ความหมายของคำว่า 'ชาติ' ในนิยายแฟนตาซีไทยมักถูกใช้อย่างหลายชั้นและยืดหยุ่น จนบางครั้งมันกลายเป็นสัญลักษณ์ทางอุดมคติที่นักเขียนเล่นกับมันอย่างชำนาญ
ผมมักจะมองว่า 'ชาติ' ในงานแนวนี้มีสามแกนหลักที่ทับซ้อนกันได้: แกนของการเวียนว่ายตายเกิดหรือชาติกำเนิด (
reincarnation), แกนของสายเลือด/เชื้อชาติที่ให้พลังหรือสิทธิ์พิเศษ, และแกนของชาติบ้านเมืองซึ่งเป็นกรอบสังคมการเมืองที่ขับเคลื่อนพล็อต ในบางเรื่องอย่าง '
ห้วงฝันแห่งชาติ' นักเขียนเอาแนวคิดเวียนว่ายตายเกิดมาทำให้ตัวเอกมีความทรงจำข้ามชาติ ซึ่งกลายเป็นแหล่งความรู้และปมจริยธรรม แต่ในอีกเรื่องเช่น 'ตำนานเลือดบรรพกาล' คำว่า 'ชาติ' ถูกเน้นเป็นสายเลือด—คนบางตระกูลมี 'ชาติ' พิเศษที่ส่งต่อพันธุกรรมความสามารถหรือคำสาป ทำให้ความหมายของชาติเปลี่ยนจากเรื่องส่วนบุคคลเป็นประเด็นสาธารณะ
เมื่อสองแกนนี้ชนกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าสนใจมาก: ชาติในความหมายของชีวิตเก่า-ใหม่อาจกลายเป็นเหตุผลให้ตัวละครต้องแบกรับกรรมและแก้ไขความผิดพลาดจากชาติก่อน ส่วนชาติในความหมายของสายเลือดมักถูกใช้สร้างชั้นวรรณะ เช่น บรรพกาลมีสิทธิ์ปกครองหรือถูกล่าเพราะกรรมพันธุ์ นอกจากนั้นยังมีนิยายใช้คำว่า 'ชาติ' ในเชิงชาติพันธุ์—กลุ่มคนหรืออาณาจักรที่มีวัฒนธรรมและ
เวทมนตร์เฉพาะตัว ซึ่งมักนำไปสู่แผนที่การเมืองและสงครามข้ามชาติในเรื่อง
สรุปไม่ได้แน่ชัดว่าคำว่า 'ชาติ' มีความหมายเดียวในนิยายแฟนตาซีไทย เพราะมันทั้งเป็นหัวใจของชะตากรรม เป็นเครื่องมือบอกสถานะทางสังคม และยังเป็นเครื่องจักรขัดเกลาพล็อตและตัวละคร ผมชอบเวลาที่นักเขียนผสมหลายความหมายเข้าด้วยกัน ทำให้คำว่า 'ชาติ' ทั้งงดงาม โหดร้าย และเศร้าซ้อนกันไปมา—แบบที่ยังคงทำให้ผมหยุดคิดถึงตอนจบได้อีกหลายวัน