ค่ำคืนแห่งปลายฤดูใบไม้ร่วง แคว้นเป่ยหลานซึ่งเคยอบอุ่นสุขสงบกลับคล้ายเย็นเยียบเป็นพิเศษ สายลมจากทิศเหนือพัดพาเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยแห้งผ่านแนวระเบียงเรือนสูง ขับให้เปลวไฟในโคมแดงไหวระริกอย่างไร้ทิศทางแม้ในยามราตรีจะเยือกเย็นเพียงใด แต่ในใจของชาวเป่ยหลาน ยังมีเพลิงอุ่นหนึ่งดวงส่องแสงไม่เคยริบหรี่ เพลิงนั้น คือ “ลู่หยาง” เจ้าเมืองผู้ยืนหยัดดุจขุนเขา ประคับประคองบ้านเมืองให้รอดพ้นจากห่าธนูและเพลิงสงครามมาได้หลายหนผู้คนต่างเรียกเขาว่า “เจ้าเมืองอักษรเหล็ก” อักษรที่เขียนจากน้ำหมึก แต่หนักแน่นยิ่งกว่าคำสั่งดาบ ทุกถ้อยคำของเขาเคยหยุดศึกได้โดยไม่ต้องแลกด้วยเลือดแม้แต่หยดเดียวลู่หยางมิใช่ขุนนางที่ได้ตำแหน่งด้วยสายเลือด หากแต่ปีนบันไดแห่งคุณธรรมขึ้นมาทีละขั้น เริ่มต้นจากทหารแนวหน้า สู่นายกอง จากผู้แบกหีบศพสหาย สู่นักเจรจาที่ขุนนางทั้งห้าตระกูลยังต้องยอมก้มหัวให้ครั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองเมื่อสิบปีก่อน เมืองเป่ยหลานยังคงเต็มไปด้วยซากปรักหักพังจากศึกใหญ่ ผู้คนอดอยากปากแห้ง ฝนแล้ง น้ำไม่หลั่งแม้สักหยด เด็ก ๆ หลายร้อยคนไม่มีแม้แต่ข้าวสุกมื้อล่าสุดให้กินประทังความหิวโหยลู่ก็มิได้เร
최신 업데이트 : 2025-10-07 더 보기