All Chapters of ยามใบไผ่ต้องสายลม (ภาควัยเยาว์): Chapter 1 - Chapter 10

25 Chapters

บทที่ 1 การเล่านิทาน…ได้เริ่มแล้ว

สวัสดี สวัสดี… เหล่านักเดินทาง พ่อค้าแม่ขาย ผู้แสวงบุญ นักพรต ข้าหลวง หรือผู้ใดก็ตามที่ผ่านมาในเส้นทางสายนี้ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วโปรดพักผ่อนเสียที่นี่เถิด มีแอ่งน้ำซึ่งมีน้ำใสสะอาดพอจะดื่มกินแก้กระหายหรือจะใช้อาบให้คลายร้อนก็ย่อมได้ มีผลาผลมากมายให้ท่านเก็บกินแก้หิว และมีร่มไม้มากพอที่จะให้ท่านได้นอนหลับให้พ้นราตรีนี้ไปแต่ก่อนที่นิทราจะกลืนกินท่านให้ข้าพเจ้าได้ขับกล่อมท่านด้วยนิทานเรื่องนี้เถิด มาเพลิดเพลินกับตำนานอีกด้านที่น้อยคนจะรู้… ตำนานของสตรีผู้หนึ่งที่นักบันทึกมิได้จดจารลงม้วนตำราและกานท์กวีมิได้ใส่ลงไปในวรรณกรรม นามอันแท้จริงของนางข้าพเจ้ามีไว้ในใจแล้ว แต่เพื่อให้นางเป็นนางเอกของเรื่องข้าพเจ้าจึงได้ปรุงแต่งนามนางเสียใหม่ในเรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังในภายหลังแม่นาง ผู้เป็นภรรยาของยอดขุนพลเครางามนามกระฉ่อนในยุคปลายแห่งต้าฮั่น เป็นมารดาของบุตรชายสองคนและบุตรหญิงหนึ่งคนของสกุลกวน และในความทรงจำของผู้คนที่ได้พานพบประสบเจอ นางคือแม่พระของชาวบ้าน เป็นแม่หมอผู้คอยรักษาพยาบาลอาการเจ็บป่วยของผู้ไข้ทั้งหลาย อีกทั้งยังมีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้ตกทุกข์ได้ยากแต่ในกาลเวลาที่แผ่นดินเป็นทุรยศเ
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 2 ชีวิตในฐานะศิษย์ และ “พี่ชาย”

เอ…ท่านผู้นั้นที่นั่งอยู่ตรงขอนไม้ถามข้าว่ากระไรนะ?“จะไม่เล่าเรื่องตัวละครซะหน่อยรึแมวดำแห่งเสียนหลอ?”อ้า! จริงสิ ข้านี่เล่าเสียเพลินจนลืมไปหมด… เล่าแต่ว่ามีเด็กหญิงตกต้นไม้ เด็กชายก็พาไปส่งบ้าน พูดแต่เรื่องราว…ลืมแนะนำตัวพระเอกเสียได้! เช่นนั้นก็ดี ข้าพเจ้าขอเริ่มจากผู้ที่ในตอนนี้ยังเป็นเพียงผู้น้อยแซ่กวน หนุ่มน้อยที่ยังไร้หนวดเครา หาใช่แม่ทัพผู้สง่างามดังในภาพวาดหรือศาลเจ้าทั่วแผ่นดินไม่…กวนอูผู้ซึ่งต่อไปจะกลายเป็นวีรบุรุษและเทพเจ้าที่ทั้งสกลโลกรู้จักมักคุ้น เกิดเมื่อใดมิมีผู้ใดรู้ แต่คะเนว่าคงไม่ห่างจากเล่าเหี้ยนเต็ก (เล่าปี่เกิด ค.ศ. 161) และดูจะแก่กว่าเตียวหุยอยู่หลายขวบปีเลยทีเดียว ท่านเอย…อย่าได้เชื่อเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า กวนอูเป็นคนขายเต้าหู้หรือคนขายถั่ว นั่นน่ะมันเรื่องแต่งหลังจากนี้ไปนานโข แท้จริงแล้ว…เขาเกิดในตระกูลผู้ดี เป็นวิญญูชน นั่นแหละคือความจริงแท้แน่นอนมีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อกวนอูอายุได้สิบหรือสิบเอ็ดปี กวนอูสามารถอ่านตำราชุนชิวให้จบได้ภายในหนึ่งคืนและหนึ่งวัน อีกทั้งยังท่องจำทุกบท ทุกตอน ทุกวรรคได้ถูกต้อง เห็นอะไรหรือไม่? ไม่ใช่แค่ใช้กระบี่คม หากแต่คมในต
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 3 ผู้งามพร้อมดั่งหยกทั้งสอง

จากบรรยากาศมีที่แต่ความร้อนและแสงจ้าจากรังสีแห่งดวงตะวัน แปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มด้วยเมฆและฝนอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ลูกเล็กเด็กแดงอยู่ที่ไหนพ่อแม่ก็ไปตามให้เข้าบ้านเพราะกลัวเป็นหวัด สาวน้อยสาวใหญ่ที่กำลังตากผ้าก็มีอันต้องเก็บผ้าเข้าบ้านพร้อมปากที่คว่ำและคิ้วขมวดเป็นปมอย่างไม่สบอารมณ์ จะมีเพียงแค่พวกชาวนาชาวไร่ที่ดีใจยามฝนเทกระหน่ำลงมาชโลมผืนดิน ใบข้าวและพืชพรรณที่พวกเขาปลูกไว้พวกสาวใช้ในเรือนของท่านโฮปินร้องกรี๊ดวี้ดว้ายวิ่งหนีกันอลหม่าน สวนทางกับมานพน้อยแซ่กวนที่กำลังเดินไปตามระเบียงพร้อมม้วนตำราที่ตนขนจากคลังของท่านอาจารย์เพื่อนำกลับไปอ่านที่ห้อง เขาพอจะเดาออกเลาๆ ว่าเพราะอะไร จากเสียงครืนๆ ที่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกัมปนาทราวฟ้าดินจะแตกเป็นเสี่ยงกับแสงแวบวาบแปลบปลาบที่มาจากอสุนีบาตซึ่งฟาดลงมาที่พื้นดิน กระนั้นนั่นไม่ได้สั่นคลอนหัวใจชายหนุ่มเลยดวงตาคมราวตาหงส์มองเลยออกไปที่ศาลากลางสวนนั้น ดรุณีน้อยนางหนึ่งยังคงนั่งอยู่ในนั้นโดยไม่กลัวฝนที่สาดเข้ามา ไม่กลัวเสียงฟ้าร้อง และไม่กลัวเสียงฟ้าผ่า นางจ้องมองปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ‘จะปล่อยนางไว้ให้ถูกน้ำถูกฝนก็อาจจ
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 4 แสงสว่าง ณ ฟากฝั่งน้ำ

“แม่จ๋า! แม่จ๋า!” เด็กหญิงตัวน้อยอายุได้ราวๆ ห้าขวบร้องไห้เรียกมารดาที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงภายในห้องที่ถูกกั้นไว้แน่นหนา ราวกับว่านางป่วยด้วยโรคร้ายที่ไม่ควรให้ใครนอกจากหมอเข้าใกล้ร่างกายของนางที่พร้อมจะแพร่โรคนั้นให้ใครเมื่อใดก็ได้เด็กหญิงดีดดิ้นในอ้อมกอดของบิดาที่รั้งนางไว้พร้อมๆ กับที่นางร้องไห้จ้า เขาเองก็มีน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและหัวใจที่ร้าวรานไม่ต่างกัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องไปที่ห้องนั้นอย่างไม่วางตาราวกับภาวนาขอให้มีความหวังหรือปาฏิหารย์บางอย่างเกิดขึ้น…แต่สิ่งนั้นก็ไม่เกิดขึ้นกับภรรยาของเขา อาจเพราะนางคงหมดเวลาบนโลกนี้แล้วจริงๆ“ข้าเสียใจด้วยท่านชี่จง นางทนความเจ็บปวดไม่ไหว…นางตายแล้ว”“แม่จ๋า! แม่จ๋า! ข้าจะไปหาแม่!”“แม่จ๋า!!!”เสียงกรีดร้องเพรียกหาผู้จากไปหยุดลงเมื่อผู้ส่งเสียงนั้นตื่นขึ้นมาบนเตียงไม้ในเรือนอีกหลังด้วยเนื้อตัวที่เปื้อนเหงื่อและใบหน้าเปื้อนน้ำตา ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จึงเป็นเพียงภวังค์ฝันจากอดีตที่นางนึกย้อนกลับไปแล้วต้องรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง …นางเริ่มรู้สึกตัวทีละน้อยเมื่อสัมผัสอันคุ้นเคยประทับที่แขนข้างหนึ่ง หันไปจึงพบบิดาที่มองนางด้วยแววตาเป็นกังวล คา
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 5 เชื้อเพลิงแห่งความริษยา และเด็กปากกล้า

“เฮ้ย! ไอ้ขี้ข้าหน้าแดงมันมาแล้ว!” เสียงใครคนหนึ่งล้อเลียนเมื่อกวนอูกำลังแบกน้ำจากบ่อหน้าเรือนไปเทลงโอ่งไหเงียบๆ“อย่างเอ็ง มีดีก็แค่ใช้แรงให้อาจารย์เท่านั้นแหละ! ฮ่าฮ่าฮ่า!” อีกคนหนึ่งหัวร่อร่าหนึ่งในคณะเด็กพาลพวกนั้น มีลิสง (呂嵩 : ลวี่สงในภาษาจีนกลาง) ลูกนายอำเภอผู้มีฐานะมาจากการขูดรีดลูกบ้านทั้งหลาย ซ้ำนายอำเภอฮอตังผู้เป็นบิดาก็ยังเลี้ยงดูลิสงแบบตามใจ แม้ลิสงจะได้มาเป็นศิษย์ของท่านโฮปิน การขัดเกลาชายหนุ่มคนนี้ เห็นทีจะได้แต่เปลือกนอกแห่งความเสแสร้งที่เขาสร้างมาก็เท่านั้นเขายิ้มเยาะเย้ยเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าเขาราวๆ สามปี (แต่ก็ตัวพอๆ กับเขา) ได้ไม่นานก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มและไมตรีจิตที่ซุกซ่อนเจตนาร้าย เอามือจับบ่ากวนอูศิษย์ผู้น้องเบาๆ “นี่…อาอู ให้ข้าช่วยเจ้ามั้ย?”“ขอบพระคุณขอรับ พี่ลิ–”โครม!!! ซ่า!!!ไม่ทันที่กวนอูจะพูดจบ ถังไม้ใส่น้ำที่เขาแบกหามมาถูกกระชากจากไหล่จนมันหล่นและน้ำก็หกราดพื้นหิน กระนั้น…แม้กวนอูถูกกระทำและถูกหัวเราะเยาะใส่ในฐานะ “คนโง่ที่ตามเกมคนฉลาด (แต่ชั่ว!) ไม่ทัน” เขาก็ไม่ตอบโต้อะไรกับพาลชนกลุ่มนั้นเลย…กลับย่อตัวลงไปหยิบถังไม้นั้นแล้วทำท่าจะเดินกลับไปที่บ่อน
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 6 ต้นไผ้ที่เริ่มสูงชะลูดกับดอกไม้ทะเลทรายในแดนฮั่น

กาลเวลาผันผ่าน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเดียวกลายเป็นหลายปี…แผ่นดินจีนเข้าสู่ปีที่สามแห่งรัชศกกว่างเหอ (光和三年) หรือปี ค.ศ. 180 อันเป็นปลายรัชสมัยพระเจ้าเลนเต้ (ฮั่นหลิงตี้) บ้านเมืองภายในยังคงมีปัญหาจากการบริหารโดยเหล่าสิบขันทีที่คอยปิดบังพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าเลนเต้ด้วยอุปเท่ห์เล่ห์กล เหล่าผู้บริสุทธิ์มีใจจงรักในแผ่นดินและราชวงศ์ถูกใส่ร้าย ไม่ตายก็ต้องหลบลี้หนีภัยไปอยู่ที่อื่น ในขณะที่เหล่าคนพาลกลับถูกยกยอและได้ดีโดยที่ไม่มีวี่แววว่ากรรมจะตามทันเลย…โลกที่ทุกสิ่งกลับตาลปัตรราวกลียุคแบบในเยี่ยงยามนี้ จะดำรงไปอีกนานเท่าใดหนอ?เอาเป็นว่า…ทุกท่าน เรากลับเข้าเรือนท่านโฮปินและเข้าไปติดตามชีวิตของพระเอกนางเอกของเรากันต่อเถิด ว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่“กวนอูเอ๊ย…เจ้าอย่าได้ลังเลที่จะฟาดดาบไม้ไปที่อาแชเลย”ท่านโฮปินซึ่งบัดนี้เริ่มแก่ตัวลงจากช่วงแรกๆ ของเรื่องกำลังจิบชาในขณะที่สั่งให้ศิษย์รัก (และคนที่ท่านผู้ฟังเดาออกว่า…อยากได้อาอูเป็นเขยมาแต่แรก เมี้ยว~) ฟันฟาดลูกสาวตัวเอง! กวนอูที่ได้ยินคำสั่งนั้นชะงักงัน ตัวสั่นเทาน้อยๆมิใช่เพราะกลัวแพ้หรือกลัวเจ็บ แต่เป็นเพราะ… “ท่านอ
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 7 เริ่มต้นการเดินทางสู่โลกที่ไม่รู้จัก

ฮ้าวววว~ ชักง่วงซะแล้ว เอ้าพวกท่านทั้งหลาย! ง่วงไม่ง่วง?!พ่อค้า แม่ค้า พระธุดงค์ ข้าหลวง ฯลฯ : “ไม่~ง่วง~!”ข้าหลวง : “ข้ากำลังรอฟังอยู่นะเจ้าเหมียว!”สาวงามจากแดนต้าหยวน : “เรื่องของอาแชยังไม่จบเลยนา! เล่าให้จบเลยนังแมวดำแห่งเสียนหลอ!”ภรรยาของข้าหลวง : “พี่กวนต้องออกจากเรือนแล้วใช่ไหม?! เมื่อไหร่เขาจะสารภาพรักกัน ฮะ!”ดีล่ะ…งั้นพวกท่านจงเตรียมตัวให้พร้อม เพราะจากนี้…เรื่องราวจะพาท่านทั้งหมดเดินทางออกจากเรือนของท่านโฮปิน เข้าสู่โลกที่มิอาจคาดเดา และรู้ไว้เสียด้วยล่ะ ว่าการเดินทางในครั้งนี้หาใช่เพียงการเปลี่ยนสถานที่ หากแต่คือการเปลี่ยนหัวใจและการเปิดสายตาของคนที่เกิดและโตในแดนฮั่น…ให้กว้างกว่าที่เคยเช้าวันนี้เป็นวันที่สดใส แดดยังไม่แรง ที่หน้าเรือนของท่านโฮปินในตอนนี้กำลังวุ่นวายกว่าวันไหนๆ พวกบ่าวไพร่พากันเดินขวักไขว่ มือถือข้าวของพะรุงพะรังเพื่อยกใส่เกวียน กับเอาไปมัดๆ รวมไว้เพื่อเตรียมแบกหามในระหว่างการเดินทางครั้งนี้“อ้าวเฮ้ยๆ เอาป้ายมาติดหน้าประตูทางเข้าเรือนข้าที่ว่า ‘ไปค้าขายต่างแดนไม่เปิดรับสอนจนกว่าจะกลับ’ พวกเด็กๆ จะได้ไม่หลงมา” ปราชญ์แซ่โฮสะบัดแขนชี้ไปที่ประตูให้บ่าวทำต
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 8 เสียงเพรียกแห่งคำทำนาย ณ วัดแป๊ะเบ๊ยี่

เสียงลมหวีดหวิวพัดกระทบกระดิ่งเงินในวัดดังกรุ๊งกริ๊ง และกลิ่นของควันธูปแต่ไกลๆ เรียกความสนใจของเด็กสาวในชุดไหมเนื้อดีให้มองตามขณะเดินเข้ามาในอารามแห่งแป๊ะเบ๊ยี่ เช่นเดียวกับชายหนุ่มหน้าแดงที่เดินตามนางและบิดาของนางเข้ามาด้วยรูปปั้นม้าสองตัวที่อยู่ตรงหน้าประตู…มันยังอยู่ในความทรงจำของกวนอูแม้จะผ่านเข้ามาภายในเขตวัดแล้วแม้มันจะเป็นหิน แต่เขารู้สึกได้ว่าเหมือนดวงตาของมันจะมองทะลุเข้าไปถึงจิตวิญญาณของเขา และมีเสียงกระซิบบางอย่างที่จับใจมิได้ผ่านมาเข้าหู ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะคิดไปเอง… ‘แต่ดวงตามัน…เหมือนมองตามพวกเรามาจริงๆ’พระธุดงค์ : “โอ้…อาตมาว่ามันต้องมีอะไรแน่…”ภายในเขตแห่งแป๊ะเบ๊ยี่ วิหารทั้งหลายในนั้นถูกสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมฮั่น หลังคากระเบื้องมุงโค้งสีน้ำทะเลเข้มเรียงซ้อนลดหลั่นดั่งเกล็ดมังกร ลายปูนปั้นตามสันหลังคาเป็นรูปสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ เฟิ่งหวง กิเลน และเต่ามังกร ที่คอยค้ำจุนฟ้าดินตามความเชื่อแต่เดิมมา เสาคู่วิหารแกะลายเมฆมงคล ตัดกับผนังไม้ลงรักแดงเข้มที่ถูกกาลเวลาเผาไว้เป็นริ้วรอยนุ่มนวล ด้านในอบอวลด้วยกลิ่นไม้หอมและกำยาน ตลอดแนวทางเดินมีโคมจีนสีแดงแขวนสลับกับแผ่นไม้เขียนคำ
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 9 การเดินทางเริ่มอันตราย

นักรบพเนจร : “เฮ้ย! ข้าว่าเราขาดฉากมันๆ มานานละนะ!”ท่านอยากกินอะไรมันๆ เค็มๆ เหรอ?นักรบพเนจร : “ไม่ใช่โว้ย! ข้าหมายถึงฉากต่อสู้อะ! ฉากใช้กำลังภายใน พลังวรยุทธ์ หรือเพลงดาบเพลงกระบี่ไง!”อ้า~ อย่าเสียงดังใส่ข้าสิ เมี้ยว! ข้าล้อเล่นนนนน! พูดถึงฉากสู้รบปรบมือในเรื่อง จริงๆ มันก็มีในช่วงที่เด็กทั้งสองโตแล้วอะนะ มากกว่าช่วงนี้ด้วย…ว่าแต่ ท่านจะฟังเรื่องการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ ในเส้นทางไปยังตะวันตกจริงๆ หรือ?ทุกคน: “เล่ามา! เล่าเดี๋ยวนี้! ห้ามกั๊ก! ห้ามเท!”พระธุดงค์ : “คุณโยมทั้งหลาย…ใจร่มๆ …”เอาล่ะๆ ข้าจะไม่กั๊กก็ได้ ทุกคน…กุมเสื่อให้แน่นๆ หรือไม่ก็จับมือกันไว้ (ตอนนี้ข้าหลวงและภรรยากุมมือกันและกันแน่น ส่วนนางระบำกับสาวต้าหยวนกระเถิบไปนั่งข้างๆ กัน พร้อมสายตาของทั้งคู่ที่สอดประสานเกินคำว่าเพื่อน…) เพราะการเดินทางต่อจากนี้ จะเริ่มเข้มข้น ดุเดือด และอันตรายกว่าครั้งไหนๆ เลยทีเดียว!คณะของท่านโฮปินกับบุตรีเดินทางออกจากลกเอี๋ยงในราวๆ สองวันต่อมา เจ้าลาทั้งสองที่เทียมรถที่พวกเขานั่งยังคงแข็งแรง ไม่บาดเจ็บหรือป่วย พวกม้าและล่อที่เทียมเกวียนขนของอื่นๆ ก็เช่นกัน ทุกคนในคณะเดินทางก็ยังมีอัตภาพแห่
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more

บทที่ 10 เริ่มเห็นภยันตรายและความกันดารอยู่รำไร

“พวกเราก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้มันยุคเสื่อม ขโมยขโจรชุกชุมนักแหละ”“ใช่ๆ นายท่านกับบุตรสาวและบริวารควรเกาะกลุ่มกันให้ดีนะ”“เส้นทางยิ่งไกล ยิ่งอันตรายและห่างไกลความเจริญ ไหนจะโจร ไหนจะสัตว์ร้าย แถมภัยธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้อีก”เสียงของผู้คนมากหน้าหลายตาเตือนเหล่าคณะเดินทางของท่านโฮปินที่กำลังทยอยขนของขึ้นเกวียนหลังจากพักอยู่ที่เมืองนี้เพียงแค่สามวัน ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดกันหมด เห็นจะมีแต่อาแชที่แม้จะมีพี่เลี้ยงคอยเฝ้าแหนอย่างรัดกุมกว่าแต่เก่าด้วยกลัวจะถูกโจรลักไปอีก…กลับทำหน้าระรื่นชื่นบานเพียงคนเดียวทำไมน่ะรึ?ก็เพราะสายตาของนาง…มองพี่กวนที่ไปช่วยขนของตรงโน้นไงล่ะ!สาวงามจากต้าหยวน: “กรี๊ดดดดดดดด!!!”นางระบำ (ดัดเสียงสุดฤทธิ์) : “ต๊าย ตาย พี่กวนหล่อมากกกกก ไม่ล่ำไป ไม่ผอมแห้งไป โอ๊ยตายๆๆๆๆๆๆ! ข้าจะตายแล้ววววว!”เอิ่ม… ข้าจะไม่ออกความเห็นเรื่องร่างกายของท่านกวนหรอกนะ เดี๋ยวใครๆ จะหาว่าข้าเป็นนางแมวไม่รู้จักละอาย แต่ถ้าให้เลือกระหว่างม้าเหล็กของแคว้นซ่งหนูกับแผงอกของเขาแล้วล่ะก็…ข้าก็คงต้องขอซบแผงอกก่อนแล้วค่อยขี่ม้าทีหลังละกัน เมี้ยว~ (ณ ขณะนี้สาวๆ มองบนกันในทำนอง “เหรอออออออออ”)และแล้
last updateLast Updated : 2025-08-25
Read more
PREV
123
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status