เราเคยแบ่งนิยายแนว
พ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงออกเป็นหมวดใหญ่ๆ ไว้เพื่อช่วยให้บอกคนอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะคำว่า 'พ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง' ถูกใช้ครอบคลุมตั้งแต่ความสัมพันธ์แบบครอบครัวอบอุ่นจนถึงแนว
รักต้องห้ามที่ดุดันได้เลย หมวดแรกคือแนวครอบครัว/ฮีลลิ่ง ซึ่งโฟกัสที่การเรียนรู้บทบาทพ่อแม่ การเติบโตของเด็ก และการสร้างสายสัมพันธ์ใหม่ๆ ในหมวดนี้เรื่องราวมักเน้นความอบอุ่น เหตุการณ์ประจำวัน และการแก้ปัญหาภายในครอบครัว เช่น การปรับตัวหลังการแต่งงานใหม่หรือการรับเด็กเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่ง ที่คนอ่านจะได้ความอิ่มใจและความรู้สึกปลอดภัยมากกว่าความตึงเครียดทางความสัมพันธ์
ความแตกต่างที่ชัดเจนอีกประเภทคือแนวความรักแบบคู่ใหญ่-เด็กโต (age-gap romance) ซึ่งมักให้โฟกัสไปที่ความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกระหว่างคนสองคนที่มีความแตกต่างด้านอายุหรือประสบการณ์ หมวดนี้มีดราม่าเรื่องความคาดหวังของสังคม ความขัดแย้งภายใน และการพิสูจน์ความจริงใจ ถัดมาเป็นแนวดาร์ก/คอนเทนต์หนัก ซึ่งรวมทั้งเรื่องที่มีการใช้ความรุนแรงทางอำนาจ ความไม่เต็มใจ หรือประเด็นเชิงจริยธรรมที่อ่อนไหว หมวดนี้มักมีคำเตือนชัดเจนเพราะเนื้อหาสามารถกระทบจิตใจได้มาก
อีกมุมคือแนวคอเมดี้/ฟันเซิร์ฟ ซึ่งเล่นกับสถานการณ์อึดอัดและการเข้าใจผิดจนเกิดเสียงหัวเราะแบบคลายเครียด บ่อยครั้งจะเห็นพฤติกรรมเกินจริงหรือสถานการณ์มหัศจรรย์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่น่าเบื่อ ส่วนแนวแฟนตาซีหรือเหนือธรรมชาติก็เป็นอีกชุดที่ชอบเอาโครงสร้าง 'พ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง' ไปวางในโลกที่มีเวทมนตร์ การผจญภัย หรือ
พันธสัญญาพิเศษ ทำให้ธีมครอบครัวถูกใส่ความหมายเชิงสัญลักษณ์ อย่างเช่นการรับเลี้ยงเพื่อชุบเลี้ยงพลังหรือชะตากรรมของตัวละคร
มุมสำคัญที่ต้องให้ความสนใจคือโทนและเป้าหมายของผู้เขียน—บางเรื่องต้องการเล่าเรื่องฮีลลิ่งและการเยียวยา ขณะที่บางเรื่องใช้ความตึงเครียดเพื่อกระตุ้นอารมณ์ผู้อ่าน การตัดสินใจว่าเรื่องไหนเป็นแบบไหนมักขึ้นกับวิธีการนำเสนอ consent (ความเต็มใจ), อายุของตัวละคร, และผลลัพธ์ทางสังคมที่นิยายแสดงให้เห็น นอกจากนั้นยังมีเวอร์ชัน LGBTQ+ ที่ปรับบริบทเป็นความสัมพันธ์แบบ
ชาย-ชายหรือ
หญิง-หญิง ซึ่งจะมีไดนามิกเฉพาะตัว เช่น การต่อสู้กับการยอมรับจากครอบครัวใหม่หรือความเข้าใจระหว่างรุ่น
สุดท้าย การอ่านนิยายแนวนี้สำหรับเราเป็นเรื่องของการเลือกอารมณ์ที่ต้องการ จะหาอ่านเพื่ออุ่นใจ เห็นการเยียวยา หรืออยากสำรวจความขัดแย้งและมุมมองเชิงจริยธรรมก็ได้ต่างกันไป เวลาเจอเรื่องที่โดนใจเรามักจะติดตามดูว่าผู้เขียนจัดการกับผลกระทบของความสัมพันธ์ในระยะยาวอย่างไร เพราะนั่นแหละเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าครอบครัวที่ถูกสร้างขึ้นในเรื่องมีน้ำหนักและไม่ใช่แค่สถานะบนหน้ากระดาษเท่านั้น