กลางผืนป่าลึกหลังเมืองคอร์เซียร์
คืนมืดดำแต่แผ่วเบา แสงจันทร์สาดผ่านยอดไม้สะท้อนละอองหมอกสีเงิน ชายชราหลังค่อมก้าวนำอย่างมั่นคงบนทางลูกรังลัดเลาะขึ้นเนินเตี้ย > “พวกเจ้า…อดทนอีกหน่อย อีกไม่ไกล” เสียงเขาเหมือนลมแผ่วผ่านใบไม้ ราวกับเขาไม่ได้พูดกับพวกเธอ…แต่พูดกับต้นไม้ นีร่าอดรู้สึกแปลกประหลาดไม่ได้ หัวใจเต้นช้าลงแต่เต็มไปด้วยคำถาม ไอล่ากุมมือเธอไว้แน่น ไม่พูดอะไร แต่สายตานั้นวาววับด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน ในที่สุด ทางเดินก็จบลงตรงหน้าผาเล็ก ๆ ซึ่งเบื้องล่างคือทะเลสาบซ่อนเร้นกลางหุบผา รอบล้อมด้วยต้นสนสูงเสียดฟ้า แสงจันทร์ตกกระทบผิวน้ำเป็นประกายเงินระยิบระยับ > “นั่นหรือ…ทะเลสาบ…” เสียงไอล่าพึมพำเบา ๆ ข้างหูนีร่า แล้วทันใดนั้น—เสียงน้ำกระเพื่อม เงาร่างบางพุ่งขึ้นจากผิวน้ำ ก่อนร่างของหญิงสาวผมยาวสลวย หางเงือกสีน้ำเงินอมเขียวจะเเหวกว่ายผ่านแสงจันทร์ ตามมาด้วยอีกสอง…สาม…สี่ตน พวกเธองดงามราวภาพฝัน ลำตัวมนุษย์แต่หางเป็นเกล็ดสีน้ำทะเลระยับแสง ดวงตาทุกคู่ทอประกายลึกลับ เจือความเศร้าและความภูมิใจ > “ท่านคือเงือก…” นีร่าเอ่ยเสียงพร่า ชายชรายิ้ม เขาชี้ไปยังชายฝั่งที่ซ่อนอยู่ด้านข้าง กระท่อมไม้หลังเล็กประดับเปลือกหอยแขวนเรียงราย ล้อมรอบด้วยไฟกระพริบจากแมลงเรืองแสง บ่งบอกถึงการมีชีวิตชีวาของชุมชนลับ > “หมู่บ้านเงือกยังไม่สูญสิ้น…ยังมีที่ให้เจ้าหลบภัย” สองสาวเดินตามเข้าไปในหมู่บ้านนั้น ทุกย่างก้าวเปรียบดั่งความฝัน หญิงสาวเงือกบางตนอยู่ริมฝั่ง ซักผ้าด้วยเปลือกหอย บางตนร้องเพลงเสียงหวานคล้ายบทสวดโบราณ เด็กเงือกน้อยเล่นน้ำพล่าน เรียกเสียงหัวเราะก้องหุบเขา > “ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบพวกเดียวกับข้าอีกครั้ง…” นีร่าพึมพำเบา ๆ น้ำตาคลอเบ้า ชายชราหันมาหาเธอ > “ที่นี่…มีเพียงผู้ที่ยังเชื่อในหัวใจของทะเลเท่านั้น ที่จะหาทางมาถึงได้” นีร่าก้มหน้า มองเงาตัวเองในทะเลสาบเบื้องหน้า เงาที่ครั้งหนึ่งเคยหลงใหลในโลกมนุษย์ แต่วันนี้…เธอคือหญิงสาวผู้แบกรอยแผลใจ และยังคงตามหาความหมายของชีวิต ใต้เงาไม้ใหญ่ริมทะเลสาบลับกลางผืนป่า เสียงคลื่นกระทบโขดหินดังแผ่วเบา กลิ่นหญ้าชื้นผสมน้ำเค็มลอยเข้าจมูก สรรพสิ่งดูสงบ…ยกเว้นหัวใจของนีร่า เธอยืนแนบต้นไม้ใหญ่ มองเหล่านางเงือกแหวกว่ายอย่างอิสระในผืนน้ำเร้นลับกลางป่า แสงแดดส่องลอดใบไม้สะท้อนประกายหางสีรุ้งวูบวาบดั่งฝัน “ข้าคิดไม่ถึงเลย…ว่ายังจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่บนผืนแผ่นดิน” ไอล่ากระซิบข้างหูเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตา ก่อนที่นีร่าจะเอ่ยคำตอบ เสียงหัวเราะใสกังวานก็ดังขึ้นจากกลางทะเลสาบ “ฮิ ๆ อย่าตามข้ามาสิ เจ้าแหวกน้ำไม่ทันข้าแน่!” นีร่าเงยหน้าขึ้นมองทันที และหัวใจของเธอก็แทบหยุดเต้น... หญิงสาวผมสีทองอ่อน หางเงือกสีฟ้าอ่อนประกายเงิน แหวกว่ายพลิ้วไหวอยู่กลางกลุ่ม ตรงหน้านางนั้น…ไม่มีทางที่นีร่าจะลืมได้ “มาริเบล…” เสียงเธอแผ่วราวกับสายลม นีร่าเริ่มก้าวเดินตรงไปยังขอบทะเลสาบอย่างลืมตัว หยดน้ำตาคลอเบ้าตาโดยไม่รู้ตัว “มาริเบล!!” เธอตะโกนเสียงดัง ร่างกายสั่นสะท้าน หญิงสาวกลางน้ำหยุดชะงัก หันขวับมาทันที “...ใครเรียกชื่อข้า...?” แววตาสีฟ้าสดใสหันมาเจอกับดวงตาคู่นั้น—ตาคู่นั้นที่ครั้งหนึ่งเคยกล่อมเธอให้หลับในอ้อมอกพี่สาว มาริเบลเบิกตากว้างทันที ริมฝีปากอ้าค้าง “...พี่…นีร่า?” ทั้งสองคนจ้องกันเหมือนเวลาหยุดนิ่ง ก่อนมาริเบลจะรีบว่ายน้ำพรวดเข้ามาหาทันที นีร่าทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบน้ำในขณะที่น้องสาวโผเข้ากอดแขนเธอไว้แน่น น้ำตาของทั้งสองไหลรวมกับผืนน้ำที่กระเพื่อม “เจ้าตายไปแล้ว ข้าคิดว่า…ข้าไม่มีพี่สาวอีกต่อไปแล้ว…” มาริเบลสะอื้น “ไม่…เจ้าไม่เคยสูญเสียข้าเลย ข้าต่างหากที่คิดว่าเสียเจ้าไปแล้ว” นีร่ากอดมาริเบลแน่น “…แต่เจ้ายังอยู่ เจ้ารอดมาได้” ไอล่ายืนเงียบมองภาพตรงหน้า ดวงตาเธอก็เริ่มชื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เหล่าเงือกสาวอีกหลายคนค่อย ๆ ว่ายเข้ามาใกล้ บางตนยิ้ม บางตนกุมมือกันเงียบ ๆ เพราะรู้ดีว่า...ในโลกของผู้ถูกพราก ความกลับมานั้นคือปาฏิหาริย์แท้จริง ในเช้าวันนั้น—กลางทะเลสาบลับในผืนป่าสองพี่น้อง…ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และนี่…อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อลมหายใจให้ชนเผ่าเงือกที่หลงเหลือ ท้องทะเลยามค่ำคืนคลุ้งกลิ่นคาวเลือด เสียงกรีดร้องของเหล่าเงือกดังแข่งกับเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมของมนุษย์ที่เหยียบผืนน้ำด้วยเรือรบ นีร่าในวัยเพียงสิบเจ็ดปี กำลังดึงมาริเบลน้องสาววัยเพียงสิบขวบว่ายหนีออกจากแนวปะการังที่กลายเป็นสมรภูมิ “อย่าปล่อยมือข้า…เข้าใจไหม เจ้าอย่า…” ปัง!! เสียงปืนใต้ทะเลดังขึ้นพร้อมแรงสั่นสะเทือน เศษหินและคลื่นกระเพื่อม “พี่นีร่า!!!” มือเล็ก ๆ ของมาริเบลหลุดออกจากนีร่าท่ามกลางความวุ่นวาย นีร่าหันกลับว่ายสุดแรง ทว่าทันใดนั้น… แขนของมาริเบลถูกตาข่ายเหล็กเกี่ยวดึงขึ้นสู่ผิวน้ำ พร้อมเสียงหัวเราะกร้าวจากบนเรือโจรสลัด “อีกตัวแล้ว! เอาไว้สกัดน้ำตาให้เป็นไข่มุก! อย่าให้มันตายก่อน!” “ไม่นะ!!! มาริเบล!!!” นีร่าแหวกน้ำขึ้นตามไป ร่างเธอพุ่งทะลุผิวน้ำอย่างบ้าคลั่ง แต่ทันใดนั้น ขวดระเบิดใต้น้ำก็ถูกขว้างลงมาใกล้จุดที่เธอโผล่ขึ้น ตูม!!! ร่างนีร่ากระเด็นกลับลงน้ำ สติเลือนรางจากแรงระเบิด ...ภาพสุดท้ายที่เธอเห็น คือดวงตาน้องสาวเบิกกว้าง เต็มไปด้วยน้ำตาและความกลัว ก่อนจะถูกลากหายไปบนเรือ ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา… นีร่าเชื่อว่า มาริเบลตายไปแล้ว แต่โชคชะตาไม่โหดร้ายพอจะพรากลมหายใจเธอไปทันที... หลังถูกจับขึ้นเรือ เธอถูกขังในกรงไม้ เสียงหัวเราะและความชิงชังของเหล่ามนุษย์ พวกนั้นบังคับให้เธอร้องไห้—หวังหลั่งไข่มุก เมื่อเธอไม่ร้อง…ก็มีแส้ มีความเย้ยหยัน มีการกรีดหาง กรีดใจเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่ด้วยจิตใจแข็งแกร่งของเผ่าเงือก มาริเบลไม่ยอมให้หยาดน้ำตาใดไหลเพราะคนพวกนั้น เธออดทน—จนเรือแล่นเข้าใกล้แนวพายุเกิดอับปาง และมาริเบลก็ใช้จังหวะนั้น หลบหนี เธอลอยคอท่ามกลางซากเรือ 2 วันเต็ม จนกระทั่งถูกเงือกสาวกลุ่มหนึ่งที่ยังหลบซ่อนจากโลกมนุษย์พบเข้า และนำเธอกลับสู่หมู่บ้านเงือกที่เร้นลับ นับแต่นั้น มาริเบลเติบโตท่ามกลางเงือกผู้รอดชีวิต ถูกฝึกให้ระวังโลกมนุษย์ และกลายเป็นหนึ่งในเงือกที่เก่งกาจที่สุดของหมู่บ้าน ...แต่ในใจเธอ ไม่เคยลืมใบหน้าของพี่สาวที่พยายามปกป้องเธอสุดชีวิต และก็ไม่เคยลืม…เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของมนุษย์ที่พรากเธอจากครอบครัวยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจ
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย
นีร่าเหวี่ยงศรลงสุดแรงปลายศรเซรีออนเปล่งแสงฟ้าแทงเข้าข้างคอหัวหน้าเงือกฉึก!เสียงเนื้อแตกดังชัดเลือดสีหมึกทะลักออกมาเป็นฝอยดำข้นมันคำรามลั่นทั้งลานบ้านแต่พลังมันยังไม่หมด—เงือกกลายพันธุ์ใช้ครีบหนาฟาดสวนใส่เธอเต็มแรงผัวะ!ร่างนีร่ากระเด็นไถลไปตามพื้นหินเธอรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปหมดโลกทั้งโลกหมุนเคว้งอยู่ชั่ววูบเสียงอีธานตะโกน“นีร่า!”เธอพยายามลุก แต่แขนซ้ายชาไปหมดพอเหลือบลงมอง…แผ่นหนังแขนเสื้อขาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลรินตลอดแนวแผลฝนโปรยแรงขึ้นจนทุกอย่างเย็นเฉียบแต่บาดแผลกลับร้อนจี๊ดราวไฟลวกเธอหอบหายใจ สายตาพร่าเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ก้าวมาช้า ๆมันก้มลง แยกเขี้ยวใส่เธอนีร่ากัดฟัน พยายามยันตัวขึ้นแม้แขนซ้ายจะสั่นจนแทบยกไม่ไหวศรเซรีออนสั่นแสงพร่าอยู่ในมือข้างขวาอีธานพุ่งมาคุกเข่าข้างเธอ“อย่าฝืน…! ถอยก่อน!”เธอสบตาเขาแม้เจ็บจนตัวสั่น แต่เสียงเธอยังนิ่ง“ไม่ได้…มันจะฆ่าพวกเขาทุกคน…”บีลาร์กับลุงโทบี้พุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าหอกไม้ยกขึ้นพร้อมกัน แม้จะสู้ด้วยแรงที่สั่นระริกนีร่าหอบแรงหนึ่งทีแล้วกัดฟันจนเลือดซึมที่ริมฝีปากเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ที่กำลังจะก
เสียงกรีดร้องดังสะท้อนมาตามลมทะเลนีร่าชะงัก…มือยังถือถ้วยซุปที่อีธานเพิ่งตักให้เมื่อครู่แววตาเธอเปลี่ยนไปทันที — ความนิ่งสงบกลายเป็นความตื่นตัว“เสียงจากหมู่บ้าน…”เธอกระซิบ เบาแต่หนักแน่นอีธานวางชามลงแทบจะพร้อมกัน“ข้าจะไปด้วย”ไอล่าลุกพรวด“เดี๋ยว! มันอาจเป็นกับดัก—”“ไม่ไปตอนนี้จะไม่มีใครให้ช่วยแล้ว!” นีร่าตอบพลางคว้าศรเซรีออน ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงจาง ๆศรในมือเธอร้อนจัด—เหมือนมัน “เตือน” ว่า ศัตรูอยู่ใกล้---กลางหมู่บ้าน — เปลวไฟลุกโชนร่างของเงือกกลายพันธุ์ 3-4 ตัว กำลังล้อมครอบครัวหนึ่งที่เหลือเพียงพ่อกับลูกสาว พ่อพยายามยื้อไว้ แต่เด็กหญิงร้องไห้เสียงแหบก่อนที่ครีบแหลมจะฟันลงมาที่ร่างพวกเขา—“ฟึ่บ!”เสียงบางอย่างพุ่งผ่านกลางอากาศแสงฟ้ารูปเกลียว ปรากฏขึ้นกลางฝูงเงือกศรเซรีออนแทงทะลุร่างของหนึ่งในพวกมัน ร่างมันกระตุกก่อนระเบิดเป็นเถ้าทะเล“ทางนี้!” เสียงนีร่าตะโกนเธอพุ่งเข้ามาท่ามกลางเปลวเพลิง ผมยาวสยายตามลม ใบหน้าเปื้อนฝุ่น แต่ดวงตาไม่สั่นไหวศรเวทในมือเปล่งแสงจ้า ราวกับรู้หน้าที่ของมันเองอีธานกระโจนตามมา สะบัดมีดคู่แทงเข้าลำตัวเงือกอีกตัวอย่างแม่นยำ เลือดสีดำทะลัก“หนีไปทา
แสงแดดสีทองอ่อนส่องลอดบานหน้าต่างเข้ามา นีร่ากับไอล่านั่งชิดกันบนพื้นไม้ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกนาน ต่างคนต่างเงียบราวกับต้องการให้หัวใจได้พักเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นที่บันไดอีธานกลับมาแล้วเขาเปิดประตูเข้ามาช้าๆ ในมือหิ้วตะกร้าที่มีก้อนขนมปังแห้ง ผลไม้ป่า และปลาเค็มสองตัว กลิ่นคาวผสมกลิ่นเค็มทะเลโชยอ่อนๆอีธานวางตะกร้าแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสองคน เขาสบตานีร่า สายตาคู่นั้นอ่อนโยนจนหัวใจเธอสั่นอีธาน (เสียงทุ้มแผ่ว)“พอจะมีอะไรให้พวกเราอิ่มท้องไปถึงเย็น ข้าออกไปไกลหน่อย…คิดว่าไม่น่ามีใครตามรอยมาได้”ไอล่า (น้ำเสียงยังแหบ)“ขอบคุณ…เจ้าลำบากเพราะพวกเรามากแล้ว”อีธานส่ายหน้า เขาหันไปมองนีร่าแวบหนึ่งอีธาน“พวกเจ้าสองคนคือคนสำคัญ…ไม่มีอะไรเรียกว่า ‘ลำบาก’”นีร่าเม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ฝืนใจไว้นีร่า“เมื่อคืน…ข้าคิดว่าเราอาจไม่รอดแล้วจริงๆ”อีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่สั่นน้อยๆ ขณะเอื้อมไปแตะแก้มนีร่าอีธาน“ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ…ข้าจะไม่ยอมให้มันพรากเจ้าหรือใครไปอีก”เขาหันไปสบตาไอล่าอีธาน“ข้าสาบาน…เราจะพามาริเบลกลับไปฝังอย่างสมเกียรติ และเราจะหาทางล้างแค้นมัน”