บนชั้น 4 ของอาคารสำนักงานใหญ่ Parallel นั้นแตกต่างไปจาก 3 ชั้นข้างล่างอยู่มากโข กล่าวคือ ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของมันเป็นยังไง มันเปรียบได้กับแดนสนธยาที่มีเพียงแพทย์หญิงเจ้าของชั้นอย่างยูมิโกะ กับบอสเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พื้นที่ทั้งชั้นถูกปกปิดไว้หมดด้วยม่านพลังงานที่เธอคิดค้นขึ้น แผ่นเจวบาง ๆ ขุ่นใสสีช้ำเลือดช้ำหนองฉาบไปทั่วทุกซอกทุกมุม ขึงพืดสร้างเป็นผนังกั้นห้องราวกับไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ความลับในโลกส่วนตัวของเธอ
.
แต่ถึงกระนั้นก็ยังเปิดพื้นที่ส่วนหน้าเอาไว้ เพื่อคอยคัดกรองบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติงาน คนที่อาการหนักจะถูกนำตัวฝ่าแผ่นเจลเหนือดเหนียวเข้าไปภายใน ส่วนคนที่อาการไม่เท่าไหร่หมอยูมิโกะจะทำการรักษาแบบฉับไวอยู่ด้านนอก ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าอาการของพ่อหนุ่ม เจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ นั้น จะอยู่ระดับไหนในสายตาเธอ
.
"ฮู้วววว.. เสร็จซะที เมื่อยจังเลยยูมิ ขอน้ำให้ฉันสักแก้วสิที่รัก"
.
"ไฮ้!..ได้ค่ะหมอ เชิญคุณหมอออกไปรอด้านนอกนะคะ เดี๋ยวยูมิตามออกไป"
.
ม่านเจลเหนียวหนืดจมบุ่มลึกลงไป หมอสาวพราวสเน่ห์สอดแขนเข้าไปก่อน ต่อด้วยการค่อย ๆ เอี้ยวตัวเบียดเสียดความยืดหยุ่นหยึกหยึ๋ยดังกล่าว จนดวงหน้าโผล่พรวดออกมาด้านนอก ผมสลวยของเธอถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำเมือก เสื้อผ้าชุดกาวน์เปรอะเปื้อนยืดเป็นยาง ไหนจะแขนขาที่เกาะกังไปด้วยก้อนวุ้นที่ไม่รู้สึกได้ถึงความมีประโยชน์ใด ๆ เลย
.
"ฮึบ.. ฮาาาา.. อากาศบริสุทธิ์สดชื่นที่สุดเลย.. ย.. ย.."
"เคสยากระดับนี้ถ้ามันจะพลาดบ้างก็คงไม่เป็นไรหรอก สงครามนิวเคลียร์ทำคนตายมากกว่าฉันตั้งเยอะ"
.
ร่างบางสืบเท้าเดินมาทิ้งตัวลงกับเก้าอี้หมุนหลังโต๊ะทำงาน เธอชูมือขึ้นสุดเหยียดบิดตัวไปมาบ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อันเกิดจากหน้าที่ ๆ ต้องรับผิดชอบ ตาหยีเล็กเรียวของเธอเร่ิมเคลื่อนตัวปิดสนิท ครานั้นหางตาก็ยังคงยกสูงด้วยสไตล์ของคนเอเชียที่หาดูได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน
.
"ดึ๋งงงง.. ดั๋งงงง.. ด๊วบบบ.. ด๊วบบบ!"
เสียงแหวกม่านเจลแบบเดียวกันดังตามมาติด ๆ หากแต่คราวนี้คนที่โผล่ออกมาไม่ใช่คุณยูมิผู้ช่วย หากแต่เป็นนาริตะพยาบาลสาวหน้าตาน่ารักอีกคนหนึ่ง
.
"ฮึบ.. อึบ!.. อ่า!.. น้ำได้แล้วค่ะคุณหมอ เหนื่อยแย่เลยนะคะ"
เธอวางแก้วลงบนโต๊ะ เสียงกระทบทำให้หมอยูมิโกะสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์
.
"อ่าว.. นาริตะจัง แล้วยูมิจังล่ะจ๊ะ?"
.
"อ๋อ! พี่ยูมิกำลังตระเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้คุณหมออยู่ค่ะ เห็นแกบอกว่าถ้าปล่อยให้คุณหมอตัวเปื้อนแบบนี้นาน ๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย"
.
ยูมิโกะมุ่ยหน้า เธอยืดตัวขึ้นจ้องเขม็งเข้าไปในแววตาบ่องแบ้วของพยาบาลผู้ช่วย
.
"พวกเธอพี่น้องนี่ยังไงกัน? ชอบทำนอกเหนือคำสั่งหมออยู่เรื่อย บางทีหมอก็คิดเหมือนกันนะว่าทำอะไรพลาดไปรึเปล่า? ถ้างั้นขอลองอีกทีนะ"
.
กระดกแก้วน้ำยกขึ้นซดรวดเดียวหมด กระแอมในลำคอเล็กน้อยแล้วก็ออกคำสั่งใหม่
.
"นาริตะจังจ๊ะช่วยเตรียมเตียงผ่าตัดให้หน่อยสิ หมออยากนอนพักสักงีบก่อนเริ่มงานต่อใน section ที่ 2 ปลุกหมอตอนบ่ายสองสี่สิบห้านะ"
.
"ไฮ้! , ได้ค่ะ^^"
.
.
พื้นที่ส่วนหน้าบริเวณที่หมอยูมิโกะกับนาริตะจังอยู่ ณ ขณะนี้ กินพื้นที่ราว 30% ของชั้น 4 เห็นจะได้ มันถูกปูด้วยกระเบื้องโมเสคอย่างดี มีตู้ยาสามัญประจำบ้านขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ค่อนไปทางขวาด้านในสุดเป็นมุมโต๊ะทำงานที่ยูมิโกะกำลังนั่งอยู่ตอนนี้ ส่วนม่านเจลตึ๋งหนืดนั้นอยู่เยื้องไปทางขวาห่างจากโต๊ะประมาณ 3 เมตร กินพื้นที่ฝาผนังไปหมดทั้งแถบ ซึ่งบอกตรง ๆ เลยว่าการเต้นยุบยับของมันมองกี่ครั้งก็สะอิดสะเอียนน่าขนลุก คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเหตุไฉนและเพราะอะไรหมอยูมิโกะสาวญี่ปุ่นผิวเนียนหุ่นบอบบางผู้นี้ ถึงได้มีรสนิยมประดิษฐ์ของแบบนี้ขึ้นมา
.
สรุปแล้วถ้าไม่นับเจ้าผนังม่านเจลชวนอ้วกดังกล่าว พื้นที่ส่วนหน้านี้ก็มีสภาพไม่่ต่างจากคลีนิครักษาคนไข้ของหมอทั่่วไป เครื่องไม้เครื่องมือครบ เว้นก็แต่เตียงผ่าตัดที่จะเคลื่อนตัวขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีคนกดปุ่มลับที่ซ่อนไว้เท่านั้น
.
นาริตะจังซอยเท้ายุกยิกยิ้มแป้นแล้นไปที่ด้านหลังตู้เก็บยา ทันทีที่เธอเอื้อมมือไปกดสวิทซ์ลับ กลุ่มกระเบื้องโมเสคตรงกลางห้องก็เลื่อนสลับที่ปรับตำแหน่งได้เองราวกับตัวต่อพาสเซิล แรงสั่นสะเทือนจากพื้นสำผัสได้โดยตรงจากฝ่าเท้า แก้วน้ำที่หมอกินหมดแล้วกระทบกับสันโต๊ะ ก๊อกแก๊ก ๆ ๆ จนเกือบจะร่วงหล่น แล้วทันใดนั้นเองพื้นที่ตรงกลางก็ค่อย ๆ ยุบตัวลงไป เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดหนังสีดำขลับเคลือบมันแวววับค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาทดแทนด้วยระบบไฮโดรลิค เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากลูกสูบบดอัดกันเสียดสีก้องดังกังวาน ควันเล็กน้อยที่โพยพุ่งออกมาช่วยให้ทุกอย่างดูอลังการมากยิ่งขึ้น
.
หมอยูมิโกะเท้าคางมองนวัตกรรมที่เธอสรรค์สร้างด้วยความภูมิใจ มันช่างเท่ถูกใจเหมาะกับลุคสาวฮาราจูกุตัวเปื้อนเมือกอย่างเธอเสียจริง ก่อนจะเหลือบตาขึ้นไปมองฝ้าเพดานข้างบนต่อ ให้ตายเถอะ! เพราะว่ามันแทบจะไม่ต่างกันเลย หลอดไฟนีออนบนเพดานย่นยู่เข้าหากันราวกับหลอดกาแฟ ต่อด้วยการพลิกสลับด้านคลี่ตัวออกคล้ายกับใบพัด แผ่สยายออกมาเป็นหลอดไฟผ่าตัดหลาย ๆ ดวงที่เรียงติด ๆ กันเป็นแพร สว่างไสวยิ่งกว่าสปอร์ตไลท์ในสนามโอแทรดฟอร์ด
.
"พอแล้วจ๊ะนาริตะ ไม่ต้องเปิดไฟหรอกหมอแค่จะนอนเฉย ๆ อย่าลืมปลุกด้วยนะ"
.
"แต่หมอคะนอนบนเตียงคนไข้แบบนี้มันจะดีเหรอคะ โบราณเขาถือ"
มือเรียวคว้าเอาชายเสื้อเปื้อนเมือกของหมอเอาไว้ เจตนารั้งให้เจ้านายฉุดคิด
.
"ไหนจะชุดที่เปื้อนอยู่นี่อีกล่ะคะ ไม่รอพี่ยูมิหน่อยหรอ? พวกเราพร้อมจะรับใช้หมออยู่แล้วไม่ต้องเกรงใจเลย"
.
"เฮ้อ.. หมอว่าพวกเธอน่าจะเสียจริง ๆ แล้วล่ะ! ไปเลยนะไปยืนเฝ้าหน้าประตูโน่นเลย! ฉันจะนอนพักสมองให้หายเครียดตื่นมาคงไม่ต้องทำแล้วล่ะงาน section 2 อะไรเนี่ยะ พวกเธอพี่น้องน่ีล่ะเคสเร่งด่วนเลย เฮ้อ!"
.
สงสารก็สงสารทำไมน้อทำไมถึงทำกับนาริตะจังได้ลงคอ? สาวน้อยคอตกเดินจิกเท้ายุกยิกกลับไปเฝ้าหน้าประตูตามที่คุณหมอสั่ง เธอก็แค่ปรารถนาดีทำไมคุณหมอถึงต้องตวาดเธอรุนแรงเช่นนี้ด้วย
.
"ก็นาริตะรักคุณหมอนี่นา หมอไม่เคยแอบรักใครหมอไม่รู้หรอก เช๊อะ!"
หน้างอเป็นห่อหมก แต่ต่อให้อยู่หน้าประตูสาวเจ้าก็ยังแอบอมยิ้มและชำเลืองมองคุณหมอคนเก่งของเธออยู่เป็นระยะ
.
"พี่ยูมิก็ช้าเหลือเกิน ถ้าคุณหมอไม่สบายขึ้นมาฉันโกรธพีี่จริง ๆ นะ"
.
ระหว่างที่คุณหมอยูมิโกะค่อย ๆ ซ่วงซึมหลับไป ตัดภาพมาที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามแขนพิการกับองคชาติใหญ่ยักษ์กันบ้าง เบอร์แบโต้ประคองเอาร่างอันหนักอึ้งของเจฟเฟอร์ขึ้นมาถึงชั้น 3 เป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่เรี่ยวแรงเองก็เริ่มจะร่อยหรอลงทุกที ไหนจะต้องมาถือแขนที่ขาดกับดอกไม้บ้าบอที่แสนจะพะรุงพะรังนี่อีก
.
"ถึงยังวะไอ้โต้! กูชักเริ่มหน้ามืดแล้วว่ะ ไม่น่าอวดเก่งเลยกูแม่งหายใจไม่ออก.. แค็ก ๆ แค็ก ๆ"
.
"ยังพี่เพิ่งชั้น 3 เองเพิ่งถึงฝ่ายการเงิน อดทนอีกนิดเดียวขึ้นบันไดนี้ไปก็ถึงแล้ว ว่าแต่ควยพี่นี่แม่งโคตรถึกเลยว่ะเดินลากมากับพื้นขนาดนี้ยังโด่ไม่รู้ล้มอยู่เลย พี่กินอะไรโด๊ปมารึเปล่าพี่เจฟ มีของดีอะไรบอกน้องบอกนุ่งบ้าง?"
.
"แดกน้ำหีแม่มึงมั้งไอ้สัด! ไม่มีเหี้ยไรทั้งนั้นแหละ! ก็เพราะกูไม่รู้นี่ไงกูถึงให้มึงพามาหาหมอ บอกตรง ๆ นะแขนที่ขาดอ่ะกูไม่ห่วงเลยกูเคยโดนมาหนักกว่านี้ แต่ควยกูดิแม่งผิดปกติโคตร ๆ ! แข็งจนปวดระบมไปหมด ไป ๆ อย่าถามมากกูต้องใช้ออกซิเจนหายใจอีกเยอะ"
.
"ได้้พี่ได้ถึงพอดีเลย เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็ถึงแล้ว"
.
ร่างหนาสองร่างตะกุยตะกายข้างฝา เซถลาตามทางเดินมาจนถึงห้องรับรองส่วนหน้าของหมอยูมิโกะ ด้วยเลือดที่หยดเป็นทางมาจากชั้นล่าง (ร้านดอกไม้) ถ้าจุดคัดกรองส่วนหน้าไม่ให้ผ่านก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เพราะเท่าที่ดูอาการโดยรวมของเจฟเฟอร์เขาน่าจะต้องถูกส่งตัวผ่านม่านเจลสนธยา เข้าไปรักษากันภายในอย่างไม่ต้องสงสัย
.
และทันทีที่สายลับรุ่นน้องสังเกตเห็นป้ายไฟฉุกเฉินหน้าห้องสว่างโพลงอยู่ เขาจึงเร่งใช้ไหล่กระแทกประตูเข้าไปโดยไม่ทันเคาะก่อน ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์! "ถ้าหมอยูมิโกะฆ่ากูตาย มึงช่วยเก็บศพให้กูด้วยนะ!" เบอร์แบร์โต้ลืมคำพูดประโยคนี้ในบทที่แล้วไปอย่างสิ้นเชิง
.
"หมอครับช่วยด้วยครับ มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บสาหัส!"
.
สองร่างแกร่งพุ่งพรวดเข้าไปในห้องรับรองส่วนหน้าพร้อมกับลิ่มเลือดหลากเป็นสายน้ำ ขณะที่อีกฟากของบานประตูคือสาวน้อยนาริตะที่ถูกออกคำสั่งให้ยืนเฝ้าประตูเอาไว้ไม่ให้มีใครรบกวน เรือนร่างอันบอบบางมีหรือจะสู้แรงชายฉกรรจ์ที่เพิ่งผ่านการรุมปี้ผู้หญิงได้ แรงอัดจากประตูจึงซัดเอาร่างบางกระเด็นล้มกลิ้งกองลงกับพื้น แล้วภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้นเองที่ทำให้นาริตะต้องตกอกตกใจ เธอหวาดกลัวมากจนกลั้นเสียงกรี๊ดไว้ไม่อยู่!
.
"โรคจิต!!! กรี๊ดดดดดด!!!"
.
เบอร์แบร์โต้น่ะไม่เท่าไหร่ แต่เจฟเฟอร์นี่สิที่ผ้าเช็ดตัวหลุดจากเอวไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้! แม้จะไม่ตั้งใจแต่ปลายควยก็ได้จ่ออยู่ตรงหน้านาริตะจังไปเป็นที่เรียบร้อย!
"กรี๊ดดดดดด! หมอคะมีโรคจิตบุกเข้ามาในคลีนิคเราค่ะ!"
.
"ฟิ้งงงงง~!"
ยูมิโกะไม่ได้ตื่น! แต่ที่ตื่นดันเป็นสัญชาติญาณนักฆ่าที่อยู่ในตัวเธอ! นัยน์ตาหยีหางตาชี้คู่เดิมเพิ่มเติมตรงความเหี้ยม! การเป็นคนเอเชียที่มีชีวิตรอดอยู่ในยุคนี้ย่อมพิสูจน์แล้วซึ่งหลายสิ่งหลายอย่าง เธอไม่ใช่หมอธรรมดาอย่างที่เจฟเฟอร์บอกจริง ๆ เพราะส่ิงที่เธอทำในเสี้ยววินาทีสั้น ๆ ได้ทำให้ชายอเมริกันปากดีอย่างเบอร์แบร์โต้ ถึงกับวิ่งหนีหางจุกก้นไปเลย!
.
"เฟี้ยววว!" , "จึก!" , "จึก!"
.
"อั๊ก!"
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่กิ๊บติดผมก็ฆ่าคนได้! ยูมิโกะไม่ได้ลืมตาด้วยซ้ำ เธอแค่ดีดตัวขึ้นจากเตียงแล้วเหวี่ยงมันออกไปด้วยแรงสะบัดจากเส้นผม กิ๊บ 2 ตัวปักเข้าที่จุดตาย! ยังไม่พอ! ทักษะนักฆ่าชั้นสูงยังดำเนินต่อไปด้วยการม้วนตัวลงจากเตียงผ่าตัด เอื้อมมือไปหยิบดาบซามูไรที่ซ่อนไว้ข้างใต้ กระชากฝักทิ้งด้วยความแคล่วคล่อง แล้วปรี่เข้ามากระโดดฟันฉับ! ขาดสะพายแล่ง! (ภายในดาบเดียว)
.
ตัวเหยื่อขาดออกเป็นสองท่อน ไล่ไปตั้งแต่ไหปลาร้าซ้ายจรดสะโพกขวา เลือดฉีดขึ้นฟ้าพุ่งออกเป็นสายคล้ายน้ำพุ สยดสยองโคตร ๆ ความแดงฉานใหม่สดของมันกลบคราบเลือดเดิมจากแขนเจฟเฟอร์ชนิดไม่เห็นฝุ่น ปากสั่นพับ ๆ ฟันกรามกระทบกันกึกกัก ๆ ๆ ผู้ป่วยแขนขาดที่กำลังต้องการหมอหันมองไปทีี่ทางเดินด้านนอก พลันตะโกนออกมาด้วยซุ่มเสียงอันดังสนั่น
.
"ไอ้เบอร์แบร์โต้มึงทิ้งกูเลยนะ! ไหนมึงสัญญากับกูแล้วไง! ไอ้น้องเวร!"
.
"ผมต้องรีบเอาเช็คไปขึ้นเงินกับคุณเอ็มม่าชั้น 3 ก่อนพี่! ที่เหลือพี่ช่วยตัวเองล่ะกัน เหวอ ๆ ๆ โหดสมคำร่ำลือเลยหมอยูมิโกะ รอดมาได้ค่อยเจอกันนะพี่เจฟผมไปก่อนล่ะ!"
"ฮึบ.. ฮึบ.. ย๊ากกก!"
.
วิ่งตื๋อลงบันไดชนิดไม่มีวันหวนย้อนกลับ ในท่านั่งจุ่มก้นลงกับพื้นเจฟเฟอร์เอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาปิดควยโด่เด่ของเขาเอาไว้ พยายามมองหาช่อดอกลาเวนเดอร์ก่อนจะพบว่ามันตกอยู่ใต้เตียงที่ต้ังอยู่กลางห้อง ส่วนแขนที่ขาดเจ้ากรรมก็ดันกระเด็นไปตกอยู่ข้างกันกับเหยื่อ ผู้ซึ่งถูกหมอยูมิโกะฟันขาดสองท่อนไปเมื่อครู่!
.
"อีหมอเวรเอ๊ย! ถ้ามึงฟันแม่น ๆ กูจะไม่ว่าอะไรเลย"
.
"นี่ดาบซามูไรมึงฟันลูกน้องตัวเองขาดสะพายแล่ง มึงยังไม่รู้ตัวอีก!"
เจฟเฟอร์คิดในใจ นั่งนิ่งไปไหนต่อไม่ไหว แผลที่แขนเปิดมากจนเลือดแทบจะหมดตัวอยู่รอมร่อ
.
"หมอ! หมอ! อีหมอยูมิโกะ! นี่ผมเองเจฟเฟอร์ตื่นซะทีสิอีชะนีอะลิกาโต๊ะ! แม่งเอ๊ยได้ยินเสียงกรี๊ดทีไรสติสตังค์ไปหมด!"
ตะโกนด่าก็แล้ว
.
"คุณจะฆ่าผมไม่ได้นะ คุณเป็นหมอที่เก่งที่สุดของ Parallel คุณต้องรักษาคนสิไม่ใช่ฆ่าคน ผมไม่รู้ว่าคุณผ่านอะไรมาบ้างในช่วงสงคราม แต่ช่วยฟังผมหน่อยได้ไหมได้สติซะที!"
พูดดีด้วยก็แล้ว
.
แต่ดูเหมือนว่าหมอยูมิโกะนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอกลายสภาพเป็นนักฆ่ากระหายเลือดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คำเตือนที่เจฟเฟอร์บอกให้เบอร์แบร์โต้ช่วยเก็บศพให้หน่อย ก็เลยดูท่าว่าจะกลายเป็นจริงซะแล้ว เสื้อผ้าหน้าผมเปรอะเปื้อนไปด้วยลิ่มเลือดที่โค้งลงมาใส่ราวกับห่าฝน ยูมิโกะแยกเขี้ยวเอียงคอจ้องจะฟันเจฟเฟอร์อีกสักฉับ! ด้วยความสัตย์จริง!
.
"โคตรแม่มเอ๊ย! ชีวิตกูจบแน่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง"
.
"เอาสิหมอ! ผมเตือนคุณแล้วนะคุณคิดว่าผมเป็นใคร สายลับเวลาจนตรอกน่ะมีอะไรใกล้ตัวก็เอามาใช้ได้หมด โลกต้องจดจำผมในฐานะของชายคนแรกที่ใช้ควยสู้กับดาบซามูไร!"
.
"มา!.. ยูมิโกะ! มา! มาสู้กันสักตั้ง!!!"
“งั้นเหรอคะ จริงสิเกือบลืมคุณไปเลยคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ หมอรักษาสัญญาอยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วง เด็ก ๆ จ๊ะมาจับตัวเขาไว้ที!”สิ้นสุดเสียงสั่งสองพี่น้องผู้ช่วยพยาบาลก็ทำตาขวาง พลางถลันตัวเข้ามาจับเจฟเฟอร์ที่แขนขาดข้างหนึ่งเอาไว้.“เฮ้! เดี๋ยวสิออเจ้า นี่มันอะไรกันไม่เห็นจะต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้นี่!”แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา เพราะออเจ้าดาวิกาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว.“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันฟังไม่เห็นรู้เรื่อง..”.“ไม่ต้องสนใจหรอกน้องนาริตะ แค่พาเขาไปที่เครื่องแปลงมวลสารให้ได้ก็พอ ฮึบ!”.ยูมิจังแทรกขึ้นก่อนจะใช้พลังที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด ออกแรงดันช่วยกันกับน้อง ทำให้แขนกับขาเทียมข้างใหม่ของเจฟเฟอร์ร่วงหลุดจากมือ สายลับหนุ่มพลั้งพลาดเข้าให้แล้ว ร่างแกร่งถลันถลาเซแถด ๆ จนศีรษะมุดเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ส่วนหน้าโดยไม่รู้ตัว.“เดี๋ยวก่อน! อธิบายกันก่อนสิหมอ ผมแขนขาดนะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสมองเลย ทำไมถึงต้อง?! เฮ้! เดี๋ยวก่อนเซ้!”.“ชู่ววว! อย่าเอ็ดตะโรไปสิคะคุณเจ้าหน้าที่ ก็ในเมื่อคุณรู้ความจริงหมดแล้ว ว่าทั้งหมดที่เห็นอยู่ก็แค่ของสมมติที่หมอฝังโปรแกรมไว้ในเลนส์ตาของคุณ ที่จริงคุณจะ Drai
การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เรามั่นใจ.. (ในสิ่งนั้น) ซะที่ไหนล่ะ! นาทีนี้แม้แต่ชาติ เดอะวอยซ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เจฟเฟอร์สายลับหนุ่มผู้อาภัพได้แต่พร่ำพรึงถึงความหลังที่ผ่านมา ว่าตลอดระยะเวลาหลาย 10 ชั่วโมงที่เข้ามาที่นี่ เขาต้องพจญภัยผ่านชะตากรรมอันหนักหน่วงอยู่คนเดียวเพื่ออะไรกัน แขนข้างใหม่ที่เหน็บอยู่ใต้รักแร้กับขาไทเทเนียมอัลลอยเงาวับนี่ล่ะ ทำไมถึงไม่มีใครสนใจใยดีเลย.มากไปกว่านั้น ยูมิจังผู้ช่วยยังมายึดเอาอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของเขาไปอีก."คุณเจ้าหน้าที่คะ.. ขอหูฟังคืนด้วยค่ะ หมอให้มาทวง"."เอิ่ม.. ม.. ก็ได้เอ้านี่เอาไป! ชิ!".เจฟเฟอร์ถอดมันออกพลันสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า บรรดาหมู่มวลจุลชีพสีดำขลับนับล้านต่างพากันบินแตกฮือขึ้นไปกลางฟากฟ้า ดั่งได้รับการปลดปล่อย."อานีคาโหตุ.. จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขีอัตตานัง ปะริหารันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด.. สาธุ"ขึ้นเสียงสูงประชดประชันแกมหมั่นไส้ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเป็นชาวคริสต์นิกายไหนกันแน่ ถึงได้แผ่เมตตาเข้าใส่ได้อ
"อูยยยย....บัดซบเอ๊ย! ให้ตายเถอะมันจะวินาศสันตะโรอะไรกันขนาดนี้ว่ะเนี่ยะ คุ้มกันไหมกับการสำเร็จความใคร่ใส่หุ่นยนต์แอนดรอยน์ ".ร่างอันล่อนจ้อนแต่สุดจะแข็งแกร่งค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน ด้านบนคือผืนฟ้ากว้างสุดสายตา ส่วนด้านล่างเป็นพื้นทรายประสมกรวดหินและเศษวัสดุ."สัด! นี่กูกระเด็นมาไกลถึงนี่เลยเหรอวะ? ไม่ใช่ว่าแขนขากูขาดเพิ่มไปแล้วนะเฟ้ย! หึ๊ยยย! ออกไปให้พ้นมันหนักโว๊ยยย! ไอ้ก้อนหินสารเลว!"."เปร๊ีียงงง!".ชั่วเคี้ยวหมากแหลกเศษอิฐผนังที่กระเด็นปลิวทะลุตามมาด้วย ก็โดนเจฟเฟอร์หวดเข้าอย่างจัง มันพุ่งแหวกอากาศย้อนกลับไปทางเดิมด้วยความรุนแรงที่มากกว่าหลายเท่า ก่อนจะชนกระทบเข้ากับผนังโกดังเสียงดัง โครมมม! เพิ่มความเสียหายให้กระจายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น."เวร.. เวร.. เวรของกูแท้ ๆ"เจฟเฟอร์ส่ายหน้า พลางสะบัดขาเจ็บแปล๊บ ๆ.ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First - person) ตัวเลขความเสียหายวิ่งตื๋อขึ้นมามากมาย บ่งบอกว่าร่างกายของเขานั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้การอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แขนขาด ขาหมดพลัง แม้แต่ควยกับไข่หำก็ยังแฟบลงเหี่ยวหยดย้อย คล้อยไปกับแสงแดด.นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาออกอาการเซ็งอย่างท
รวบขึงข้อมือคู่น้อยเข้าด้วยกันด้วยฝ่ามือหนาเพียงข้างเดียว! ชูขึ้นเหนือหัว! พลันซุกไซร้มุมปากสลับกับการลงลิ้นเลียกินวงแขนขาวจนหนำใจและพึงพอใจเป็นที่สุด ความคลั่งหื่นกระหายกำลังจะเปลี่ยนให้เจฟเฟอร์เป็นโปรดิวเซอร์หนังโป๊แนวพีเรียดกึ่งย้อนยุค ด้วยเหตุผลดังกล่าวลีลารักที่เขาร่ายรำ จึงไม่ต่างจากกิจกรรมในซ่องชำเลาบุรุษหลังกำแพงวังพระนครศรีฯ."อ๊ายยย! คนบ้าทำอะไรเนี่ยะ"."ก็เลียให้ไง นึกว่าชอบแบบเสียว ๆ ? ".ออเจ้าหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ด้วยความที่แขนทั้งสองข้างถูกรวบตรึงให้ชูขึ้นค้างเติ่ง ไอครั้นจะแสร้งเบี่ยงหน้าหลบก็ดูจะเป็นการใช้มุกเดิมซ้ำซากจนเกินไป."ก็ชอบอยู่... ก็จั๊กจี้ดี แต่ฉันอยาก.. ก.. ก เอิ่ม.. ม.. ม".".....?".
แผ่นหลังหนาแน่นโอบคลึงแทบไม่มิด มันแกร่งแน่นขนัดลูบไล้ป่ายปัดรับรู้ได้ถึงแก่นแท้แห่งความรุ่มร้อน หล่อนไม่รู้แม้แต่ชื่อ ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ไอทีให้เช็คประวัติติดต่อสื่อสาร แต่ทำไมนะ! ทำไมกัน? ทำไมดาวิกานวลนางถึงได้รู้สึกผูกพักับฝรั่งหุ่นล่ำคนนี้อย่างน่าเหลือเชื่อ.กลิ่นกายเขาสาปชื่นอย่างแปลกประหลาด นวดเคราเล็กบางที่ซุกไซ้ใส่ซอกคอก็สุดแสนจะจั๊กจี้ มันทำให้แอนดรอยน์สาวถึงกับต้องเอียงหลบเปลี่ยนมุม เพราะมีผลต่อความเสียวกระสันที่พุ่งตรงลงไปถึงโพรงหี กลีบโหนกเกร็งเสียวสั่นสะท้าน แรงปะทะของลำควยอันมิดด้ามฉีกแคมเธอจนอ้ากว้างปริ่มฟองฟด.ไหนจะซุ่มเสียงสำเนียงร้องที่ทำให้ออเจ้าเริ่มจะอับอาย กุญแจซอล เขบ็ดแปดชั้น หรือจะสู้ท่อนฮุกอันเครือครางที่ต่ำร่านยิ่งกว่ากิรณีกระหรี่ไร้ซ่อง ขบฟันเม้มปากพยายามที่จะหยุด แต่ก็หยุดไม่ไหวเพราะมองปาดขึ้นไปทีไรก็เห็นแต่ใบหน้าที่คมสันของฝ่ายชายผู้แสนจะน่ารัก."อ่ะ.. อ่า.. อ่า.. อ่า.. อ่าาา.. คุณเป็นใครคะ? คะ.. คุณชื่ออะไรพ่อฮีโร่ของฉัน อือ.. อ่ะ.. อ่ะ.. อ่า".หญิงสาวสนทนาผ่านไปทางสายตาที่เว้าวอนกระจ่างจิต มันคลอเคล้าไปด้วยหยดน้ำตาอันแสนเจ็บปวด มิหนำซ้ำสันคิ้วที่เคยโ
ไรขนเอนอ่อนลุกชูชันไล่ขึ้นไปจรดหัวหน่าว ริมฝีปากหนาสั่นระริกจิกเกร็งด้วยความเสียวสะท้านฟ้าที่มิอาจต้านทานไหว มันสยิวซะจนขาสั่น แล้วเขาก็เลือกที่จะปกปิดจริตจะก้านนั้นด้วยการก้าวขาเข้ามาแนบกับแก้มนุ่มเอาไว้."กดหัวเข้ามาอีกออเจ้า อมให้มิดลำควยเลย.. อืมมม!"."อั่ก.. ก.. ก.. ก อม.. ม.. ม.."."ชู่ววว!.. อย่าดิ้นนักสิคนดี หรืออยากให้ฉันใช้ความรุนแรง!"."อ่ม.. ม.. ม.. ฮือ.. หึ.. ฮือ ม่าย.. ย.. ย".นัยน์ตาสวยเบิกโพลงกระจ่างแจ้ง คิ้วที่โค้งดั่งคันศรงองุ้มกลายเป็นคันเบ็ด ณ ปัจจุบันที่แท่งควยใหญ่ยาวยังคงคาอยู่ในปาก ออเจ้าดาวิกาทรมานจนจะขาดใจอยู่รอมร่อ แต่ไอ้เจ้าพระเอกใจทรามของเรามันก็ยังอุตส่าห์ก้าวขาเข้ามาคร่อมหัวไหล่เธอเอาไว้.