Semua Bab หงส์เหนือพันธการ: Bab 21 - Bab 30

49 Bab

บทที่ ๕/๓ ใบจูอี๋ว์

ที่นี่คือวังหลวง แต่ในค่ายทหารนั้น ทุกคนในห้องล้วนผ่านความตายมาอย่างเท่าเทียมกัน และเพราะทั้งหมดในที่นี้ล้วนเป็นทหาร สิ่งใดทำเองได้ก็ควรทำ ไม่ใช่ทิ้งให้เป็นภาระของผู้อื่น เฉินอวี้ยึดถือในข้อนี้ เขาจึงดึงผ้ามาจากมือของถางจี้ เช็ดทำความสะอาดพื้นด้วยตนเอง ถางจี้ยืนนิ่งไม่ขัดขืน และไม่ได้เข้าไปช่วยแต่อย่างไร เขายังมีความรู้สึกเคืองกุนซือเฉินอยู่บ้างเล็กน้อย องครักษ์ตัวโตเดินไปเก็บจานขนมซึ่งว่างเปล่า เอาไปเก็บแทน เฉินอวี้เช็ดพื้นจนสะอาดเรียบร้อย กำลังจะหย่อนตัวลงนั่ง ที่เก้าอี้ตัวเดิม ม้วนกระดาษก็ถูกส่งมาตรงหน้า เฉินอวี้ตาเขียวใส่เจี้ยนฉาง ‘รอให้นั่งได้เต็มก้นก่อนไม่ได้หรือไร’ บานแต่กระนั้นก็ยังรับเอาม้วนกระดาษมาคลี่ออกอ่าน ตรวจทานเนื้อหาชั่วครู่ แววตาลุ่มลึกลงเล็กน้อย เฉินอวี้เงียบไปก่อนจะยักไหล่แล้วส่งม้วนกระดาษคืนให้เจี้ยนฉาง เนื้อหาด้านในล้วนเป็นงานที่เขาได้รับมอบหมาย เฉินอวี้ไม่จำเป็นต้องพกพาคำสั่งติดตัวไว้ให้เป็นหลักฐาน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม เขาชื่นชอบการจดจำผ่านสมองมากกว่า เฉินอวี้กลืนน้ำลาย ตั้งใจว่าจะสอบถามโม่เทียนอวี่เพิ่มเติม หาข้อถกเถียงอีกเล็กน้อยก่อนลงม
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-03
Baca selengkapnya

บทที่ ๕/๔ ใบจูอี๋ว์

กระดาษในมือโม่เทียนอวี่ หมึกแห้งแล้ว จึงถูกม้วนเก็บเข้าให้เรียบร้อย เจี้ยนฉางกำลังจะรับไปส่งให้เฉินอวี้ โม่เทียนอวี่ไม่รอ ความโกรธถูกระบายลงที่สหาย พญามัจจุราชขว้างม้วนกระดาษพุ่งตรงไปที่เฉินอวี้แทนการให้เจี้ยนฉางไปส่งถึงมือ อีกฝ่ายร้องด่าเขาลั่น คงหมดความอดทน รีบเดินออกไปพร้อมม้วนกระดาษที่คว้าไว้ได้ทันที เจี้ยนฉางพิจารณาสีหน้าของผู้เป็นนาย องครักษ์รับใช้มานานจนคาดเดาอารมณ์ได้ แม้จะไม่เข้าใจในการกระทำ และความคิดอันย้อนแย้งกันของไท่จื่อก็ตามที เห็นอยู่ทุกวันว่าแอบมองสาวงามผ่านหน้าต่าง แต่กลับไม่ยอมให้เข้าพบเสียที ที่สำคัญคือเฝ้ามองอย่างไรกัน ไฉนจึงไม่รู้ว่าคนงามแซ่อวี่ ไม่มาที่ตำหนักบูรพาหลายวันแล้ว เจี้ยนฉางหยิบขนมหนึ่งชิ้นที่ยังเหลืออยู่ ยื่นส่งให้อย่างรู้ใจ ไท่จื่ออยากกินแต่ไม่กิน แล้วยังไม่พอใจที่คนอื่นได้กิน ทั้งที่ตนเองได้รับมากกว่าใครทั้งสิ้น เลือกจะไม่กินเอง แล้วมาใส่อารมณ์ไม่พอใจที่คนอื่นได้กิน อย่างนี้เรียกว่าพาลไปทั่ว! โม่เทียนอวี่สบตากับเจี้ยนฉาง นึกสงสัยขึ้นมาว่าเขายังไม่ได้พูดความต้องการออกไป เหตุใดเจี้ยนฉางจึงรู้ความคิดได้ ตัดสินใจไม่รับขนมท
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-03
Baca selengkapnya

บทที่ ๕/๕ ใบจูอี๋ว์

ถ้อยคำดูหมิ่น เสียงหัวเราะขบขัน อวี่เทียนเหมยเถียงไม่ได้ จะแก้ต่างเล่าเรื่องเท็จให้ตนเองก็ละอายแก่ใจ เพราะต่อให้ผู้คนจะพูดกันเกินเรื่องไปหน่อย เลอะเทอะไปบ้าง แต่พื้นฐานโดยหลักแล้ว ความจริงที่ว่า ไท่จื่อไม่โปรดนางตั้งแต่พบหน้าครั้งแรกก็เป็นความจริง เสียงประกาศพระราชโองการของเสิ่นกงกง เรียกตัวอวี่เทียนเหมย บุตรีราชครูอวี่เข้าวังหลวง ให้เป็นกำลังหลักช่วยไทเฮาจัดงานร่ำสุราชมจวี๋ฮวา ดังออกมาภายนอกกำแพงจวนตระกูลอวี่ เพียงเท่านี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันอันแน่ชัด มงกุฎหงส์มีเพียงนางที่ได้รับอนุญาตให้สวมใส่ สิ่งที่หูได้ยินอาจไม่ใช่เรื่องจริง แต่สิ่งที่ตาเห็นจะปฏิเสธไม่ได้! งานชมดอกไม้ ก็ต้องให้ดอกไม้งาม อวี่เทียนเหมยเลือกจะแต่งตัวให้ดูน่าทะนุถนอม และน่ารักมากหน่อย แทนการแต่งกายให้สวยงามสง่าดังที่ชอบ เกรงว่าตนเองนั้นจะงามเกินไป จนดอกไม้ไม่กล้าชูช่อ เกิดเป็นวลี ‘มวลผกาละอายนาง’ ผ่านเข้าหูอีก เจียถิงมองหน้าคุณหนูผ่านกระจก ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากเจ้าตัว ก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากทีเดียว คุณหนูนั้นเป็นเช่นนี้เสมอมา ในหัวมากด้วยความคิด ทว่าทุกความคิดนั้นล้วนเก็บไว้ในใจ ยากจะเอ่ยปากใ
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-03
Baca selengkapnya

บทที่ ๖/๑ สตรีทำมาจากน้ำ

ตกเป็นเป้าสายตาทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในงาน สายตามากมายจับจ้อง สถานการณ์แบบนี้อวี่เทียนเหมยเคยชินแล้ว จึงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดทางใบหน้า อวี่เทียนเหมยไม่ค่อยใคร่จะส่งยิ้มให้กับคนไม่สนิท ด้วยเหตุนี้คนเขาจึงว่านางเย่อหยิ่ง งานเลี้ยงเต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาด จากเครื่องแต่งกายของสตรีทั้งหลาย ประโคมมาประชันกันอย่างไม่ยอมน้อยหน้า ดูเหมือนว่าดอกไม้ที่ประดับอยู่ทั่วงานนั้นจะหมองลงเล็กน้อย เพราะความงามของสตรีที่เฉิดฉายมากลบแสง ใครเล่าจะไม่อยากโดดเด่น เช่นเดียวกับอาภรณ์ที่สวมใส่ มวยผมของสตรีทั้งหลาย ถูกเกล้าให้สูงเสียด ฟ้าเลียนแบบเหล่าทวยเทพ ทางนั้นก็สูงทางนี้ก็สูง ดูแล้วก็งดงามไม่น้อย มองไปชวนให้เพลิดเพลินสายตา แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอย่างไร ทำผมทรงไหนก็ตามเถิด ไม่น่าดูชมเท่าจริตทั้งหลายของเหล่าบุตรสาวขุนนาง อวี่เทียนเหมยเหลือบไปเห็นสตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งยืนจ้องนางมาด้วยสายตาแตกต่างจากคนทั่วไป ในกลุ่มนั้นมีสตรีอยู่ผู้หนึ่งชื่อว่า มู่หลี่น่า เป็นคู่ปรับที่นับเป็นศัตรูคู่ของอวี่เทียนเหมยเลยก็ว่าได้ อีกฝ่ายจ้องนางตาไม่กระพริบ อวี่เทียนเหมยเบือนหน้าหนี ขอหลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่ใช่ว่าก
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-11
Baca selengkapnya

บทที่ ๖/๒ สตรีทำมาจากน้ำ

บิดาผลงานเลื่องชื่อ นอกจากเขียนตำราเรียนแล้ว ยังเป็นอาจารย์ของคนมากความสามารถ อีกนับร้อยนับพัน ยกตัวอย่างเช่น ไท่จื่อ ใต้เท้าเฉิน แม่ทัพสือหม่าน้อย สามชื่อนี้รองรับความสามารถได้ ยังไม่รวมถึงขุนนางรุ่นใหม่ทั้งหลาย ที่บรรดาจอหงวน และผู้โดดเด่นในแต่ละปี ล้วนเป็นศิษย์ของราชครูอวี่ บุญคุณต้องทดแทนแค้นต้องชำระ อาจารย์นับเป็นผู้มีพระคุณไม่ต่างจากบิดามารดา และด้วยความที่บิดานาง และฮ่องเต้คุ้นเคยเป็นสหายบวกกับคำทำนายของเว่ยเฟย พระมารดาของไท่จื่อ อวี่เทียนเหมยจึงได้หมั้นหมายกับองค์รัชทายาท ที่เป็นศิษย์ของท่านพ่อ ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของอวี่เทียนเหมย และตระกูลมู่นั้นซับซ้อนมากทีเดียว เหตุเพราะแม้จะกล่าวว่าเป็นศัตรูกัน เดินบนเส้นทางคนละสายแล้วก็ตามเถิด แต่อวี่เหวินที่เป็นบุตรบุญธรรมตระกูลมู่ พี่ชายของอวี่เทียนเหมย ผ่าเหล่าเผ่ากออย่างไรไม่รู้ แต่งงานกับองค์หญิงหลิวลู่ พระธิดาซึ่งเกิดแก่มู่ฮองเฮา การแต่งงานสามารถทำได้ เพราะพี่ใหญ่เป็นบุตรบุญธรรมของท่านพ่อท่านแม่ ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน คนตระกูลอวี่ทัดทานและคัดค้าน แต่คนตระกูลมู่กลับสนับสนุน เมื่อคนตระกูลมู่เอ่ยปาก แม้
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-11
Baca selengkapnya

บทที่ ๖/๓ สตรีทำมาจากน้ำ

การแสดงจบลงไปแล้วเกินกว่าครึ่ง โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ขยับพระวรกายเปลี่ยนอิริยาบถ ก่อนจะหันพระพักตร์ไปยังพระที่นั่งของไทเฮา ยกถ้วยสุราขึ้นมาแสดงการคารวะ แล้วตรัสว่า “งานชมบุปผาครั้งนี้ ต้องเป็นผู้มีฝีมือเป็นแม่งาน หากไม่ใช่เสด็จแม่ เห็นทีงานเลี้ยงคงไม่งดงาม น่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนี้เป็นแน่” หยางลู่ไทเฮาพระพักตร์อ่อนเยาว์ลงหลายส่วน เมื่อได้รับคำชื่นชมจากโอรสสวรรค์ พระนางไม่คิดจะถ่อมตนตรัสตอบว่า “เพราะมีผู้มากฝีมืออยู่ในครอบครอง ล้วนช่วยแม่ได้มาก ไม่มีพวกนาง งานวันนี้ไม่มี” โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้กับหยางลู่ไทเฮานั้น แท้จริงแล้วมีความสัมพันธ์เป็นป้าหลาน แต่หยางลู่ไทเฮานั้นทรงเป็นพระมารดาเลี้ยง ดูแลฮ่องเต้มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ สนิทสนมยิ่งกว่าพระมารดาผู้ให้กำเนิด “คนมีความสามารถ ต้องได้รับรางวัล” โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ตรัสด้วยพระสุรเสียงดังก้อง ฮ่องเต้เข้าพระทัยความนัยของไทเฮา ไม่ได้นัดแนะกันมาแต่อย่างไร เพียงแค่มีจุดประสงค์เดียวกันก็เท่านั้น “ดียิ่ง” ไทเฮาตรัสเห็นชอบ สายพระเนตรเหลือบมองไปยังคนงามที่งามกว่าบุปผาทั้งหลายในค่ำคืนนี้ ทอดพระเนตรมองแล้วก็บังเกิดความไม่พอพระทัย
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-11
Baca selengkapnya

บทที่ ๖/๔ สตรีทำมาจากน้ำ

เหมือนเวลาหยุดเดินไปแล้ว ยามจ้องตากับคนงามตรงหน้า ความคิดที่ว่า นางน่ารักปรากฎขึ้นมาในหัวอีกครั้ง คงเพราะดื่มสุราไปมาก อยู่ดี ๆ เขาก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดอันอธิบายไม่ได้ปรากฎขึ้นมาในใจ แปลกประหลาดถึงขั้นที่ว่า หากนางขอดาวบนฟ้า เขาจะใช้วิธีใดไปเอามาให้ อวี่เทียนเหมยจ้องไท่จื่อไม่วางตา ไม่กล้าหันหน้าไปทางอื่น กลัวจะเห็นสีหน้าของผู้คนจนจิตใจบั่นทอน ไท่จื่อจ้องนางตอบกลับมา อวี่เทียนเหมยคิดว่าแววตาของไท่จื่อในค่ำคืนนี้ ดูหวานเยิ้มมากกว่าเย็นชา น่าฉงนนัก นางเริ่มไปต่อไม่แล้วถูก ขนลุกไปทั่วทั้งตัว “กล้าขอก็ต้องกล้าให้ เจ้าจะว่าอย่างไรเล่าไท่จื่อ” โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ตรัสก่อนใคร พระทัยร้อนยิ่งกว่าอวี่เทียนเหมย โม่เทียนอวี่มุมปากกระตุก คนที่น่าขันกว่าใครในค่ำคืนนี้ ต้องนับเสด็จพ่อเป็นที่หนึ่ง ออกหน้ามากกว่าใครในทุกเรื่อง นางเป็นฝุ่นตกตะกอนนอนพื้น เสด็จพ่อจึงสะดุ้งอยู่บ้างเมื่อเขาทำให้น้ำขุ่นขึ้นมา ด้วยกลัวว่าผลลัพธ์จะแปรเปลี่ยน จะใจร้อนกันไปไย น้ำอาจจะขุ่น ฝุ่นอาจจะกระจัดกระจาย แต่อย่างไรหากน้ำไม่หกออกจากแก้ว ‘มีสิ่งใดต้องกังวล’ แค่รอเวลาอีกสักหน่อย ฝุ่นก็ตก
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-11
Baca selengkapnya

บทที่ ๖/๕ สตรีทำมาจากน้ำ

เสียงลมพัดผิวน้ำดังเข้าหู บรรยากาศโดยรอบผ่อนคลาย แต่ความรู้สึกตึงเครียด อวี่เทียนเหมยเคยได้รับคำชื่นชมเสมอมา ว่านางรู้จักรับมือกับสถานการณ์ ไม่ว่าเรื่องใดหรือปัญหาใด นางสามารถแก้ไขได้โดยเร็ว เขาเป็นคนแรกที่ทำให้นางรู้สึกว่าตนเองโง่เง่า ไร้ความคิด หมดหนทางไปต่อ อวี่เทียนเหมจำได้ว่าตนเองร้องไห้ครั้งแรกหลังจากรู้ความแล้ว ก็ตั้งแต่ตอนที่นางอายุสิบขวบ ครั้งนั้นร้องไห้เพราะความเหนื่อย อวี่เทียนเหมยไม่เคยชื่นชอบการมีน้ำตา เพียงแต่ว่าหากนับดูแล้ว ในชีวิตของนางร้องไห้ได้สองครั้ง และครั้งที่สามก็กำลังจะเกิดขึ้น การร้องไห้ทุกครั้งนั้น ล้วนมีเขาเป็นต้นเหตุ คนเมาเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของคนงาม พญามัจจุราชรู้ซึ้งเข้าใจถึงคำกล่าวที่ว่า สตรีทำมาจากน้ำ[1]ทันที พบเจอหน้าพูดคุยกันครั้งใด นางมีน้ำตามาให้เขาเห็นตลอด ท่ามกลางใบหน้าเฉยชานั้น โม่เทียนอวี่เก็บความละล้าละลังไว้ในใจแต่เพียงลำพัง เขาไม่ชอบน้ำตาของสตรีข้อนี้ไม่มีคำใดจะเถียง โม่เทียนอวี่สร่างเมาโดยไม่มีข้อแม้เมื่อเห็นน้ำตา เขายังมึนงงคิดไม่ออกว่า ตนเอง’ทำสิ่งใดผิดพลาดกัน’ เขาก็เพียงแค่อยากเริ่มสนทนากับนางให้มากน้อย
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-11
Baca selengkapnya

บทที่ ๖/๖ สตรีทำมาจากน้ำ

โม่เทียนอวี่หน้าเสีย พญามัจจุราชสร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง ยืนมองสตรีที่ชื่ออวี่เทียนเหมยร้องไห้จนพอใจแล้ว เมื่อน้ำตาบนใบหน้างามแห้งเหือด รอให้ได้จังหวะแล้ว เขาจึงพูดเสียงเบาราวกระซิบว่า “ข้ายังไม่ทันได้บอกเลยว่า จะไม่แต่งกับเจ้า” อวี่เทียนเหมยน้ำตาไหลอีกครั้ง ถามเขากลับไปว่า “แล้วมีเจตนาอันใด จึงตรัสเช่นนั้นในวันที่หม่อมฉันเข้าเฝ้า” เขาไม่ได้ตอบคำถาม เพราะไม่รู้จะตอบสิ่งใดกับนาง ได้แต่อ้ำอึ้งทึมทื่อ อ้าปากแต่ไร้เสียงอยู่อย่างนั้น ไม่ได้มีเหตุผลจริงดังนางว่า เพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับเสด็จพ่อ อำนาจในมือยังไม่มั่นคง เลือกสตรีที่ส่งเสริมได้ดีกว่าย่อมต้องเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า รอบตัวนางมีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงคลุมเครือ อย่างไรเสียอวี่เทียนเหมยก็มีเลือดตระกูลมู่อยู่ครึ่งหนึ่ง พี่ชายบุญธรรมของนาง ก็แต่งกับน้องสาวของเขาคือโม่หลิวลู่ พระธิดาของมู่ฮองเฮา ตระกูลมู่เป็นยิ่งกว่าเสี้ยนหนาม กำจัดยากกว่าไม้พันปี สิ่งใดระวังได้เขาก็ควรต้องระวัง ถ้าพูดกันด้วยความสัตย์จริงแล้ว วันนั้นเขาก็พูดแค่ว่า ’ยินยอมไม่ยินดี’ ยังไม่ได้พูดสักคำว่าไม่แต่ง แต่ข้อที่ว่าจะให้นางเป็นไท่จื่อเ
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-11
Baca selengkapnya

บทที่ ๗/๑ โยนกระเบื้องล่อหยก

ความตายเงียบสงบเช่นนี้หรือ ‘ก็ยังดี….’ นางไม่ใคร่จะชอบความวุ่นวายนัก เปลือกตากำลังจะปิดกั้นการมองเห็น ในเสี้ยวความเป็นความตายนั้น ห้วงความคิดสุดท้ายว่างเปล่า สายน้ำเริ่มโอบกอดร่างกาย สายเลือดซึ่งเคยอุ่นเป็นสัญญาณว่ามีชีวิตอยู่เริ่มเย็นเยียบ สติยังรับรู้ได้ อยู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา ห้วงความคิดสุดท้าย เป็นความสงสัย สิบเจ็ดปีที่ผันผ่าน นางใช้ชีวิตในโลกมากว่าจะเติบโตมาได้ถึงขนาดนี้ยากเหลือเกิน เหตุใดยามจะลาจากโลก จึงง่ายดายยิ่งนัก ไม่เหลือพลังชีวิตมากพอจะตอบข้อสงสัยของตนเอง ไม่ขอวิงวอนให้มีใครมาช่วยเหลือ ยอมรับแต่โดยดี ดึกดื่นปานนี้คงมีแค่ผีใต้น้ำที่มารับร่างนาง ทว่าราวกับเป็นเรื่องเล่าประโลมโลก ร่างของบุรุษผู้หนึ่ง แหวกว่ายน้ำพุ่งตรงเข้ามาหา เขามาพร้อมแสงจันทร์บนฟากฟ้า แสงสว่างสุดท้ายที่เห็นด้วยตาก่อนลมหายใจจะหมดสิ้น อวี่เทียนเหมยคิดว่าตนเองเกิดภาพหลอนอย่างแน่นอน ออกจะน่าขำเมื่อครู่มองสิ่งใดไม่เห็น บัดนี้กลับมองเห็นชัดแจ้ง ที่แท้คงเป็นภาพหลอนหลอกลวงตาก่อนสิ้นลม สายตาของอวี่เทียนเหมยรับรู้ว่าเป็นไท่จื่อ ไม่แน่ชัดแต่ไม่ผิดตัว
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-06-11
Baca selengkapnya
Sebelumnya
12345
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status