เส้นทางความรักระหว่าง นาตาเซียและลูคัส นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้หวานชื่นดั่งคู่รักในเทพนิยาย เมื่อนาตาเซียหลบหนีการแต่งงานแบบคลุมถุงชน แต่เธอเหมือนหนีเสือปะจระเข้เมื่อมาพบกับลูคัส ชายผู้สูญเสียคนรักจากอุบัติเหตุ
View Moreเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในบ้านหลังใหญ่แสนโอ่อ่า หรูหราและสวยงามสมฐานะผู้ที่ครอบครองอย่างครอบครัวแมทธิวและดารียะห์ สองสามีภรรยาที่ต่างเชื้อชาติ แต่ก็รักและเลือกใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แมทธิวนั้นเป็นเศรษฐีทองคำชาวฝรั่งเศส ได้รู้จักและแต่งงานกับดารียะห์ ทายาทบ่อน้ำมันรายใหญ่ของบรูไน การแต่งงานของทั้งคู่เหมือนเรือล่มในหนองก็ไม่ปาน เพราะยิ่งส่งให้ทั้งสองครอบครัวมั่งคั่งและร่ำรวยมากขึ้น
ดารียะห์หันซ้ายหันขวามองหาคนรับใช้ ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะไม่เห็นมีใครเดินมารับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงอยู่ภายในบ้านสักคน ร่างอวบๆ แต่ยังคงดูสาวและสวยของเจ้าของบ้านเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเสียเอง “ฮัลโหล” เสียงเอ่ยทักเป็นภาษาท้องถิ่นชาวบรูไนแบบสั้นๆ แต่กังวานฟังเหมือนคนมีอำนาจ แตกต่างกับหญิงรับใช้ในบ้าน เพียงแค่นี้อัสมาห์ก็ยิ้มออก ไม่คิดว่าดารียะห์จะรับสายด้วยตัวเอง “คุณพี่ดารียะห์ ดิฉันอัสมาห์นะคะ” บุคคลที่โทรเข้ามาเอ่ยแนะนำตัว “อ้าว...อัสมาห์ ไม่ได้คุยกันซะนาน สบายดีหรือเปล่า?” ดารียะห์ค่อยๆ หย่อนตัวลงไปนั่งบนโซฟาสุดหรูของเธอ ก่อนจะยกขาขาวขึ้นไขว่ห้าง เธอนั้นถึงจะมีเชื้อสายบรูไนหรือมุสลิม แต่การเลี้ยงดูก็จะเป็นแบบหัวสมัยใหม่ การแต่งตัวจึงไม่ได้เคร่งธรรมเนียมมากมายนัก ตามแต่ละโอกาสเสียมากกว่า “ค่ะ...คุณพี่จำเรื่องที่เราพูดคุยกันได้ไหมคะ ที่จะให้ลูกๆ ของเราแต่งงานกัน” อัสมาห์ไม่อ้อมค้อม เธอพูดตรงประเด็นในทันที เพราะร้อนใจเรื่องที่ภีรดลลูกชายอยากแต่งงานกับจิตรานุช หญิงสาวชาวไทยที่เธอมองว่าไม่คู่ควรกับลูกชายเธอสักนิด “จำได้สิ เรื่องสำคัญแบบนั้น” คนฟังไม่ได้ตกใจ เพราะเรื่องนี้มีการพูดคุยกันมาสักระยะแล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นทางการมากนัก เพราะเห็นว่าเด็กทั้งคู่ยังไม่ได้มีโอกาสพบหน้ากัน “น้องต้องขอโทษคุณพี่ด้วย ที่ไม่ได้ไปคุยกับคุณพี่ด้วยตัวเองที่บ้าน แต่กลับโทรมาแบบนี้ เพราะน้องร้อนใจมากค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว” “ร้อนใจ เกิดปัญหาอะไรขึ้นอัสมาห์” ดารียะห์คิ้วขมวดทันที เพราะฟังจากน้ำเสียงอัสมาห์ดูร้อนใจปนกังวลมากทีเดียว “ก็ลูกชายของน้องน่ะสิคะ ตอนนี้มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้จะมาแบล็คเมล์แต่งงานด้วยเสียให้ได้ น้องกับคุณศุภกรกลุ้มใจกันมาก ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว” พูดจบก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ให้ปลายสายรับรู้ถึงความกลุ้มใจในขณะนี้ “ตายจริง ถ้าลูกชายอัสมาห์เกิดเรื่องแบบนี้แล้วเราจะทำยังไง?” มือขาวอวบยกขึ้นทาบอกพลอยเป็นกังวลไปด้วย “น้องถึงได้โทรมาถามความคิดเห็นของคุณพี่ไงคะ ว่าจะให้หนูนาตาเซียได้พบหน้ากันกับภีรดลได้หรือเปล่า ถ้าเด็กสองคนชอบพอกัน ทางน้องก็จะได้สู่ขอหมั้นหมายหนูนาตาเซียให้เรียบร้อย ผู้หญิงใจง่ายคนนั้นจะได้ไม่มาวุ่นวายอีก” อัสมาห์หวังเป็นอย่างมากที่จะให้นาตาเซียพบหน้ากับภีรดล เพราะมั่นใจว่าลูกชายเธอต้องชอบหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นอย่างแน่นอน “เอ๊ะ! จะดีเหรอ ในเมื่อนี่เป็นปัญหาของลูกชายอัสมาห์ที่น่าจะจัดการเอง ทำไมไม่ทำเสียให้เรียบร้อยค่อยมาพบหน้ากัน” “ลูกชายน้องจัดการแล้วค่ะ ตอนนี้ถึงได้รู้สึกเศร้าและผิดหวังหนักที่ถูกผู้หญิงมาหลอกปั่นหัวเล่น หลอกว่าตัวเองท้องด้วยนะคะคุณพี่ ถ้าได้พบหน้าหนูนาตาเซีย ภีรดลคงพอสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง เพราะเราก็มองออกว่าเด็กทั้งคู่เหมาะสมกันมาก” ปลายสายเริ่มตีไข่เพิ่มลงไปอีกหน่อย พยายามหว่านล้อมให้ดารียะห์เห็นด้วย “ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้นาตาเซียไม่อยู่บ้าน” ความที่อยากเป็นดองกันอยู่แล้ว ทำให้ดารียะห์ไม่ปฏิเสธเรื่องที่จะให้เด็กทั้งคู่พบหน้ากันแต่อย่างใด “ออกนอกเมืองเหรอคะ” “เขาบินไปยุโรป หามหาวิทยาลัยเพื่อจะเรียนต่อระดับปริญญาโท เห็นว่าเกือบเดือนถึงจะกลับค่ะ” ดารียะห์เอ่ยบอกไป เพราะถ้า อัสมาห์โทรมาเร็วกว่านี้สักวันสองวัน เธอคงห้ามลูกสาวเอาไว้ก่อน “ช่างเป็นข่าวร้าย แต่ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยจะได้ไปพร้อมกัน” อัสมาห์ไม่มีทางเลือกก็คงต้องถ่วงเวลารอวันที่นาตาเซียจะเดินทางกลับมาเท่านั้น “รอ...เพื่อจะไปไหน” คนได้ฟังขมวดคิ้วสงสัยอีกครั้ง “เมืองไทยค่ะ คุณพี่กับคุณแมทธิวไปเมืองไทยพร้อมกับครอบครัวน้องนะคะ เราจะได้ไปพักผ่อนที่บ้านเกิดสามีของน้อง บรรยากาศสวยๆ ของทะเลที่นั่น อาจจะทำให้เราสองครอบครัวได้รับข่าวดีก็เป็นได้” น้ำเสียงหว่านล้อมของอัสมาห์ดังขึ้น “เมืองไทย ก็น่าสนใจนะ” “ค่ะ เดี๋ยวทริปนี้น้องจัดการที่พักสุดหรูไว้ให้ รับรองคุณพี่ต้องพอใจ” อัสมาห์รีบเสนอตัวทันที แค่นี้ขนหน้าแข้งของเธอไม่มีทางร่วงหรอก “แต่ฉันขอถามคุณแมทธิวก่อนว่าจะว่างหรือเปล่า?” “ยินดีค่ะ น้องจะรอคำตอบจากคุณพี่ หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะคะ” ทั้งสองคนดูจะยิ้มออกมา อัสมาห์วางสายไปแล้ว ดารียะห์นั้นนั่งยิ้มกับตัวเอง ถ้าแผนการนี้สำเร็จเธอก็จะผูกมัดลูกสาวเพียงคนเดียวให้อยู่กับเธอที่บรูไนไปตลอดชีวิต ครอบครัวของอัสมาห์ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เป็นถึงนักธุรกิจน้ำมันรายใหญ่ อีกอย่างยังมีเชื้อสายของคนไทย ที่ไม่คิดมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้ลูกสาวเธอช้ำอกถ้าแต่งงานด้วย เพราะถ้าแต่งงานกับผู้ชายบรูไนที่สามารถมีภรรยาได้ถึงสี่คน เธอไม่ยอมแน่นอน ลูกสาวเธอต้องมีผัวเดียวเมียเดียวเหมือนเธอเท่านั้น เธอไม่อยากให้ลูกของนาตาเซีย เกิดมาใช้ชีวิตเหมือนเธอตอนเด็ก ที่เห็นความเจ้าชู้ของพ่อ หรือเห็นนาตาเซียมีทุกข์เพราะสามีพาหญิงอื่นเข้าบ้านหรอกนะ เหตุผลนี้ก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอเลือกแต่งงานกับแมทธิวเช่นกัน ลูกสาวเธอต้องมีความสุขแน่นอน มีความสุขแทนคนที่จากไปด้วยบทที่ 67“ให้ตาย...ไม่สบายจนได้สิ” ลูคัสบ่นกับตัวเอง ก่อนจะรั้งผ้าห่มนวมขึ้นห่มให้หญิงสาว ชายหนุ่มเดินมาที่ประตู ลากโต๊ะทำงานเล็กๆ ที่นาตาเซียเอามากั้นเขาเป็นแน่กลับไปวางที่เดิม เปิดประตูแล้วก้าวลงไปชั้นล่างก็เห็นน้ำอ้อยยืนมองอยู่“พยาบาลของป้าไม่สบาย”“ตายจริง คงติดหวัดจากป้าแน่ๆ เดี๋ยวป้าขอขึ้นไปดูนาตาเซียหน่อย” คนฟังยกมือทาบอก“ผมดูแลเอง ป้าช่วยหายากับทำข้าวต้มแล้วยกขึ้นไปให้ผมด้วยแล้วกัน” พูดจบลูคัสก็ก้าวยาวๆ เข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำแข็งในช่องฟรีซใส่ลงถ้วยแก้วใบใหญ่ จากนั้นก็เทน้ำเปล่าลงไปอีกครั้ง ท่าทางรีบร้อนแต่ก็คล่องแคล่ว“รีบหน่อยนะป้า” ก่อนจะกลับขึ้นไปชั้นบน ลูคัสยังหันมาย้ำกับน้ำอ้อยอีกครั้ง แล้วเดินกลับขึ้นไป“ค่ะ” น้ำอ้อยเอ่ยรับด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วปลีกตัวไปทำตามที่ลูคัสบอก สงสัยคราวนี้จะได้รู้ใจตัวเองเป็นแน่ว่าคิดยังไงกับนาตาเซีย หวังเหลือเกินว่าคนทั้งคู่จะเกิดมาเพื่อกันและกันเมื่อเข้ามาในห้องนอนของนาตาเซีย ลูคัสก็เดินเข้าไปใ
บทที่ 66หลังจากเคลียร์งานที่ต่างเมืองเสร็จเรียบร้อย ลูคัสก็เลือกกลับเข้าบ้านก่อนในตอนเช้าตรู่ คิดว่าเที่ยงๆ ค่อยออกไปที่บริษัท เมื่อชายหนุ่มมาถึงบ้านก็เจอกับน้ำอ้อย อาการไม่สบายคงทุเลาลงมามากแล้วจึงออกมาเดินเหินได้แบบนี้ แต่ยังไงเขาก็อยากให้แม่บ้านพักผ่อนอีกหน่อย“ตื่นมาทำอะไรแต่เช้า”“ทำกับข้าวค่ะ” คนเป็นแม่บ้านหันมาตอบ ก่อนจะทำหน้าแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าลูคัสจะกลับมาเช้ามืดแบบนี้“แล้วนี่หายหรือยัง ฝืนไปเดี๋ยวก็ทรุดลงไปอีก”“ป้านอนมาตั้งสองสามวันแล้วนะคะ เบื่อจะแย่” น้ำอ้อยยิ้มให้ลูคัส เพราะอยู่ๆ เธอก็ไม่สบายซะได้ เรื่องการเจ็บป่วยนี่เดาไม่ถูกเลยจริงๆ“ผู้ช่วยล่ะ ยังไม่ลงมาอีกหรือไง?” ลูคัสมองเข้าไปในบ้าน เลยขึ้นไปข้างบนเพื่อหานาตาเซีย“ให้พักสักวัน อยู่ดูแลป้าแทบไม่ได้ขยับไปไหน”“ดีขนาดนั้นเชียว ผมนึกว่าจะอู้” ชายหนุ่มปรามาส แต่ก็รู้ว่านาตาเซียทำอะไรบ้าง เพราะเขาโทรศัพท์กลับมาที่บ้านออกจะบ่อย“น่ารักดี ที
บทที่ 65อาการของน้ำอ้อยดีขึ้นตามลำดับหลังจากนอนซมมาสองสามวัน เพราะได้พยาบาลพิเศษอย่างนาตาเซียคอยดูแลไม่ห่าง ไข้เริ่มลดจนตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงได้แล้ว แต่นาตาเซียยังไม่ยอมให้ออกไปนั่งตากลมนอกห้องเพราะกลัวไข้กลับมาอีก ใบหน้าที่ซีดเซียวของน้ำอ้อยก็ดูมีเลือดไหลเวียนมากขึ้น ลูคัสเองก็โทรมาถามอาการน้ำอ้อยวันละสามสี่ครั้ง แต่แฝงกับการได้รู้ข่าวของนาตาเซียด้วยว่าเธอยังอยู่ที่บ้านเขา ไม่ได้หนีหายไปไหน “ขอบใจที่ดูแล” น้ำเสียงแหบๆ ของคนป่วยเอ่ยบอกนาตาเซีย ที่กำลังเป่าข้าวต้มในถ้วยเพื่อไล่ความร้อนให้เธอจนแก้มป่อง “ไม่เป็นไรค่ะ ป้าหายดีแบบนี้ค่อยหายห่วงหน่อย” นาตาเซียหันมายิ้มตอบ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเป่าข้าวต้มให้หายร้อนอีกหน่อย จากนั้นก็ใช้ช้อนตักป้อนให้น้ำอ้อย“ป้ากินเองได้” “ให้นาตาเซียป้อนน่ะดีแล้ว นะจ๊ะป้า” คำแทนตัวเองของนาตาเซียดูเปลี่ยนไป น้ำอ้อยพยักหน้าให้กับคำพูดนี้ ก่อนจะอ้าปากรับข้าวต้มกุ้งเข้าไปในปาก “ฝีมือทำกับข้าวอร่อยขึ้นมากแล้วนี่” แม้จะมีกลิ่นคาวกุ้งนิดหน่อยในข้าวต้มถ้วยนี้ แต่น้ำอ้อยก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะนาตาเซียทำกับข้าวได้ดี ดีมากกว่าเมื่อสองสามวันก่อนด้วยซ้ำ เด็กสาว
บทที่ 64 “ผมไม่ได้มามือเปล่า ตอนนี้สามารถเลี้ยงดูละออได้เป็นอย่างดี ถ้าผมพูดไม่จริงให้เอาชีวิตผมไปได้เลย”“คุณอดัม” ละออมองหน้าอดัม ทำไมต้องเอาชีวิตมาพูดเล่นแบบนี้ด้วย “ผมเชื่อว่าคนอย่างคุณจะดูแลละออได้” แมทธิวพยักหน้าให้ แค่เห็นแววตาของอดัมที่มองละออก็แทบไม่ต้องพูดอะไรแล้ว“ครับ...จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะพาละออไปหาลูกชายของเราสองคน”“ลูกชาย” ดารียะห์งงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้“เรามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ตอนนี้อายุย่างเข้ายี่สิบเก้าปีแล้ว” อดัมเอ่ยบอกสองคนตรงหน้าให้รับรู้ เพราะเขาไม่ได้จะปิดบังอยู่แล้ว “แต่ฉันยังมีห่วงอยู่ที่นี่” ละออค้าน แม้จะอยากไปหาลูคัส แต่ห่วงของเธอก็คือนาตาเซีย “อะไร...ผมพอจะช่วยได้หรือเปล่า?” แขกของบ้านเอ่ยอาสา “เรื่องนาตาเซียไม่ต้องเป็นห่วงไปละออ ไม่นานเราก็จะได้ข่าวดี...เชื่อสิ” แมทธิวเอ่ยให้ละออคลายกังวลเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าละออนั้นรักนาตาเซียไม่แพ้พ่อและแม่แท้ๆ อย่างพวกเขา “เกิดอะไรขึ้นครับ พอจะบอกผมได้ไหม เผื่อจะช่วยเหลือได้” คำพูดของอดัม ทำให้ดารียะห์ยิ้มออกมา เพราะรู้สึกขอบคุณที่คนเพิ่งจะรู้จักกัน แสดงออกถึงความห่วงใยต่อลูกสาวเธอมากมายขนาดนี้ “ลู
บทที่ 63“ฉันก็อยากทำแบบนั้น แต่...แต่ฉันกลัว” ความอ่อนแอของละออถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหยดน้ำตา ความอัดอั้นและหวาดกลัวเกิดขึ้นมาหลายปี ความคิดถึงโหยหาคนที่รัก อยากกลับไปใจแทบขาด แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะก้าวออกไป ขนาดไปถึงเมืองไทยกลับยืนนิ่งไม่ทำตามที่ใจอยากทำ เพราะกลัวคนที่รักจะเป็นอันตราย “ผมจะคอยปกป้องคุณเอง ให้ผมได้ทำแบบนั้น” อดัมเอ่ยให้คำมั่นสัญญา ครั้งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาต้องทำให้ได้ เขาจะคอยปกป้องละออและลูคัสด้วยชีวิต จะไม่ยอมให้ใครมาพรากจากแม้คนคนนั้นจะเป็นแม่ของตนเองก็ตาม เพราะเวลากว่ายี่สิบแปดปีที่ผ่านมา มันนานเกินพอแล้ว“ขอบคุณนะคะ” ละออเอ่ยขอบคุณในอ้อมกอดของสามี แม้จะดีใจที่ได้พบอดัม แต่เธอก็ยังมีความกังวลอยู่ ถึงจะยิ้มได้แต่ใช่ว่าจะมีความสุขนัก “ที่นี่เป็นยังไงบ้าง ไปไงมาไงคุณถึงมาทำงานด้วย” หนุ่มใหญ่ผละร่างของภรรยาที่ตอนนี้อวบขึ้นจากเมื่อก่อน คงเป็นเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ว่ายังไงละออก็ยังดูสวยในสายตาของเขาเสมอ อวบๆ มีน้ำมีนวลแบบนี้ กอดแล้วอุ่นดีออก “พอฉันออกจากโรงพยาบาล ก็กลับไปที่บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด ได้พบญาติห่างๆ คนหนึ่งที่จะมาทำงานที่บรูไน ฉันกลัวว่ามาดา
บทที่ 62หลังจากนั้นเพียงวันเดียวมาดามมิเชลก็มาที่บ้าน เขาถามเรื่องนี้กับมาดามมิเชลแล้วว่ารู้เรื่องหรือเปล่า แม่เขากลับตอบเพียงสั้นๆ ว่าไม่รู้ เพราะเพิ่งลงจากเครื่องแล้วนั่งรถมาหาเขาได้ไม่นาน แต่พอเห็นลูคัส ทำไมมาดามมิเชลถึงไม่ได้ตกใจ กลับรีบเข้าไปอุ้มพร้อมหยอกเย้า หรือเรื่องนี้มันจะมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็นหรือรู้มา มาดามมิเชลตบตาเขาอย่างนั้นนะเหรอ“ทะ...ทำไม” ละออตาโต เพราะอดัมเดาได้ถูก“ถูกใช่ไหม ที่คุณต้องทิ้งลูกกับผมแล้วหนีมาอยู่ที่นี่แบบนี้ เพราะแม่ผมขู่อย่างนั้นใช่ไหม ละออตอบมาสิ” อดัมเขย่าตัวละออไปมาหวังได้ฟังความจริง แต่ละออก็ยังคงปฏิเสธตามเคย แต่คราวนี้กลับไม่กล้าสบตาด้วย“ไม่ใช่”“ดี...ในเมื่อคุณปากแข็ง ผมก็จะถามกับมาดามมิเชลให้รู้เรื่อง” อดัมหวังโทรศัพท์ออกไปหามาดามมิเชลที่ออสเตรเลีย จะได้ถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่ เป็นไงเป็นกัน“อย่านะคะ อย่าทำแบบนั้นเลย ฉันไม่อยากเสียคุณกับลูกไปจริงๆ ให้ฉันจากไปคนเดียวพอแล้ว&
Comments