เสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินกระแทกลงบนพื้นไม้ลามิเนตอย่างไร้ความปรานี คีรินทร์ปิดประตูห้องด้วยความแรงจนเมลินสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมานอกอก เมื่อแววตาคมดุของเขาตรึงเธอไว้ราวกับถูกล่ามโซ่ไว้กับที่
"เธอคิดจะหนีไปอีกไหม?" เสียงทุ้มต่ำลอดไรฟัน ข่มอารมณ์เดือดเอาไว้จนเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ
เมลินเม้มปากแน่น ร่างเล็กถอยกรูดไปติดผนัง แม้สายตาจะไม่ยอมหลบแต่หัวใจในอกกลับเต้นรัวด้วยความกลัวปนเจ็บปวด "ฉันไม่เคยคิดจะหนี ถ้าคุณตั้งใจจะฟังฉันตั้งแต่แรก—"
"เธอไม่มีสิทธิ์พูด!" เขาตะคอก ร่างสูงใหญ่พุ่งเข้าหาอย่างไม่ให้ตั้งตัว ก่อนจะคว้าข้อมือบางทั้งสองข้างยกขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะติดกับผนัง
ดวงตาคมพร่าด้วยอารมณ์หลากหลาย—ความรัก ความเจ็บ ความแค้น และไฟราคะที่สุมอยู่ในอกจนปะทุออกมาเป็นแรงขับดัน
"เธอมีสิทธิ์อะไรไปจากฉัน?!" คำพูดหลุดออกจากริมฝีปากหยักอย่างเจ็บปวด
"รู้ไหม…กี่คืนที่ฉันฝันถึงเธอ…กี่ครั้งที่ฉันอยากจะตาย เพราะคิดว่าเธอไม่รัก"
น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตาเมลินทันที แต่เธอกลั้นไว้ ไม่ยอมให้มันไหล เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแออีกต่อไป…แต่หัวใจที่โดนคำพูดของเขาฟาดฟัน มันก็ยังเจ็บจนแทบทรุด
"คุณไม่รู้เลย…ว่าฉันก็เจ็บไม่ต่างกัน" เธอพึมพำเสียงแผ่ว แต่เขาไม่ฟัง
คีรินทร์โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบชิดกัน ลมหายใจร้อนเป่ารดริมฝีปากเธอ ขณะที่มือหนาไล้ลงมาบีบคางเล็กจนต้องเชิดหน้ารับสัมผัส
"วันนี้เธอจะได้รู้ ว่าการทำให้ฉัน ‘รัก’แล้วทรยศฉัน…มันต้องแลกด้วยอะไร" น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบแต่แฝงความคลั่งเสียจนเธอขนลุก
ร่างสูงใหญ่ดันเธอเข้าใส่ผนังแนบแน่น ก่อนจะบดจูบลงมาอย่างรุนแรง ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีคำขอโทษ มีเพียงแรงปรารถนาที่ล้นทะลักและต้องการลงโทษ
ริมฝีปากของเขาขบเม้มอย่างหิวกระหาย สลับดูดดึงปลายลิ้นของเธอจนเมลินเผลอสะท้าน มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกอย่างไร้ความลังเล กระชากผ้าออกจากไหล่เปลือยจนหลุดจากกาย
"อย่า...คะคีรินทร์—" เธอร้องเสียงสั่น แต่ปลายนิ้วหนาไล้วนอยู่ตรงเนินอกเนียนนุ่ม สายตาของเขาวาววับไปด้วยอารมณ์ดิบเถื่อน
"สายเกินไปแล้วเมลิน…ร่างกายนี้…คือของฉัน" เขากัดฟันกรอด พูดพร้อมไล้ปลายลิ้นลงมาขบเม้มยอดอกสีหวานอย่างไม่ปรานี
เสียงครางหลุดจากริมฝีปากเธออย่างห้ามไม่อยู่ ร่างบางเกร็งสั่นเพราะทุกสัมผัสของเขารุนแรงแต่กลับแฝงความคลั่งรักที่ลึกสุดหัวใจ
เสื้อผ้าถูกโยนลงพื้นทีละชิ้นพร้อมลมหายใจที่ร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมลินถูกยกขึ้นอุ้มก่อนที่แผ่นหลังจะกระแทกลงบนเตียงกว้างเบื้องหลังโดยไร้ความนุ่มนวลใด ๆ แรงขับเคลื่อนของคีรินทร์ไม่ใช่แค่ความต้องการ แต่มันคือไฟแค้นที่สุมอยู่ในใจจนเขาไม่อาจหยุดได้
"ร่างกายเธอ...ยังเหมือนในความทรงจำ" เขาพึมพำเสียงพร่า ปลายนิ้วหนาลากไล้จากซอกคอขาวลงมายังเนินอก ขบเม้มผิวเนียนจนเกิดรอยแดงช้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ราวกับต้องการประทับตราความเป็นเจ้าของที่เธอเคยลบหายไปกับการจากลา
เมลินสะอื้นเงียบ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะหัวใจเจ็บเกินกว่าจะต่อต้าน
เธอไม่อยากร้องไห้ แต่เมื่อริมฝีปากของเขากดจูบลงบนแอ่งไหปลาร้า แล้วไล้ลงมาขบเม้มแผ่วเบาที่เนินอก ก่อนจะดูดดุนยอดอกที่แข็งชันด้วยความปรารถนา — เธอก็ห้ามเสียงครางหลุดออกจากลำคอไม่ได้
“คะ…คีรินทร์…” เสียงเธอขาดห้วง ทั้งเรียก ทั้งเว้าวอน ทั้งสั่นสะท้าน
“ห้ามเรียกชื่อฉันด้วยเสียงแบบนั้น” เขาตะคอกเสียงพร่า ดวงตาวาววับเปล่งประกายคลั่ง ขณะใช้ริมฝีปากตะโบมจูบไปทั่วร่างเธอราวกับกำลัง ‘ลงโทษ’ ผู้หญิงที่ทำให้เขาคลั่งมาหลายปี
“ทุกสัมผัสนี้...คือค่าตอบแทนสำหรับความเงียบของเธอ”
ปลายนิ้วร้อนลากผ่านหน้าท้องแบนราบ สอดแทรกเข้าสัมผัสกลางกายอ่อนไหวของเธออย่างไม่ปรานี เมลินสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาใช้สองนิ้วขยับช้าๆ ขณะสายตายังจ้องมองใบหน้าเธออย่างไม่ละสายตา
“ยังกล้าทำหน้าซื่อ…ทั้งที่ตรงนี้…” เขากดน้ำเสียงต่ำพลางโน้มใบหน้าลงมาเลียขอบหูเธอแผ่วเบา
“เปียกเพราะฉันคนเดียว”
“หยุดทรมานฉันได้แล้ว…” เมลินพร่ำเบา ๆ ดวงตาปิดแน่น ขณะที่ร่างทั้งร่างสั่นไหวไม่อาจต้านแรงปรารถนาที่เขาสาดใส่มา
“ไม่…เธอต้องชดใช้ให้หมด” เขากัดฟัน มือหนากดสะโพกเธอลงกับที่นอนในจังหวะที่สะโพกแข็งแรงของเขาขยับเข้าหา ลำกายร้อนจัดที่ตั้งตระหง่านปะทะกลางใจเธออย่างจงใจ ก่อนจะกระแทกเข้าสู่ร่างเธอในจังหวะเดียวจนเธอเผลอร้องลั่น
"อ๊า—!"
เสียงครางนั้นปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวเขาให้ปะทุจนหมดสิ้น
แรงถาโถมจากสะโพกเขาหนักหน่วงและรุนแรง แต่ทุกจังหวะกลับแม่นยำเหมือนรู้จักเธอทุกซอกหลืบ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องกว้าง สะท้อนทุกอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมา
"เกลียด...ที่เธอทำให้ฉันรัก...แล้วเธอก็มาทรยศกัน" เขากระแทกแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหอบหนักปะปนกับเสียงหายใจพร่าของเมลิน
"เกลียด…ที่แม้ตอนนี้ฉันก็กำลังจะหลงเธออีกครั้ง...ฉันพยายามเกลียดเธอ…แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการคิดถึงเธอทุกคืน จนแทบบ้า"
เธอไม่พูดอะไร นอกจากน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ขณะร่างเล็กถูกบดขยี้ใต้อ้อมกอดของผู้ชายที่เธอเคยรักจนหมดหัวใจ
แต่ตอนนี้…เขากำลังทรมานเธอ ด้วยความรักของเขาเอง
เสียงหอบกระเส่าหนักหน่วงและเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องปิดตาย กลืนกินสติสัมปชัญญะของทั้งสองฝ่าย คีรินทร์กระแทกสะโพกเข้าหาร่างบางราวกับลงโทษ แต่ทุกครั้งที่มองเห็นน้ำตาบนใบหน้าเธอ…เขากลับรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองถูกบีบ
แต่เขาหยุดไม่ได้
เพราะความเจ็บปวดที่เธอทิ้งไว้ มันฝังลึกเกินกว่าคำว่า ‘ให้อภัย’
"ฉันน่าจะเกลียดเธอให้มากกว่านี้..." เสียงเขาแหบพร่า ดวงตาหล่อเหลาเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนาและความขมขื่น ขณะที่ริมฝีปากบดขยี้จูบบนกลีบปากของเธออีกครั้งจนเธอร้องอู้อี้
มือหนารั้งสะโพกเธอแน่นแล้วดันขึ้นรับแรงกระแทกอีกระลอก เมลินสะดุ้งเฮือกก่อนที่เสียงครางหวานสะท้านจะหลุดลั่นออกมา
“อ๊ะ…อ๊ะ…ไม่ไหวแล้ว…”
เขาโน้มลงมาเลียหยาดน้ำตาที่หางตาเธอ “ร้องเถอะเมลิน ร้องให้ฉันรู้ว่าเธอเจ็บเหมือนที่ฉันเคยเจ็บ”
ปลายลิ้นลากต่ำลงมายังยอดอกที่แดงระเรื่อ ก่อนจะดูดดุนอย่างรุนแรง ราวกับจะกลืนกินทุกความรู้สึกของเธอเข้าไปทั้งใจ
"คีรินทร์...ได้โปรด..." เสียงเธอขาดห้วงเมื่อเขากระแทกสะโพกซ้ำในจังหวะที่เร็วและลึกกว่าเดิมจนเธอสะท้านทั้งตัว
“ได้โปรดอะไร?” เขากระซิบเสียงพร่า “ได้โปรดหยุด? หรือได้โปรดรักเธออีกครั้ง…”
“ฉันไม่รู้… ฉันแค่…” น้ำเสียงเธอสั่น ดวงตาเปียกชื้นประสานกับสายตาของเขาในระยะประชิด
“แต่ฉันรู้…” เขากัดฟันต่ำ “รู้ว่าเธอทำให้ฉันติดเธอเหมือนคนบ้า เธอหลอกฉันด้วยตาเศร้าๆ คู่นี้ ทั้งที่เธอเป็นคนทิ้ง!”
ทุกคำพูดของเขาคือมีดที่กรีดลึกลงในหัวใจของเธอ ขณะที่เรือนกายยังถูกเขารุกรานอย่างต่อเนื่อง
เขาดันขาเธอขึ้นเกี่ยวเอวแล้วกระแทกเข้าลึกสุด ร่างบางสั่นระริกทุกครั้งที่เขาขยับเข้าออก
หัวใจของเธอร้องไห้กับความจริงที่ไม่มีใครฟัง…แม้แต่เขา ผู้ชายที่เธอยังรัก
“คีรินทร์…มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด…”
“เธอมีสิทธิ์อะไรจะพูดตอนนี้? รู้ไหม…กี่คืนที่ฉันฝันถึงเธอ กี่ครั้งที่ฉันอยากจะตายเพราะคิดว่าเธอไม่รัก!”
เขากระแทกสุดแรง ร่างเธอสะเทือนทั้งเตียง เมลินร้องเสียงหลงเมื่อเขาสอดกายเข้าไปลึกสุด ก่อนจะขบเม้มต้นคอเธอรุนแรงเป็นรอยแดงเถือก
“นี่คือความทรงจำใหม่ที่ฉันจะทิ้งไว้ให้เธอ…เมลิน”
เสียงหอบ เสียงครวญ เสียงสะอื้น และเสียงเตียงโยกไหวในจังหวะเร่งเร้า เรียกความบ้าคลั่งให้ไต่ระดับขึ้นทุกวินาที
จนกระทั่ง—
“อ๊ะ…ไม่ไหวแล้ว!” เมลินกรีดร้องสุดเสียง ร่างเธอสั่นไหวปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาพร้อมกันกับแรงกระแทกครั้งสุดท้ายของคีรินทร์ที่ฟุบหน้าลงกับแอ่งไหล่เธอ ร่างแกร่งกระตุกถี่ สอดลึกอยู่ภายในอย่างไม่ถอนตัวออกมา
เขาหลั่งความร้อนรุ่มเข้าไปในกายเธออย่างเต็มที่ ราวกับต้องการประทับความเป็นเจ้าของให้ฝังลึกเข้าไปถึงหัวใจ
ริมฝีปากหนาประทับจูบแผ่วเบาลงบนหน้าผากเธอ…ต่างจากทุกสัมผัสก่อนหน้า
เย็นชา...แต่โหยหา
เสียงนาฬิกาปลุกเบา ๆ ดังขึ้นในห้องนอนอบอุ่นยามเช้า แสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านสีครีมสาดกระทบเตียงใหญ่กลางห้องเมลินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองร่างของลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับคีรินทร์“แม่...วันนี้ผมได้ไปโรงเรียนกับพ่อใช่ไหมครับ?”เสียงน้องน็อตดังแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ยังไม่ลืมตาดีคีรินทร์ที่นอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวช้า ๆ เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มของลูกชายอย่างทะนุถนอม“ใช่ วันนี้พ่อจะไปส่งน็อตเอง”เสียงทุ้มของเขานุ่มนวลขึ้นกว่าทุกครั้ง ราวกับต้องการให้ทุกเช้าวันใหม่ของลูกชายเริ่มต้นด้วยความปลอดภัยเมลินยิ้มบาง ๆ พลางโน้มตัวไปหอมแก้มน้องน็อต“แม่วางเสื้อผ้าไว้ให้แล้วนะลูก อยู่ที่ปลายเตียง ไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะไปพร้อมกัน”เช้านั้นคือเช้าวันแรกที่น้องน็อตได้ไปโรงเรียน…ในฐานะลูกของ “พ่อกับแม่” อย่างเป็นทางการชื่อในใบสมัครเรียน ชื่อของบิดา คือ “คีรินทร์ กัลย์พิทักษ์”ไม่มีคำว่า &ld
กรุงเทพฯ ยามเช้าดูวุ่นวายกว่าทุกวันเสียงแตรรถยนต์ที่ไม่เคยเงียบลงสักวินาที สะท้อนผ่านกระจกห้องนอนชั้นบนสุดของคฤหาสน์หรูใจกลางสุขุมวิท เมลินยืนพิงระเบียง เฝ้ามองวิวเมืองในความเงียบงัน ปลายนิ้วยังกำถ้วยกาแฟอุ่นไว้แน่นแค่กาแฟหนึ่งแก้ว…ก็ยังไม่มีแรงจะยกดื่มเธอฝืนยิ้มให้กับความจริงที่ตนเองไม่ยอมรับมาเนิ่นนานคฤหาสน์หรู ห้องนอนใหญ่ เตียงนุ่ม และคนรักที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอแต่มันไม่สามารถลบภาพในหัวของเธอออกไปได้เลย—เสียงระเบิด เสียงน็อตร้องไห้ หรือแม้แต่สัมผัสจากรถที่พุ่งเข้าหาเธอในวันนั้นเธอ…ยังคงฝันถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า"เมื่อคืนฝันร้ายอีกใช่ไหม?"เสียงทุ้มต่ำของคีรินทร์ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาก้าวเข้ามาช้าๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำแบบลำลอง ร่างสูงใหญ่มากพอจะบดบังแสงเช้าไว้จนหมดมือเย็นแต่นุ่มของเขาแตะที่ไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมากอดจากด้านหลัง"ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบอัตโนมัติ…แต่ไม่มองตาเขาคีรินทร์ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยเขารู้…เธอไม่โอเครู้&h
มือแกร่งไล้ลงไปที่ต้นขาด้านใน เขาแยกขาเธอออกช้า ๆ แล้วก้มลงใช้ปลายลิ้นสัมผัสตรงกลางกลีบกุหลาบที่เปียกชื้นอยู่แล้วจากความปรารถนา“อื้อ…คี…”เสียงสะอื้นสั่นเครือหลุดออกมาไม่ทันจบประโยคเมื่อปลายลิ้นแกร่งนั้นกวาดลากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาดุนปลายลิ้นเข้าข้างใน สลับกับการดูดเม็ดละมุนจนร่างเธอสั่นเกร็งทุกครั้งที่ถูกจู่โจม“ไม่…อย่า…” เธอครางห้าม แต่มือกลับจิกเส้นผมเขาแน่นเพราะเขาไม่เพียงแค่สัมผัส…แต่กำลัง โอบกอดบาดแผลทั้งหมดของเธอด้วยลิ้นของเขาเมื่อเธอใกล้ถึงขีดสุด เขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกแต่ยังไม่หยุด… ปลายนิ้วร้อนแทรกเข้าไปทีละน้อยอย่างช้า ๆเขาดูดปลายอกเธอแรงขึ้นในขณะที่นิ้วข้างหนึ่งดันเข้าไปจนสุดโคนเสียงครางเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเธออีกครั้ง พร้อมกับสะโพกที่แอ่นขึ้นอย่างลืมตัว“แฉะไปทั้งตัวแบบนี้…” เขาพึมพำต่ำ“แน่ใจเหรอว่าไม่ต้องการฉัน?”คีรินทร์จับเรียวขาเธอพาดบ่า แล้วขยับตัวเข้ามาจนส่ว
แสงแดดยามเย็นอาบไล้ผืนทรายทองบนเกาะส่วนตัวเงียบสงบในอ่าวไทย เสียงคลื่นซัดเบา ๆ กับเสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งไล่ปูกับแม่ของเขา สายลมอุ่นพัดกลิ่นเค็มของทะเลแทรกผ่านกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากโต๊ะไม้ใต้ศาลาริมชายหาด—อาหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมโดยฝีมือของคีรินทร์เองเขาไม่ใช่มาเฟียอีกแล้วไม่มีแววโหด ไม่มีกลิ่นเลือด ไม่มีร่างกายที่เปื้อนบาปจากการฆ่ามีเพียงชายคนหนึ่ง…ที่เคยผ่านนรกมาเพื่อปกป้องคนที่เขารักคีรินทร์ยืนพิงเสาไม้ ยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นจิบ ดวงตาคมทอดมองภาพสองแม่ลูกอย่างเงียบงัน เมลินหัวเราะ เสียงนั้นไม่ใช่เพียงเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง…แต่มันคือเสียงของ "บ้าน"เขาไม่เคยมีบ้าน จนได้ยินเสียงนั้น"คุณพ่อ ทำไมวันนี้ทำกับข้าวเองล่ะครับ!" น็อตวิ่งเข้ามาเกาะขาเขาแล้วเงยหน้าถามอย่างไร้เดียงสาคีรินทร์ย่อตัวลง ลูบผมลูกชายเบา ๆ"ก็พ่ออยากทำให้คนสำคัญกินไงครับ"น็อตหันไปมองเมลินแล้วหัวเราะ"คุณแม่เป็นคนสำคัญใช่ไหมครับ!"เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรงในอกหลังอาหารมื้
ค่ำคืนที่คฤหาสน์แถบชานเมือง — เงาสุดท้ายของความแค้นในห้องที่เคยเป็นห้องนอนของคริส คีรินทร์นั่งอยู่ลำพัง เขาจุดไฟใส่รูปภาพเก่าๆ ของตัวเองกับน้องชาย ดวงตาเรียบนิ่งมองเปลวไฟที่เผารูปนั้นช้าๆ จนเหลือเพียงเถ้าเมลินไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่มีเสียงของลูก ไม่มีความอุ่นจากอ้อมแขนของใคร ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างเหน็บหนาวไปถึงหัวใจเถ้ารูปเก่าปลิวตามลมเบาๆ ขณะเขามองมันด้วยสายตาว่างเปล่า...แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงโหยหาแม้ในความเงียบของห้องจะไม่มีใครอยู่ด้วยเลยสักคน—แต่จู่ๆ เสียงหนึ่งกลับแทรกเข้ามาในหัวเขา...นุ่มนวลแต่หนักแน่นเสียงของเธอ...เมลิน...“ถ้าวันหนึ่งคุณเข้าใจทุกอย่าง...ฉันจะรอฟังด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยความแค้น”ประโยคนั้นที่เคยพูดไว้ด้วยน้ำตา...กลับดังชัดราวเพิ่งพูดจบเมื่อครู่และคีรินทร์...ที่เคยเชื่อว่าหัวใจตัวเองด้านชา...กลับต้องเบือนหน้าหนี เพราะดวงตาร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวเขายกมือขึ้นปิดเปลือกตาแน่น ก่อนเสียงแหบพร่าจะเล็ดลอดออกมาเบาๆ“ฉันไม่คู่ควรกับการให้อภัย...แต่ขอบคุณที่ย
เสียงลมหอบหนักในห้องประชุมชั้นใต้ดินของคฤหาสน์เก่าที่เมืองไทยไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศขัดข้อง หากแต่เป็นเพราะอารมณ์ในห้องที่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก คีรินทร์ยืนเงียบอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์ ดวงตานิ่งสนิทเย็นชา ปราศจากแววของความเมตตา"เปิดเสียง"คำสั่งสั้นๆ ถูกส่งออกไปในน้ำเสียงเรียบเย็น เหมือนไม่ได้ตั้งใจฆ่าใคร...แต่พร้อมจะทำลายทั้งเผ่าพันธุ์ไฟในห้องหรี่ลง เสียงสนทนาในคลิปถูกฉายผ่านลำโพงอย่างชัดเจน"ถ้าเราปรับโครงสร้างตอนนี้ คนของคีรินทร์จะเริ่มลังเล ส่วนของฉันฝังไว้หมดแล้ว ไม่นานก็เปลี่ยนขั้วได้""มายด์ก็อยู่ใกล้เขามากพอจะรู้ทุกอย่าง...แค่เขาไม่ตายตอนนั้นก็โชคดีไป""เมลินเหรอ? โยนให้เธอไปสิ ตำแหน่งแพะมันเหมาะกับผู้หญิงไม่มีตัวตนแบบนั้นอยู่แล้ว"เสียงหัวเราะเหยียดหยามจากคลิปกรีดแทงลึกลงในหัวใจคนฟังทุกคน เสียงของภาคินและมายด์ชัดเจนราวกับพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆคีรินทร์ก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปยืนหน้าห้อง ดวงตาคมกริบเหลือบมองชายชราในชุดสูทสีเข้ม ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเก่าแก่ขององค์กรที่เคยจงรักภักดีกับเขามาโดยตลอด"นี่คือหลั