แชร์

ประลองรสชาติ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-06 23:04:05

เช้าตรู่วันประลอง ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสลัวด้วยไอหมอกจางๆ แต่ใจกลางเมืองกลับคึกคักไปด้วยผู้คนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นสักขีพยานในศึกประลองรสชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทำอาหารธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง อำนาจ และ ความสามารถ ระหว่าง ศักดิ์ศรี ของเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กับ ความกล้าหาญ ของแม่ครัวสามัญชน

เหม่ยหลินและครอบครัวเดินทางมาถึงลานประลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยที่นั่งสำหรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไป กลิ่นหอมของเครื่องหอมปะปนกับกลิ่นไอของตลาดสดอบอวลไปทั่วบริเวณ

"ท่านแม่! คนเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางเกาะแขนเหม่ยหลินแน่น ดวงตากลมโตสอดส่ายมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่น

"ไม่ต้องกลัวหรอกลูก" เหม่ยหลินยิ้มให้กำลังใจลูกชาย เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งใด

เมื่อเดินไปถึงหลังเวที พวกเขาก็เห็นเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงยืนอยู่พร้อมกับพ่อครัวประจำจวนของเขา และชายชุดดำสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าของหลี่กวงหมิงเรียบตึง แต่แววตาของเขากลับฉายแววไม่พอใจที่เห็นเหม่ยหลินและครอบครัวมาปรากฏตัว

"หึ! คิดว่าจะไม่มาเสียแล้ว!" หลี่กวงหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

เหม่ยหลินเพียงแค่ยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ เธอหันไปตรวจดูวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะปรุงอาหารของเธอ ซึ่งถูกแบ่งแยกออกจากโต๊ะของเจ้าเมืองอย่างชัดเจน

"ท่านแม่! วันนี้เราจะทำให้ดีที่สุดเลยนะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

"ใช่แล้วลูก" เหม่ยหลินตอบ พลางลูบศีรษะของเขาเบาๆ

ไม่นานนัก เสียงกลองก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณเปิดการประลอง ขุนนางผู้ใหญ่และผู้พิพากษาซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตัดสินขึ้นไปยืนบนเวที ผู้คนต่างส่งเสียงเฮด้วยความตื่นเต้น

"ขอเรียนเชิญท่านเจ้าเมืองหลี่กวงหมิง และท่านแม่เจียงเหมยลี่ ผู้ท้าประลอง ขึ้นสู่เวที!" เสียงประกาศดังก้องไปทั่วลานประลอง

หลี่กวงหมิงเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางสง่างาม ท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาชนบางส่วน เหม่ยหลินก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างมั่นคง ท่ามกลางเสียงซุบซิบและสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยปนชื่นชม

"การประลองในวันนี้ จะตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และพ่อครัวหลวงจากวังหลวง!" ผู้พิพากษาประกาศ "ทั้งสองฝ่ายจะต้องปรุงอาหารสองเมนู โดยใช้เวลาทั้งหมดสามชั่วโมง! เมนูแรกจะต้องเป็นอาหารคาว และเมนูที่สองจะต้องเป็นอาหารหวาน! ขอให้ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัว!"

เหม่ยหลินพยักหน้าเล็กน้อย เธอหันไปมองเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชา

"เริ่มได้!"

เมนูแรก: การปะทะแห่งรสชาติ

เมื่อเสียงสัญญาณเริ่มต้นดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มลงมือปรุงอาหารอย่างรวดเร็ว

หลี่กวงหมิงภายใต้คำแนะนำของพ่อครัวประจำจวนของเขา เลือกที่จะทำ "เป็ดย่างซอสพริกหม่าล่า" ซึ่งเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อของจวนเจ้าเมือง และเป็นที่ชื่นชอบของคนในยุคนั้น พ่อครัวของเจ้าเมืองเริ่มต้นด้วยการเลาะกระดูกเป็ดออกอย่างรวดเร็ว นำเป็ดไปหมักกับเครื่องเทศนานาชนิด ก่อนจะนำไปย่างบนเตาถ่านจนหนังเป็ดกรอบเป็นสีทอง ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ

ด้านเหม่ยหลิน เธอเลือกที่จะทำ "มังกรซ่อนกายในทะเลบุปผา" ตามที่วางแผนไว้ เธอเริ่มต้นด้วยการหุงข้าวอย่างพิถีพิถัน โดยใช้ข้าวที่ได้จากการแลกเปลี่ยนและผสมกับมันเทศเล็กน้อย เพื่อให้ข้าวมีเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มและมีรสหวานธรรมชาติ จากนั้นเธอนำข้าวที่หุงสุกแล้วมาบดอย่างละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำมันงาเล็กน้อย แล้วปั้นเป็นรูปมังกรตัวเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผักลวกที่จัดเรียงเป็นรูปดอกไม้สีสันสดใส ราดด้วยซอสเต้าเจี้ยวโบราณที่เธอปรุงขึ้นเป็นพิเศษ

กลิ่นหอมของเป็ดย่างและกลิ่นหอมละมุนของซอสเต้าเจี้ยวผัดลอยคละคลุ้งไปทั่วลานประลอง ผู้คนต่างส่งเสียงซุบซิบและถกเถียงกันถึงเมนูของทั้งสองฝ่าย

"เป็ดย่างของท่านเจ้าเมืองช่างหอมยั่วยวนนัก!"

"แต่อาหารของแม่เจียงก็ดูแปลกตาและน่าสนใจไม่แพ้กันเลยนะ!"

เมื่อหมดเวลาสำหรับเมนูแรก ทั้งสองฝ่ายก็นำอาหารไปวางบนโต๊ะให้คณะกรรมการได้ชิม คณะกรรมการเริ่มต้นด้วยการชิมเป็ดย่างซอสพริกหม่าล่าของเจ้าเมือง รสชาติที่เข้มข้นของเนื้อเป็ดที่หมักจนเข้าเนื้อ ผสานกับความเผ็ดร้อนของซอสพริกหม่าล่า ทำให้พวกเขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

จากนั้น พวกเขาก็หันมาลองชิม "มังกรซ่อนกายในทะเลบุปผา" ของเหม่ยหลิน เมื่อพวกเขาตักข้าวปั้นรูปมังกรเข้าปาก คำแรกที่พวกเขาได้ลิ้มรสคือความเหนียวนุ่มของข้าวที่ถูกปรุงรสอย่างกลมกล่อม ความหวานธรรมชาติของมันเทศ และความกรอบสดของผักลวกที่เข้ากันอย่างลงตัวกับซอสเต้าเจี้ยวโบราณที่หอมละมุน มันเป็นรสชาติที่เรียบง่าย แต่กลับสร้างความประทับใจให้แก่พวกเขาอย่างมาก

"นี่มัน...อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ!" พ่อครัวหลวงจากวังหลวงเอ่ยชมด้วยความประหลาดใจ "ข้าวปั้นที่ดูธรรมดาๆ กลับมีรสชาติที่ล้ำลึกและหอมละมุนถึงเพียงนี้!"

เมนูที่สอง: การทดสอบใจและกลิ่นอายแห่งเซียน

เมื่อถึงเมนูที่สอง การแข่งขันก็เริ่มเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม

หลี่กวงหมิงและพ่อครัวของเขาเลือกที่จะทำ "ขนมบัวลอยน้ำขิงไส้งาดำ" ซึ่งเป็นขนมหวานยอดนิยมที่แสดงถึงฝีมือในการทำขนมได้อย่างดีเยี่ยม พวกเขาปั้นบัวลอยอย่างปราณีต ใส่ไส้งาดำที่ปรุงรสอย่างหอมหวาน ก่อนจะนำไปต้มในน้ำขิงที่หอมร้อน

ด้านเหม่ยหลิน เธอเลือกที่จะทำ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" ตามที่วางแผนไว้ เธอเปิดหม้อซุปที่เธอเคี่ยวมาตั้งแต่เช้าตรู่ กลิ่นหอมของเห็ดหลินจือดำหายาก สมุนไพรจีนหลากหลายชนิด และกลิ่นหอมของ "น้ำทิพย์เซียน" ลอยฟุ้งไปทั่วลานประลอง สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนและคณะกรรมการอย่างมาก

"นี่มันกลิ่นอะไรกัน! ทำไมมันถึงได้หอมขนาดนี้!"

"กลิ่นนี้...ราวกับกลิ่นของสมุนไพรโบราณ! เป็นกลิ่นที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลย!"

หลี่กวงหมิงถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาจำกลิ่นของ "ซุปบำรุงเซียน" ที่เขาเคยดื่มที่จวนของเขาได้ และเขาก็รู้ว่าเหม่ยหลินกำลังใช้เมนูนี้ในการประลองครั้งนี้

เมื่อหมดเวลาสำหรับเมนูที่สอง ทั้งสองฝ่ายก็นำอาหารไปวางบนโต๊ะให้คณะกรรมการได้ชิม คณะกรรมการเริ่มต้นด้วยการชิมขนมบัวลอยน้ำขิงไส้งาดำของเจ้าเมือง รสชาติหวานมันของไส้งาดำ ผสานกับความเผ็ดร้อนของน้ำขิง ทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นในอก

จากนั้น พวกเขาก็หันมาลองชิม "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" ของเหม่ยหลิน เมื่อพวกเขาตักซุปเข้าปากคำแรก ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างด้วยความทึ่ง รสชาติที่ล้ำลึก หอมหวาน และมีกลิ่นอายของสมุนไพรที่แตกต่างจากซุปใดๆ ที่เคยลิ้มลอง มันเป็นรสชาติที่ทำให้รู้สึกสดชื่น มีพลังงาน และจิตใจสงบ ราวกับได้ดื่มน้ำทิพย์จากสวรรค์

"นี่มันซุปอะไรกัน! มันไม่ใช่แค่ซุปธรรมดา!" พ่อครัวหลวงจากวังหลวงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "มันมีพลังบางอย่างอยู่ในนั้น! ราวกับซุปที่ปรุงโดยเซียน!"

เหตุการณ์ไม่คาดฝันและการตัดสิน

ขณะที่คณะกรรมการกำลังชิมซุปแห่งชีวิตอมตะอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากกลุ่มผู้ชมด้านหน้า

"ท่านเจ้าเมือง! นั่นมันเห็ดหลินจือดำที่ท่านสั่งให้คนไปหามาไม่ใช่หรือขอรับ!" ชายชราคนหนึ่งในกลุ่มผู้ชมตะโกนขึ้นมา

เสียงนั้นทำให้ทุกคนหันไปมอง เจ้าเมืองหลี่กวงหมิงถึงกับหน้าซีดเผือด เขารู้ว่าเห็ดหลินจือดำที่ใช้ในซุปของเหม่ยหลินนั้น เป็นเห็ดที่เขาเคยสั่งให้ลูกน้องไปหามาเพื่อบำรุงตัวเอง แต่เหม่ยหลินกลับนำมันมาใช้ในการประลองครั้งนี้

"ไม่จริง! นั่นมันเห็ดของข้า!" หลี่กวงหมิงตะโกนขึ้นอย่างโมโห

"ท่านเจ้าเมืองกล่าวอะไรหรือเจ้าคะ?" เหม่ยหลินยิ้มบางๆ "เห็ดหลินจือดำเป็นของธรรมชาติ ใครหามาได้ก็เป็นของผู้นั้น และข้าก็ได้รับเห็ดเหล่านี้มาจากลูกๆ ของข้าที่เสี่ยงชีวิตขึ้นไปหามาจากบนภูเขาเจ้าค่ะ"

คำพูดของเหม่ยหลินทำให้ผู้คนในตลาดต่างส่งเสียงฮือฮา พวกเขาเริ่มเข้าใจว่าเห็ดหลินจือดำที่อยู่ในซุปของเหม่ยหลินนั้นมีที่มาอย่างไร

หลี่กวงหมิงถึงกับพูดไม่ออก ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและความอับอาย

ในที่สุด เมื่อคณะกรรมการได้ชิมอาหารของทั้งสองฝ่ายครบถ้วนแล้ว ผู้พิพากษาและขุนนางผู้ใหญ่ก็ปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมายืนอยู่หน้าเวที

"เอาล่ะ! ทุกท่าน! การประลองรสชาติครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว!" ผู้พิพากษาประกาศด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน "บัดนี้...ถึงเวลาประกาศผลการตัดสิน!"

บรรยากาศในลานประลองเงียบสงัดลงทันที ผู้คนต่างกลั้นหายใจรอฟังผลลัพธ์

"จากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว...คณะกรรมการขอประกาศให้ ท่านแม่เจียงเหมยลี่ เป็นผู้ชนะการประลองรสชาติในครั้งนี้!"

เสียงเฮลั่นและเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วลานประลองราวกับพายุ ลูกๆ ของเหม่ยหลินโผเข้ากอดเธอด้วยความดีใจ ชิวลี่ฮวาก็เข้ามาจับมือเธออย่างซาบซึ้งใจ

หลี่กวงหมิงถึงกับตัวแข็งทื่อ ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับไร้ซึ่งเลือดฝาด เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับแม่ครัวสามัญชนอย่างเหม่ยหลินได้ เขาถูกหยามเกียรติอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

"ไม่จริง! มันเป็นไปไม่ได้!" หลี่กวงหมิงตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง "เจ้าโกง! เจ้าต้องโกงแน่ๆ!"

"ท่านเจ้าเมือง! โปรดสำรวม!" ผู้พิพากษาเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ผลการตัดสินเป็นไปอย่างยุติธรรม โดยมีพยานหลักฐานและคณะกรรมการเป็นผู้ยืนยัน!"

หลี่กวงหมิงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขาหันไปมองเหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้น และในแววตาของเขาก็ปรากฏประกายบางอย่างที่เหม่ยหลินไม่เคยเห็นมาก่อน มันคือประกายของ ความบ้าคลั่ง และ ความพยาบาท

"เจ้า...เจ้าจะต้องเสียใจ! เจ้าจะต้องเสียใจที่กล้ามาหักหน้าข้า!" หลี่กวงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำและเต็มไปด้วยความอาฆาต ก่อนจะเดินจากเวทีไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพ่อครัวและชายชุดดำของเขา

แม้จะได้รับชัยชนะ แต่เหม่ยหลินก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่กำลังจะมาถึง เธอรู้ว่าหลี่กวงหมิงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และเขาจะต้องหาทางแก้แค้นเธอและครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอได้ปกป้องครอบครัวของเธอไว้ได้ และเธอได้แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ความสามารถและความจริงใจนั้นยิ่งใหญ่กว่าอำนาจและศักดิ์ศรีจอมปลอม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   การทรยศ

    รุ่งอรุณหลังคืนแห่งความวุ่นวาย แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในเรือนพักของท่านราชครูจ้าว เหม่ยหลินรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างกอดเธอแน่นด้วยความโล่งใจ การปรากฏตัวของหัวหน้าหมาและท่านราชครูจ้าวราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดมิดท่านราชครูจ้าวนั่งลงตรงข้ามกับเหม่ยหลิน ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้าต้องขออภัยแทนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงด้วย ที่ทำให้ท่านต้องมาประสบเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้"เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านราชครู ข้าเข้าใจดีว่าอำนาจมักจะทำให้คนตาบอด""ถูกต้อง" ท่านราชครูจ้าวพยักหน้า "เรื่องของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงนั้น ข้าได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เขากระทำ"ท่านราชครูจ้าวหันไปมองหัวหน้าหมาที่ยืนอยู่ข้างๆ "หัวหน้าหมา เจ้าทำความดีความชอบในครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้รับความดีความชอบอย่างที่ควรจะได้รับ"หัวหน้าหมาก้มศีรษะด้

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   อุบาย

    ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆความผันผวนในจวนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล“นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขาพ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ประลองรสชาติ

    เช้าตรู่วันประลอง ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสลัวด้วยไอหมอกจางๆ แต่ใจกลางเมืองกลับคึกคักไปด้วยผู้คนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นสักขีพยานในศึกประลองรสชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทำอาหารธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง อำนาจ และ ความสามารถ ระหว่าง ศักดิ์ศรี ของเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กับ ความกล้าหาญ ของแม่ครัวสามัญชนเหม่ยหลินและครอบครัวเดินทางมาถึงลานประลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยที่นั่งสำหรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไป กลิ่นหอมของเครื่องหอมปะปนกับกลิ่นไอของตลาดสดอบอวลไปทั่วบริเวณ"ท่านแม่! คนเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางเกาะแขนเหม่ยหลินแน่น ดวงตากลมโตสอดส่ายมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่น"ไม่ต้องกลัวหรอกลูก" เหม่ยหลินยิ้มให้กำลังใจลูกชาย เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งใดเมื่อเดินไปถึงหลังเวที พวกเขาก็เห็นเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงยืนอยู่พร้อมกับพ่อครัวประจำจวนของเขา และชายชุดดำสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าของหลี่กวงหมิงเรียบตึง แต่แววตาของเขากลับฉาย

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   เงื่อนไข

    แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงฉานเมื่อเหม่ยหลินกลับมาถึงบ้าน ตลอดทางกลับ เธอครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ คำสั่งของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงเป็นดั่งดาบที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หากเธอปฏิเสธหรือทำผิดพลาดแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอและลูกๆ อาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงบ้าน ใบหน้าของหลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ก็ปรากฏแก่สายตา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถาม"ท่านแม่! เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ท่านเจ้าเมืองพูดอะไรกับท่าน?" หลี่เฟยหลงเอ่ยถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหม่ยหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าเมืองให้ทุกคนฟัง ตั้งแต่คำชมเชยของหลี่กวงหมิง ข้อเสนอให้เป็นพ่อครัวประจำจวน และคำสั่งให้ส่งอาหารทุกวัน รวมถึงการบีบบังคับให้บอกสูตรอาหารบรรยากาศในห้องเงียบสงัดลงทันที ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลี่เฟยหลงที่กำมือแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ"ท่านเจ้าเมืองช่างบีบบังคับกันเกินไปแล้วขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นอย

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   คลื่นใต้น้ำ

    ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมาเช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย"ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส"ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน"ท่า

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ท้าประลอง

    คำพูดของเหม่ยหลินทำให้ทุกคนในตลาดถึงกับตกตะลึง รวมถึงหัวหน้าหมาและลูกน้องของเขาด้วย"ประลองฝีมืออย่างนั้นรึ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน!" หัวหน้าหมาหัวเราะเยาะ "เจ้าเป็นแค่แม่ครัวอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น! จะเอาอะไรมาสู้กับพวกข้า!""ข้าไม่ได้ท้าเจ้าประลองกำลัง" เหม่ยหลินตอบ "ข้าขอท้าเจ้าประลอง...ปัญญา!"คำว่า 'ประลองปัญญา' ยิ่งทำให้ทุกคนงงไปกันใหญ่"ประลองปัญญาอย่างนั้นรึ! ตลกสิ้นดี!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างเยาะเย้ย "เจ้าจะประลองปัญญาอะไรกับข้า!?""ข้าจะท้าเจ้าให้ตอบคำถามของข้าสามข้อ" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ "หากเจ้าตอบได้ทั้งสามข้อ...ข้าจะยอมออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และจะไม่กลับมาค้าขายอีก! แต่หากเจ้าตอบไม่ได้...เจ้าต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้า และห้ามมารังแกพวกเราอีกตลอดไป!"ข้อเสนอของเหม่ยหลินทำให้ผู้คนในตลาดต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยเห็นการประลองแบบนี้มาก่อนหัวหน้าหมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาไม่คิดว่าแม่ครัวธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีความรู้หรือปัญญาอะไรมากมายนัก"ได้! ข้ารับคำท้า!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างลำพองใจ "เอาเลย! เจ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status