All Chapters of คำสัตย์ใต้ดอกเหมย: Chapter 1 - Chapter 10

21 Chapters

บทที่ 1 หิมะแรกกับสัญญาระหว่างกัน

สายลมหนาวจากเทือกเขาฉู่เป่ยพัดเอื่อยเฉื่อยลงมายังลุ่มแม่น้ำซานหลิง สายลมที่ขาวโพลนด้วยเกล็ดหิมะละเอียดระยิบระยับราวเกล็ดแก้วโปรยปรายไปทั่วผืนแผ่นดิน อากาศเหน็บหนาวจนอาจทำให้เนื้อไม้แตกระแหง ทว่ากลับมิอาจทำลายกลีบดอกเหมยที่บานท่ามกลางฤดูเหมันต์ได้ท่ามกลางภูเขาหิมะที่ล้อมรอบด้วยป่าสนดำและลำธารน้ำแข็ง มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อ “หมู่บ้านชิงเหมย” ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขา บ้านเรือนไม้หลังเล็กตั้งเรียงรายลดหลั่นไปตามไหล่เขา มีเพียงคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ใหญ่โตตั้งตระหง่านเป็นเอกอยู่เหนือหมู่บ้านขึ้นไป ล้อมรอบด้วยรั้วไม้สนทาสีดำและธงผืนใหญ่ประทับตรากระเรียนคู่ นั่นคือตระกูลไป๋ หนึ่งในสี่ขุนศึกหลักของแคว้นหลานโจวในบ่ายวันนั้น หิมะแรกเพิ่งเริ่มตก หิมะบริสุทธิ์คลุมไปทั่วสนามหญ้าหลังคฤหาสน์ จนไม่อาจมองเห็นสีเขียวของฤดูใบไม้ร่วงที่เพิ่งผ่านไปได้แม้เพียงเสี้ยวเดียว“คุณหนู! ท่านไปที่ใดมาเจ้าคะ หิมะเริ่มตกแล้ว!” เสียงร้องลั่นของสาวใช้คนหนึ่ง ดังแว่วมากับสายลมเด็กหญิงอายุประมาณแปดขวบในชุดคลุมสีม่วงอ่อน ยืนอยู่เพียงลำพังใต้ต้นเหมยต้นหนึ่งหลังเรือนรอง สีหน้าของนางนิ่งเงียบอย่างผิดวิสัย มือเล็ก ๆ กำลังลู
last updateLast Updated : 2025-07-02
Read more

บทที่ 2 การหมั้นที่ไม่ได้เลือกเอง

หิมะยังคงโปรยปรายในวังหลวง แม้จะผ่านไปสามวันแล้วนับจากวันที่ไป๋ซูเหยียนก้าวเท้าเข้าสู่พระราชวังหลวง แต่ตำหนักเฟิ่งเยว่ก็ยังคงเงียบเช่นเดิม ไม่มีพระบัญชาใดจากฮ่องเต้ ไม่มีข่าวคราวจากท่านอ๋องสี่ และไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าของคนแปลกหน้าเดินผ่านบริเวณตำหนักนางกำนัลทั้งห้าในตำหนักเฟิ่งเยว่เริ่มกระซิบกระซาบกันเอง บางคนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “ว่าที่พระชายา” อาจไม่มีความสำคัญเท่าที่พวกนางคิด หรืออาจเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดานหมากที่ไม่มีสิทธิ์เลือกเองได้ด้วยซ้ำไป๋ซูเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หอมประดับลายเมฆหมอก ดวงตาคมจ้องมองกลีบเหมยที่ปลิวผ่านหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย นางรอคอยคำอธิบายในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีใครอธิบายสิ่งใดให้ฟัง“คุณหนู” เสียงของจิ่นฮวา นางกำนัลที่เป็นสาวใช้คนสนิทของไป๋ซูเหยียนดังขึ้นอย่างแผ่วเบา“วันนี้จะไม่กินอาหารเช้าหรือเจ้าคะ”“ข้ายังไม่หิว” ซูเหยียนตอบเสียงเรียบ ๆ ดวงตายังคงเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง“หากท่านอ๋องสี่เสด็จมาเห็นว่าคุณหนูมิได้ดูแลสุขภาพ อาจจะ...”“เขาไม่เคยมาที่นี่” ไป๋ซูเหยียนกล่าวขัดเสียงเรียบ ในใจขุ่นมัว“สามวันแล้ว...แม้แต่เงาของเขา ข้าก็ยังไม่เห็น”จิ่
last updateLast Updated : 2025-07-02
Read more

บทที่ 3 กลีบเหมยปลิวกลางวังหลวง

วังหลวงแห่งหลานโจวไม่เคยเงียบสงบ แม้ในยามหิมะตกหนักปิดฟ้า ทหารยามยังคงเดินลาดตระเวนตามจุด ขันทีและนางกำนัลยังคงก้มหน้าเดินเร็วในทางเดินอันซับซ้อน กลิ่นยาสมุนไพรจากตำหนักในลอยอ้อยอิ่งเคล้ากับกลิ่นน้ำหอมจางจากกิ่งเหมยที่โปรยปรายอยู่ทั่วบริเวณภายใต้ความสงบงามนั้น วังหลวงกลับเต็มไปด้วยเงาเงียบ เป็นเงาของการจับตามองเงาของความระแวดระวัง และเงาของความลับที่ยิ่งหนาวเหน็บยิ่งกว่าหิมะที่โปรยจากฟ้าไป๋ซูเหยียนรู้สึกถึงเงานั้น แม้นางจะอยู่เพียงในตำหนักเฟิ่งเยว่อย่างสงบ แต่นางรู้ดีว่าไม่มีวันใดที่สายตาเหล่านั้นจะละไปจากตนในทุกย่างก้าวทุกคำพูดแม้แต่ขณะที่นางยืนดูดอกเหมยบาน ก็ยังมีใครบางคนจ้องมองจากที่ใดที่หนึ่ง แต่ไป๋ซูเหยียนไม่เคยหวั่นยามซื่อ (09.00 น.)“คุณหนูเจ้าคะ มีพระบัญชาจากท่านอ๋องสี่เจ้าค่ะ”จิ่นฮวารีบเดินเข้ามาพร้อมตราสัญลักษณ์ของตำหนักหย่งจิ้งในมือไป๋ซูเหยียนเงยหน้าขึ้นจากหนังสือบทกวีบนโต๊ะ “เขามีบัญชาหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ พระองค์ทรงเชิญให้ว่าที่พระชายาไปที่ตำหนักหย่งจิ้งในยามอู่เจ้าค่ะ” (ประมาณ 11.00 น.)“ได้บอกเหตุผลหรือไม่?”“มิได้กล่าว แต่เป็นครั้งแรกที่ทรงมีบัญชาเชิญท่านโดยตรง”ยาม
last updateLast Updated : 2025-07-02
Read more

บทที่ 4 ท่านอ๋องผู้ไม่เคยยิ้ม

ยามเฉิน (07.00 น.)พระอาทิตย์ในฤดูหนาวโผล่พ้นขอบฟ้าเพียงครึ่งเดียว แสงสีทองจาง ๆ สะท้อนผ่านละอองหิมะในสวนหลวงที่ขาวโพลน สะท้อนกลีบเหมยสีชมพูอ่อนราวหมึกแต้มบนกระดาษข้าว แต่ตำหนักหย่งจิ้ง ยังคงมืดมิด หน้าต่างทุกบานปิดสนิท ธงราชวงศ์มิได้โบกสะบัด เงาเงียบของท่านอ๋องสี่ยังปกคลุมดั่งหิมะที่ไม่ละลายแม้ยามแสงส่องหลี่เหยียนนั่งอยู่เดียวดายในห้องหนังสือ มือข้างหนึ่งถือพู่กัน แต่กระดาษเบื้องหน้ากลับว่างเปล่า มีเพียงถ้วยชาที่เย็นชืดไปแล้ว และแผ่นกระดาษใบหนึ่งที่เขาถืออยู่มาหลายชั่วยาม กระดาษซึ่งมีลายมือของไป๋ซูเหยียน เขียนด้วยอักษรคัดอย่างสง่างามว่า“ข้ามิได้หวังให้ท่านเลือกข้า ข้าเพียงหวังว่าท่านจะไม่ห้ามข้ารู้สึก”หลี่เหยียนอ่านประโยคนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบบทกวี ไม่หลงใหลในเสียงพิณ ไม่เคยเสียเวลาคิดถึงความหมายของกลอนรักใด ๆ แต่ถ้อยคำเพียงไม่กี่บรรทัดนี้ กลับฝังในหัวใจราวกับตราประทับ“ท่านอ๋อง” เสียงของอวี้กงกง ขันทีคนสนิทดังขึ้นเบื้องหลัง“พระองค์ยังมิได้เสวยแม้แต่น้ำชา ถ้าเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ กระหม่อมเกรงว่าพระวรกายจะ...”“พอแล้ว” หลี่เหยียนพูดโดยไม่เงยหน้าอวี้กงกงรีบก้มตัวถอย
last updateLast Updated : 2025-07-02
Read more

บทที่ 5 กลิ่นเลือดกลางหิมะ

หิมะยังไม่หยุดตกในคืนที่สามของเดือน แม้เพิ่งเริ่มต้นฤดูเหมันต์ แต่พระราชวังหลานโจวกลับถูกปกคลุมด้วยม่านหิมะขาวแน่นหนาตา สวนหลวงเหมือนถูกเปลี่ยนเป็นดินแดนอีกภพหนึ่ง เสาแกะสลักมังกรในเขตวังในยังสะท้อนแสงจันทร์ลาง ๆ ขณะกลีบเหมยที่บานในยามวิกาลเริ่มร่วงหล่นลงตามแรงลมหนาวทว่าในเงาของความงดงามนั้นเริ่มมีกลิ่นบางอย่างแฝงมากับลม กลิ่นโลหะจาง ๆ ปนกลิ่นคาวเลือด เจืออยู่ในอากาศหนาวราวกับเงาล่องหนยามไฮ่ (21.00 น.) ตำหนักเฟิ่งเยว่ไป๋ซูเหยียนยังคงนั่งอ่านกลอนโบราณเงียบ ๆ หลังจากวันที่ท่านอ๋องสี่ยิ้มให้ครั้งแรก แม้เพียงนิดเดียว แต่ในใจของนางกลับสั่นไหวลึกยิ่งกว่าลมหนาวบนเขาเหมยซาน นางเฝ้าทบทวนคำพูดของเขา“ข้าจะเฝ้ารอ จนกว่ากลีบเหมยสุดท้ายจะร่วงลงมา”แต่ก่อนที่นางจะทันได้ยิ้มอย่างเต็มที่เสียงฝีเท้าเร่งรีบของจิ่นฮวาก็ดังมาจากด้านนอก“คุณหนู! มีเหตุร้าย!”ซูเหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน “เกิดอะไรขึ้น?”“มีผู้ลอบสังหารในวังเพคะ! ตอนนี้ทหารล้อมเขตตำหนักไว้ทั้งหมด ตรวจสอบคนจากตำหนักในทุกตำหนัก!”“ผู้ใดเป็นเป้าหมาย?”จิ่นฮวาสูดลมหายใจเข้า เสียงของนางสั่นเครือ“อะ...ท่านอ๋องสี่เจ้าค่ะ”คำคำนั้นราวกับสั่น
last updateLast Updated : 2025-07-02
Read more

บทที่ 6 ความลับในตำหนักเย็น

เมื่อใดที่วังหลวงเงียบผิดปกติ เมื่อนั้นมักมีสิ่งไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่เสมอหิมะยังคงตกต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า ทางเดินหินเริ่มลื่นเกินปลอดภัย กลีบเหมยที่เคยงาม เริ่มแปรเปื้อนสีสนิมจากรองเท้าทหารและคราบเลือดเก่าที่ยังไม่ชำระออกหมด ภายในเขตวังหลัง มีตำหนักหนึ่งถูกปิดเงียบมาเกือบสิบปี ไม่มีผู้คน ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียงลมหายใจของผู้ใดตำหนักนั้นมีชื่อว่า “ตำหนักเยี่ยนหรู” หรือที่ผู้คนเรียกกันว่า “ตำหนักเย็น”ยามเฉิน (07.00 น.) ตำหนักเฟิ่งเยว่ไป๋ซูเหยียนสะดุ้งจากนิทราเมื่อจิ่นฮวาวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน“คุณหนู! เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!”ซูเหยียนลุกขึ้นทันที “มีเรื่องอันใด?”“ขันทีตำหนักในค้นพบของบางอย่างที่...ที่ตำหนักเย็นเจ้าค่ะ! ท่านแม่ทัพเวรกลางคืนรายงานขึ้นไปยังเบื้องบน ว่ามีคนเห็นแสงเทียนจากตำหนักเยี่ยนหรูทั้งที่ควรปิดตายมาสิบปีแล้ว!”ไป๋ซูเหยียนขมวดคิ้วทันที “ตำหนักเย็น...?”“ใช่เจ้าค่ะ เป็นตำหนักที่แต่ก่อนเคยมีพระชายาทรงอาคมอาศัยอยู่ นางถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการตายขององค์ชายรอง และถูกเนรเทศเข้าตำหนักเย็น ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย”เสียงจิ่นฮวาสั่นอย่างไม่อาจควบคุม ส่วนไป๋ซูเหยียนนิ่
last updateLast Updated : 2025-07-02
Read more

บทที่ 7 เสียงพิณใต้เงาจันทร์

หิมะคืนที่เจ็ดตกหนา หมู่เมฆบดบังจันทร์จนเห็นเพียงแสงสลัวบางเบาราวม่านผ้าบางคลุมฟ้า ในความเงียบของวังหลัง กลับมีเสียงหนึ่งดังกังวาน เป็นเสียงของพิณที่ไม่ควรมีใครได้ยินในยามนี้มันดังมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวังบริเวณนั้นเรียกว่า “สวนเงาจันทร์” สวนต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่าง ตั้งแต่วันหนึ่ง ที่องค์ชายรองจบชีวิตลงใต้ต้นเหมยในคืนหิมะตกเมื่อสิบปีก่อน...ตำหนักเฟิ่งเยว่ ยามจื่อ (23.00 น.)ไป๋ซูเหยียนสะดุ้งตื่นกลางดึก เสียงพิณดังแผ่วคล้ายมีคนดีดอยู่ข้างหู นางลุกขึ้นเปิดหน้าต่าง แสงจันทร์ลอดผ่านม่านเมฆ เสียงพิณนั้นไม่ได้ดังจากความฝัน มันดังจริง ๆ ดังกังวาน ชัดเจน และคุ้นเคย“จิ่นฮวา ได้ยินเสียงพิณหรือไม่?”นางกำนัลที่หลับอยู่สะดุ้งโหยง “เอ๊ะ!? บ่าวก็นึกว่าบ่าวฝันไป คุณหนูจะให้ตามใครไปตรวจดูหรือไม่เจ้าคะ?”ไป๋ซูเหยียนส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ข้าจะไปดูเอง”เงาของนางเคลื่อนผ่านผืนหิมะ เส้นทางที่นำไปสู่สวนเงาจันทร์ถูกหิมะปิดหมด ต้องฝ่าไปอย่างยากลำบาก รองเท้าทรงบูทของนางเปียกจนเย็นชืด แต่เสียงพิณยังคงนำทางอยู่ไม่ไกลนางหยุดยืนตรงหน้า “ศาลาระฆังเหมันต์” กลางสวน เสียงพิณดังกังวานที่สุดที่นี่ แ
last updateLast Updated : 2025-07-03
Read more

บทที่ 8 บทเพลงจากวันวาน

ค่ำคืนในตำหนักเฟิ่งเยว่ ไฟตะเกียงในห้องส่องแสงริบหรี่ ทว่าในใจของไป๋ซูเหยียนกลับมีแสงเจิดจ้าเกินกว่าห้วงรัตติกาลใด ๆ ที่ผ่านมา นางนั่งอยู่เบื้องหน้ากระดาษขาว พลางเขียนกลอนบทใหม่มือที่เคยสั่นไหวกลับมั่นคงในยามที่นึกถึงบทสนทนาใต้ต้นเหมยกับท่านอ๋องสี่“หิมะไม่อาจลบเงาแห่งคำสัตย์ กลีบเหมยไม่อาจปกปิดใจผู้เคยจำ บทเพลงนั้นยังไม่จบ แม้ฤดูกาลเปลี่ยนผัน เพราะข้าเฝ้ารอเจ้า ดังเงาจันทร์ทุกคืนยาม”เสียงลมเบา ๆ พัดผ่านหน้าต่าง แล้วจู่ ๆ เสียงพิณก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ มิใช่เสียงจากอดีต มิใช่เสียงจากม่านความทรงจำหากเป็นเสียงจริง ใกล้เพียงเบื้องนอกตำหนักซูเหยียนผลุนผลันออกไป พบว่าศาลาหน้าตำหนักมีชายผู้หนึ่งกำลังบรรเลงพิณอยู่ ไม่ใช่ม่อเสวี่ย และไม่ใช่ท่านอ๋องสี่เขาเป็นชายหนุ่มในชุดขาว รูปโฉมสง่างาม ผูกผ้าปิดตาไว้แน่นหนา ทว่าท่าทางบรรเลงกลับไร้ที่ตินางเอ่ยถาม “ท่านเป็นใคร?”เสียงพิณหยุดลงทันใด ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากคลี่ยิ้ม“ข้าเป็นเพียงนักดนตรีที่เดินผ่าน แต่อยากฝากเพลงหนึ่งบทแก่ผู้ที่เคยฟัง”เขาวางพิณเบา ๆ และยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้นาง ขณะที่มือของนางเอื้อมไปรับ เขาก็เอ่ยอย่างแผ่วเบา
last updateLast Updated : 2025-07-03
Read more

บทที่ 9 สองใจในเงาเหมย

รุ่งสาง พระราชวังต้าหลี่ เสียงฆ้องเตือนภัยสงบลงแล้ว แต่ความตึงเครียดยังคงแผ่คลุมทั่วพระราชวัง ท่านอ๋องสี่ หลี่เหยียน ยืนอยู่เบื้องหน้าหอวางแผนสงคราม ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาเคร่งเครียด“พวกมันถอยกลับไปโดยไม่รุกล้ำเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว?”หลี่เหยียนทวนคำที่องครักษ์รายงาน“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คุกเข่ารายงาน “กลุ่มบุรุษชุดดำเคลื่อนไหวในความมืด แต่เมื่อเห็นกำลังเสริมจากตำหนักหลวงก็ถอยกลับไปทันที ไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้”ท่านอ๋องสี่ไม่พูดอีก แต่ลอบกัดฟันแน่นกรอดเขากลับมา และเขากำลังแสดงตัว แสดงตัวให้ผู้คนได้รู้ ถึงการกลับมาของเขาตำหนักเฟิ่งเยว่ ในเช้าวันเดียวกัน ไป๋ซูเหยียนยืนอยู่หน้ากระจกทองเหลือง นางมองตนเองอย่างเงียบงัน ใบหน้าของหญิงสาวที่สะท้อนกลับมา ไม่เหมือนหญิงสาวในวัยเยาว์ผู้เคยเฝ้าฝันถึงเสียงพิณ ไม่ใช่หญิงสาวผู้อ่อนไหว แต่เป็นหญิงผู้กำลังยืนกลางสมรภูมิของอำนาจและหัวใจ“ข้าควรทำอย่างไรดี...”นางพึมพำ ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเล ระหว่างคนผู้เคยช่วยชีวิตนาง กับคนที่ยืนอยู่เคียงข้างนางในทุกความมืดมิดของวังหลวงม่อเสวี่ย คือเงาอี้เหวิน คืออดีตแล้วหลี่เหยียน…เขาคือใครในใจของนางกันแน่?“คุณหนู!”
last updateLast Updated : 2025-07-03
Read more

บทที่ 10 กระจกแห่งความจริง

หนึ่งเดือนหลังพิธีแต่ง ตำหนักเฟิ่งเยว่ถึงแม้หิมะจะยังคงโปรยปราย แต่น้ำแข็งบางส่วนเริ่มละลาย สวนเหมยหน้าตำหนักบานสะพรั่งมากกว่าทุกปี ไป๋ซูเหยียนนั่งอยู่ใต้ต้นเหมย กำลังคัดลอกตำรากลอนด้วยลายมือของตนเอง ในยามที่หัวใจสงบ ความรู้สึกก็มักทบทวนกลับไปยังบางสิ่งที่หลงลืม“กระจกเงาในตำหนักเย็น”“บันทึกปีเจี่ยอวี๋”“กล่องไม้ลายคำสัตย์”ชิ้นส่วนของอดีตเหล่านี้เริ่มก่อตัวขึ้นในใจนางอย่างประหลาด เสียงจิ่นฮวาเบา ๆ ดังจากด้านหลัง“พระชายาเพคะ มีข้าราชสำนักนำสิ่งหนึ่งมาถวาย บอกว่าเป็นของเก่าจากคลังหลวงเพคะ”ไป๋ซูเหยียนหันมา “ของเก่าหรือ?”หญิงรับใช้วางหีบเล็กลงตรงหน้า เป็นกล่องไม้โบราณที่ปิดผนึกด้วยครั่ง[1] สลักอักษรคำว่า“คำสัตย์ใต้ต้นเหมย”ไป๋ซูเหยียนมองของสิ่งนั้นนิ่ง มือของนางสั่นเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ แกะผนึกออก ภายในกล่องมีเพียงของสามชิ้น คือกล่องกระจกทองคำขนาดเล็ก กลอนบทหนึ่งบนแผ่นผ้า และแผ่นไม้บางสลักชื่อผู้ให้คำสัตย์ซูเหยียนหยิบกล่องกระจกขึ้นก่อน ในยามแสงตกกระทบ กล่องใบนั้นส่องประกายราวเงาหิมะที่เคลือบด้วยแสงจันทร์ นางเปิดฝาช้า ๆ ภายในมีเพียง “แผ่นโลหะขัดเงา” รูปกลีบดอกเหมยมันมิใช่กระจกธรรม
last updateLast Updated : 2025-07-03
Read more
PREV
123
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status