกที่ผ่านมานานหลายปี ยังเทียบไม่ได้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันมายี่สิบกว่าวัน?เปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่นลุกโชนในดวงตาของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อพวกเขาพูดกับอีกฝ่ายเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราร่วมมือกันเถอะ ต่อไปค่อยพึ่งพาความสามารถของแต่ละคน!”แทบจะไม่ต้องสื่อสาร พวกเขาก็วางแผนในสิ่งที่ตัวเองต้องทำเรียบร้อยแล้วฉีซื่อไปขอรูปถ่ายที่เหลืออยู่บางส่วนในบ้านจากแม่ฉีกับแม่ลู่ ซึ่งบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดยี่สิบกว่าปีของพวกเขาแต่น่าเสียดาย รูปรวมที่เหลืออยู่ภายในบ้านมีไม่มาก และส่วนใหญ่ก็ถูกซ่งสือเวยเผาไปหมดแล้วรูปที่สามารถหาในบ้านได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นรูปเดี่ยวตั้งแต่ทั้งสองยังเป็นเด็กแม้จะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ถือว่าพึงพอใจแล้วอย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยส่วนลู่อวิ๋นเซินส่งคนเข้าไปในตระกูลกู้ หรือไม่ก็ซื้อตัวคนของตระกูลกู้งานแต่งจะจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า แต่พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องเตรียมอีกมากซ่งสือเวยที่อยู่อีกฝั่งก็ตึ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 26

    ดวงตาของฉีซื่อแดงก่ำทั้งสองข้าง สองมือกำหมัดแน่น พุ่งเข้าไปต่อยกู้ฉือหลานอย่างมุ่งมั่น“ทำไมถึงเป็นเขา? ฉันไม่ยอมรับหรอก เวยเวย ตราบใดที่เธอไม่อยากแต่ง ฉันก็จะพาเธอหนีงานแต่ง! พวกเราไปต่างประเทศก็ได้ หรือว่าจะกลับไห่เฉิงก็ดี ขอแค่เธอชอบ ล้วนได้ทั้งนั้น!”แต่ทว่ากู้ฉือหลานสามารถหลบหมัดของฉีซื่อได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เอียงหน้าไปเล็กน้อย และปล่อยให้หมัดของฉีซื่อเฉียดใบหน้าของเขาไปบาดแผลไม่ได้รุนแรงอะไร แต่กลับยังคงเหลือรอยแดงเอาไว้“ซี้ด...”กู้ฉือหลานกุมแก้มที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หายใจเข้าเบา ๆ และเจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยวแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ความหล่อของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงซ่งสือเวยเห็นเขาได้รับบาดเจ็บก็สงสารจับใจ พยายามดึงมือของเขาเพราะอยากดูบาดแผล“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เจ็บหรอก”กู้ฉือหลานแสร้งยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจเมื่อซ่งสือเวยเห็น กลับยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่เห็นเขาไม่ยอมปล่อยมือ ซ่งสือเวยก็เกิดความไม่พอใจต่อฉีซื่อ และถามด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า“ฉีซื่อ! ทำไมนายถึงต้องลงมือกับเขาด้วย! นายกลายเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นและโมโหง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”คำตำหนิเช

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 25

    ซ่งสือเวยกับกู้ฉือหลานจับมือกัน และมองลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออย่างระวังตัวเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาแบบนี้ ในใจของฉีซื่อก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“เวยเวย พวกเราเป็นเพื่อนรักสมัยเด็กกันนะ ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนี้ล่ะ”ซ่งสือเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่อยากคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกอย่าง ตอนแรกคนที่เลือกจะละทิ้งความสัมพันธ์หลายปีของพวกเขา ก็คือพวกเขาสองคนไม่ใช่เหรอ?เธอมองพวกเขาอย่างเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยปากอย่างสงบนิ่งว่า“ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน ฉันยังต้องกลับบ้านอีก มีอะไรอยากจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ”เมื่อได้ยิน ฉีซื่อยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกลู่อวิ๋นเซินขัดจังหวะเสียก่อนลู่อวิ๋นเซินยืนอยู่ตรงหน้าซ่งสือเวย ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นมีคำว่าดื้อรั้นเขียนไว้อยู่“เวยเวย ก่อนหน้านี้พวกเราทำไม่ถูก พวกเราไม่ได้ชอบเซี่ยงหานเลย แค่อยากจะใช้เธอเพื่อทำให้เธอหึง แล้วรู้ใจตัวเองว่าชอบใครมากกว่ากัน แต่คิดไม่ถึงว่า…”เขาเล่าถึงจุดจบของเซี่ยงหาน และเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ทำกับซ่งสือเวยแบบนั้นตอนที่ได้ยินว่าเซี่ยงหานคิดจะมาขอให้เธอช่วย ซ่งสือเวยยังรู้สึกต่อต้านอยู่ในใจเล็กน้อยเธอไม

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 24

    กู้ฉือหลานตั้งใจส่งสัญญาณให้ลูกน้องคลายความระมัดระวังต่อลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อไม่ใช่เพราะเขาคลายความระวังตัว แต่เป็นเพราะตั้งใจให้ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อใช้โอกาสนี้เข้ามา ถึงจะสามารถทำให้เขาเตรียมตัวรับมือและระมัดระวังไว้ล่วงหน้าได้หลังลูกน้องรับคำสั่ง ก็รีบลงไปดำเนินการเวลานี้ กู้ฉือหลานยังจงใจนำข้อมูลที่ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจะมาเมืองหลวง บอกให้พ่อซ่งและแม่ซ่งได้ทราบ“อะไรนะ? พวกเขาทำกับเวยเวยแบบนั้น แล้วยังจะอยากมาเข้าร่วมงานแต่งงานอีกเหรอ?”เมื่อแม่ซ่งได้ยินข้อมูลนี้ ก็โมโหจนทนไม่ไหวหากเป็นเมื่อก่อน เธอยังชมลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อไม่ขาดปากถึงขนาดปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนลูกเขยจริงๆ ด้วยซ้ำแต่พวกเขาไม่ควรแม้แต่จะเอาชีวิตของเวยเวยมาล้อเล่น!ตอนที่เซี่ยงหานทำร้ายเวยเวย เวยเวยจะทรมานมากแค่ไหนกัน?ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกายกันมาตั้งแต่เล็กจนโต กลับเลือกทำสีหน้าบึ้งตึงและส่งดอกไม้ให้ผู้หญิงอีกคนแม้พวกเขาจะจงใจใช้วิธีนี้เพื่อให้เวยเวยคิดให้ชัดเจนว่าตกลงในใจรักใครกันแน่ แม่ซ่งก็ไม่อนุญาต เวลานี้ แม่ซ่งแค่รู้สึกโชคดี โชคดีที่คุณปู่ซ่งเลือกการแต่งงานที่ดีแบบนี้ให้เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status