แปลกนะที่เพลงใน 'ภูริทัตกับ
บทเพลงสุดท้าย' กลายเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งของเรื่อง ไม่ได้เป็นแค่พื้นหลัง แต่กล่อมอารมณ์และชี้นำจังหวะการเล่าเรื่อง
ฉันมองว่าโครงเรื่องของนิยายนี้ทำงานในสองชั้น: ชั้นแรกเป็นเรื่องของการตามหาตัวตนผ่านเสียงเพลง ชั้นที่สองเป็นเรื่องของการให้อภัยระหว่างคนสองคน ฉากหนึ่งที่ชอบมากคือคอนเสิร์ตเล็กๆ ที่ภูริทัตยืนสั่นเทาด้วยความกลัวก่อนจะร้องเพลงที่เขาเขียนให้คนสำคัญ — การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขาทำให้ผู้ชมในนิยายและผู้อ่านในชีวิตจริงรู้สึกได้ถึงความเปราะบาง
การใช้บทเพลงเป็นสัญลักษณ์ทำให้ฉากต่างๆ มีน้ำหนักขึ้น เมื่อเพลงจบ เหตุการณ์บางอย่างก็เปลี่ยนทิศทางไป และฉันมักจะกลับไปอ่านฉากนั้นซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในคำร้อง นั่นคือเสน่ห์ที่ทำให้แฟนๆ เทใจให้เรื่องนี้