 ログイン
ログインณ.ท่าเรือ
ฉันกับไอ้กรณ์เรามาถึงยังจุดนัดพบ คราวแรกนึกว่าจะมีคนไม่เท่าไหร่ แต่จากที่ดู คนทั้งหมดในบริเวณนี้กลับมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือเกาะโรงแรมที่พวกเรากำลังจะไป
“ไอ้กรณ์ แกแน่ใจนะว่าเราดีลได้งาน ดูท่าเหมือนแค่เรียกเราไปเพื่ออวดโรงแรมเฉย ๆ รึเปล่า”
“ไม่หรอก เขาบอกว่าบริษัทเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงโรงแรมเลยนะ”
“เอาเถอะ ก็ขอให้ไม่ไปเสียเที่ยวละกัน ได้งานติดมือมาสักหน่อยก็ยังดี แต่มันน่าแปลกอยู่อย่างนะ”
“ยังไง” ไอ้กรณ์หันมาพูดกับฉันเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่ฉันจะสื่อ
“ทุกบริษัทที่เขาชวนมา ทำไมต้องมีผู้หญิงอยู่ด้วยทุกคนวะ ขนาดแกเองยังต้องมีฉันเลยแปลก ๆ”
“...” ไอ้กรณ์ทำหน้าคิดตาม “จริงแหะ พอสังเกตแล้ว เหมือนผู้หญิงจะเยอะกว่าผู้ชายด้วย สวยทั้งนั้น หวานหมู”
“ไอ้กรณ์ ช่วยเป็นการเป็นงานหน่อยเถอะ”
“ฟ้าคราม มึงอย่าคิดมากเลย ไม่มีอะไรหรอก”
“เฮ้อ...เออ ไม่คิดก็ได้”
ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเรือกันหมดแล้ว เรือลำใหญ่ลำนี้ก็กำลังฝ่าคลื่นมุ่งหน้าไปยังเกาะขนาดใหญ่ที่เป็นจุดหมายปลายทาง
ไม่นานนักเกาะนั้นก็ค่อย ๆ ทอดมองผ่านด้วยสายตาได้ เกาะขนาดใหญ่ พร้อมกับตึกอาคารขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอย่างเห็นได้ชัด
“เชี่ย เคยเห็นแต่ในรูป ไม่คิดว่าของจริงจะใหญ่ขนาดนี้ น่าจะเกินหมื่นล้านไปมากโขแล้วมั้ง” ฉันจ้องไปยังเกาะนั้นตาไม่กะพริบ
“ไม่น่าเชื่อว่า ตึกโออ่าขนาดนี้ ทำเลเกาะก็ไม่ได้ห่างจากท่าเรือเท่าไหร่ ทำไมถึงเจ๊งได้กันนะ” ไอ้กรณ์พูดถึงการล้มละลายของโรงแรมแห่งนี้ ทั้งที่หลายปีก่อนตอนเปิดตัวนั้นเฟื่องฟูแท้ ๆ แต่จู่ ๆ จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว จนเจ้าของอสังหานั้นก็หาทางแก้ไม่ได้ สุดท้ายก็เจ๊งไม่เป็นท่า แถมยังฆ่าตัวตายยกครัวหนีหนี้ที่เกิดจากการสร้างสถานที่มูลค่าหมื่นล้านนี้อีก
แต่ฉันนะพอรู้สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นอยู่นะ มันไม่ใช่เรื่องการขัดขาธุรกิจอะไรหรอก แต่มันเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่ไม่มีใครมองเห็น และไม่มีใครแก้ได้ ‘แต่ฉันทำได้’
“หวังว่า บริษัทเราจะได้โครงการนี้จริง ๆ นะ” ฉันได้แต่สวดมนต์ภาวนายิ่งเห็นพวกเขาที่แออัดภายในตึกนั่นแล้ว ยิ่งอยากร่วมทำงานกับพวกเขาใจจะขาด ไม่ใช่อยากทำให้กลุ่มนายทุนพวกนี้ร่ำรวยหรอก แต่ฉันอยากช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้ไปสู่สุคติ เท่าที่ทำได้ต่างหาก ก็เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ล่ะมั้ง
“เชิญทุกท่านทางนี้เลยครับ” ชายที่แต่งตัวราวกับพนักงานโรงแรม เชิญให้เหล่านักธุรกิจจากหลากหลายบริษัทลงจากเรือเพื่อไปยังโรงแรมแสนโอ่อ่านี้ หลังจากทีถูกรีโนเวท ตึกที่เคยร้างก็กลับถูกเนรมิตให้เหมือนราวกับเวทมนตร์ นี่เพียงตึกเดียวนะ ถ้าหากมันถูกรีโนเวททั้งเกาะแล้ว ไม่อยากจะคิดว่ามันจะสวยมากขนาดไหน
เมื่อทุกคนถูกเชิญให้มายังโถงหรูกลางโรงแรม โดยมีตัวแทนจากกลุ่มนายทุนขึ้นประกาศตอนรับบนเวทีเล็ก ๆ ที่จัดไว้ พร้อมทั้งจัดแจงอำนวยความสะดวกให้ทุกคนภายในนี้
ดูเหมือนคนในงานต่างก็ต้องตกตะลึงกับการตกแต่งที่หรูหราไฮคลาส มันถูกประดับด้วยของมูลค่าสูงทั้งนั้น ทำให้ทั้งฉันกับไอ้กรณ์ จากที่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่รวยกันอยู่แล้ว ตอนนี้กลับเหมือนกำลังถูกบีบให้ตัวเล็กลงอย่างเจียมตัว
“ให้ตายเถอะ โรงแรมอะไรวะเนี่ย นี่แค่ห้องโถงทำเอาตกใจชะมัด” ไอ้กรณ์มองไปรอบ ๆ จนตาค้าง ส่วนฉันก็ไม่ต่างกัน มองไปทางไหนก็เจอแต่ของตกแต่งราคาแพงที่เคยเห็นบนเว็บไซต์เท่านั้น อย่างโคมไฟอันนั้นยังเคยพูดเล่นกับไอ้กรณ์เลยว่า ราคาตั้งห้าสิบเจ็ดล้าน ใครจะโง่ซื้อวะ แต่ตอนนี้มันกลับแขวนตระหง่านไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสิบ นี่เฉพาะห้องโถงนะ จะเป็นลม เสียดายเงินชะมัด
อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกขนลุกเกลียว ราวกับมีสายตาคนกำลังจ้องมองฉันอยู่
“เป็นอะไรฟ้า” ไอ้กรณ์ที่อยู่ข้าง ๆ คงสังเกตเห็นฉันกอดตัวเอง
“ไม่มีอะไร จู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเท่านั้นแหละ”
“เรารีบไปลงทะเบียนรับกุญแจห้องและกำหนดการตรงนั้นก่อนเถอะ มึงจะได้พักผ่อน”
“อืม”
ทางโรงแรมได้จัดห้องพักให้กับทุกคนตามชื่อที่ได้ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่แรก ไม่คิดเหมือนกันว่าจะใจป้ำให้ห้องพักที่โออ่าแบบนี้คนล่ะห้อง ห้องที่ฉันได้พักนี่แทบจะใหญ่เท่าบ้านของฉัน พอเห็นแบบนี้แล้ว สงสัยถึงเวลาที่ฉันคงต้องเปลี่ยนบ้านใหม่แล้วล่ะ
“กว่ากำหนดการเลี้ยงต้อนรับจะมีขึ้น ก็ตอนเย็นโน้น งั้นนอนสักพักน่าจะดี” ฉันที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงส่งไลน์ไปบอกไอ้กรณ์ ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่ม
“เอ่อ...คุณผีคะ โปรดอย่ารบกวนการนอนของฉันนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ฉันเอ่ยบอกเจ้าที่ ก่อนจะฟุบนอนหลับไปอย่างง่ายดาย
(Zzz)
ช่วงค่ำ
ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ผีที่นี่ให้ความร่วมมือกับฉันมาก ๆ พวกเขาไม่มาก่อกวนเวลานอนของฉันเลย ไว้ค่อยตอบแทนพวกเขาทีหลังแล้วกัน
ฉันตื่นขึ้นมาพลางควานหามือถือเพื่อดูเวลา
“เชี่ยแล้ว ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย แถมมันยังโทรมาเกือบสิบสาย”
ฉันรีบโทรไลน์ไปหาไอ้กรณ์อย่างเร่งด่วน
“กรณ์ โทษทีกูเผลอหลับลึกนานไปหน่อย”
(กูก็โทรไปไม่รู้กี่สาย แต่เพราะรู้จักแกดีเลยไม่อยากขึ้นไปปลุก)
“ตอนนี้มึงอยู่ไหน”
(ห้องเลี้ยงรับรองแขก ตอนนี้คนจากหลายบริษัทเริ่มมากันแล้ว มึงรีบแต่งตัวสวย ๆ มาด้วยล่ะ เดี๋ยวกูผูกมิตรกับบริษัทอื่น ๆ ไว้ก่อน)
“อืม เดี๋ยวกูรีบไป”
หลังวางสายฉันก็รีบแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีดำที่เตรียมมา ต้องสวยประจักษ์ไว้ก่อน เพราะแรกพบมันน่าจดจำมากกว่า เพื่อบริษัท เพื่อผลประกอบการ
ภายในงานผู้คนชนชั้นสูงอุ่นหนาฝาคั่ง ต่างทักทายทำความรู้จักกัน บ้างก็อวดอ้างความเก่ง ความรวย ทับถมกันอย่างไม่อาย แต่ก็นั่นแหละชีวิตของแวดวงธุรกิจ สิ่งที่ข่มกันได้ก็คือความรวย กำไร ผลประกอบการ และการเป็นหนึ่งในด้านของตน
ฉันกับไอ้กรณ์ แม้จะเป็นบริษัทขนาดกลาง แต่เพราะบริษัทแม่นั้นก็เป็นท็อปของธุรกิจ ซึ่งไอ้กรณ์เองก็มีโปรไฟล์ดีไม่แพ้ใครในนี้เหมือนกัน ก็เป็นถึงลูกชายของบริษัทแม่ อย่าง K Group จำกัด(มหาชน) เลยนะ
วันนี้ก็อย่างเคย ยังไม่ได้ร่วมประชุมอะไรที่เป็นทางการเกี่ยวกับโครงการความร่วมมืออะไรทั้งนั้น ดูท่ากลุ่มนายทุนนี้จะร่วมอู้ฟู่กันมาก สามวันที่ต้องอยู่ที่นี่ มีแต่เลี้ยงสังสรรค์ กับการพาเดินทัวร์ตึก ส่วนการประชุมมีแค่ พรุ่งนี้เท่านั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มนายทุนเลยด้วยซ้ำ
“ไหน ๆ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว กูขอออกไปดื่มกับเดินรับลมแล้วกัน” ฉันหันไปกระซิบไอ้กรณ์ที่ยังเอาแต่สานสัมพันธ์กับกลุ่มนักธุรกิจ
“อืม พรุ่งนี้ต้องเข้าร่วมเสนอแผนงาน เตรียมตัวด้วยล่ะ”
“รู้แล้วนา ระดับกูไม่มีพลาดหรอก”
ฉันเดินออกจากห้องรับรองเดินออกไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกขนลุกอีกแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่เคยสัมผัสมาก่อนเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด ความรู้สึกชวนน่าหวาดผวา และ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเกลียดชัง
แทนที่ฉันจะเดินหนี ฉันกลับเดินเข้าหามันอย่างเคยชิน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมร่างกายถึงตอบสนองกับแรงอาฆาตนั้น
ฉันเดินไปจนถึงดาดฟ้า เพียงเปิดประตู ลมก็โชยพัดจนผมฉันปลิวไปตามลม ที่ปลายสายตาปรากฏผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังยืนสูบบุหรี่ และหันมองไปยังท้องทะเล แม้ยังไม่เห็นหน้า แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมา จนพวกผีรอบข้างที่จ้องมองเขาเขม็งไม่แม้แต่เข้าใกล้ เขาคนนี้คุ้นตาจัง
“หาตัวเจอจนได้ ไม่คิดว่าจะเดินเข้ามาหาเอง” เสียงคมเข้ม บาดลึกเอ่ยออกมา ทำให้ฉันตื่นจะภวังค์ หันมองซ้ายขวาไปมา อย่างงงงวย ชายร่างสูงคนนี้ หาใครเจอ ที่เขาพูดหมายถึงใคร บนดาดฟ้านี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนอื่น เขาคงไม่ได้หมายถึงฉันหรอกใช่มั้ย
ทันทีที่ชายร่างสูงใหญ่ทิ้งก้นบุหรี่ก่อนจะหันหน้าอันคมคายนั่นมาทางฉัน นัยน์ตาสีอ่อนของฉันก็เบิกโพลงค้างไปทั้งอย่างนั้น สายตาประสานยากจะเข้าใจ
“คุณ !!!”

ผมวิ่งแทบไม่เหลือสติ ลูกน้องก็รั้งผมไม่ได้ จนถึงห้องที่เธออยู่ เพียงแค่สายตาผมเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมันก็ทำให้ใจผมสลาย เธอเป็นอะไรไปทำไมใบหน้าถึงซีดเซียวขนาดนี้ หรือเพราะผมดูแลเธอไม่ดีไม่คอยสังเกตอาการของเธอ จนทำให้เธอป่วยแบบนี้กันผมลากเก้าอี้มาข้าง ๆ เตียงเธอ ก่อนจะนั่งลงกุมมือเธอแน่น และอยู่แบบนี้สักพักเพื่อสงบสติของตัวเองที่มันกำลังคิดมาก“พะ...พี่คะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่เรียกฉัน” เสียงของเธอที่เอ่ยมาอย่างแผ่วเบาทำให้ผมต้องรีบมองเธอ“ฟ้า....เป็นยังไงบ้าง หมอครับเมียผมฟื้นแล้ว หมอ...” พอผมเห็นเธอตื่น ผมก็ลุกวิ่งออกไปเรียกหมอทันที แม้ผมจะได้ยินเธอเรียกรั้งผมไว้ แต่ผมไม่สนผมต้องรู้จากหมอว่าเมียผมเป็นอะไรให้ได้แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานผมก็สามารถลากหมอเข้ามาในห้องได้ แม้จะโดนหมอค้อนมา ก่อนจะพามาห้องนี้ก็ตาม“หมอเมียผมเป็นอะไรครับ ทำไมหน้าเธอซีดแบบนั้น หมอ...”“ใจเย็น ๆ ครับผมกำลังจะอธิบาย” ผมเพ่งมองหมอ สลับกับเมียผมที่ตอนนี้ นั่งกุมขมับตัวเอง“จะให้ผมใจเย็นได้ไงครับ หมอดูสิ เมียผมกุมขมับเธอต้องปวดหัวเพราะป่วยแน่ ๆ ครับ หมอเอกซเรย์ศีรษะเมียผมรึยัง” ผมตื่นตระหนกจริง ๆ ก็ผมเป็นห
ในพิธีการ ผมยืนอยู่หน้าเวที ตอนนี้สมองผมแทบจะหยุดสั่งการ เสียงผู้คนแขกผู้มีเกียรติ เสียงของพิธีกร อะไรผมแทบจะไม่ฟัง จนเมื่อประตูไม้บานใหญ่เปิดออกเหล่าเพื่อนเจ้าสาวเดินนำถือตะกร้าโปรยดอกไม้ระหว่างเดิน แขกผู้มาร่วมงานปรบมือ จนท้ายสุดท้ายตาผมก็จดจ้องที่เดียวนั่นคือเจ้าสาวแสนสวยว่าที่ภรรยาของผมกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับคุณพ่อ(ในนาม) ที่กำลังเดินมาส่งตัวเธอให้ผม ตอนนั้นแหละที่ใบหน้านิ่งของผม อดยิ้มจนแทบแก้มปริไม่ได้วันนี้ภรรยาผมสวยมาก สวยชนิดที่อยากจะวิ่งไปโอบอุ้มซะตอนนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเธอยืนอยู่ตรงหน้าผม ใจผมยิ่งเต้นแรงรอยยิ้มของเธอทำให้ผมได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่มีความสุขฝ่ายเดียวพิธีการยังคงดำเนินต่อไป เรากล่าวคำสาบานร่วมกัน จวบจนแลกแหวน ก่อนจะจบที่จุมพิตพิสูจน์คำปฏิญาณ จากนั้นแขกที่มาร่วมงานก็ยืนขึ้นปรบมือแสดงความยินดีกันอีกครั้ง“เอาล่ะนา.......” เสียงของเธอยิ้มหันไปบอกสาว ๆ ที่ตอนนี้รอที่จะแย่งช่อดอกไม้ช่อหนึ่งจากมือของภรรยาผม“ฟ้า...พวกเราพร้อมแล้ว”“หนึ่ง...สอง...สาม...ฟิ้ว.....” สาว ๆ ทุกคนสายตาจับจ้องช่อดอกไม้ที่ภรรยาผมหันหลังโยนออกไปกันยกใหญ่ พอช่อนั้นใกล้หล่น มือจำนวนนับไม่ถ
ตอนพิเศษ 1(ฉบับเอ็ดเวิร์ด)วันนี้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาโรงแรมของผมไม่ขาดสาย แน่นอนว่าวันนี้มีงานที่สำคัญสุดในชีวิตของผม ผมกำลังจะแต่งงานครับ ทุกคน ช่วยยินดีกับผมด้วยนะ เมียผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดี เธอคือคนที่เข้ามาทำให้หัวใจผมเต้นแรง และคอยช่วยเหลือผมอย่างเต็มใจเมื่ออยู่ในช่วงเวลาลำบากเอาจริง ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ตอนที่อยู่บ้านเกิดพ่อ (ก็ต่างประเทศนั่นแหละ) พวกผมก็ค่อนข้างเกเร ขาใหญ่ โหดร้าย เพราะสังคมที่นั่นคนอ่อนแออยู่ไม่ได้ไงที่นั่นการก่ออาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธสงคราม การล้างแค้น เป็นเรื่องปกติที่ทางรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดีไม่ดีที่ประเทศนั้นยังคงดำรงอยู่ได้ก็คงเป็นเงินเทา ๆ ทั้งนั้นแหละจนเกิดเขตเสรีที่กฎหมายคุ้มครองไม่ได้ และพวกผมเองก็ดันเกิดที่นั่น ดังนั้นหากพวกเราไม่เข้มแข็ง ไม่ร้าย หรือ ไม่มีอิทธิพล เราก็จะเป็นฝ่ายถูกเหยียบให้จมดินซะเองแต่พอผมได้คุยกับ พ่อแม่ที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ว่าอยากลงทุนอะไรที่สุจริตไว้บ้างเผื่อวันใดที่ประเทศนั้นล่มสลายจะได้มีแผนสำรอง แม่ผมก็แนะนำเป็นบ้านเกิดของท่านผมหันไปถามเพื่อนซี้อีกสองคนอย่าง ไอ้เจ กับ ไอตินที่เราผ่านอะไรด้
เรายืนอยู่หน้าหลุมศพของพ่อแม่ฉัน ต่างคนต่างถือช่อดอกลิลลี่คนละช่อ ฉันสูดอากาศให้เต็มปอดก่อนที่จะมองป้ายหลุมศพนั้นด้วยความคิดถึงจากหัวใจ“พ่อคะ แม่คะ ฟ้ามาเยี่ยมแล้วค่ะ ฟ้าสบายดีมาก ๆ” ฉันพูดแบบนั้นออกไปจ้องมองรูปตรงป้ายอย่างแน่วแน่ ไม่นานนักไอวิญญาณของพ่อแม่ก็ลอยล่องเหนือหลุมทำให้ฉันเบิกตาโตมองตาม ฉันเห็นผีมากมายก็จริงในโลกคนเป็น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ฉันในโลกคนเป็นนี้ เพียงใบหน้าพวกเขาปรากฏ แม้จะเลือนราง แต่ความคิดถึงมันก็ทำให้ไอวิญญาณตรงหน้าชัดเจนขึ้นได้ฉันน้ำตาเอ่อล้น จนคนข้าง ๆ หันมามองอย่างแปลกใจ“ฟ้าเป็นอะไรไปทำไมจู่ ๆ ร้องไห้แบบนั้นครับ”“ฮือ...ฮึ่ก..พี่คะ พ่อกับแม่มาหาฉันด้วยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเขาฮือ....หลังจากที่ ...พวกเขาจากฉันไป ฮือ....” ฉันร้องแบบนั้น จนรู้สึกได้ว่ามือหนาของเขากุมมือฉันแน่นอย่างอ่อนโยน พอฉันเริ่มตั้งสติได้ ก็หันไปมองพวกท่านอีกครั้ง“พ่อคะ แม่คะ นี่แฟนหนูเองนะคะ พี่เขาชื่อเอ็ดเวิร์ด เป็นคนเก่งมาก หล่อด้วยค่ะ ที่สำคัญพี่เขารักฟ้าและก็เป็นคนที่ฟ้ารักมาก ๆ ด้วย” ฉันที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้าเพราะกลั้นไม่ไหว แต่ฉันเห็นนะว่า ไอวิญญาณของพว
51- คำสัญญาชั่วนิรันดร์ –ฉันขึ้นรถที่เรียกผ่านแอปไปกับพี่เอ็ดเวิร์ด ส่วนคุณมาตินบอกว่าจะตามไปซึ่งฉันก็ส่งโลเคชั่นให้แล้ว ตอนแรกที่คุณมาตินเห็นโลเคชั่น เขาก็มองหน้าฉันพลางเลิกคิ้ว ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้ แต่ก็ดูเหมือนเขาจะมองออกนะว่าจุดหมายปลายทางที่ฉันกำลังจะไปนั้นเป็นที่ไหน ที่ไม่รู้ก็มีแต่คนตัวโตหล่อคมคายข้างฉันนี่แหละ ก็ปล่อยให้พี่เขาไม่รู้แบบนี้ต่อไปแล้วกัน หึงดีนักรถเข้ามาในสถานที่แห่งหนึ่ง ถนนที่โล่ง ต้นไม้รอบข้างที่ราบรื่น พร้อมกับสนามหญ้าเขียวขจี ไปทั่วบริเวณ สวยงามประดับไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ตัดขอบด้วยท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส ฉันมองผ่านจากบานกระจกรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นคุณลุงขับรถก็จอดให้พวกเราลงตรงลานจอดรถของสถานที่แห่งนี้ ฉันหอบช่อดอกลิลลี่ก่อนจะหันไปมองเขาที่กำลังเดินตามมา“พี่ดูสิ วิวที่นี่ สวยดีนะคะ”“อืม....” เขาตอบเพียงสั้น ๆ แต่ใบหน้าไม่มองฉันด้วยซ้ำ ทำเอาฉันต้องใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้หันมามองฉัน“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฟ้าไม่ได้หนีจะมาที่นี่คนเดียวตั้งแต่แรก ฟ้าอยากให้พี่มาด้วยจะตายไป แต่พี่บอกติดงานด่วนเองนินา”“จริงเหรอครับ”“จริงสิคะฟ้าจะโกหกทำไม
50- คนสำคัญ –(Fah Talk)หลังจากที่ฉันวิ่งแจ้นออกจากห้องทำงานของเขามาได้ ฉันก็ตรงดิ่งไปยังท่าเรือทันที เพราะตอนนี้ใกล้เวลาประชุมใหญ่ ฉันก็เป็นถึงผู้บริหารร่วมจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีไม่ได้ จะทำให้คนรอในห้องประชุมได้ไงจริงมั้ยล่ะฉันนั่งอยู่ในเรือด้วยใจเลื่อนลอย วันนี้ภารกิจฉันมีเยอะจริง ๆ แม้จะเสียดายที่วันนี้ พี่เอ็ดเวิร์ดติดลูกค้าคนสำคัญ ทำให้ฉันพาเขาไปด้วยไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรปีหน้าค่อยพาเขามาใหม่แล้วกัน ฉันจะมางี่เง่าบังคับเขาทำโน้นทำนี่ทั้งที่ยังเป็นแค่แฟน ก็คงไม่ดีล่ะนะฉันมาถึงบริษัทตรงเวลา และได้รับความเคารพจากพนักงานอย่างดีเช่นเคย แถมพวกเขายังอวยฉันมากกว่าเดิมไปมาก เพราะตั้งแต่ฉันทำโครงการร่วมกับโรงแรมคุณเอ็ดเวิร์ดสำเร็จ ก็ทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดโบนัสฉ่ำ ๆ ไงล่ะการประชุมวันนี้ ก็เป็นการประชุมของผู้ถือหุ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ของไอ้กรณ์ตัดสินใจยกหุ้นที่เหลือของเขาให้ฉัน แต่ยังไงเริ่มแรกเดิมทีบริษัทนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ ครอบครัวของไอ้กรณ์ และตัวไอ้กรณ์มันเอง ฉันจึงรับน้ำใจแค่บางส่วนแล้วกลายเป็นผู้ถือหุ้นลำดับสอง (ไม่เอาหรอก NO.1 ใครจะอยากออกงานสังคมกัน) ส่วนหุ้นบางต








