Share

บทที่4.วันที่พิเศษ

last update Last Updated: 2024-12-18 05:16:20

แสงไฟนีออนส่องใบหน้าแดงอ่อนเพราะฤทธิ์สุรา นัยน์ตาสีฟ้าจมูกโด่งเป็นสันยกยิ้มพลางปากขยับ

“Hi” (สวัสดี ครับ)

ใบหน้าเรียวส่งยิ้มหวานให้หนุ่มตาน้ำข้าวแล้วเชิญเขานั่งลงข้างเธอ เขาไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลอะไรมากมายที่มาสายมีเพียงเสียงที่ละมุนที่เอ่ย ว่า

“Sorry I’m late” (ขอโทษที่ผมมาสาย)

“That’s alright, ไม่เป็นไรค่ะ” .. บนโต๊ะอาหารทุกคนร่วมทานอาหารด้วยกันพลางสนทนาสัพเพเหระด้วยภาษาอังกฤษที่อาจจะไม่ถูกแกรมม่าบ้างแต่แซมก็เข้าใจได้ดี

ราตรีแห่งคืนสังสรรค์ของคืนนี้ใกล้เลิก.. รถที่เบาบาง ร้านค้าบางร้านก็เตรียมจะปิด นักเที่ยวบางกลุ่มก็กำลังจะกลับ เจ๊แตงได้เดินนำหน้าไปหลายก้าวเพื่อไปเรียกแท็กซี่ที่ปากทาง

หนุ่มสูงยาวกับสาวร่างเพรียวเดินคู่บนไหล่ทางพูดคุยสานสัมพันธ์ที่เริ่มสนิทพลันสายตาแซมชำเลืองมองเด็กหนุ่มยืนเรียกลูกค้าอยู่ริมทางที่ดังชัดเจน เขาก้าวยาวเข้าไปหาหนุ่มน้อยคนนี้ทันที หมุนตัวกลับมาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ที่เหมาจากเด็กหนุ่มผู้โชคดีหอบมาด้วยสายตามันวาวส่งดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ให้อีฟ

“Happy valentine day”แซมพูดด้วยน้ำเสียงชวนหลงใหล

“Can I see you again tomorrow?” (ผมสามารถเจอคุณพรุ่งนี้อีกได้ไหม)

“Sure” (ได้แน่นอนค่ะ) อีฟไม่ได้ลังเลเลย ยิ้มกว้างรับช่อดอกไม้สีแดงที่แซมมอบให้

……

บนรถแท็กซี่ได้ยินแต่เสียงกรนของเจ๊แตงที่งีบหลับ นัยน์ตาระยิบระยับของอีฟมองดอกไม้หลายร้อยดอกใบหน้าอมยิ้มด้วยความปลื้มใจเพราะจริงแล้วเธอก็ชอบเขาอยู่เหมือนกัน

……

“พรุ่งนี้เจอกัน นะอีฟ”

“ค่ะ เจ๊”

คืนที่สองของงานได้ผ่านไปเธอนำเงินที่ได้มานับเลื่อนสายตามองบิลที่รวมอยู่บนโต๊ะ กดเครื่องคิดเลขจ้องดูตัวเลขที่รวมได้ พลางถอดหายใจยาวออกมาเพราะยังขาดอีกนิดหน่อย แต่พรุ่งนี้วันอาทิตย์ซึ่งเธอคิดว่าจะหยุดวันจันทร์มีเรียนแต่เช้าซึ่งสำคัญกว่า เธอบอกตัวเองในใจ ่ว่า "ไม่เป็นไร" แล้วหมุนตัวไปจัดการอาบน้ำเตรียมเข้านอน

………

10.45 Am เสียงนาฬิกาในมือถือดังปลุกอีฟตื่นลืมตาดันร่างจากเตียงไปหยิบดูมือถือที่ชาร์จแบตไว้ก่อนนอน เลื่อนหน้าจอมองข้อความแซมที่ส่งมา

“Can we meet today during lunch?” (วันนี้เราเจอกันช่วงกลางวันได้ไหม) อีฟอ่านข้อความจบ เธอยังไม่รีบตอบ เคลื่อนร่างไปเปิดประตูเพื่อจะไปหาแนนซี่ที่ห้องถัดไป

“แนนซี่ แนนซี่” เธอเรียกเพื่อนอยู่หน้าห้อง พลางยกมือเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก

ประตูห้องเปิดออก สาวร่างอุดมสมบูรณ์เดินไปล้มตัวนอนลงต่อ

“แนนซี่ ไปทานข้าวกัน” อีฟดึงแขนแนนซี่ที่ยังนอนขี้เซาอยู่บนเตียง

“แนนซี่ ตื่น”

“อือ.” มีแต่เสียงในลำคอที่บอกว่าได้ยินแต่เปลือกตาไม่ขยับ

สายตาอีฟเหลือบเห็นกล่องพิซซ่าที่จัดโปรวางซ้อนกันเลื่อนสายตาหน้าจอโน้ตบุ๊กเปิดซีรีส์ค้างไว้

ก็พอนึกออก.. คิดในใจว่า “แนนซี่ยัยหมูตอนคงพึ่งจะได้นอนแน่เลย”

“โอเค แนนซี่ไม่กวนละ” เธอบอกแนนซี่พลางเดินออกไปคิดว่าวันนี้จะปล่อยให้แนนซี่นอนพักผ่อนเพราะดูแล้วแนนซี่คงพึ่งได้นอนเป็นแน่ หยิบมือถือแล้วพิมพ์ตอบแซม

“Sure”

“Where should we meet?” (เราจะเจอกันที่ไหนดีคะ)

หนุ่มหล่อที่ยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงมือถือข้างลำตัวสั่นเตือนให้เขาเปิดอ่านข้อความ

“eve” เขาเอ่ยชื่อในลำคอแล้วพิมพ์ข้อความตอบเธอนัดแนะจุดนัดพบใจกลางเมืองที่เธอพอจะมาสะดวกและเขาพอเข้าใจเพื่อจะได้ไม่หลงทางอีก

12.00pm สี่แยกใจกลางกรุงหน้าห้างดังหัวมุมถนนซึ่งชั้นบนเป็นโรงแรมระดับห้าดาว

หนุ่มร่างยาวผิวขาวสวมเสื้อผ้าฟรีสไตล์ให้เข้ากับเมืองร้อน ยืนสองขาด้วยรอยยิ้ม มองสาวผมยาวสวมกางเกงยีนขาสั้นโชว์ขาเรียวคล้ำในเสื้อยืดสีขาวไซซ์XS บนรองเท้าผ้าใบเดินตรงมา

“สวัสดี ครับ”

“สวัสดี ค่ะ”

“Where shall we go?” (เราจะไปที่ไหนกันดี)

“Where would you like to go?” (คุณอยากไปที่ไหนละ)

แซมนึกอยู่สักครู่ คิดว่าจริงๆ แล้วเขาก็พอไปมาหลายที่มาบ้างแล้ว เพราะอยู่ที่นี่ได้สักระยะถ้านับก็ประมาณ6-7เดือน แต่เขาอยากสานสัมพันธ์เพื่อจะได้รู้จักอีฟมากกว่า นั่นคือเหตุผลที่เขามี

“Are you hungry” (คุณหิวไหม)

“i ‘m ok” (ไม่ค่ะ)

“Anywhere ,You guide me” (ที่ไหนก็ได้คุณแนะนำ)

เมื่อแซมอยากให้อีฟพาเที่ยวเธอก็ยินดีเพราะเธอก็ชอบไปเป็นประจำช่วงวันหยุดกับเพื่อนเกือบทุกอาทิตย์ จึงมีไอเดียว่าจะพาแซมเที่ยวแถวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งเธอคุ้นเคย พาแนนซี่ไปหาของกินอร่อยๆ ทานกันตามกระแสอินเทอร์เน็ต

เรือด่วนในคลองมุ่งเข้าใจกลางเมืองในคลองที่แคบเรือแล่นเร็วสวนกันไปมาน้ำคลองสาดกระเด็นกระทบพลาสติกกั้น เล็ดลอดเข้ามาในเรือ มีเสียงกรี้ดของผู้โดยสารสาวเป็นระยะๆ ราวกับนั่งเครื่องเล่นบนสวนสนุกชวนลุ้นตลอดทาง ว่า " เมื่อไหร่จะถึง"

นั่งเรือต่อรถเมล์ซึ่งอีฟค่อนข้างชำนาญทาง พาแซมเดินกลางแดดร้อนระอุ ลัดเลาะเข้าออกตามซอกซอย ถึงตอนนี้แซมพอนึกออกแล้วว่า แถวนี้นี่เอง เมื่อคืนที่หลงมา

อีฟมองยอดปรางค์ที่โดดเด่นสวยงามตระการตานักท่องเที่ยวต่างมุ่งหน้าเข้าไปเยี่ยมชมเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนสถานที่จะปิด

“I’ll take you there to make a wish” (ฉันจะพาเธอไปที่นั่น เพื่อขอพร) พลางชี้นิ้วให้แซมดู

“O k” แซมยิ้มด้วยความยินดียิ่งนัก

อีฟจับมือแซมเดินเข้าร้านขายของฝากที่ระลึกเพื่อซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนให้สุภาพ แล้วทั้งสองก็ผ่านเข้ามาชมความงดงามของหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองไทย

มีเพียงกล้องมือถือที่ถ่ายเก็บความงามไว้เป็นที่ระลึกระหว่างที่เดินไปรอบๆแดดที่เผาผิวให้คล้ำบนรอยยิ้มของทั้งสองที่ส่งให้กันเป็นระยะ ไม่มีคำพูดอะไรออกมามากมายเพราะพวกเขาได้เพลิดเพลินกับความวิจิตรตระการตา

แดดเริ่มอ่อนแรง อีฟและแซมเดินวนรอบเมืองจวนใกล้เวลากลับ

“Are you hungry” (คุณหิวไหม)เสียงใสเอ่ยถามพลางมองนัยน์ตาสีฟ้าบนใบหน้าที่มีเหงื่อเกาะ นิ้วหยิบกระดาษทิชชูซับให้

“Yes” (ครับ)

มีร้านข้างทางที่เธอโปรดแวะเข้าทุกครั้งที่ผ่านมา มีเมนูที่เธอติดใจในรสชาติดั้งเดิม อีฟจับมือแซมเข้าร้านหาที่นั่งแล้วจัดการสั่งอาหารให้เขาได้ลิ้มลอง

แซมมองอีฟด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างไม่กะพริบ

อีฟเงยหน้ามองดวงตาที่มีเงาสะท้อนเป็นหน้าของเธอพลางเอ่ยน้ำเสียงใส ว่า

“Can you eat Pad Thai ?” (คุณทานผัดไทยได้ไหม)

“I like Phadthai but I like you more” (ผมชอบผัดไทยแต่ผมชอบคุณมากกว่า)

“Thank you very much for today’s special” (ขอบคุณมากครับสำหรับวันนี้ที่พิเศษ) แซมตอบเธอด้วยรอยยิ้มแห่งความประทับใจเพราะเธอทำให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษสำหรับเขา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่18.บทสุดท้าย

    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)    บทที่17.ถึงเวลาต้องเลือกทางเดิน

    ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่16.ความสัมพันธ์เหินห่าง

    ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่15.เฉลิมฉลอง

    หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่14.บททดสอบ

    เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่13.คอนโดสูงกลางเมือง

    หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status