เพลงที่แว่วในหัวผมทุกครั้งเมื่อคิดถึง
หลี่จิ่วหลินคือ 'เสียงของหลี่' — โทนเพลงแบบว็อกคอลที่ผสมความเหงาและความอ่อนแอไว้ได้อย่างแสบทรวง เพลงนี้ไม่ใช่แค่เมโลดี้สวย ๆ แต่เป็นการวางเลเยอร์ของเสียงที่ทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมาในจิตนาการของแฟน ๆ โดยเฉพาะท่อนคอรัสที่ขึ้นด้วยสายซอเบา ๆ แล้วตามด้วยเสียงประสานสูง ทำให้ตอนได้ยินครั้งแรกผมแทบจะรู้สึกได้ถึงภาพฉากที่เขายืนเดียวดายท่ามกลางแสงจันทร์
ความน่าสนใจก็คือเวอร์ชันว็อกคอลมักมาในบริบทของฉากเปิดเผยความเจ็บปวดหรือการยอมรับตัวตน ฉาช่วงร้องประสานจะซ้อนด้วยซินธิไซเซอร์ที่ให้ความรู้สึกเป็นก้อนเมฆ เหมือนย้ำเตือนว่าคนเราไม่จำเป็นต้องตัดสินใจเป๊ะทุกครั้ง แต่การได้ยินเสียงนั้นบ่อย ๆ ทำให้เมโลดี้ติดหู ไม่ว่าจะเป็นท่อนฮุคสั้น ๆ ที่วนกลับมา หรือเทคนิคการขยี้เสียงของนักร้องที่ทำให้คำนั้นค้างอยู่ในลำคอ ผมชอบที่เพลงนี้ไม่พยายามเป็นเพลงฮิตแบบตรงไปตรงมา แต่วางความเรียบง่ายให้ทำงานกับอารมณ์ ทำให้มันอยู่ในหัวได้นานกว่าจังหวะป๊อปธรรมดา
อีกเหตุผลที่ทำให้ผมยกเพลงนี้เป็นเพลงติดหูคือการใช้ซาวด์เอฟเฟกต์เล็ก ๆ น้อย ๆ — เสียงฝนกระทบ, เสียงแผ่วของใบไม้ — ที่ถูกใส่ในช่วงท้ายของเพลง ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของการย้อนความทรงจำ ทุกครั้งที่ฉากในอนิเมะ/ซีรีส์ที่เกี่ยวกับหลี่จิ่วหลินมีการเปลี่ยนเฟสไปสู่ความเงียบ เพลงนี้จะโผล่มาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นฉากตัดสินใจยาก ๆ หรือฉากที่คนสองคนหันหน้าปรับความเข้าใจกัน มันจึงกลายเป็นเพลงติดหูไม่ใช่เพียงเพราะทำนอง แต่เพราะความเชื่อมโยงเชิงอารมณ์ที่มันสร้างขึ้นมาให้กับแฟน ๆ — นี่แหละคือเหตุผลที่ทุกครั้งที่มีใครถามผมว่าเพลงไหนเกี่ยวกับหลี่จิ่วหลินที่ติดหูที่สุด ผมมักจะนึกถึง 'เสียงของหลี่' และยิ้มออกมาแบบเงียบ ๆ ทุกที