Share

บทที่ 2

Penulis: ชอบกินหมั่นโถว
ซ่งสือเวยปิดประตู ใส่ที่อุดหู ไม่อยากฟังเสียงครึกครื้นด้านนอกอีก

ในเมื่อเธอตัดสินใจกลับไปแต่งงาน งานที่นี่ก็ต้องลาออก แต่เธอก็ยังอยากทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ เพื่อพยายามไม่สร้างปัญหาให้คนอื่น

เธอนั่งอยู่หน้าหน้าต่างที่สูงจากเพดานจรดพื้น จัดการงานที่เหลืออยู่เพียงลำพัง

ดวงอาทิตย์นอกหน้าต่างลับขอบฟ้า ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง

ซ่งสือเวยถอดที่อุดหูออก ยืนขึ้นขยับร่างกาย ทำงานอยู่นานขนาดนี้ ในที่สุดงานก็เสร็จแล้ว

ที่ชั้นล่างเงียบสนิทแล้ว

เธอเปิดโทรศัพท์ตามความเคยชิน เพื่อผ่อนคลาย

ทันใดนั้นเองก็มีข้อความจากเซี่ยงหานปรากฏขึ้น ซ่งสือเวยกดเข้าไปตามสัญชาตญาณ

‘ทำไมนายไม่กดไลก์โพสต์ของฉัน?’

ข้อความนี้เพิ่งส่งมาได้แค่หนึ่งนาที เธอก็ส่งมาอีกข้อความหนึ่ง

‘ขอโทษ พี่เวยเวย ฉันส่งผิด พี่อย่าโกรธฉันเลยนะ?’

ซ่งสือเวยเปิดไทม์ไลน์ของเธอ อยากเห็นว่าตกลงเธอโพสต์อะไร

สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือภาพตารางเก้าช่อง

ในภาพล้วนเป็นของขวัญที่ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อมอบให้

ชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีชมพูฟูฟ่องแสนงดงามตัวหนึ่ง ราวกับก้อนเมฆสีชมพูก้อนหนึ่ง

เพื่อให้เข้ากับชุดกระโปรง ลู่อวิ๋นเซินยังมอบรองเท้าส้นสูงคริสตัลสั่งทำพิเศษคู่หนึ่งให้ คริสตัลส่องแสงเป็นประกายงดงาม ดูหรูหราเป็นอย่างมาก

และรถสปอร์ตสีแดงคันนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นฉีซื่อที่มอบให้

ภาพตรงกลาง เซี่ยงหานยืนอยู่ระหว่างลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ แขนทั้งสองข้างจับผู้ชายทั้งสองคนไว้ ขณะที่ยิ้มหวาน

คำบรรยายภาพ ‘เย่ วันนี้ฉันได้เป็นเจ้าหญิงสักครั้งแล้ว~’

ซ่งสือเวยรู้ว่า เซี่ยงหานจงใจส่งข้อความมา เพราะอยากให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงทนเห็นท่าทีเสแสร้งแบบนี้ไม่ได้ ทั้งยังไม่อาจทนเห็นลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเอาของที่เป็นของเธอ มอบให้เซี่ยงหานซึ่งเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงหนึ่งเดือน

อย่างไรก็ตาม เธอในตอนนี้กำลังจะจากไปแล้ว เป็นธรรมดาที่จะไม่สนใจเรื่องพวกนี้

เธอใช้ปลายนิ้วแตะหน้าจออย่างไม่ใส่ใจ สัญลักษณ์กดไลก์หัวใจสีแดงก็สว่างขึ้น

นับจากนี้ไป เธอกับลู่อวิ๋นเซินและฉีซื่อเป็นแค่เพื่อนธรรมดา การตัดสินใจอันยากลำบากนี้ส่งต่อให้เซี่ยงหานแล้ว

วันรุ่งขึ้น ซ่งสือเวยก็ไปลาออกที่บริษัท

หลังกลับมาที่บ้าน เธอก็เอารูปทั้งหมดของทั้งสามคนออกมาจัดเรียง

พวกเขารู้จักกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว รูปที่ถ่ายด้วยกันมีมากมายนับไม่ถ้วน เต็มอัลบั้มหนาสิบกว่าเล่ม

เมื่อเปิดออก ในนั้นมีภาพที่ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อมาเล่นกับเธอที่บ้านตอนยังเด็ก มีภาพที่ทั้งสามคนได้รับรางวัลด้วยกันตอนมัธยมต้น มีภาพที่ทั้งสามคนไปเที่ยวด้วยกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย...

ซ่งสือเวยพลิกดูทีละแผ่น ความทรงจำเหล่านี้ลึกซึ้งมากราวกับยังชัดเจนมาจนถึงตอนนี้

เพียงแต่ตอนนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญอีกแล้ว

เธอจุดไฟทีละรูป หลังจากนั้นก็ทิ้งลงในถังขยะ จนกลายเป็นกองไฟเล็ก ๆ กองหนึ่ง

เปลวไฟกลืนกินภาพถ่ายไม่หยุด สุดท้ายก็เหลือเพียงเถ้าถ่าน

ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อทยอยกลับมา ก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี

หลังจากเห็นชัดเจนว่าเธอกำลังทำอะไร ลู่อวิ๋นเซินก็รีบสาวเท้ายาวเดินเข้ามา น้ำเสียงฟังดูสั่นเครือเล็กน้อย “เธอทำอะไรน่ะ!”

ซ่งสือเวยเหลือบมองเขา น้ำเสียงสงบนิ่ง “ไม่ได้ทำอะไร เห็นว่าภาพพวกนี้ขึ้นราแล้ว ก็เลยเผาทิ้ง”

ฉีซื่ออยากจะแย่งภาพที่เหลือในมือของซ่งสือเวยมาโดยไม่รู้ตัว คาดไม่ถึงว่าเธอจะจงใจสะบัดมือ ทำให้ภาพที่เหลือถูกโยนเข้าไปในกองไฟโดยตรงทั้งหมด

ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้แก้ไขสิ่งใด

ฉีซื่อยังพยายามยื่นมือออกไปหยิบภาพที่ยังไม่ถูกเผาไหม้โดยสมบูรณ์ แต่กลับถูกความร้อนเผาจนต้องดึงมือกลับ

“ต่อให้ขึ้นราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเผาทิ้งเลย ภาพพวกนี้ล้วนเป็นความทรงจำทั้งนั้น!”

เขาพูดอย่างปวดใจ ขณะที่เบ้าตาแดงก่ำขึ้นมาด้วยความวิตก

ลู่อวิ๋นเซินก็มองกองไฟอย่างเจ็บปวด แต่กลับไม่อาจทำอะไรได้

เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งสือเวยก็รู้สึกตลกอยู่บ้าง เธอที่มีชีวิตยังยืนอยู่ตรงนี้ แต่พวกเขากลับทำร้ายเธอเพื่อเซี่ยงหานได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ตอนนี้แค่รูปถ่ายกองหนึ่ง พวกเขากลับมีท่าทีเจ็บปวดแบบนี้

ทันใดนั้นเธอก็สงสัยขึ้นมา หากรู้ว่าเธอตัดสินใจกลับไปแต่งงาน ทั้งสองคนนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกันนะ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 29

    ลู่อวิ๋นเซินเห็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของซ่งสือเวยจากรายงานข่าวทุกประเภทเขาจ้องรูปของกู้ฉือหลานในโทรศัพท์ไม่ละสายตา ความโกรธในใจพลันเดือดพล่านเป็นฝีมือของกู้ฉือหลานใช่ไหม?ต้องเป็นเขาแน่ๆ!หลังลู่อวิ๋นเซินคิดถึงจุดนี้ ก็ไม่สนใจการขัดขวางของแม่ฉีกับแม่ลู่ รีบพุ่งออกจากโรงพยาบาลไปตระกูลกู้วันนี้ถือว่าเป็นวันแรกของการแต่งงานกู้ฉือหลานแทบจะไม่ค่อยได้กอดซ่งสือเวยบนเตียงอย่างอ่อนโยนเลยแสงแดดอ่อน ๆ และอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกหน้าต่าง ราวกับไม่น่าดึงดูดสักนิดเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงกดกริ่งที่หน้าประตูอย่างรีบเร่งทำลายความเงียบสงบกู้ฉือหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าใครมารบกวนพวกเขาในเวลานี้กันแน่เขาใส่ชุดนอนอย่างลวก ๆ และไปเปิดประตูประตูเพิ่งเปิดออก หมัดของลู่อวิ๋นเซินก็พุ่งผ่านสายลมเข้ามากู้ฉือหลานเอียงตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว แถมกำหมัดของเขาไว้แน่น“นายเป็นบ้าอะไร!”ลู่อวิ๋นเซินมีรอยคล้ำใต้ตา ตรงคางยังมีตอเคราสีดำเข้มอีกนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ดูแลตัวเองขนาดนี้น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาสามารถควบแน่นจนกลายเป็นน้ำแข็งได้“กู้ฉือหลาน นายแย่งเวยเวยไปยังไม่พออีกเหรอ ทำไ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 28

    ภาพฉายคำอวยพรจบลง ต่อมาก็เป็นการถ่ายถอดสดงานแต่งงานที่แท้จริงของซ่งสือเวยกับกู้ฉือหลานในขณะนี้ พวกเขาอยู่ที่ตั้งเดิมของจวนท่านอ๋องในเมืองหลวง และจัดงานแต่งงานแบบจีนเสาแกะสลักและหลังคาทาสีของจวนอ๋องล้วนแขวนผ้าไหมสีแดง เสียงซั่วน่าบรรเลงขึ้น และความสุขของการเฉลิมฉลองก็แพร่กระจายไปยังหัวใจของทุก ๆ คนภายใต้การจ้องมองของทุกคน กู้ฉือหลานสวมชุดแต่งงานแบบโบราณ ขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ ส่วนด้านหลังก็ตามมาด้วยเกี้ยวเจ้าสาวหลังหนึ่งมาพร้อมกับเสียงตีกลองตีฆ้อง ขบวนแห่รับเจ้าสาวที่อยู่ด้านหลังก็โปรยเหรียญทองคำที่ถูกตีขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ รวมทั้งขนมหวานและลูกอมงานแต่งด้วยคนจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งเข้าไปแย่งเหรียญทองคำกับขนมหวานและลูกอม ซ้ำยังกล่าวคำอวยพรอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน พวกแขกในคฤหาสน์ก็ได้รับเงินตำลึงจีนที่ตีขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ และขนมหวานกับลูกอมต่าง ๆ แล้วความหรูหราของงานแต่งในครั้งนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างแล้วลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเห็นกับตาตัวเอง ว่าคนที่อยู่บนหน้าจอหยุดลงตรงปากประตูจวนอ๋องกู้ฉือหลานลงจากม้าด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว และอุ้มซ่งสือเวยออกจาก

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 27

    หากปล่อยไปทั้งแบบนี้ อย่างนั้นความรักที่พวกเขายืนหยัดมานานหลายปีขนาดนี้ ตกลงแล้วนับเป็นอะไร?ความสัมพันธ์ที่ยาวนานยี่สิบกว่าปีนี้ ตกลงมันคืออะไร?หรือว่าความรู้สึกที่ผ่านมานานหลายปี ยังเทียบไม่ได้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันมายี่สิบกว่าวัน?เปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่นลุกโชนในดวงตาของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อพวกเขาพูดกับอีกฝ่ายเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราร่วมมือกันเถอะ ต่อไปค่อยพึ่งพาความสามารถของแต่ละคน!”แทบจะไม่ต้องสื่อสาร พวกเขาก็วางแผนในสิ่งที่ตัวเองต้องทำเรียบร้อยแล้วฉีซื่อไปขอรูปถ่ายที่เหลืออยู่บางส่วนในบ้านจากแม่ฉีกับแม่ลู่ ซึ่งบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดยี่สิบกว่าปีของพวกเขาแต่น่าเสียดาย รูปรวมที่เหลืออยู่ภายในบ้านมีไม่มาก และส่วนใหญ่ก็ถูกซ่งสือเวยเผาไปหมดแล้วรูปที่สามารถหาในบ้านได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นรูปเดี่ยวตั้งแต่ทั้งสองยังเป็นเด็กแม้จะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ถือว่าพึงพอใจแล้วอย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยส่วนลู่อวิ๋นเซินส่งคนเข้าไปในตระกูลกู้ หรือไม่ก็ซื้อตัวคนของตระกูลกู้งานแต่งจะจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า แต่พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องเตรียมอีกมากซ่งสือเวยที่อยู่อีกฝั่งก็ตึ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 26

    ดวงตาของฉีซื่อแดงก่ำทั้งสองข้าง สองมือกำหมัดแน่น พุ่งเข้าไปต่อยกู้ฉือหลานอย่างมุ่งมั่น“ทำไมถึงเป็นเขา? ฉันไม่ยอมรับหรอก เวยเวย ตราบใดที่เธอไม่อยากแต่ง ฉันก็จะพาเธอหนีงานแต่ง! พวกเราไปต่างประเทศก็ได้ หรือว่าจะกลับไห่เฉิงก็ดี ขอแค่เธอชอบ ล้วนได้ทั้งนั้น!”แต่ทว่ากู้ฉือหลานสามารถหลบหมัดของฉีซื่อได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เอียงหน้าไปเล็กน้อย และปล่อยให้หมัดของฉีซื่อเฉียดใบหน้าของเขาไปบาดแผลไม่ได้รุนแรงอะไร แต่กลับยังคงเหลือรอยแดงเอาไว้“ซี้ด...”กู้ฉือหลานกุมแก้มที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หายใจเข้าเบา ๆ และเจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยวแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ความหล่อของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงซ่งสือเวยเห็นเขาได้รับบาดเจ็บก็สงสารจับใจ พยายามดึงมือของเขาเพราะอยากดูบาดแผล“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เจ็บหรอก”กู้ฉือหลานแสร้งยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจเมื่อซ่งสือเวยเห็น กลับยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่เห็นเขาไม่ยอมปล่อยมือ ซ่งสือเวยก็เกิดความไม่พอใจต่อฉีซื่อ และถามด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า“ฉีซื่อ! ทำไมนายถึงต้องลงมือกับเขาด้วย! นายกลายเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นและโมโหง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”คำตำหนิเช

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 25

    ซ่งสือเวยกับกู้ฉือหลานจับมือกัน และมองลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออย่างระวังตัวเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาแบบนี้ ในใจของฉีซื่อก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“เวยเวย พวกเราเป็นเพื่อนรักสมัยเด็กกันนะ ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนี้ล่ะ”ซ่งสือเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่อยากคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกอย่าง ตอนแรกคนที่เลือกจะละทิ้งความสัมพันธ์หลายปีของพวกเขา ก็คือพวกเขาสองคนไม่ใช่เหรอ?เธอมองพวกเขาอย่างเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยปากอย่างสงบนิ่งว่า“ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน ฉันยังต้องกลับบ้านอีก มีอะไรอยากจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ”เมื่อได้ยิน ฉีซื่อยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกลู่อวิ๋นเซินขัดจังหวะเสียก่อนลู่อวิ๋นเซินยืนอยู่ตรงหน้าซ่งสือเวย ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นมีคำว่าดื้อรั้นเขียนไว้อยู่“เวยเวย ก่อนหน้านี้พวกเราทำไม่ถูก พวกเราไม่ได้ชอบเซี่ยงหานเลย แค่อยากจะใช้เธอเพื่อทำให้เธอหึง แล้วรู้ใจตัวเองว่าชอบใครมากกว่ากัน แต่คิดไม่ถึงว่า…”เขาเล่าถึงจุดจบของเซี่ยงหาน และเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ทำกับซ่งสือเวยแบบนั้นตอนที่ได้ยินว่าเซี่ยงหานคิดจะมาขอให้เธอช่วย ซ่งสือเวยยังรู้สึกต่อต้านอยู่ในใจเล็กน้อยเธอไม

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 24

    กู้ฉือหลานตั้งใจส่งสัญญาณให้ลูกน้องคลายความระมัดระวังต่อลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อไม่ใช่เพราะเขาคลายความระวังตัว แต่เป็นเพราะตั้งใจให้ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อใช้โอกาสนี้เข้ามา ถึงจะสามารถทำให้เขาเตรียมตัวรับมือและระมัดระวังไว้ล่วงหน้าได้หลังลูกน้องรับคำสั่ง ก็รีบลงไปดำเนินการเวลานี้ กู้ฉือหลานยังจงใจนำข้อมูลที่ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจะมาเมืองหลวง บอกให้พ่อซ่งและแม่ซ่งได้ทราบ“อะไรนะ? พวกเขาทำกับเวยเวยแบบนั้น แล้วยังจะอยากมาเข้าร่วมงานแต่งงานอีกเหรอ?”เมื่อแม่ซ่งได้ยินข้อมูลนี้ ก็โมโหจนทนไม่ไหวหากเป็นเมื่อก่อน เธอยังชมลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อไม่ขาดปากถึงขนาดปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนลูกเขยจริงๆ ด้วยซ้ำแต่พวกเขาไม่ควรแม้แต่จะเอาชีวิตของเวยเวยมาล้อเล่น!ตอนที่เซี่ยงหานทำร้ายเวยเวย เวยเวยจะทรมานมากแค่ไหนกัน?ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกายกันมาตั้งแต่เล็กจนโต กลับเลือกทำสีหน้าบึ้งตึงและส่งดอกไม้ให้ผู้หญิงอีกคนแม้พวกเขาจะจงใจใช้วิธีนี้เพื่อให้เวยเวยคิดให้ชัดเจนว่าตกลงในใจรักใครกันแน่ แม่ซ่งก็ไม่อนุญาต เวลานี้ แม่ซ่งแค่รู้สึกโชคดี โชคดีที่คุณปู่ซ่งเลือกการแต่งงานที่ดีแบบนี้ให้เ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status