ทันทีที่ของขายหมดจ้าวเฉิงก็มาถึงพอดี เขากำลังจะชี้หน้านางแต่ก็ต้องชะงัก ดูเหมือนนางจะแปลกไป ดูงดงามขึ้น เสื้อผ้าก็ไม่ซีดจนมีแต่สีขาว จ้าวเฉิงเดินไปหานางเอ่ยปากถามนาง
"อี้เซียน..เหตุใดนำของหมั้นมาขายเสียเล่านี่เป็นสินสอดของเรานะ"
"คุณชายจ้าว สินสอดอันใดกันในเมื่อท่านแต่งงานไปแล้วข้าวของเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก อ้ออีกเรื่องหนึ่งรบกวนท่านเรียกข้าว่าคุณหนูเซียวจะดีกว่า คำเรียกสนิทสนมแบบนั้นคราวหลังอย่าใช้อีก เสี่ยวฮวาเข้าบ้านกันเถอะ พี่ชายท่านนี้ขอให้มารดาท่านสุขภาพแข็งแรงนะเจ้าคะ"
"อี้เซียนเจ้าโกรธข้าเรื่องนั้นไม่ได้ แม้ว่าเราจะมีสัญญาหมั้นหมายกัน แต่ว่าด้วยความเหมาะสมข้าต้องแต่งเย่วเอ๋อร์ มิใช่บอกเจ้าแล้วหรือว่าข้าสามารถแต่งเจ้าเป็นฮูหยินรองได้"
"โอ้ว..คุณชายจ้าวท่านช่างเปี่ยมน้ำใจยิ่งนัก ทำเพื่อวงศ์ตระกูลเสียน่ายกย่อง เสียงที่ข้าได้ยินยามที่ไปอารามกับท่านเป็นเสียงที่ท่านบอกว่าอีกหน่อยข้าต้องยอมรับให้ได้ เพราะว่าข้าอีกหน่อยต้องเป็นฮูหยินที่ใจกว้าง มาบัดนี้กลับต้องไปเป็นฮูหยินรอง แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะคนที่ครวญคราง อ๊า ท่านพี่เฉิงท่านเร่าร้อนนัก อืม ใหญ่โตเช่นนี้เย่วเอ๋อร์ถึงใจเสียเหลือเกิน อ๊ายคนบ้าท่านชอบท่ายากพิสดารอยู่เรื่อย คนพิเรนทร์ อ่า..เย่วเอ๋อร์จ๋า ถึงจะพิสดารแต่เจ้าก็ชอบมิใช่หรือ ยังมีอีกมากมายนักที่พวกท่านคู่นกยวนยางคร่ำครวญหากันราวกับสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์ หากจำไม่ได้จะจดให้แล้วให้บ่าวจวนท่านมารับไป เสี่ยวฮวาเข้าบ้านปิดประตูจวน ข้าจะไปนับเงิน อ้อ ตำแหน่งฮูหยินรองข้าไม่อาจเอื้อมจริงๆ คุณธรรมน้ำใจของคุณชายจ้าวข้าเกรงจะรับไม่ไหว"
เซียวอี้เซียนจากไปแล้ว และแน่นอนทุกวาจาที่กล่าวออกมามีชาวบ้านที่มาดูเรื่องสนุกเป็นพยานนับร้อย จ้าวเฉิงอับอายยิ่งนักก่อนจะหันไปหาบุรุษแต่งตัวมอซอที่ยืนอยู่ข้างเขา จ้าวเฉิงกำมือแน่นก่อนจะหันมายังคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอ้ยาจกแต่งตัวมอซอยังกล้ามาซื้อข้าวของราคาแพง ไม่สินางขายเหมือนให้เปล่าราวกับของๆ เขาไร้ค่ายิ่งนัก จ้าวเฉิงบังคับเอาปิ่นคืนจากบุรุษตรงหน้า
"เอาคืนมาเจ้าซื้ออะไรจากนางไป"
"หึ..นางช่างโชคดีที่ไม่ต้องแต่งงานกับเจ้า ไสหัวไปซะคุณชายจ้าวตระกูลจ้าวของเจ้าไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า"
ร่างสูงเอ่ยจบก็ดีดตัวขึ้นยอดไม้ไปต่อหน้าจ้าวเฉิง เขาถึงกับกลืนน้ำลายวรยุทธคนผู้นี้ต่อกรไม่ได้จริงๆ
จ้าวเฉิงที่ตอนนี้ต้องเดินกลับจวนท่ามกลางความอับอาย เซียวอี้เซียนเอ่ยออกมายิ่งตอกย้ำข่าวลือที่ว่าเขากับหลิวเย่วมีสัมพันธ์ผิดประเวณีกัน ทำให้ต้องแต่งนางเข้าจวน ส่วนเซียวอี้เซียนจากเจ้าสาวที่น่าเวทนากลายเป็นคุณหนูที่น่าสงสารของเมืองหลวงทันที บุรุษน้อยใหญ่ต่างเตรียมพร้อมแม่สื่อเพื่อมาเจรจาทาบทามนางทันที ทางด้านจวนสกุลหลิวกับสกุลจ้าวกำลังถูกบรรดาขุนนางในราชสำนักเอ่ยถามเหน็บแนมกันอย่างสนุกปากจนต้องรีบกลับจวนทันทีที่เลิกประชุมเช้า ส่วนตอนนี้หลิวเย่วกำลังอาละวาดอยู่ที่เรือนหอ
"อ๊ายยย เซียวอี้เซียนนางอสรพิษ กล้าดีอย่างไรมาประจานเรื่องของข้ากับท่านพี่"
"ฮูหยินน้อย ใจเย็นๆ นะเจ้าคะ คุณชายกลับมาแล้วเราค่อยถามไถ่"
"เสี่ยวชุ่ย กลับไปที่บ้านข้า บอกท่านปู่ไปจัดการยึดจวนนางสารเลวนั่นซะ เซียวอี้เซียนข้าจะทำให้เจ้าไม่มีที่ซุกหัวนอนคอยดู"
ทางด้านจ้าวเฉิงกลับมาแล้วแต่เขาไม่ไปหาภรรยาที่เพิ่งแต่งแต่อย่างใด วันนี้เขาเห็นเซียวอี้เซียนนางงามมากนัก ที่ผ่านมาเพราะเขาบอกชอบที่นางบริสุทธิ์นางจึงแต่งตัวราวกับคนไว้ทุกข์ แต่วันนี้นางสวมชุดสีฟ้า ปักปิ่นสีขาวเกล้าผมมวยกลางศีรษะ ลำคอระหงของนางน่าสูดดม ไหล่บางที่มีเพียงเสื้อคลุมบางๆห่อหุ้มน่ากอดเกยเสียจริงๆ นางเป็นของเขาแต่แรกแล้ว
พรุ่งนี้เขาจะให้เกี้ยวไปรับนางเข้าจวน เซียวอี้เซียนเจ้างามเพียงนี้แต่กลับปิดบังข้าหรือ หึเจ้าคงลืมไปว่าตนเองยังคงมีสัญญาหมั้นหมาย ข้าไม่เชื่อจะเอาเจ้ามาเป็นของข้าไม่ได้ มีบุรุษเริ่มหมายตานางแล้วนางเป็นของเขาแต่แรก หลิวเย่วเหมาะสมเรื่องชาติตระกูล ส่วนเซียวอี้เซียนนางงามล่มเมือง สตรีทั้งสองคนมีเพียงเขาจ้าวเฉิงที่สมควรได้ครอบครองพวกนาง
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก