Share

บทที่ 55 ไม่เหมือนเดิม

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:27:13

บิดากลับมาแล้วและอีกไม่นานพี่ชาย ญาติผู้พี่ทั้งสองและท่านอาทั้งสองก็จะติดตามมานี่คือสิ่งที่ทำให้เฉินเจียวเจียวรู้สึกมีความสุขมากที่สุด นางจดจำได้ว่าชาติที่แล้วพวกเขาแค่เพียงมาทันร่วมพิธีส่งตัวนางเพียงเท่านั้น สามวันหลังจากแต่งงานยามที่นางพาโซ่วอ๋องกลับบ้านเดิม พวกเขาก็พากันกลับดินแดนทางเหนือไปเสียแล้ว

นางไม่อาจจะคาดเดาว่าชาติที่แล้วหลังจากที่นางตายจากไปเช่นนั้นทางจวนผิงกั๋วกงจะเป็นเช่นไร ทุกคนจะเศร้าโศกเสียใจหรือไม่ ท่านพ่อและพี่ชายของนางจะทันได้กลับมาส่งศพของนางหรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจนางจึงไม่กล้าคิดถึงและไม่กล้าคาดเดา

แต่ชาตินี้เมื่อได้เห็นว่าบิดาเร่งรุดกลับมาหานางโดยไม่สนใจว่าจะถูกหรือจะผิด พี่ชาย ญาติผู้พี่ทั้งสองรวมทั้งท่านอาทั้งสองก็กำลังเร่งรุดเดินทางกลับมาด้วยเรื่องของนางเช่นเดียวกันทำให้นางอดรู้สึกซาบซึ้งใจไม่ได้

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว ทั้งนางและบิดาก็ต่างนั่งพูดคุยกันและเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้บิดาฟังอีกครั้งอย่างละเอียดซึ่งแน่นอนว่าย่อมตรงกันกับที่เฉียวซื่อเล่าแต่เฉียวซื่ออาจจะเล่าได้อย่างละเอียดกว่า และแน่นอนว่าคนที่ทำให้บิดาของนางโกรธเคืองมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น โซ่วอ๋องหลี่ไท่หยาง

“เจ้าคนตาถั่วผู้นั้นคงจะยังไม่รู้ตัวว่าเขาพลาดอันใดไป” เมื่อผิงกั๋วกงเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“นี่ต้องบอกว่าลูกโชคดีต่างหากเล่าเจ้าคะ สวรรค์น่าจะกำลังช่วยลูกอยู่ลูกจึงได้สามารถแก้ไขเรื่องการหมั้นหมายของลูกได้เช่นนี้” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ผิงกั๋วกงก็พลันขมวดคิ้ว

“ก็ได้แต่หวังว่าองค์รัชทายาทผู้นั้นจะไม่เป็นดังเช่นน้องชายของเขานะหรือไม่ก็อาจจะเป็นมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อดูจากการที่เขาทำตัวเหมือนโจรเด็ดบุปผาลักลอบปีนกำแพงมาหาเจ้าอย่างอุกอาจเช่นนี้ อีกทั้งด้วยตำแหน่งของเขาวันหน้าคงจะต้องมีอิสตรีมากมายเป็นแน่ หากเขาโง่เขลาและหลงใหลหญิงงามเฉกเช่นโซ่วอ๋องถึงยามนั้นเจ้าจะทำเช่นไร” ผิงกั๋วกงเฉินคังเอ่ยถามบุตรสาวออกมาด้วยสีหน้ากังวล

“ถึงยามนั้นลูกก็จะไม่ทนเช่นกัน หากเขาไม่ต้องการลูกแล้วลูกก็จะรีบถอนตัวจากเขาในทันที ผู้ใดอยากจะแย่งยิ่งก็เชิญแก่งแย่งกันไป ข้าคนนี้จะขอยืนอยู่วงนอกรอดูเรื่องสนุกก็พอแล้ว” เฉินเจียวเจียวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

นางไม่คิดจะเชื่อถือคำพูดขององค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงเลยสักนิด เพียงแต่ด้วยประสบการณ์ของนางจากชาติที่แล้วทำให้นางรู้ว่าควรจะจัดการกับชีวิตของตนเองในวันข้างหน้าได้อย่างไร ดูอย่างอาสะใภ้สามของนางหรือไม่ก็เฉียวกุ้ยเฟยสิ ขอเพียงไม่ยึดติดไม่ลุ่มหลงมองทุกอย่างประดุจคนนอก ก็จะไม่เจ็บปวดและร่วมวงฉีกทึ้งแย่งชิง

“ดีในเมื่อเจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดี หากถึงวันนั้นจริงก็อย่าได้ลืมว่าเจ้ายังมีผู้ใดคอยหนุนหลังอยู่” คำพูดของผิงกั๋วกงทำให้เฉินเจียวเจียวยิ้มออกมา

นางไม่กล้าบอกกับบิดาว่ายามนี้อยู่ๆ นางก็ได้กุมของสำคัญขององค์รัชทายาทอย่างเหนือความคาดหมาย ในเมื่อเขาใจกว้างนางก็จะขอรับไว้ วันหน้าหากเขาคิดหักหลังนางขึ้นมาก็จะต้องใคร่ครวญให้ดีว่านอกจากจะมีจวนผิงกั๋วกงคอยหนุนหลังแล้วนางยังครอบครองสิ่งสำคัญของเขาอยู่ในมือ

การที่เขายินยอมให้นางถือป้ายคำสั่งของหอเมฆา นอกจากจะเป็นการแสดงถึงการปกป้องคุ้มครองนางอย่างที่เขาเอ่ยออกมาแล้ว ยังเป็นการบอกใบ้ให้นางรู้ว่าเขากำลังขอให้นางเชื่อใจเขา แม้แต่ความลับของเขา เขายังไม่คิดจะปิดบังนางแถมยังยื่นอาวุธของตนเองให้นางช่วยถือเอาไว้เสียด้วย นับว่ามีความจริงใจอยู่ไม่น้อย

“ท่านย่าเริ่มพูดคุยกับสกุลของบรรดาคู่หมายของพี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามแล้ว ท่านย่าตั้งใจว่าพวกท่านกลับมาคราวนี้จะให้พวกพี่ๆ ดำเนินเรื่องการแต่งงานให้แล้วเสร็จก่อนจะกลับดินแดนทางเหนือ” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้ผิงกั๋วกงขมวดคิ้ว

“เหตุใดจึงได้รีบร้อนเช่นนี้กันเล่า” เมื่อผิงกั๋วกงเอ่ยถามเช่นนี้คนที่คอยยุยงฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเฉินเจียวเจียวก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“พี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามล้วนเติบใหญ่แล้ว จะเลื่อนการแต่งงานออกไปอีกล้วนไม่ดีนะเจ้าคะ อย่างน้อยก็มีผลเรื่องทายาท โดยเฉพาะพี่ใหญ่ที่เป็นซื่อจื่อจวนผิงกั๋วกงก็สมควรจะต้องรีบมีทายาทก่อนผู้อื่น ข้ายังเห็นด้วยกับท่านย่าว่าควรจะรีบจัดการเรื่องการแต่งภรรยาของพวกพี่ๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อนที่ข้าจะออกเรือน วันหน้าจวนผิงกั๋วกงของพวกเราจะได้ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป” เฉินเจียวเจียวเอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

ชาติที่แล้วพี่ชาย และญาติผู้พี่ทั้งสามต่างทยอยกันกลับมาแต่งงานกันอย่างเร่งรีบแล้วก็รีบร้อนกลับชายแดนทางเหนือโดยทิ้งพี่สะใภ้ทั้งหลายให้คอยอยู่ปรนนิบัติท่านย่าที่อายุมากแล้วและเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา ได้พบกันอีกครั้งก็ตอนที่ท่านย่าจากไปแล้วพวกพี่ชายทั้งสามจึงได้พาพี่สะใภ้ติดตามไปดินแดนทางเหนือด้วยเนื่องจากไม่มีท่านย่าให้ปรนนิบัติแล้ว ก่อนที่นางจะตายพี่ใหญ่ของนางพึ่งจะส่งข่าวดีมาว่าพี่สะใภ้ของนางพึ่งจะคลอดบุตรชายให้เขาแล้ว นางยังไม่ทันได้ส่งของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีก็พลันเกิดเรื่องกับนางเสียก่อน

“เรื่องนี้ก็คงจะต้องแล้วแต่ท่านย่าของเจ้า ข้าก็แค่เกรงว่าหากเร่งรีบมากจนเกินไปท่านย่าของเจ้าจะทนรับความเหน็ดเหนื่อยไม่ไหว” เมื่อเห็นบิดาเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็พลันหัวเราะออกมา

“ท่านย่าย่อมไม่เหนื่อยหรอกเจ้าค่ะ ได้รับขวัญหลานสะใภ้จะยิ่งสดชื่นและแข็งมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก และอีกอย่างในจวนแห่งนี้ยังมีทั้งท่านแม่และอาสะใภ้ทั้งสองอยู่เรื่องการจัดการในจวนยังไม่ถึงขั้นให้ท่านย่าต้องลงมือด้วยตนเองหรอกเจ้าค่ะ” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ผิงกั๋วกงก็พลันพยักหน้า

“กลับมาคราวนี้ดูเหมือนว่าเจ้ากับแม่ของเจ้าดูจะเข้ากันได้ดีมากกว่าเมื่อก่อน” ผิงกั๋วกงเอ่ยพลางจ้องมองสีหน้าบุตรสาวด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์

“ย่อมจะต้องสนิทสนมกันมากขึ้นอยู่แล้ว ข้าไม่ใช่คนไม่รู้ความดังเช่นเมื่อก่อน ในเมื่อท่านแม่ดีต่อข้าจากใจจริงแล้วข้าจะสงวนท่าทีอีกทำไมกันเล่าเจ้าคะ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางมองหน้าบิดาแล้วก็พลันยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

“อันที่จริงกลับมาคราวนี้ท่านพ่อก็ควรจะอยู่กับท่านแม่ให้มากสักหน่อย ใส่ใจนางให้มากขึ้น ไม่แน่ว่ากลับมาคราวนี้ข้าอาจจะได้น้องชายเพิ่มอีกสักคน ถึงยามนั้นไม่แน่ว่าการได้เลี้ยงหลานชายอีกสักคนอาจจะทำให้ท่านย่ากระปรี้กระเปร่าจนทำให้สุขภาพดีขึ้นมากกว่าเดิมก็เป็นได้นะเจ้าคะ” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ก็พลันได้เห็นท่าทีเก้อเขินของบิดา นางได้แต่ลอบหัวเราะท่าทีเช่นนี้ของบิดาอยู่ในใจ

“เจ้าเปลี่ยนไปมาก แต่ก็ไม่อาจจะบอกออกมาได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าไม่เหมือนเดิมที่ตรงจุดไหน” ผิงกั๋วกงเอ่ยพลางจ้องมองบุตรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“เป็นเพราะข้าไม่ใช่เด็กแล้ว แถมช่วงนี้ยังผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมาย ย่อมไม่มีทางเหมือนเดิมได้หรอกเจ้าค่ะ” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ผิงกั๋วกงก็พยักหน้าพลางคิดคำอยู่ในใจว่าแค่เพียงสองปีบุตรสาวต้องเผชิญกับเรื่องราวมาไม่น้อยไม่น่าประหลาดใจถ้าหากว่านางจะไม่เหมือนเดิม ส่วนเฉินเจียวเจียวที่เคยผ่านความเป็นตายมาแล้วในชาติก่อนก็แค่เพียงยิ้มให้บิดาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี จะไม่ให้นางรู้สึกยินดีได้อย่างไรในเมื่อคนที่ได้โอกาสย้อนกลับมาเกิดใหม่เช่นนางน่าจะมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status