Share

อุบาย

last update Last Updated: 2025-06-06 23:14:25

ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆ

ความผันผวนในจวนเจ้าเมือง

หลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล

“นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขา

พ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง

ขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ความสัมพันธ์กับชาวบ้าน หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมในแต่ละวัน เขายิ่งสืบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพบว่าเหม่ยหลินไม่ใช่แม่ครัวธรรมดา นางมีความรู้เรื่องอาหารและสมุนไพรอย่างลึกซึ้งเกินกว่าคนในยุคนี้จะเทียบได้ ยิ่งทำให้ความแค้นและความอยากได้สูตรลับของเขาทวีคูณขึ้นไปอีก

“ข้าจะไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่! เจ้าจะต้องคายสูตรออกมาให้ข้าให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม!” หลี่กวงหมิงกัดฟันกรอด เสียงคำรามต่ำๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอ

อาณาจักรอาหารของเหม่ยหลิน

แม้จะมีภัยคุกคามจากเจ้าเมือง แต่ชีวิตที่ตลาดของเหม่ยหลินกลับรุ่งเรืองถึงขีดสุด แผงขายของเธอกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองหลวง ผู้คนต่างแห่แหนมาลิ้มลองอาหารของ “เชฟเหม่ยหลิน” ที่ไม่ได้มีแค่บะหมี่เจและซุปเห็ดหลินจือดำอีกต่อไป

เหม่ยหลินเริ่มขยายเมนูให้หลากหลายขึ้น เธอใช้ความรู้เรื่องอาหารจากโลกปัจจุบันมาปรับใช้กับวัตถุดิบที่มีในยุค 70 และความรู้เรื่องสมุนไพรจีนที่เธอศึกษาเพิ่มเติมจากตำราเก่าแก่ที่หลี่เฟยหลงหามาให้ เธอคิดค้นเมนูใหม่ๆ ที่ทั้งอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ และบางเมนูก็มีสรรพคุณทางยาด้วยซ้ำ

เมนูยอดนิยมบางส่วนที่เธอคิดค้นขึ้นมาได้แก่:

* “ข้าวผัดธัญพืชห้าสี”: ใช้ข้าวผสมกับถั่วชนิดต่างๆ และผักหลากสีสัน ผัดกับเต้าเจี้ยวโบราณและน้ำมันงา ให้รสชาติหอมมันและอุดมด้วยวิตามิน

* “เกี๊ยวน้ำสมุนไพรบำรุงเลือดลม”: ทำจากแป้งข้าวโพดห่อไส้หมูบดผสมผักและสมุนไพรบางชนิด ต้มในน้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวจนหอมหวาน มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย

* “พุดดิ้งมันเทศรังนกนางแอ่น”: ขนมหวานที่ทำจากมันเทศบดละเอียด ผสมกับรังนกนางแอ่น (ที่ได้จากการสั่งซื้อวัตถุดิบพิเศษจากพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางใต้) นึ่งจนเนื้อเนียนนุ่ม ราดด้วยน้ำเชื่อมจากน้ำตาลอ้อย ให้รสชาติหวานละมุนและมีสรรพคุณบำรุงผิวพรรณ

ความหลากหลายของเมนู ทำให้ลูกค้าของเหม่ยหลินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ชาวบ้านทั่วไป แต่รวมถึงพ่อค้าวาณิชผู้มั่งคั่ง ขุนนางชั้นผู้น้อย และแม้กระทั่งนักเดินทางจากต่างเมืองที่ได้ยินชื่อเสียงของเธอ

“ท่านแม่เจียง! ขนมหัวผักกาดทอดของท่านอร่อยจริง ๆ ข้าซื้อกลับไปฝากลูก ๆ ที่บ้านด้วย!”

“ซุปเห็ดหลินจือดำของท่านช่วยให้ร่างกายข้าฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้ดีจริง ๆ ขอบพระคุณท่านแม่เจียง!”

บุรุษลึกลับจากวังหลวง

วันหนึ่ง ขณะที่เหม่ยหลินกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารที่แผงขายของเธอ จู่ๆ ก็มีชายสูงวัยท่าทางภูมิฐาน สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มปักลายเมฆอันวิจิตร เดินเข้ามาใกล้แผงของเธอ ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ ดวงตาของเขาคมกริบแต่แฝงด้วยความเมตตา ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ท่านราชครูจ้าว ผู้เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญขององค์จักรพรรดิ และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการประลองรสชาติครั้งก่อน

“ท่านแม่เจียง” ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้วว่าท่านทำอาหารได้อร่อยเลิศนัก วันนี้ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง”

เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อยด้วยความเคารพ “เป็นเกียรติอย่างยิ่งเจ้าค่ะท่านราชครู”

ท่านราชครูจ้าวสั่งบะหมี่เจผักรวมและซุปเห็ดหลินจือดำ เมื่อเขาได้ลิ้มรสอาหารของเหม่ยหลิน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติที่เรียบง่ายแต่ล้ำลึกของบะหมี่เจ และกลิ่นหอมของซุปเห็ดหลินจือดำที่ช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้เขารู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา

“อร่อย! อร่อยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!” ท่านราชครูจ้าวเอ่ยชมด้วยความจริงใจ “ท่านแม่เจียง ช่างเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากยิ่งนัก!”

ท่านราชครูจ้าวหันไปมองลูกๆ ของเหม่ยหลินที่กำลังช่วยงานอย่างขะมักเขม้น “ลูกๆ ของท่านก็ดูแข็งแรงและกระตือรือร้นนัก ดูท่าทางพวกเขาจะมีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือท่าน”

“เจ้าค่ะท่านราชครู” เหม่ยหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาเป็นกำลังใจสำคัญของข้าเจ้าค่ะ”

หลังจากกินอาหารเสร็จ ท่านราชครูจ้าวก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่เจียง ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านเป็นการส่วนตัว หากท่านไม่รังเกียจ ขอเชิญท่านมาพบข้าที่เรือนพักของข้าในจวนเจ้าเมืองยามพลบค่ำวันนี้ได้หรือไม่?”

คำเชิญของท่านราชครูจ้าวทำให้เหม่ยหลินรู้สึกประหลาดใจและสับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าท่านราชครูมีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธคำเชิญของบุคคลสำคัญเช่นนี้ได้

“เจ้าค่ะท่านราชครู ข้าจะไปตามนัดเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินตอบ

เมื่อท่านราชครูจากไป เหม่ยหลินก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ลูกๆ ฟัง หลี่เฟยหลงแสดงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านแม่! ท่านราชครูจะไม่มีเจตนาร้ายใช่ไหมขอรับ?” หลี่เฟยหลงถามด้วยความกังวล

“ไม่หรอกลูก” เหม่ยหลินตอบ “ท่านราชครูดูเป็นคนมีเมตตา และข้าคิดว่าท่านอาจจะมีเรื่องสำคัญบางอย่างจะบอกเรา”

ภัยร้ายจากมาดามหลี่และจางไห่

ในขณะที่เหม่ยหลินกำลังได้รับเกียรติจากราชสำนัก ด้านมืดของตลาดก็กำลังวางแผนร้าย จางไห่และมาดามหลี่ได้ยินข่าวว่าท่านราชครูจ้าวมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลิน และรู้ว่าเหม่ยหลินจะต้องไปที่เรือนพักของท่านราชครูในจวนเจ้าเมืองในยามพลบค่ำ

“พี่ใหญ่! นี่มันโอกาสของเราชัดๆ!” มาดามหลี่กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความริษยา “ในเมื่อแม่เจียงไปถึงที่นั่นแล้ว เราก็จัดการนางได้ง่ายขึ้น!”

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” จางไห่ถาม

“เราจะส่งคนไปลักพาตัวนาง!” มาดามหลี่ตอบด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “แล้วบังคับให้นางคายสูตรอาหารออกมาให้หมด! จากนั้น...เราก็จะให้นางหายไปจากโลกนี้ซะ! แล้วเอาสูตรอาหารของนางไปขายให้ท่านเจ้าเมือง หรือไม่ก็เปิดร้านอาหารของเราเอง!”

จางไห่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ความโลภก็ครอบงำจิตใจของเขาในที่สุด

“ดี! งั้นเราจะส่งคนไปดักรอนางที่ทางเข้าจวนเจ้าเมืองตอนพลบค่ำ!” จางไห่กล่าว

การเผชิญหน้าในคืนมืด

เมื่อพลบค่ำ เหม่ยหลินก็เดินทางไปยังจวนเจ้าเมืองตามนัดของท่านราชครูจ้าว เธอสวมชุดเรียบง่าย แต่ใบหน้าของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมั่นใจ

ขณะที่เธอกำลังเดินไปตามทางเดินที่มืดสลัวซึ่งทอดไปสู่เรือนพักของท่านราชครู จู่ๆ ก็มีเงาร่างสองเงาพุ่งเข้ามาจากความมืด พร้อมกับผ้าผืนหนึ่งที่ถูกปิดปากและจมูกของเธอ

เหม่ยหลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ผ้าผืนนั้นมีกลิ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมึนงงและอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธออ่อนปวกเปียก และสติของเธอก็ดับวูบไป

เมื่อเหม่ยหลินฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องมืดๆ ที่มีกลิ่นอับชื้น เธอถูกมัดแขนและขาไว้กับเก้าอี้ไม้เก่าๆ

“โอ้! ตื่นแล้วอย่างนั้นรึ!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในความมืด ร่างของมาดามหลี่ปรากฏขึ้นในแสงสลัวของตะเกียงที่จุดอยู่ตรงมุมห้อง ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

“มาดามหลี่! เจ้าทำอะไรกับข้า!” เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแผ่วเบา

“หึ! ข้าก็แค่เชิญเจ้ามาเป็นแขกของข้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้นแหละ!” มาดามหลี่ตอบ “และในฐานะเจ้าของสูตรอาหารอันล้ำค่าของเจ้า! ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า...จากนี้ไป สูตรอาหารทั้งหมดของเจ้าจะเป็นของข้า!”

เหม่ยหลินมองมาดามหลี่ด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าจะไม่มีทางได้สูตรอาหารของข้าไปเด็ดขาด!”

“หึ! ปากดีนัก!” มาดามหลี่หัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าเจ้าจะต่อต้านข้าได้อย่างนั้นรึ! ในเมื่อตอนนี้เจ้าตกอยู่ในกำมือของข้าแล้ว!”

มาดามหลี่หันไปสั่งลูกน้องของเธอ “พวกแก! เอาเครื่องมือทรมานมา! ข้าจะทำให้แม่นางผู้นี้คายสูตรออกมาให้หมด!”

ลูกน้องของมาดามหลี่หยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมาจากมุมห้อง มันเป็นอุปกรณ์ที่ดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เหม่ยหลินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เธอรู้ว่ามาดามหลี่จะไม่เล่นตลกกับเธอแน่นอน

“เจ้าจะไม่ได้อะไรไปจากข้าเลย!” เหม่ยหลินกล่าวอย่างท้าทาย

“จริงอย่างนั้นรึ!?” มาดามหลี่เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน!”

ความช่วยเหลือที่ไม่คาดฝัน

ในขณะที่มาดามหลี่กำลังจะลงมือทรมานเหม่ยหลิน จู่ๆ ก็มีเสียงทุบประตูห้องดังขึ้นอย่างรุนแรง

ปัง! ปัง! ปัง!

“ใครกัน! มาบังอาจบุกรุก!” มาดามหลี่ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ

ประตูไม้เก่าๆ ถูกพังเข้ามาในพริบตา พร้อมกับเงาร่างของชายร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาคือ หัวหน้าหมา ผู้ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของมาดามหลี่และจางไห่!

“หัวหน้าหมา! เจ้ามาทำอะไรที่นี่!” มาดามหลี่อุทานด้วยความตกใจ

“ข้ามาช่วยแม่เจียง!” หัวหน้าหมาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่เหม่ยหลินไม่เคยเห็นมาก่อน

ลูกน้องของมาดามหลี่พุ่งเข้าใส่หัวหน้าหมาทันที แต่หัวหน้าหมาซึ่งมีฝีมือด้านการต่อสู้ก็สามารถจัดการกับลูกน้องเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

“เจ้า...เจ้ากล้าหักหลังข้าอย่างนั้นรึ!” มาดามหลี่ตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอย่างนี้แล้วจะรอดไปได้รึ!”

“ข้าเคยเป็นคนผิดพลาด” หัวหน้าหมาตอบ “แต่ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกคนดีๆ อย่างแม่เจียงได้อีกแล้ว!”

มาดามหลี่พยายามจะเข้าทำร้ายเหม่ยหลิน แต่หัวหน้าหมาก็เข้ามาขวางไว้ทัน เขาปลดเชือกที่มัดเหม่ยหลินออกอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่เจียง! ท่านปลอดภัยแล้วขอรับ!” หัวหน้าหมากล่าว

“ขอบใจเจ้ามากนะหัวหน้าหมา” เหม่ยหลินกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เคยเป็นศัตรูของเธอจะมาช่วยเธอในวันนี้

ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกห้อง พร้อมกับร่างของ ท่านราชครูจ้าว และกลุ่มทหารองครักษ์ที่ก้าวเข้ามาในห้อง

“มาดามหลี่! เจ้าทำอะไรกับท่านแม่เจียง!” ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าบังอาจถึงเพียงนี้เชียวรึ!”

มาดามหลี่ถึงกับเข่าอ่อนเมื่อเห็นท่านราชครูจ้าวและทหารองครักษ์ ใบหน้าของนางซีดเผือดราวกับคนตาย

“ท่านราชครู! ข้า...ข้าเปล่าเจ้าค่ะ!” มาดามหลี่พยายามปฏิเสธ

“ไม่ต้องมาปฏิเสธ!” ท่านราชครูจ้าวสั่ง “จับตัวนางไป! และสอบสวนให้ละเอียด! หากพบว่านางกระทำความผิดจริง จะต้องได้รับโทษทัณฑ์สถานหนัก!”

ทหารองครักษ์เข้าจับกุมมาดามหลี่และลูกน้องของนางทันที

เหม่ยหลินมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความโล่งใจ เธอรู้ว่าเธอรอดพ้นจากภัยร้ายครั้งนี้ได้แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือเธอได้เห็นถึงความดีงามที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของหัวหน้าหมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   พลังงานลึกลับ

    หลายเดือนหลังจากการเอาชนะภัยแล้งและความร่วมมือกับเผ่าหินทมิฬ ความสงบสุขก็กลับมาสู่แคว้นอีกครั้ง เหม่ยหลินยังคงทำหน้าที่เชฟหลวงและครูสอนทำอาหารอย่างไม่ย่อท้อ แต่ในใจของเธอ เธอรู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ยืมมาจากโชคชะตาเท่านั้น พลังงานลึกลับ ที่คุณหมอชลธีกล่าวถึง เริ่มแสดงอาการที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆพลังงานที่ปั่นป่วนและอาการผิดปกติของธรรมชาติในคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เหม่ยหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวนหลวงเพื่อฝึกจิตให้สงบตามที่คุณหมอชลธีแนะนำ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และได้ยินเสียงกระซิบที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกในวันที่เธอเดินทางข้ามมิติมายังโลกนี้!เธอรีบไปยังที่พักของคุณหมอชลธีทันที และพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด"คุณหมอชลธี! คุณรู้สึกไหมคะ!?" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับ...ผมรู้สึก" คุณหมอชลธีตอบ "มันไม่ใช่แค่ในร่างกายเราแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน...แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังปั่นป่วน มิติ นี้อยู่"อาการผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นทั่วแคว้น สัตว์เลี้ยง

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   มิตรภาพกลางทะเลทราย

    การเผชิญหน้าระหว่างสองอารยธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ถูกตัดสินด้วยเงื่อนไขที่แปลกประหลาดที่สุด นั่นคือ "อาหาร" เหม่ยหลินไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เธอมองไปยังไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ส่วนหัวหน้าหินทมิฬและพรรคพวกของเขาก็จ้องมองเธอด้วยความสงสัยระคนดูถูก"ท่านหัวหน้าหินทมิฬ" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ก่อนที่ข้าจะเริ่มทำอาหาร ข้าอยากจะขอให้ท่านแสดงน้ำใจแก่พวกข้าเสียก่อน โปรดนำน้ำมาให้พวกข้าสักเล็กน้อยเพื่อใช้ในการปรุงอาหาร และถ้าท่านอนุญาต...ข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยนำทางพวกเราไปหาวัตถุดิบบางอย่างในพื้นที่ของท่านเพคะ"หัวหน้าหินทมิฬหัวเราะในลำคอ "เจ้ากล้าขอของจากข้าอย่างนั้นรึ! ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าปรุงอาหารให้ข้าไม่พอใจ...เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในทะเลทรายที่ร้อนระอุจนกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้าย!"เขาสั่งลูกน้องให้นำน้ำมาให้เหม่ยหลินเพียงน้อยนิด และให้ชายหนุ่มคนหนึ่งนำทางเธอไปหาวัตถุดิบ เหม่ยหลินรับน้ำมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินนำไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีออกไปพร้อมกับผู้ช่วยจากเผ่าหินทมิฬการล่าวัตถุดิบในแดนทุรกันดารการเดินทางไปหาวัตถุดิบในดินแดนของเผ่าหินทมิ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ภัยแร้ง

    บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกน้าวสุดแรง ไป๋เฟิงมองเหม่ยหลินและคุณหมอชลธีสลับไปมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เหม่ยหลินรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดด้วยความลับที่ปกปิดมานานหลายปี เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในครั้งนี้ได้อีกต่อไป"ไป๋เฟิง" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือแต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว "ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านต้องให้สัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่ตัดสินข้า และจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด"ไป๋เฟิงพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้าให้สัญญาขอรับ"เหม่ยหลินจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เธอเป็นเชฟในโรงพยาบาลในโลกที่เธอจากมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอหลุดข้ามมิติมายังโลกนี้ การได้พบกับครอบครัวของเจียงเหวิน และการใช้ความรู้จากโลกเดิมเพื่อเอาชีวิตรอดและสร้างชีวิตใหม่ เธอไม่ได้ละเว้นแม้แต่เรื่องราวที่เธอเคยบอกไปแล้วอย่างเรื่องการทำอาหารจากวัตถุดิบประหลาด หรือเรื่องราวของโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่าโลกนี้มากไป๋เฟิงฟังอย่างเงียบสงบ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเข้าใจและตกตะลึง ในขณะที่คุณหมอชลธีก็เสริมข้อมูลบางอย่างที่เหม่ยห

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   กองโจรกับการหลับมา

    หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์โจรสลัดหมาป่าทมิฬ ทุกมุมของแคว้นได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ภายใต้การนำอันชาญฉลาดของเหม่ยหลินและองค์จักรพรรดิ ตระกูลหลี่ได้กลายเป็นตระกูลที่มีเกียรติยศสูงสุดในแผ่นดิน หลี่เฟยหลงก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ชิวลี่ฮวาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพรรณและศิลปะในวัง ส่วนหลี่เฟยหานก็เติบโตเป็นข้าราชการหนุ่มผู้ซื่อตรงและเปี่ยมด้วยความสามารถ หลี่เฟยหยาง น้องสุดท้องก็เป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริง มีสติปัญญา และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในวังเสมอมิตรภาพระหว่างแคว้นของเหม่ยหลินกับแคว้นเยว่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไป๋เฟิงยังคงเป็นราชทูตผู้ทรงอิทธิพล และมักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหม่ยหลินนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำว่ามิตร และเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนใกล้ชิดว่าไป๋เฟิงมีใจให้กับเชฟหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แต่ความแตกต่างของสถานะและแคว้นทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงความรู้สึกที่งดงามในใจเท่านั้นแม้ทุกสิ่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้ง เงาจากอดีต ก็มักจะคืบคลานกลับมาทักทาย โดยเฉพาะอดีตที่เ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   โจร

    ความรุ่งเรืองของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพจากวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทาง ชื่อเสียงของ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และความอุดมสมบูรณ์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ เชฟหลวงเหม่ยหลิน ไม่ได้สร้างความชื่นชมยินดีไปทั่วทุกสารทิศเสมอไป ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ความโลภ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมจิตใจของผู้คนบางกลุ่ม เสียงกระซิบของความมั่งคั่งและแผนการร้ายจากแดนเถื่อน ทางทิศตะวันออกไกลโพ้นจากแคว้นที่กำลังฟื้นฟู มีกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า "หมาป่าทมิฬ" อาศัยอยู่ พวกมันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในแถบนั้น ด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และความสามารถในการปล้นสะดมอย่างรวดเร็วราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย หัวหน้ากลุ่ม คือชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าดุร้ายและรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตา "ไคเฟิง" เขาได้ยินข่าวลือเรื่องความมั่งคั่งของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพ รวมถึงเรื่องอาหารวิเศษที่ทำให้ผู้คนมีพละกำลังและสุขภาพดี "พวกแกได้ยินข่าวลือเรื่องแคว้นทางตะวันตกนั่นรึไม่!" ไคเฟิงคำรามเสียงดังในค่ายโจรที่เต็มไปด้วยกองไฟและเสียงเอะอะโวยวาย "มันว่ากันว่าแคว้นนั้นมีอาหารวิเศษที่ทำให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย!

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   การฟื้นฟู

    เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เมื่อขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถูกคุมตัวออกไป ภาพของประชาชนที่ดื่มด่ำ "ซุปแห่งแสงตะวัน" และฟื้นคืนพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ได้สยบทุกความแคลงใจ ทุกเสียงกระซิบกระซาบของความไม่พอใจมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยประกายแห่งความหวังและความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาองค์จักรพรรดิทรงเดินลงจากบัลลังก์ มาประทับยืนข้างเหม่ยหลิน พระหัตถ์ของพระองค์วางลงบนบ่าของเธอด้วยความเมตตาและภาคภูมิใจ"ประชาชนของข้า!" องค์จักรพรรดิรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยพลัง "วันนี้! พวกเจ้าได้เห็นแล้วถึงความจริงใจของวังหลวง! พวกเจ้าได้ลิ้มรสแล้วถึงความเมตตาของสวรรค์! และพวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วถึงพลังแห่งความสามัคคี! เราจะร่วมกันฟื้นฟูแคว้นของเราให้กลับมารุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!"เสียงกู่ก้อง "ทรงพระเจริญ!" ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง ประชาชนต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแผนฟื้นฟูแผ่นดิน: เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังหลังเหตุการณ์จลาจล องค์จักรพรรดิได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา เพื่อวางแผนฟื้นฟูแคว้นครั้งใหญ่ เหม่ยหลิน ไป๋เฟิง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status